บทที่ 2 กดให้ลึกสุดใจ
เมื่อมาถึงฝั่งได้ชายหนุ่มหน้าตาขึงขัง ก็แทบจะทุ่มเรือทิ้งอย่างเร่งรีบ ทะนงรีบเดินนำไปยังที่ดินผืนนั้น ตามรูปที่เจ้านายของตนหยิบเอามาด้วย มันเป็นเพียงที่ดินผืนเล็ก ๆ แต่เพราะมันอยู่ติดกันกับที่ดินผืนใหญ่ที่เขาต้องการ เลยคิดว่ามันควรแก่การที่เขาจะซื้อเอาไว้ด้วย ใบหน้าถมึงทึงจ้องมองไปข้างหน้าขณะกำลังสาวเท้ายาว ๆ ของตนตามลูกน้องไป
“นายหัวบอกได้มั้ยครับว่ามีเรื่องอะไร ทำไมถึงอยากมาหาเจ้าของที่ดินผืนนี้หรือครับ”
“แค่คนเคยรู้จัก บอกมาว่าไปต่อทางไหน ฉันจะไปเองคนเดียว ส่วนนายไปตามสืบเรื่องที่ดินผืนนี้ว่ามีคนอื่นนอกจากเราสนใจจะซื้อบ้างหรือเปล่า ถ้ามีก็หาราคามาให้ได้แล้วโทรบอกฉันทันที”
เขาออกคำสั่งน้ำเสียงเด็ดขาด แม้จะไม่รู้เหตุผล แต่ในฐานะลูกน้อง ทะนงมีแต่ต้องทำตามคำสั่งเท่านั้น
“เดี๋ยวนายหัวเดินไปจนสุดทางนะครับ จากนั้นเลี้ยวซ้ายจะเจอที่ดินที่เราต้องการ ส่วนที่ดินตรงที่นายหัวจะไปก็อยู่ติดกันเลยครับ”
“โอเค นายไปได้แล้ว”
ทะนงแยกตัวไปอีกทาง สหรัฐจึงไปต่อคนเดียวตามเส้นทางที่อีกฝ่ายบอก มือใหญ่กำรูปภาพที่คว้ามาด้วยแน่น ในอกร้อนรุ่มราวกับว่าบาดแผลและความเจ็บปวดในวันนั้นถาโถมกลับเข้ามาอีกครั้ง
อันที่จริงมันไม่เคยจางหายไปเลยต่างหาก เพียงแต่เขาแค่พยายามกดเก็บมันไว้ลึก....จนสุดใจ
ร่างสูงเดินมาจนถึงที่ดินเปล่าตามรูปภาพ มีบ้านหลังเล็ก ๆ คล้ายกับที่อยู่ชั่วคราวที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นไม่นาน เมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางคนกำลังเดินออกมาสหรัฐจึงรีบหลบ ก่อนจะถูกคนที่ทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นมองเห็นเขาเข้า
‘พิมพ์พธู’ ที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อยก้มลงใส่รองเท้า สิ่งเดียวในตัวของหญิงสาวที่แปลกไปคือเธอไม่มีแบรนด์เนมติดตัวเลยสักชิ้นเดียว
จำได้ว่าครอบครัวของเธอเป็นคนมีเงิน ทว่าทำไมตอนนี้...
“เดี๋ยวพิมพ์ออกไปซื้อของมาทำมื้อเย็นก่อนนะคะพ่อ”
เสียงหวานที่ยังคงคุ้นหู เอ่ยบอกชายที่นั่งอยู่ด้านในเพิงที่เรียกว่าบ้าน
“ระวังตัวด้วยนะลูก”
เสียงจากคนในบ้านตะโกนตอบกลับมา คาดว่าจะเป็นบิดาของเธอ
คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดมุ่นครุ่นคิด แค่ไปซื้อกับข้าวทำไมถึงต้องบอกให้เธอระวังตัวด้วย เขารอจนกระทั่งหญิงสาวเดินออกมา และตรงไปทางตลาด สหรัฐจึงแอบเดินตามไปห่าง ๆ เพื่อไม่ให้หญิงสาวรู้ตัว
พอพิจารณาดูดี ๆ แล้วพิมพ์พธูดูผอมซูบลงกว่าเมื่อก่อนไปเล็กน้อย แค่ออกไปตลาดใกล้บ้านแต่กลับใส่กางเกยีนและรองเท้าผ้าใบราวกับจะไปไหนไกล ๆ ทั้งที่ใส่แค่รองเท้าแตะก็ได้
ทำไมกันนะ?
