บทที่ 2 กดให้ลึกสุดใจ
เมื่อมาถึงฝั่งได้ชายหนุ่มหน้าตาขึงขัง ก็แทบจะทุ่มเรือทิ้งอย่างเร่งรีบ ทะนงรีบเดินนำไปยังที่ดินผืนนั้น ตามรูปที่เจ้านายของตนหยิบเอามาด้วย มันเป็นเพียงที่ดินผืนเล็ก ๆ แต่เพราะมันอยู่ติดกันกับที่ดินผืนใหญ่ที่เขาต้องการ เลยคิดว่ามันควรแก่การที่เขาจะซื้อเอาไว้ด้วย ใบหน้าถมึงทึงจ้องมองไปข้างหน้าขณะกำลังสาวเท้ายาว ๆ ของตนตามลูกน้องไป
“นายหัวบอกได้มั้ยครับว่ามีเรื่องอะไร ทำไมถึงอยากมาหาเจ้าของที่ดินผืนนี้หรือครับ”
“แค่คนเคยรู้จัก บอกมาว่าไปต่อทางไหน ฉันจะไปเองคนเดียว ส่วนนายไปตามสืบเรื่องที่ดินผืนนี้ว่ามีคนอื่นนอกจากเราสนใจจะซื้อบ้างหรือเปล่า ถ้ามีก็หาราคามาให้ได้แล้วโทรบอกฉันทันที”
เขาออกคำสั่งน้ำเสียงเด็ดขาด แม้จะไม่รู้เหตุผล แต่ในฐานะลูกน้อง ทะนงมีแต่ต้องทำตามคำสั่งเท่านั้น
“เดี๋ยวนายหัวเดินไปจนสุดทางนะครับ จากนั้นเลี้ยวซ้ายจะเจอที่ดินที่เราต้องการ ส่วนที่ดินตรงที่นายหัวจะไปก็อยู่ติดกันเลยครับ”
“โอเค นายไปได้แล้ว”
ทะนงแยกตัวไปอีกทาง สหรัฐจึงไปต่อคนเดียวตามเส้นทางที่อีกฝ่ายบอก มือใหญ่กำรูปภาพที่คว้ามาด้วยแน่น ในอกร้อนรุ่มราวกับว่าบาดแผลและความเจ็บปวดในวันนั้นถาโถมกลับเข้ามาอีกครั้ง
อันที่จริงมันไม่เคยจางหายไปเลยต่างหาก เพียงแต่เขาแค่พยายามกดเก็บมันไว้ลึก....จนสุดใจ
ร่างสูงเดินมาจนถึงที่ดินเปล่าตามรูปภาพ มีบ้านหลังเล็ก ๆ คล้ายกับที่อยู่ชั่วคราวที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นไม่นาน เมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางคนกำลังเดินออกมาสหรัฐจึงรีบหลบ ก่อนจะถูกคนที่ทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้นมองเห็นเขาเข้า
‘พิมพ์พธู’ ที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อยก้มลงใส่รองเท้า สิ่งเดียวในตัวของหญิงสาวที่แปลกไปคือเธอไม่มีแบรนด์เนมติดตัวเลยสักชิ้นเดียว
จำได้ว่าครอบครัวของเธอเป็นคนมีเงิน ทว่าทำไมตอนนี้...
“เดี๋ยวพิมพ์ออกไปซื้อของมาทำมื้อเย็นก่อนนะคะพ่อ”
เสียงหวานที่ยังคงคุ้นหู เอ่ยบอกชายที่นั่งอยู่ด้านในเพิงที่เรียกว่าบ้าน
“ระวังตัวด้วยนะลูก”
เสียงจากคนในบ้านตะโกนตอบกลับมา คาดว่าจะเป็นบิดาของเธอ
คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดมุ่นครุ่นคิด แค่ไปซื้อกับข้าวทำไมถึงต้องบอกให้เธอระวังตัวด้วย เขารอจนกระทั่งหญิงสาวเดินออกมา และตรงไปทางตลาด สหรัฐจึงแอบเดินตามไปห่าง ๆ เพื่อไม่ให้หญิงสาวรู้ตัว
พอพิจารณาดูดี ๆ แล้วพิมพ์พธูดูผอมซูบลงกว่าเมื่อก่อนไปเล็กน้อย แค่ออกไปตลาดใกล้บ้านแต่กลับใส่กางเกยีนและรองเท้าผ้าใบราวกับจะไปไหนไกล ๆ ทั้งที่ใส่แค่รองเท้าแตะก็ได้
ทำไมกันนะ?
