ขณะที่ใครหลายคนคงกำลังนอนหลับสบายเนื่องจากข้างนอกนั้นท้องฟ้าทำท่าจะหลั่งน้ำตาลมเย็นๆ โชยผ่านเข้ามาทางหน้าต่างกระทบหญิงสาวร่างเล็กที่กำลังนั่งใช้ความคิดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตัวเดิม
นีรชา เป็นนักเขียนที่เผยแพร่นิยายตามแพลตฟอร์มต่างๆ ความเป็นมานั้นเกิดจากการที่เธอชื่นชอบการดูซีรีส์เป็นชีวิตจิตใจ ชอบถึงขั้นเก็บเอาความหล่อเหลาของพระเอกมานอนฝัน
ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เธอจึงลุกขึ้นมาแต่งเรื่องราวที่มาจากจินตนาการ จุดประสงค์ก็เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเธอเอง ผู้ชายเย็นชา เย่อหยิ่งแต่คลั่งรักกว่าใครล้วนแล้วแต่ถูกหยิบยกมาเป็นพระเอกในนิยายของเธอแล้วทั้งนั้น
กว่าหนึ่งชั่วโมงที่สมองของนักเขียนสาวไม่แล่นแต่ในที่สุดเธอก็คิดบทบรรยายดีๆออก เพียงไม่กี่บรรทัดที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านแป้นพิมพ์อาการเขินตัวบิด ยิ้มแก้มปริก็เกิดขึ้นเมื่อต้องบรรยายฉากเร่าร้อนของพระนาง
แต่กว่าที่ดอกพิกุลจะร่วงหล่นลงมาจากปาก พระเอกของเธอก็เล่นเอาคนอ่านสาปส่งไม่รู้กี่ตอนต่อกี่ตอนแล้ว
แต่เนื่องจากนีรชาไม่มีประสบการณ์บนเตียงมาก่อนอย่าว่าแต่เรื่องอย่างว่าเลยแค่จูบริมฝีปากอิ่มก็ยังไม่เคยได้ต้องชายใด ฉากชวนวาบหวิวในนิยายที่คนอ่านชอบก็มาจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการหาหนังผู้ใหญ่ที่มีอยู่ว่อนอินเทอร์เน็ตมาเปิดดู ทั้งท่าทางน้ำเสียงโหยหวนนีรชาล้วนจดจำมาจากหนังเรตเนื้อหาถึงอกถึงใจเหล่านี้ทั้งนั้น
“เฮ้อ เสร็จสักที” เสียงหวานเอ่ยพลางกางแขนออกเหยียดขี้เกียจอ้าปากหาวหวอดๆ ด้วยความง่วงเต็มประดาก่อนที่มือเล็กจะเอื้อมมือไปกดปิดสวิสต์คอมพิวเตอร์แล้วทิ้งตัวลงยังเตียง ทันทีที่เปลือกตาสวยปิดสนิทเธอก็หลับเป็นตาย
เช้าวันใหม่แสงแดดจ้าลอดผ่านริ้วผ้าม่านเข้ามาทางหน้าต่างทำให้คนที่นอนอุดอู้อยู่ในผ้าห่มผืนหนานุ่มฝืนลืมตาขึ้นมา
“ตายแล้ว” นีรชาดีดตัวขึ้นมาจากที่นอนด้วยความตกใจเมื่อเข็มสั้นของนาฬิกาชี้อยู่ที่เลขแปดร่างเล็กกุลีกุจรลงจากเตียงตรงไปยังห้องน้ำเป็นการด่วน วันนี้มีเรียนชั่วโมงแรกตอนเก้าโมงเช้าแต่ตอนนื้เกือบจะแปดโมงอยู่แล้ว
เพราะฉากวาบหวิวของท่านประธานแท้ๆ
ไม่วายที่นีรชาจะยกความผิดทั้งหมดให้พระเอกคนโปรดของเธอ
ทันทีที่นีรชาคว้ากระเป๋าใบเล็กพร้อมหนังสือสองเล่มติดมือได้ก็รีบวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้าน กลิ่นหอมที่ลอยเข้าจมูกมาแต่ไกลเดาว่ามื้อเช้าคนเป็นพ่อคงจะเตรียมโจ๊กหมูของโปรดเอาไว้ให้
“แล้วไม่กินข้าวก่อนเหรอลูก” อรรถพลเอ่ยถามลูกสาวที่ทำท่ารีบร้อนขณะถือโจ๊กร้อนๆ ออกมาจากในครัว
ปีนี้อรรถพลอายุห้าสิบปลายๆ เขาเลี้ยงดูลูกสาวเพียงลำพังเพราะภรรยาเสียไปตั้งแต่ตอนที่อายุได้แค่สิบขวบอรรถพลเป็นพนักงานบัญชีของบริษัทแห่งหนึ่งด้วยประสบการณ์ทำงานกว่าหลายปีเงินเดือนและค่าตอบแทนเลยพอจะส่งเสียให้บุตรสาวได้เรียนสูงๆ