เขาเก็บความสงสัยนั้นไว้แล้วเดินตามเธอต่อไปจนถึงตลาด ร่างเล็กเน้นซื้อแต่ของราคาถูกอย่างพวกเศษเนื้อหมู เนื้อไก่ และผักที่เริ่มเหี่ยวเฉาที่ถูกนำมาลดราคา แสดงให้เห็นว่าพิมพ์พธูในตอนนี้อยู่ในสถานะเงินทองไม่คล่องมือเหมือนแต่ก่อน เกิดอะไรขึ้นหลังจากเลิกกันไปแล้วกันแน่
“อ้าวแม่หนู มาอีกแล้วเหรอ? ”
“จ้ะป้า วันนี้หนูขอไข่ไก่สองฟองนะจ๊ะ”
เธอหยิบเงินส่งให้พร้อมรับไข่ไก่ฟองเล็กมาจากแม่ค้า ก่อนจะหันมองไปเรื่อยเพื่อดูว่ามีอะไรน่าซื้ออีกหรือไม่ สหรัฐกลัวเธอจะมองเห็น จึงรีบคว้าเอาหนังสือพิมพ์ของคนขายปลาแผงตรงหน้ามาทำทีเป็นถืออ่านเพื่อซ่อนตนเองจากเธอ
เจ้าของหนังสือพิมพ์มองเขาอย่างแปลกใจ
เมื่อหญิงสาวซื้อของเสร็จแล้วเดินต่อ เขาจึงคืนหนังสือพิมพ์ให้กับพ่อค้าตามเดิม
“พอดี...มีข่าวน่าสนใจเยอะเกินไปหน่อย”
“ร้านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงโน้น ไปซื้อสิพ่อหนุ่ม”
เขาพยักหน้ารับแล้วรีบเดินออกมาเพื่อตามพิมพ์พธูต่อ เธอแวะเข้าไปในร้านตัดเย็บร้านใหญ่ในละแวกนี้ก่อนกลับออกมาพร้อมถุงผ้าขนาดใหญ่
ครืด ๆ ครืด ๆ
ขณะกำลังสะกดรอยตามหญิงสาวอย่างไม่ลดละ สายเรียกเข้าจากทะนงก็ดังขึ้น ขณะที่สองเท้ายังคงเร่งตามเธอไปเรื่อย ๆ อย่างระวังตัว
พิมพ์พธูดูเหมือนจะซื้อของเสร็จหมดแล้วและกำลังจะกลับบ้าน เธอใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปแต่เขากลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่แปลกไป
“ว่าไง”
[ได้เรื่องแล้วครับนาย ที่ดินผืนนั้นเป็นมรดกตกทอดรุ่นต่อรุ่นครับ และเจ้าของคนล่าสุดคือนายพศิน ได้ยินมาว่าเขาเร่ขายที่ดินผืนนี้ให้กับเศรษฐีในจังหวัดมาเยอะมากแล้วครับ แต่ยังไม่มีคนสนใจเพราะเป็นที่ดินแปลงเล็กเอามาทำอะไรก็ไม่ได้]
มือใหญ่ลูบคางอย่างใช้ความคิด มองแผ่นหลังของพิมพ์พธูที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวว่ากำลังถูกเขาตามอยู่ด้วยความสงสัย
ทำไมถึงต้องการขายที่ดินมากขนาดนั้น?