เขาเก็บความสงสัยนั้นไว้แล้วเดินตามเธอต่อไปจนถึงตลาด ร่างเล็กเน้นซื้อแต่ของราคาถูกอย่างพวกเศษเนื้อหมู เนื้อไก่ และผักที่เริ่มเหี่ยวเฉาที่ถูกนำมาลดราคา แสดงให้เห็นว่าพิมพ์พธูในตอนนี้อยู่ในสถานะเงินทองไม่คล่องมือเหมือนแต่ก่อน เกิดอะไรขึ้นหลังจากเลิกกันไปแล้วกันแน่
“อ้าวแม่หนู มาอีกแล้วเหรอ? ”
“จ้ะป้า วันนี้หนูขอไข่ไก่สองฟองนะจ๊ะ”
เธอหยิบเงินส่งให้พร้อมรับไข่ไก่ฟองเล็กมาจากแม่ค้า ก่อนจะหันมองไปเรื่อยเพื่อดูว่ามีอะไรน่าซื้ออีกหรือไม่ สหรัฐกลัวเธอจะมองเห็น จึงรีบคว้าเอาหนังสือพิมพ์ของคนขายปลาแผงตรงหน้ามาทำทีเป็นถืออ่านเพื่อซ่อนตนเองจากเธอ
เจ้าของหนังสือพิมพ์มองเขาอย่างแปลกใจ
เมื่อหญิงสาวซื้อของเสร็จแล้วเดินต่อ เขาจึงคืนหนังสือพิมพ์ให้กับพ่อค้าตามเดิม
“พอดี...มีข่าวน่าสนใจเยอะเกินไปหน่อย”
“ร้านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงโน้น ไปซื้อสิพ่อหนุ่ม”
เขาพยักหน้ารับแล้วรีบเดินออกมาเพื่อตามพิมพ์พธูต่อ เธอแวะเข้าไปในร้านตัดเย็บร้านใหญ่ในละแวกนี้ก่อนกลับออกมาพร้อมถุงผ้าขนาดใหญ่
ครืด ๆ ครืด ๆ
ขณะกำลังสะกดรอยตามหญิงสาวอย่างไม่ลดละ สายเรียกเข้าจากทะนงก็ดังขึ้น ขณะที่สองเท้ายังคงเร่งตามเธอไปเรื่อย ๆ อย่างระวังตัว
พิมพ์พธูดูเหมือนจะซื้อของเสร็จหมดแล้วและกำลังจะกลับบ้าน เธอใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปแต่เขากลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่แปลกไป
“ว่าไง”
[ได้เรื่องแล้วครับนาย ที่ดินผืนนั้นเป็นมรดกตกทอดรุ่นต่อรุ่นครับ และเจ้าของคนล่าสุดคือนายพศิน ได้ยินมาว่าเขาเร่ขายที่ดินผืนนี้ให้กับเศรษฐีในจังหวัดมาเยอะมากแล้วครับ แต่ยังไม่มีคนสนใจเพราะเป็นที่ดินแปลงเล็กเอามาทำอะไรก็ไม่ได้]
มือใหญ่ลูบคางอย่างใช้ความคิด มองแผ่นหลังของพิมพ์พธูที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวว่ากำลังถูกเขาตามอยู่ด้วยความสงสัย
ทำไมถึงต้องการขายที่ดินมากขนาดนั้น?
“เหตุผลที่อยากขายล่ะ? ”
[ได้ยินมาว่าเป็นหนี้ก้อนโตครับ หลักสิบล้านเลยทีเดียว]
“สิบล้านเหรอ? ”
เงินจำนวนมากมายขนาดนั้นแค่ที่ดินที่มีไม่พอใช้หนี้แน่ ทว่ายังไม่ทันจะได้คิดอะไรมากกว่านั้น คนที่เขาแอบตามก็กรีดร้องออกมาเสียงดัง ก่อนจะโยนทุกสิ่งทุกอย่างในมือทิ้งลงพื้นแล้วรีบวิ่งไปยังบ้านของตนทันที
ดวงตาคมมองตามไปก่อนจะเห็นว่าที่นอกบ้านมีชายฉกรรจ์ท่าทางน่ากลัวหลายคนยืนอยู่เต็มไปหมด ตรงกลางวงล้อมมีชายสูงวัยอีกคนล้มกองอยู่บนพื้นในสภาพชัดเจนว่าถูกซ้อม หญิงสาวปรี่เข้าไปโอบกอดชายคนนั้นเอาไว้ราวกับต้องการจะป้องกันเขาจากอันตราย
“อย่าทำอะไรพ่อฉันนะ!”
“ถ้าไม่อยากให้ทำอะไรก็จ่ายเงินมาสิเว้ย! รู้มั้ยว่าการต้องเที่ยวตามหาพวกแกสองคนพ่อลูกไปทั่วประเทศมันลำบากขนาดไหน วันนี้ถ้าแกไม่จ่าย ฉันจะจับลูกสาวแกส่งขายซ่องชายแดนซะ ส่วนแก...ถึงจะแก่ไปหน่อยแต่อวัยวะอื่น ๆ คงยังพอใช้การได้”
ผู้ชายที่ดูท่าจะเป็นหัวหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยม บิดาของเธอรีบยกมือไหว้ขอร้องเสียงสั่น
“ได้โปรดเถอะครับ อย่าทำอะไรลูกสาวผมเลย อีกเดี๋ยวผมจะขายที่พื้นนี้ได้ ผมจะรีบเอาเงินให้ทันทีที่ขายได้เลยครับ”
“ที่ดินเท่าบ้านหมาแบบนี้มันจะได้สักเท่าไหร่กันเชียว! หนี้ที่พวกแกติดฉันอยู่มันคือสิบล้านนะโว้ย”
“ถ้าอย่างนั้นเอาผมไปครับ ผมยอมให้เอาอวัยวะผมไป แต่ได้โปรดปล่อยลูกสาวผมไปเถอะ”
“ไม่นะพ่อ อย่าพูดอย่างนี้สิจ๊ะ”
หญิงสาวส่ายหน้าไม่ยอม แม้จะหวาดกลัวหากแต่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด
“เฮ้ย จับอีนังนั่นมา ให้ไปรับลูกค้าแถวปอยเปตสักเดือนสองเดือนคงพอได้ทุนคืนบ้าง”
“ครับลูกพี่”
บรรดาลูกน้องรับคำสั่งแล้วรีบปรี่เข้ามาแยกพิมพ์พธูออกจากบิดา เธอพยายามดีดดิ้นเพื่อหาทางหนีแต่ไม่อาจสู้แรงของพวกมันได้
“สิบล้าน!”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นด้านหลังของทุกคน เรียกความสนใจจากพวกเจ้าหนี้รวมถึงหญิงสาวและบิดาของเธอให้หันไปมอง ร่างสูงของสหรัฐเดินเข้ามาในวงล้อมท่ามกลางความตกใจของพิมพ์พธู
“แกหมายถึงอะไร”
“ที่ดินผืนนี้...ฉันจะซื้อมันในราคาสิบล้าน”
เขาตอบคำถามของพวกมัน ก่อนจะปรายสายตาคมกร้าวไปยังชายสูงวัย และหยุดสายตาไว้ที่หญิงสาวร่างเล็กที่กำลังเบิกตาโพลงจ้องมองมาที่เขา
บทที่ 3 ข้อเสนอ“แกเป็นใครวะ”หัวหน้าของพวกอันธพาลถามพลางหรี่ตามองสหรัฐอย่างพินิจพิจารณา ร่างสูงไม่ตอบอะไรแต่เดินเข้ามาพร้อมยื่นนามบัตรของตนให้“ไปที่เกาะมุกดา แล้วฉันจะจ่ายเงินสิบล้านนี้ให้แกเอง”“คะ...คุณเป็นใครครับ”เสียงแหบพร่าตามประสาคนสูงวัยเอ่ยถาม ‘พศิน’ บิดาของพิมพ์พธูจ้องมองผู้มาเยือนรายใหม่ด้วยความฉงน ต่างจากหญิงสาวที่แน่นิ่งไปราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วนี่กำลังฝันอยู่ใช่ไหม...“ผมคือคนที่จะมาซื้อที่ดินตรงนี้ทั้งหมด รวมถึงที่ดินของคุณครับ ยังไง...เราไปคุยกันที่เกาะมุกดาดีมั้ย ส่วนพวกคุณที่มาทวงเงิน จะไปด้วยกันเลยก็ได้นะ”“ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนด้วยนะครับ”พวกทวงหนี้มีท่าทีเปลี่ยนไปเมื่อเห็นนามบัตร เขาคือเจ้าของโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในเกาะมุกดาและทะเลแถบนี้“นายหัวครับ เรือพร้อมแล้วครับ”ทะนงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาตามเขา ก่อนจะพูดต่อเมื่อนับจำนวนคนที่จะขึ้นเรือกลับไปที่เกาะมุกดาด้วยสายตา“เอ่อ...แต่ถ้าผู้โดยสารจะเยอะขนาดนี้ เกรงว่าเรือจะไม่พอนั่งนะครับ”“เอาแบบนี้ พวกแกรอฉันอยู่ที่นี่ทั้งหมดนั่นแหละ เดี๋ยวฉันไปเอง”เสียงของหัวหน้าแก๊งทวงหนี้ เอ่ยบอกลูกน้อง“ครับลูกพี่”พวกลู
บทที่ 4 ขอแต่งงาน“คะ...คุณว่ายังไงนะคะ”พิมพ์พธูเอ่ยถามทันทีพลางมองเขาอย่างตกใจ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีแผนอะไรก็ตาม แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาสมหวังแน่ ๆ“คิดว่าคุณคงไม่เคยรู้ แต่ผมกับพิมพ์...เราเคยคบกันสมัยเรียนมหาลัยครับ และผมยังรักเธออยู่ พอรู้ว่าเธอลำบากก็เลยอยากช่วยและฉวยโอกาสนี้ทำคะแนนให้เธอกลับมารักผมอีกครั้ง”สหรัฐปั้นหน้าเศร้าเมื่อพูดถึงเรื่องราวความหลังให้แก่ผู้เป็นพ่อของหญิงสาวฟัง และส่งสายตาเว้าวอนให้ชายสูงวัยตรงหน้ารับปากรับคำ“จริงเหรอครับ”ผู้เป็นพ่อตกใจไม่น้อยกับความจริงเรื่องนี้ แต่เมื่อไม่มีคำปฏิเสธจากบุตรสาวเขาจึงมั่นใจว่าสิ่งที่ชายหนุ่มพูดนั้นจริงทุกประการ พศินครุ่นคิดอย่างหนักด้วยไม่ว่าจะมองมุมไหน สหรัฐก็ถือเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมและมีทุกอย่างให้พิมพ์พธูได้โดยที่หล่อนไม่ต้องทนกัดก้อนเกลือกิน อยู่อย่างลำบากเหมือนตอนอยู่กับพ่อแบบเขา“ลองคิดดูนะครับ ผมจะปลดหนี้ทั้งหมดและจะฝากงานให้คุณทำบนฝั่งด้วย ที่สำคัญ...พิมพ์จะปลอดภัยเมื่ออยู่กับผม ไม่มีนักเลงหรือพวกทวงหนี้ที่ไหนกล้ามาแตะต้องเธอแน่”“ไม่นะจ๊ะพ่อ หนูไม่เป็นไรเลย พ่ออย่านะ”หล่อนจับแขนบิดาแล้วอ้อนวอน เธอยอมลำบากแต่จะไม่ขอเลือ
บทที่ 5 เสแสร้งแกล้งทำพศินยิ้มคลี่กว้างอย่างสบายใจ เมื่อได้ยินคำตอบตกลงจากลูกสาว เขาหันไปมองหน้าชายหนุ่มที่แสดงออกชัดเจนว่าพึงพอใจในคำตอบไม่แพ้กันพิมพ์พธูต้องการรักษาชีวิตของบิดาเอาไว้จึงไม่มีทางเลือก เธอมั่นใจว่าเขารู้อยู่แล้ว…ว่าท้ายที่สุดเธอจะต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน“ดีแล้วล่ะลูกที่ตัดสินใจแบบนี้ ทั้งหมดก็เพื่อความสบายของตัวลูกเอง”บิดาเอ่ยพร้อมกับยื่นมือไปลูบศีรษะของลูกสาว“ในเมื่อทุกอย่างลงตัวดีแล้วถ้าอย่างนั้น…ทะนงเอาเอกสารมา” “นี่ครับเจ้านาย”เลขาหนุ่มส่งเอกสารที่ตระเตรียมมาให้ ข้างในเป็นเอกสารซื้อขายที่ดินในราคาสิบล้านบาทพร้อมกับเช็คเงินสด “นอกจากสัญญาในการซื้อขายแล้ว ผมคงต้องขอทำสัญญาเพิ่มอีกหนึ่งฉบับนะครับ เป็นสัญญาที่ผมจะมั่นใจว่าหลังจ่ายเงินไปแล้วลูกสาวคุณจะไม่เบี้ยว”“ฉันไม่เบี้ยวหรอกค่ะ ฉันพูดคำไหนคำนั้น”หญิงสาวเอ่ยแทรกเมื่อเจอสายตาดูถูกราวกับว่าเธอเป็นพวกนักต้มตุ๋นที่จะมาหลอกเอาเงินแล้วก็เชิดหนีไปสหรัฐเหยียดยิ้มแล้วรับเอาโน้ตบุ๊คจากทะนงมา จากนั้นเขาก็จัดการพิมพ์สัญญาฉบับพิเศษลงไป ในสัญญาระบุชัดเจนว่าเธอจะต้องแต่งงานกับเขาโดยไม่มีข้อแม้ ทันทีที่ได้เงินสิบล้านบาทไป พ