“เหตุผลที่อยากขายล่ะ? ”
[ได้ยินมาว่าเป็นหนี้ก้อนโตครับ หลักสิบล้านเลยทีเดียว]
“สิบล้านเหรอ? ”
เงินจำนวนมากมายขนาดนั้นแค่ที่ดินที่มีไม่พอใช้หนี้แน่ ทว่ายังไม่ทันจะได้คิดอะไรมากกว่านั้น คนที่เขาแอบตามก็กรีดร้องออกมาเสียงดัง ก่อนจะโยนทุกสิ่งทุกอย่างในมือทิ้งลงพื้นแล้วรีบวิ่งไปยังบ้านของตนทันที
ดวงตาคมมองตามไปก่อนจะเห็นว่าที่นอกบ้านมีชายฉกรรจ์ท่าทางน่ากลัวหลายคนยืนอยู่เต็มไปหมด ตรงกลางวงล้อมมีชายสูงวัยอีกคนล้มกองอยู่บนพื้นในสภาพชัดเจนว่าถูกซ้อม หญิงสาวปรี่เข้าไปโอบกอดชายคนนั้นเอาไว้ราวกับต้องการจะป้องกันเขาจากอันตราย
“อย่าทำอะไรพ่อฉันนะ!”
“ถ้าไม่อยากให้ทำอะไรก็จ่ายเงินมาสิเว้ย! รู้มั้ยว่าการต้องเที่ยวตามหาพวกแกสองคนพ่อลูกไปทั่วประเทศมันลำบากขนาดไหน วันนี้ถ้าแกไม่จ่าย ฉันจะจับลูกสาวแกส่งขายซ่องชายแดนซะ ส่วนแก...ถึงจะแก่ไปหน่อยแต่อวัยวะอื่น ๆ คงยังพอใช้การได้”
ผู้ชายที่ดูท่าจะเป็นหัวหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยม บิดาของเธอรีบยกมือไหว้ขอร้องเสียงสั่น
“ได้โปรดเถอะครับ อย่าทำอะไรลูกสาวผมเลย อีกเดี๋ยวผมจะขายที่พื้นนี้ได้ ผมจะรีบเอาเงินให้ทันทีที่ขายได้เลยครับ”
“ที่ดินเท่าบ้านหมาแบบนี้มันจะได้สักเท่าไหร่กันเชียว! หนี้ที่พวกแกติดฉันอยู่มันคือสิบล้านนะโว้ย”
“ถ้าอย่างนั้นเอาผมไปครับ ผมยอมให้เอาอวัยวะผมไป แต่ได้โปรดปล่อยลูกสาวผมไปเถอะ”
“ไม่นะพ่อ อย่าพูดอย่างนี้สิจ๊ะ”
หญิงสาวส่ายหน้าไม่ยอม แม้จะหวาดกลัวหากแต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด
“เฮ้ย จับอีนังนั่นมา ให้ไปรับลูกค้าแถวปอยเปตสักเดือนสองเดือนคงพอได้ทุนคืนบ้าง”
“ครับลูกพี่”
บรรดาลูกน้องรับคำสั่งแล้วรีบปรี่เข้ามาแยกพิมพ์พธูออกจากบิดา เธอพยายามดีดดิ้นเพื่อหาทางหนีแต่ไม่อาจสู้แรงของพวกมันได้
“สิบล้าน!”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นด้านหลังของทุกคน เรียกความสนใจจากพวกเจ้าหนี้รวมถึงหญิงสาวและบิดาของเธอให้หันไปมอง ร่างสูงของสหรัฐเดินเข้ามาในวงล้อมท่ามกลางความตกใจของพิมพ์พธู
“แกหมายถึงอะไร”
“ที่ดินผืนนี้...ฉันจะซื้อมันในราคาสิบล้าน”
เขาตอบคำถามของพวกมัน ก่อนจะปรายสายตาคมกร้าวไปยังชายสูงวัย และหยุดสายตาไว้ที่หญิงสาวร่างเล็กที่กำลังเบิกตาโพลงจ้องมองมาที่เขา