บทที่ 6 รักมากเกลียดมาก“ปล่อยนะคะ ฉันเจ็บ!”ยิ่งบิดแขนออกมากเท่าไหร่ แรงบีบจากฝ่ามือของสหรัฐก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ความโกรธเกลียดที่ชายหนุ่มมีต่อเธอไม่เคยลดลงเลย มีแต่จะมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายมาอยู่ตรงหน้าแบบนี้รักมาก...ก็เกลียดมาก...และแค้นมาก...หลากหลายความรู้สึกตีกันจนยุ่งเหยิง เขาอยากทำให้เธอเจ็บเหมือนที่ครั้งหนึ่งพิมพ์พธูเคยยัดเยียดความทรมานเจียนตายนั้นให้กับเขา โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทว่าเพียงแค่ได้สบตากัน...หัวใจแข็งกระด้างของชายหนุ่มแทบจะอ่อนยวบแล้วลืมสิ้นถึงสิ่งที่อีกฝ่ายเคยทำเอาไว้“เจ็บแค่นี้มันยังน้อยไป อย่ามาสำออย!”พลั่ก!เขาสะบัดเธอทิ้งจนคนตัวเล็กล้มถลาลงไปกองกับพื้นทราย พิมพ์พธูพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ด้วยคิดว่ามันคือสิ่งที่ต้องชดใช้ให้กับชายหนุ่ม ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเริ่มมาจากที่เธอทิ้งเขาไป แล้วจะเรียกร้องเอาอะไรได้ หากจะถูกเขาเกลียดชังมากขนาดนี้มันก็สมควรแล้ว“เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เถอะ พองานแต่งงานเสร็จสิ้นลง เธอจะไม่ต่างอะไรกับลูกนกในกำมือของฉัน จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด”“ค่ะ”หญิงสาวรับคำโดยไม่เงยหน้ามองเขา เธอรอจนกระทั่งเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ทิ้งห่างออกไปจึงเริ่ม
บทที่ 7 ของเคย ๆ NCคนงานของโรงแรมถูกเกณฑ์ให้มารับจ๊อบพิเศษ ด้วยการช่วยเตรียมงานแต่งแบบเรียบง่ายที่บ้านของนายหัวผู้เป็นเจ้าของเกาะ มีซุ้มทำจากเปลือกหอยและปะการังสำหรับให้คู่บ่าวสาวเดินผ่านไปยังแท่นทำพิธีของคนบนเกาะ มันเป็นแท่นที่ทำขึ้นมาจากหินอ่อนและเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ“ความเชื่อของคนบนเกาะมุกดาคือ…หากคู่แต่งงานเดินลอดซุ้มเปลือกหอยและปะการังพวกนี้ไปจนถึงบนแท่นทำพิธีแล้วจุมพิตกัน พวกเขาจะเป็นเนื้อคู่ตลอดไป”สหรัฐอธิบายให้หญิงสาวฟังเมื่อเห็นสีหน้าแสดงถึงความสงสัยของเธอขณะกำลังมองดูทุกคนพยายามลากแท่นหินอ่อนไปไว้ตรงปากทางออกของซุ้ม“โรแมนติกจังเลยนะคะ”เธอยิ้มฝันหวานเมื่อได้ยินเรื่องเล่าตำนานแบบนี้ ผู้หญิงทุกคนชอบเรื่องโรแมนติกอยู่แล้ว พิมพ์พธูก็เป็นอีกคนที่ต้องการเรื่องแบบนี้ในชีวิต“สำนึกเอาไว้ซะล่ะ ว่าคนระดับฉันกำลังจะทำเรื่องโรแมนติกขนาดนี้กับเธอ”“ค่ะ ฉันจะสำนึกเอาไว้”หน้าหวานที่เพิ่งปรือตาคลี่ยิ้มก็ต้องรีบหุบมันลงทันที เพ้อฝันอยู่ได้ไม่นานก็ถูกคำพูดเสียดสีของชายหนุ่มดับฝันอีกจนได้ เงียบปากสักสิบนาทีมันคงนานเกินไปสำหรับเขาสินะ“บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่คิดจะจดทะเบียนสมรส”“ฉันก็ไม่ได้
บทที่ 8 เรื่องน่าอายหมับ!มือใหญ่คว้าต้นแขนหล่อนเต็มแรง แล้วเหวี่ยงให้มาหลบอยู่หลังต้นไม้พร้อมดึงกางเกงขึ้นมาใส่ตามเดิม เขาจำต้องหยุดทุกอย่างเอาไว้ทั้งที่อารมณ์ยังค้างคาอยู่ ชายหนุ่มต้องรอให้มันสงบลงเสียก่อน จึงจะปรากฏตัวออกไปหาทะนงได้ เพราะขืนออกไปทั้งที่เจ้าลูกชายยังเคารพธงชาติชี้หน้าคนอื่นอยู่ละก็มีหวัง...“ให้ฉันออกไปรับหน้าก่อนมั้ยคะ”“ไม่ต้อง”เขาตอบกลับเสียงแข็งพลางมองเธอด้วยสายตาดุดัน พิมพ์พธูทำได้เพียงถอนหายใจแล้วหลุบตาลงต่ำ ยอมมองพื้นดินเสียยังจะดีกว่ามองหน้าคนพาลทะนงพาบิดาของเธอเดินมาทางนี้ หญิงสาวเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อจึงลืมตัวอ้าปากจะตะโกนเรียกออกไป แต่กลับถูกสหรัฐเอามืออุดปากไว้พร้อมกระชากเข้าไปกอดหลบทั้งสองคนแนบแน่น ใบหน้าเล็กซุกอยู่บนอกกว้าง ขณะที่ส่วนนั้นของหล่อนถูกกลางกายที่ยังไม่สงบของชายหนุ่มดุนดันแก้มขาวร้อนผ่าวเพราะสถานการณ์มันช่างล่อแหลมเหลือเกิน“นายหัวอาจพาคุณพิมพ์เข้าไปในหมู่บ้านก็ได้ครับ ยังไงเราลองไปดูในหมู่บ้านกันก่อนนะครับ”“ข้างในมีหมู่บ้านด้วยเหรอ”พศินและทะนงเดินผ่านต้นไม้ใหญ่ที่หญิงสาวและชายหนุ่มหลบอยู่เพื่อไปทางหมู่บ้าน ทั้งคู่ทำตัวราวกับไกด์และนักท่
บทที่ 9 พิธีศักดิ์สิทธิ์ทุกขั้นตอนผ่านไปอย่างเรียบง่ายไม่ติดขัดอะไร เพราะมีคนของสหรัฐมาคอยช่วยจัดการให้จนพิมพ์พธูแทบไม่ต้องทำอะไรเลย และนี่ก็เป็นอีกวันที่หญิงสาวออกมานั่งรับลมทะเลยามค่ำคืนและมองดาวบนฟ้า เมฆสีดำคล้อยผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า ใจก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเธอมีโอกาสได้ล่องลอยอย่างเป็นอิสระแบบนั้นบ้างก็คงจะดีแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีวันนั้นชีวิตของพิมพ์พธูถูกตีกรอบและถูกขังด้วยฝีมือของสหรัฐไปแล้วเธอเคยคิดถึงวันแต่งงานระหว่างตนเองกับเขาเมื่อสมัยยังคบหากัน เคยวาดฝันถึงความสุขล้นในหัวใจ เพราะมันคือการเริ่มต้นของความรักอีกขั้นหนึ่งกับเขา ไม่คิดเลยว่าพอวันนั้นมาถึงจริง ๆ จะกลายเป็นวันที่เธอไม่ต้องการให้เกิดขึ้นจริง การแต่งงานที่ไร้ซึ่งความรัก...มันโหดร้ายมากเกินไป“มาทำอะไรตรงนี้หรือลูก”“พ่อ!”หญิงสาวรีบลุกขึ้นหลังจากนอนหงายอยู่บนหาดทรายชมดาวอยู่นานสองนาน พศินตรงเข้ามานั่งข้างลูกสาวแล้วลูบไปตามเส้นผมของเธออย่างรักใคร่“พรุ่งนี้จะเป็นวันแต่งงานของลูกแล้วนะ ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับสินะ”“จ้ะ หนูตื่นเต้นเลยนอนไม่หลับ แล้วพ่อล่ะจ๊ะ”เธอโกหกบิดาออกไป หลังจากงานแต่งจบลง สหรัฐสัญญาว่าจะหาบ้า
บทที่ 10 จูบเลยมีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มเกิดขึ้นภายในงานแต่งงาน โดยเฉพาะพศินผู้เป็นพ่อ เมื่อได้เห็นลูกสาวมีความสุข เขาก็ไม่ขออะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว จะมีก็แต่สหรัฐที่รู้สึกขัดใจด้วยหลงคิดว่าการแต่งงานบ้าน ๆ เรียบง่ายไม่มีพิธีใหญ่โตจะทำให้สองพ่อลูกแสดงธาตุแท้ออกมา ทว่าความเป็นจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงได้ดูพอใจกับงานเล็ก ๆ อย่างนี้ในเมื่อด้วยฐานะและชื่อเสียงของชายหนุ่ม สามารถจัดงานแต่งงานที่แสนยิ่งใหญ่อลังการให้กับหล่อนได้ไม่ยาก แต่นอกจากพิมพ์พธูจะไม่เรียกร้องแล้วเธอยังดูมีความสุขกว่าที่คิดเธอยิ้มระรื่นออกมาได้อย่างไรกัน ในเมื่อต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเฉดหัวเขาทิ้งอย่างไม่ไยดี หรือเพราะหล่อนต่ำต้อยจนหาทางเลือกให้กับชีวิตไม่ได้แล้ว การที่เขายอมแต่งงานด้วย มันไม่ใช่โอกาสที่จะเข้ามาทักทายชีวิตที่แสนลำเค็ญของหล่อนได้บ่อยนักยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ..สหรัฐอยากจะรู้นักว่าในใจของผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่ดวงตาคมเข้มจ้องถมึงทึงไปยังเจ้าสาว กระทั่งคนถูกมองรู้ตัว เธอจึงเอ่ยถาม"มีอะไรหรือเปล่าคะ อยากให้ฉันทำอะไรหรือเปล่า""เปล่า"เขาตอบด้วยน้ำเสียงกดต่ำ และมองหล