ตอนพิเศษ ของขวัญที่แสนพิเศษหลายปีต่อมา…“เอ้า ดื่ม!”เสียงโหวกเหวกโวยวายตามประสาผู้ชายขี้เมาดังขึ้น ธีรภัทร์ชูแก้วเหล้าไปตรงหน้าเพื่อนทั้งสี่คน ที่นัดมาดื่มสังสรรค์กันที่บ้านด้วยตัวเขาเองไม่อยากจะออกไปดื่มกินที่ไหน“พวกเราต้องกินให้เต็มที่นะเว้ย เพราะตั้งแต่ไอ้ภีมแต่งงานมีเมียเนี่ย มันเหมือนพระเข้าไปทุกวัน นอนเร็ว งดเที่ยว จนเพื่อนฝูงแทบจะจำหน้ามันไม่ได้แล้ว”เสียงหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนานดังขึ้นอีกครั้ง“ถามจริงเถอะครับไอ้คุณภีม เมียเด็กของมึงนี่ โหดมากเหรอวะ มึงถึงได้ทำตัวเป็นลูกเสือแรกเกิดอยู่ในโอวาทเมียเสียเหลือเกิน”เสียงแซวของกันต์เพื่อนรักดังขึ้นอีกหน“มึงเมาก็กลับบ้านไปนอนไป”ธีรภัทร์ส่ายหน้าให้ ก่อนจะกระดกเหล้าในแก้วดื่มพรวดลงคอ ตั้งแต่มาถึงบ้านแต่ละคนไม่หยุดล้อเลียนเขาเรื่องเขมมิกาเลย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบสายตาจับผิดของพวกเพื่อน ๆ“มองอะไรกัน กูไม่ได้กลัวเมีย”“พวกกูก็ไม่ได้พูดสักคำว่ามึงกลัวเมีย”เหมือนจะร้อนตัวรีบบอกออกไป แต่นั่นกลายเป็นว่าเขายอมรับแล้วสินะว่าเขามันคนกลัวเมีย“กู…”ไม่ทันได้ปฏิเสธ ก็ต้องกลืนทุกอย่างลงคอไป เมื่อร่างบางระหงเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ใบหน้าของเ
บทที่ 30 จบบริบูรณ์ NCอาการของเขมมิกาดีขึ้นตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักตามร่างกาย มีเพียงร่องรอยฟกช้ำเท่านั้น อีกทั้งได้บุรุษพยาบาลดีทำให้สภาพจิตใจของเธอเองก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเช่นกันก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องผู้ป่วยดังขึ้นพอเป็นพิธี ก่อนที่ร่างสูงสง่าของเจ้าสัวธนาจะเดินเข้ามา ในมือของท่านมีกระเช้าของเยี่ยมติดมือไปมาด้วย มากไปกว่านั้นใบหน้าเกรงขามดุดันเวลานี้กลับประดับไปด้วยรอยยิ้มใจดีสองคู่รักหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก ธีรภัทร์ถึงขั้นขยี้ตาตัวเองด้วยไม่นึกไม่ฝันว่าจะเห็นบิดาที่นี่“สวัสดีค่ะ”มือเล็กยกขึ้นไหว้ ภาพจำในคืนดินเนอร์ยังตราตรึงไม่หาย ก็จะให้ลืมง่าย ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อพ่อของว่าที่สามีทำหล่อนร้องไห้กลับบ้าน แถมนั่งน้ำตาแตกนานอยู่หลายชั่วโมง“เป็นยังไงบ้าง”เจ้าสัวธนาวางกระเช้าของเยี่ยมลงบนโต๊ะข้างเตียง เอ่ยถามด้วยใบหน้าปกติอย่างที่สุด ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางแคลงใจกันมาก่อน“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ มะรืนก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วค่ะ”เขมมิกาตอบพลางชำเลืองสายตามองคนตัวสูงด้านข้าง“พักให้หายดีก่อน แล้วค่อยกลับ ค่ารักษาพยาบาลเดี๋ยวพ่อจ่ายเอง”“คะ?”พะ พ่ออย