ตอนพิเศษ ของขวัญที่แสนพิเศษหลายปีต่อมา…“เอ้า ดื่ม!”เสียงโหวกเหวกโวยวายตามประสาผู้ชายขี้เมาดังขึ้น ธีรภัทร์ชูแก้วเหล้าไปตรงหน้าเพื่อนทั้งสี่คน ที่นัดมาดื่มสังสรรค์กันที่บ้านด้วยตัวเขาเองไม่อยากจะออกไปดื่มกินที่ไหน“พวกเราต้องกินให้เต็มที่นะเว้ย เพราะตั้งแต่ไอ้ภีมแต่งงานมีเมียเนี่ย มันเหมือนพระเข้าไปทุกวัน นอนเร็ว งดเที่ยว จนเพื่อนฝูงแทบจะจำหน้ามันไม่ได้แล้ว”เสียงหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนานดังขึ้นอีกครั้ง“ถามจริงเถอะครับไอ้คุณภีม เมียเด็กของมึงนี่ โหดมากเหรอวะ มึงถึงได้ทำตัวเป็นลูกเสือแรกเกิดอยู่ในโอวาทเมียเสียเหลือเกิน”เสียงแซวของกันต์เพื่อนรักดังขึ้นอีกหน“มึงเมาก็กลับบ้านไปนอนไป”ธีรภัทร์ส่ายหน้าให้ ก่อนจะกระดกเหล้าในแก้วดื่มพรวดลงคอ ตั้งแต่มาถึงบ้านแต่ละคนไม่หยุดล้อเลียนเขาเรื่องเขมมิกาเลย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบสายตาจับผิดของพวกเพื่อน ๆ“มองอะไรกัน กูไม่ได้กลัวเมีย”“พวกกูก็ไม่ได้พูดสักคำว่ามึงกลัวเมีย”เหมือนจะร้อนตัวรีบบอกออกไป แต่นั่นกลายเป็นว่าเขายอมรับแล้วสินะว่าเขามันคนกลัวเมีย“กู…”ไม่ทันได้ปฏิเสธ ก็ต้องกลืนทุกอย่างลงคอไป เมื่อร่างบางระหงเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ใบหน้าของเ
บทที่ 30 จบบริบูรณ์ NCอาการของเขมมิกาดีขึ้นตามลำดับ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอไม่ได้รับบาดเจ็บมากนักตามร่างกาย มีเพียงร่องรอยฟกช้ำเท่านั้น อีกทั้งได้บุรุษพยาบาลดีทำให้สภาพจิตใจของเธอเองก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเช่นกันก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องผู้ป่วยดังขึ้นพอเป็นพิธี ก่อนที่ร่างสูงสง่าของเจ้าสัวธนาจะเดินเข้ามา ในมือของท่านมีกระเช้าของเยี่ยมติดมือไปมาด้วย มากไปกว่านั้นใบหน้าเกรงขามดุดันเวลานี้กลับประดับไปด้วยรอยยิ้มใจดีสองคู่รักหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก ธีรภัทร์ถึงขั้นขยี้ตาตัวเองด้วยไม่นึกไม่ฝันว่าจะเห็นบิดาที่นี่“สวัสดีค่ะ”มือเล็กยกขึ้นไหว้ ภาพจำในคืนดินเนอร์ยังตราตรึงไม่หาย ก็จะให้ลืมง่าย ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อพ่อของว่าที่สามีทำหล่อนร้องไห้กลับบ้าน แถมนั่งน้ำตาแตกนานอยู่หลายชั่วโมง“เป็นยังไงบ้าง”เจ้าสัวธนาวางกระเช้าของเยี่ยมลงบนโต๊ะข้างเตียง เอ่ยถามด้วยใบหน้าปกติอย่างที่สุด ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางแคลงใจกันมาก่อน“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ มะรืนก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วค่ะ”เขมมิกาตอบพลางชำเลืองสายตามองคนตัวสูงด้านข้าง“พักให้หายดีก่อน แล้วค่อยกลับ ค่ารักษาพยาบาลเดี๋ยวพ่อจ่ายเอง”“คะ?”พะ พ่ออย
บทที่ 29 พี่มาช่วยแล้ว“กรี๊ด!!!”เสียงกรีดร้องของเขมมิกาดังขึ้นเมื่อชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมสองคนกระโจนเข้ามาแล้วลากเธอกลับขึ้นไปบนเตียง หมายจะปลุกปล้ำทำลายเธอ ที่ตรงมุมห้องหญิงสาวอีกคนที่คิดว่าเดินจากไปแล้วกำลังยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่ออัดคลิปวิดีโอ“ปล่อยนะ ปล่อยนะไอ้พวกชั่ว ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”เขมมิกาพยายามปัดป้องไม่ให้ไอ้พวกคนชั่วข่มเหงเธอได้ ปากเล็กตะโกนร้องเรียกให้คนช่วย เวลานี้ในสถานที่แบบนี้ใครกันจะมาช่วยเธอได้ น้ำตาเม็ดแล้วเม็ดเล่าไหลพรากอาบสองแก้มบวมช้ำ ในใจคิดถึงแต่หน้าชายคนรัก‘พี่ภีมขา ช่วยขิมด้วย..’แควก! แควก!“กรี๊ด!!! ปล่อยนะ ปล่อย!”เสียงเสื้อผ้าขาดวิ่นจากการถูกกระชากดังขึ้น พร้อมเสียงกรีดร้องของเขมมิกา มือเล็กยกขึ้นปกปิดส่วนสงวนของตนเอง ร่างเล็กสั่นเทิ้มด้วยความกลัวจนสุดขีด เขมมิกาถดกายไปจนสุดขอบเตียงนอน แผ่นหลังเล็กแนบไปกับฝาบ้าน ดวงตากลมโตสั่นระริกส่ายหน้าไปมางันงก ตั้งแต่เกิดมาหล่อนไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้มาก่อนทำไมมนุษย์ถึงต่ำช้ากับมนุษย์ด้วยกันได้ลงคอ…หนึ่งในชายโฉด กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ยกมือข้างที่ถือเศษชิ้นส่วนเสื้อผ้าของหญิงสาวขึ้นมาสูดดมก่
บทที่ 28 แม่นกต่อ 2“ขิมขับเข้าไปอีกหน่อยนะลูก ห้องพักของแม่อยู่ในซอยข้างหน้านี้แหละจ้ะ”เอมอรชี้ไปที่ปากทางเข้าซอยเล็กแคบ ที่ดูยังไงรถของเธอก็เข้าไปไม่ได้“รถขิมน่าจะเข้าไปไม่ได้นะคะ ซอยเล็กขนาดนี้ เราคงต้องลงเดินแล้วล่ะค่ะ”เขมมิกาจอดรถตรงปากทางเข้า หล่อนชะโงกหน้ามองถนนเล็กน้อย ตรงนี้มันทั้งมืดทั้งเปลี่ยว ก่อนจะหันมามองมารดาที่เริ่มเมาได้ที่ หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองทางเข้าซอยอีกครั้งปล่อยแม่เดินกลับเข้าบ้านไปตามลำพังคงจะไม่ได้ มันอันตรายเกินไป ในใจก็คิดไปถึงการหาที่อยู่ใหม่ให้ผู้เป็นแม่ หญิงสาวตัดสินใจดับเครื่องยนต์แล้วเดินลงจากรถ อ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่ง ก่อนจะประคองร่างหนักอึ้งของมารดาออกมา“ไหวมั้ยคะ แม่ระวังหัวค่ะ ค่อย ๆ นะคะ เดี๋ยวขิมไปส่งที่บ้านนะ”“โอ๊ย ไม่เป็นไรหรอกลูก กลับไปพักเถอะ อีกนิดเดียวเอง แม่เดินไปเองได้”เอมอรยกมือโบก ทำท่าจะดันร่างเล็กของลูกสาวออก ก่อนจะขาอ่อนแรงเดือดร้อนเขมมิกาต้องรีบประคองช่วย พาหิ้วปีกเดินเข้าซอยเล็กอย่างทุลักทุเล ข้างหน้ามีแสงไฟสลัว ๆ จากหลอดไฟนีออนของบ้านคน เดินไปอีกนิดก็เจอสะพานไม้เก่าข้ามคูคลอง ได้กลิ่นน้ำเน่าลอยแตะจมูก สภา
บทที่ 27 แม่นกต่อ 1“เอางี้ดีกว่า แม่ไม่อยากคลาดกับขิมอีก เดี๋ยวแม่นั่งรอแถว ๆ นี้ก็ได้ หรือถ้าขิมกลัวอายคนอื่นเดี๋ยวแม่ไปนั่งรอตรงป้ายรถเมล์ก็ได้นะลูก ดะ.. ดูนี่สิ แม่เพิ่งได้ค่าแรงมา วันนี้ให้แม่ได้เลี้ยงข้าวลูกสักมื้อเถอะนะ”เอมอรล้วงเงินในกระเป๋าผ้าออกมานับรวมเหรียญแล้วได้เงินสามร้อยหกสิบแปดบาท ซึ่งเป็นค่าแรงที่หล่อนบอกว่า แบ่งเก็บไว้จากการทำงานสามวัน ใบหน้าอิดโรยพยายามยิ้มกว้างอวดเงินในมืออย่างภาคภูมิใจ“ก็ได้ค่ะ แต่แม่รอตรงป้ายรถเมล์หรือรอตรงนี้ไม่ได้หรอก อากาศร้อนแบบนี้ได้เป็นลมเป็นแล้งกันพอดี ฝั่งโน้นมีร้านสปา ขิมว่าแม่ไปนอนรอให้เขานวดตัวให้สักสามชั่วโมงดีกว่าค่ะ เดี๋ยววันนี้ขิมจะขอลาหัวหน้าขอกลับก่อน บ่ายสามเดี๋ยวขิมไปรับนะคะ หรือถ้าแม่หิวแม่หาอะไรรองท้องก่อนได้เลยนะคะ”“อื้อ ได้ ๆ เอาตามนี้ละกัน”เอมอรพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของลูกสาว เขมมิกาหยิบธนบัตรจากกระเป๋าเงินส่งให้ผู้เป็นแม่สองพันเงินจำนวนนี้ทำเอมอรตาลุกวาว ในใจก็เริ่มคิดว่าบางทีเขมมิกาก็อาจช่วยให้หล่อนไม่ลำบากได้เช่นกันคล้อยหลังเขมมิกา เอมอรก็ล้วงโทรศัพท์มือถือที่ซ่อนไว้ใต้เสื้อออกมาก่อนจะพิมพ์ข้อความรายงานความคื
บทที่ 26 สารภาพรัก 2 NC“พี่รักขิมนะ”เสียงทุ้มกระซิบบอกรักซ้ำ ๆ คนตัวเล็กในอ้อมกอดเงยหน้าขึ้นมอง น้ำตามากมายไหลอาบสองแก้มแดงเรื่อ ธีรภัทร์ก้มลงจูบซับสองเปลือกตาอย่างรักใคร่“พี่ภีมรักขิมจริง ๆ หรือคะ”เพราะเขาไม่เคยบอก และเธอก็ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้ยินคำคำนี้ออกจากปากชายหนุ่ม ผู้ชายที่ตั้งกำแพงความสัมพันธ์ตั้งแต่วันแรกที่มาเหยียบที่นี่“ถ้าไม่จริงพี่คงไม่พาเธอไปเปิดตัวกับคุณพ่อ และก็คงไม่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่าจะเลือกเธอ”การกระทำของเขาสำคัญกว่าคำพูดเสมอ ถึงแม้จะรู้แบบนั้น แต่เขมมิกาก็อยากจะได้รับคำยืนยันจากปากของเขาอยู่ดี“พี่รักขิม”“…”“รักขิมคนเดียว”ธีรภัทร์โน้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดกันและกัน เขมมิกาหลับตาพริ้มปล่อยตัวปล่อยใจรับจูบอ่อนหวานจากเขา เรียวลิ้นสากชำแรกเข้ามาในโพรงปากเล็ก วงแขนแข็งแรงกอดรัดเอวบางแนบแน่น มือข้างหนึ่งบีบขยำเต้าอวบหนักสลับเบาปลุกเร้าอารมณ์คนในอ้อมกอด ก่อนจะใช้มือเพียงข้างเดียวปลดกระดุมเสื้อทั้งหมด ก่อนจะสอดมือไปปลดตะขอบราเซียและเปลื้องทุกอย่างออกในคราเดียวกัน นิ้วโป้งบีบบี้เม็ดทับทิมสีเรื่อจนเขมมิกาเสียวสะท้านไปทั้งร่าง ส่งเสียงค