บทที่ 29 พี่มาช่วยแล้ว“กรี๊ด!!!”เสียงกรีดร้องของเขมมิกาดังขึ้นเมื่อชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมสองคนกระโจนเข้ามาแล้วลากเธอกลับขึ้นไปบนเตียง หมายจะปลุกปล้ำทำลายเธอ ที่ตรงมุมห้องหญิงสาวอีกคนที่คิดว่าเดินจากไปแล้วกำลังยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่ออัดคลิปวิดีโอ“ปล่อยนะ ปล่อยนะไอ้พวกชั่ว ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”เขมมิกาพยายามปัดป้องไม่ให้ไอ้พวกคนชั่วข่มเหงเธอได้ ปากเล็กตะโกนร้องเรียกให้คนช่วย เวลานี้ในสถานที่แบบนี้ใครกันจะมาช่วยเธอได้ น้ำตาเม็ดแล้วเม็ดเล่าไหลพรากอาบสองแก้มบวมช้ำ ในใจคิดถึงแต่หน้าชายคนรัก‘พี่ภีมขา ช่วยขิมด้วย..’แควก! แควก!“กรี๊ด!!! ปล่อยนะ ปล่อย!”เสียงเสื้อผ้าขาดวิ่นจากการถูกกระชากดังขึ้น พร้อมเสียงกรีดร้องของเขมมิกา มือเล็กยกขึ้นปกปิดส่วนสงวนของตนเอง ร่างเล็กสั่นเทิ้มด้วยความกลัวจนสุดขีด เขมมิกาถดกายไปจนสุดขอบเตียงนอน แผ่นหลังเล็กแนบไปกับฝาบ้าน ดวงตากลมโตสั่นระริกส่ายหน้าไปมางันงก ตั้งแต่เกิดมาหล่อนไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อนทำไมมนุษย์ถึงต่ำช้ากับมนุษย์ด้วยกันได้ลงคอ…หนึ่งในชายโฉด กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ยกมือข้างที่ถือเศษชิ้นส่วนเสื้อผ้าของหญิงสาวขึ้นมาสูดดมก่
บทที่ 28 แม่นกต่อ 2“ขิมขับเข้าไปอีกหน่อยนะลูก ห้องพักของแม่อยู่ในซอยข้างหน้านี้แหละจ้ะ”เอมอรชี้ไปที่ปากทางเข้าซอยเล็กแคบ ที่ดูยังไงรถของเธอก็เข้าไปไม่ได้“รถขิมน่าจะเข้าไปไม่ได้นะคะ ซอยเล็กขนาดนี้ เราคงต้องลงเดินแล้วล่ะค่ะ”เขมมิกาจอดรถตรงปากทางเข้า หล่อนชะโงกหน้ามองถนนเล็กน้อย ตรงนี้มันทั้งมืดทั้งเปลี่ยว ก่อนจะหันมามองมารดาที่เริ่มเมาได้ที่ หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองทางเข้าซอยอีกครั้งปล่อยแม่เดินกลับเข้าบ้านไปตามลำพังคงจะไม่ได้ มันอันตรายเกินไป ในใจก็คิดไปถึงการหาที่อยู่ใหม่ให้ผู้เป็นแม่ หญิงสาวตัดสินใจดับเครื่องยนต์แล้วเดินลงจากรถ อ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่ง ก่อนจะประคองร่างหนักอึ้งของมารดาออกมา“ไหวมั้ยคะ แม่ระวังหัวค่ะ ค่อย ๆ นะคะ เดี๋ยวขิมไปส่งที่บ้านนะ”“โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอกลูก กลับไปพักเถอะ อีกนิดเดียวเอง แม่เดินไปเองได้”เอมอรยกมือโบก ทำท่าจะดันร่างเล็กของลูกสาวออก ก่อนจะขาอ่อนแรงเดือดร้อนเขมมิกาต้องรีบประคองช่วย พาหิ้วปีกเดินเข้าซอยเล็กอย่างทุลักทุเล ข้างหน้ามีแสงไฟสลัว ๆ จากหลอดไฟนีออนของบ้านคน เดินไปอีกนิดก็เจอสะพานไม้เก่าข้ามคูคลอง ได้กลิ่นน้ำเน่าลอยแตะจมูก สภา