บทที่ 25 สารภาพรัก 1“ไหน ๆ ก็ตัดชุดให้คนอื่นใส่มานักต่อนักแล้ว หาเวลาว่างตัดชุดให้ตัวเองบ้างสิ”หลังจากบนโต๊ะอาหารเงียบไปหลายอึดใจ เจ้าสัวธนาก็เริ่มชวนคริมาพูดคุยอีกครั้ง“คะ?”“ภีม ช่วงนี้งานที่บริษัทก็ไม่ค่อยยุ่งแล้ว มีเวลาก็ไปวัดตัวให้เรียบร้อย กว่าจะถึงฤกษ์ที่ซินแสให้มาก็อีกหลายเดือน หนูครีมรอได้ใช่ไหมลูก”“คุณพ่อครับ!!”ธีรภัทร์ปรายสายตาไปทางบิดาเมื่อรู้ความหมายในสิ่งที่เจ้าสัวต้องการสื่อ ไม่อยากจะเชื่อว่าท่านจะใช้วิธีนี้มามัดมือชก มือข้างหนึ่งของเขากุมมือเขมมิกาแน่น“หรือว่าช้าไป จันพรุ่งนี้เธอนัดซินแสให้เข้ามาพบฉันหน่อย หนุ่มสาวสมัยนี้ใจร้อนจริงเชียว หนูครีมอย่า...”เพล้ง!เมื่อบิดาไม่คิดไว้หน้ากัน ความอดทนอดกลั้นก็จบลง ธีรภัทร์ปัดแก้วน้ำลงพื้น เสียงของมันดังพอที่จะทำให้ทุกคนหยุดพูดและหันมามอง“ลุกขึ้น!”เขาใช้มือข้างที่กุมมือเขมมิกากระตุกรั้งให้หญิงสาวลุกขึ้นยืน“พี่ภีมคะ”ท่าทีแบบนี้ของเขาไม่บ่อยนักที่จะได้เห็น ทว่าก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่เคยมี เขมมิการู้ดีว่าเวลานี้อารมณ์ของเขาถึงจุดเดือดแล้ว นอกจากห้ามปรามไม่ได้ เธอยังต้องทำตัวเป็นพวกเดียวกันกับเขาอีกด้วยธีรภัทร์กระชากแขนเล็ก
บทที่ 24 แขกคนสำคัญคฤหาสน์ที่ปรากฏตรงเบื้องหน้าใหญ่โตโอ่อ่าสมฐานะตระกูลที่มั่งคั่งอันดับต้น ๆ ของประเทศ เขมมิกายืนนิ่งไม่ไหวติง รอให้ธีรภัทร์ก้าวลงจากรถมาหยุดยืนเคียงข้างกัน มือใหญ่หงายฝ่ามือออกให้เธอได้จับ พร้อมพยักหน้าให้กำลังใจเมื่อสัมผัสได้ถึงเหงื่อชื้นของฝ่ามือเล็ก“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”เขาบีบมือหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะพาเขมมิกาเดินเคียงคู่เข้าบ้านไปด้วยกันขาเรียวสั่นเล็กน้อยขณะก้าวผ่านพ้นประตูบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับคนละโลกกับที่เธอมา หน้าเล็กแหงนขึ้นเล็กน้อยมองแชนเดอเลียร์เหนือศีรษะแสงระยิบระยับจากคริสตัลนับพันกระทบนัยน์ตาจนแทบพร่าเลือนนี่บ้านคนหรือวังกันแน่...หญิงสาวกระตุกเกร็งเล็กน้อยเมื่อหันสายตาไปสบกับพวกแม่บ้านที่ยืนรอต้อนรับชายหนุ่ม เขาคงรับรู้ได้ถึงความประหม่าของเขมมิกาเมื่อฝ่ามือหนาบีบแน่นขึ้นจนเธอต้องเงยหน้ามองเขา“ไม่ต้องกลัวนะขิม มีพี่อยู่ด้วย”“ค่ะ พี่ภีม”เขาใช้มืออีกข้างซับเม็ดเหงื่อบนจมูกเล็กให้ ก่อนจะพาหญิงสาวไปยังชั้นสองของบ้าน ด้วยเวลานี้บิดาของเขามักจะขลุกตัวอยู่ในห้องทำงานก๊อกๆ ก๊อกๆ“เข้ามา”เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของเสียงทรงอำนาจ ชายหนุ่มก็เปิดปร
บทที่ 23 เงินสำคัญกว่า“กะ แกเป็นแม่ของเขมมิกาเหรอ”คริมาจิกหัวถามซ้ำด้วยไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่ออีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นหล่อนก็ไม่มีอะไรต้องคลางแคลงใจ“ใช่จ้ะ ฉันเนี่ยแหละ แม่ของเขมมิกา”แหงล่ะ ลูกสาวที่ยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย มันจะมีแม่ที่มีสภาพเป็นนางฟ้านางสวรรค์ได้อย่างไรล่ะ“คุณจันบอกให้ฉันมาหาคุณที่นี่ คุณจะให้เงินฉันหากฉันบอกว่าตัวเองเป็นใคร”เอมอรรีบพูดถึงเรื่องเงินทันที คริมาแสยะยิ้มดูถูก กอดอกมองสภาพน่าสมเพชของอีกฝ่าย“แกทำงานอะไร”“เอ่อ… ฉันไม่ได้ทำงานมาหลายปีแล้วจ้ะ”ตั้งแต่เลิกรากับสามีใหม่อย่างชัยณรงค์ เอมอรก็ถูกเตะกลับมายังประเทศไทย หล่อนเร่ร่อนไม่ได้ทำงานทำการเป็นหลักแหล่ง นอกจากรับจ้างล้างจานตามร้านอาหารตามสั่งโต้รุ่ง กวาดถนน ได้เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ พอให้ตัวเองมีเงินซื้อข้าวครบสามมื้อ......และซื้อเหล้า“แล้วได้ติดต่อกับลูกสาวบ้างหรือเปล่า”“ไม่ได้ติดต่อเลยจ้ะ ฉันไม่ได้ติดต่อกับยัยขิมมาหลายปีแล้ว”เอมอรรีบส่ายหน้า เรื่องลูกสาวถือเป็นของแสลงที่หล่อนไม่อยากยุ่งเกี่ยว กลัวว่าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ“แสดงว่าแกคงไม่รู้เลยสินะ ว่าตอนนี้ลูกส