บทที่ 27 แม่นกต่อ 1“เอางี้ดีกว่า แม่ไม่อยากคลาดกับขิมอีก เดี๋ยวแม่นั่งรอแถว ๆ นี้ก็ได้ หรือถ้าขิมกลัวอายคนอื่นเดี๋ยวแม่ไปนั่งรอตรงป้ายรถเมล์ก็ได้นะลูก ดะ.. ดูนี่สิ แม่เพิ่งได้ค่าแรงมา วันนี้ให้แม่ได้เลี้ยงข้าวลูกสักมื้อเถอะนะ”เอมอรล้วงเงินในกระเป๋าผ้าออกมานับรวมเหรียญแล้วได้เงินสามร้อยหกสิบแปดบาท ซึ่งเป็นค่าแรงที่หล่อนบอกว่า แบ่งเก็บไว้จากการทำงานสามวัน ใบหน้าอิดโรยพยายามยิ้มกว้างอวดเงินในมืออย่างภาคภูมิใจ“ก็ได้ค่ะ แต่แม่รอตรงป้ายรถเมล์หรือรอตรงนี้ไม่ได้หรอก อากาศร้อนแบบนี้ได้เป็นลมเป็นแล้งกันพอดี ฝั่งโน้นมีร้านสปา ขิมว่าแม่ไปนอนรอให้เขานวดตัวให้สักสามชั่วโมงดีกว่าค่ะ เดี๋ยววันนี้ขิมจะขอลาหัวหน้าขอกลับก่อน บ่ายสามเดี๋ยวขิมไปรับนะคะ หรือถ้าแม่หิวแม่หาอะไรรองท้องก่อนได้เลยนะคะ”“อื้อ ได้ ๆ เอาตามนี้ละกัน”เอมอรพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของลูกสาว เขมมิกาหยิบธนบัตรจากกระเป๋าเงินส่งให้ผู้เป็นแม่สองพันเงินจำนวนนี้ทำเอมอรตาลุกวาว ในใจก็เริ่มคิดว่าบางทีเขมมิกาก็อาจช่วยให้หล่อนไม่ลำบากได้เช่นกันคล้อยหลังเขมมิกา เอมอรก็ล้วงโทรศัพท์มือถือที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อออกมาก่อนจะพิมพ์ข้อความรายงานความคื
บทที่ 26 สารภาพรัก 2 NC“พี่รักขิมนะ”เสียงทุ้มกระซิบบอกรักซ้ำ ๆ คนตัวเล็กในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมอง น้ำตามากมายไหลอาบสองแก้มแดงเรื่อ ธีรภัทร์ก้มลงจูบซับสองเปลือกตาอย่างรักใคร่“พี่ภีมรักขิมจริง ๆ หรือคะ”เพราะเขาไม่เคยบอก และเธอก็ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ยินคำคำนี้ออกจากปากชายหนุ่ม ผู้ชายที่ตั้งกำแพงความสัมพันธ์ตั้งแต่วันแรกที่มาเหยียบที่นี่“ถ้าไม่จริงพี่คงไม่พาเธอไปเปิดตัวกับคุณพ่อ และก็คงไม่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่าจะเลือกเธอ”การกระทำของเขาสำคัญกว่าคำพูดเสมอ ถึงแม้จะรู้แบบนั้น แต่เขมมิกาก็อยากจะได้รับคำยืนยันจากปากของเขาอยู่ดี“พี่รักขิม”“…”“รักขิมคนเดียว”ธีรภัทร์โน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดกันและกัน เขมมิกาหลับตาพริ้มปล่อยตัวปล่อยใจรับจูบอ่อนหวานจากเขา เรียวลิ้นสากชำแรกเข้ามาในโพรงปากเล็ก วงแขนแข็งแรงกอดรัดเอวบางแนบแน่น มือข้างหนึ่งบีบขยำเต้าอวบหนักสลับเบาปลุกเร้าอารมณ์คนในอ้อมกอด ก่อนจะใช้มือเพียงข้างเดียวปลดกระดุมเสื้อทั้งหมด ก่อนจะสอดมือไปปลดตะขอบราเซียและเปลื้องทุกอย่างออกในคราเดียวกัน นิ้วโป้งบีบบี้เม็ดทับทิมสีเรื่อจนเขมมิกาเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ส่งเสียงค