“ไม่ทันแล้วค่ะพ่อฟ้าจะสายแล้วเอาไว้ตอนเย็นนะคะ” นีรชาตอบคนเป็นพ่อด้วยความรีบร้อนออกไปจากบ้าน ถึงแม้ฐานะครอบครัวจะพอมีกินมีใช้ แต่อรรถพลก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดจะซื้อรถสวยๆ ให้ขับเธอจึงอาศัยนั่งรถเมล์ไปมหาวิทยาลัยทุกวันแต่วันนี้เห็นทีเธอคงต้องใช้บริการแท็กซี่เสียแล้ว
ต้องขอบคุณคุณลุงโชเฟอร์ที่ชำนาญเส้นทางจนพานีรชามาถึงมหาวิทยาลัยแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เจ้าของร่างบางวิ่งหอบเหนื่อยเข้าห้องเรียนด้วยชุดนักศึกษารัดรูปอย่างที่ถูกจริตสวมรองเท้ามีส้นแต่ไม่สูงมาก
“นอนดึกอีกแล้วสิท่าถึงมาสภาพนี้” ก้นยังไม่ทันหย่อนถึงเก้าอี้เธอก็ถูกเพื่อนซี้ทักอย่างรู้ทัน
“เกือบเช้า” คนถูกถามเอามือป้องปากขณะอ้าปากหาวหวอดๆ เพราะกว่าจะเขียนนิยายออกมาได้แต่ละตอนเธอต้องใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมงบางครั้งก็เป็นวัน
“แล้วแต่งใกล้จบหรือยังฉันอยากอ่านจะแย่แล้วนะ” เพลินเพลงคือเพื่อนที่นีรชาสนิทด้วยที่สุด ทั้งสองคนเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น เพลินเพลงชอบดูซีรีส์และชอบอ่านนิยายรักหวานแหววเหมือนกันแต่ติดตรงที่ไม่มีพรแสวงด้านนี้เลยได้แต่สนับสนุนเพื่อน
“ยังเลยพึ่งได้ครึ่งเรื่องเอง” นีรชาเท้าคางส่ายหน้าเนือยๆ พลางถอนหายใจยาว ทีแรกที่ลงมือทำไม่คิดว่าจะยากเย็นขนาดนี้แต่พอเอาเข้าจริงถึงรู้ว่าการแต่งนิยายเรื่องๆ หนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพลินเพลงกำลังจะถามต่อแต่อาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้ามาในห้องก่อนทั้งสองสาวเลยต้องจบบทสนทนาเพียงแค่นี้
เรียนช่วงเช้าเสร็จนีรชากับเพลินเพลงมานั่งทานข้าวที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย กับข้าวฝีมือแม่ครัวที่นี่ถูกปากกว่าข้างนอกอีกอย่างราคาก็ไม่แพงด้วย
“โอ๊ย พายุฉันทำไมถึงได้น่าสงสารขนาดนี้” เพลินเพลงทำท่าจะร้องไห้หลังจากได้อ่านนิยายบทหนึ่ง เพราะเป็นเพื่อนสนิทเลยได้รับสิทธิ์พิเศษอ่านเรื่องย่อก่อนใคร
ความจริงนิยายเรื่องนี้เพลินเพลงมีส่วนช่วยคิดพล็อตเรื่องด้วยเธอเลยเข้าใจความรู้สึกของตัวละครเป็นอย่างดีโดยเฉพาะบทพระรองผู้น่าสงสารที่เธอพึ่งจะคร่ำครวญไปหยกๆ
“พอๆ เลยไม่ต้องอ่านแล้ว” นีรชาแย่งมือถือคืนมาอย่างอดหมั่นไส้ในความโอเวอร์ของเพื่อนตัวเองไม่ได้ ถึงแม้ทั้งสองคนจะชอบอะไรเหมือนๆ กันอย่างเรื่องเรียนก็เลือกเรียนคณะบัญชีเพราะชอบตัวเลขเหมือนกันแต่ถ้าเป็นเรื่องซีรีส์
เรื่องนิยายล่ะก็กลับอยู่กันคนละฝ่าย เพลินเพลงมักจะหลงเสน่ห์ของพระรองทุกเรื่องแต่สำหรับนีรชาเธอมั่นคงกับพระเอกเพียงคนเดียว
“ขอเตือนนะถ้าแกทำให้พระรองของฉันเสียน้ำตาเมื่อไหร่ฉันเอาเรื่องแกแน่” เพลินเพลงทำท่าขู่เพื่อนฟ่อๆ
“เวอร์ พระเอกคู่นางเอกก็ถูกต้องแล้วส่วนพระรองก็เป็นได้แค่ตัวสำรองเท่านั้นแหละ” นีรชาว่าพลางยักไหล่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“นี่ถ้าพระรองของฉันมีชีวิตเขาต้องอยากมาหักคอแกแน่ๆ ” เพลินเพลงโกรธแทนพระรองของเธอจนเอาเรื่องผีสางมาขู่ต่อ
“มาเลยไม่กลัวหรอก ลองมาดูดิเดี๋ยวจะขอหวยให้ดู”
“บ้า พระรองของฉันไม่ใช่ผีทวงแค้นนะยะพอเจอจะได้ให้มาขอหวย”
“ก็ถ้ามาบีบคอได้ขนาดนั้นก็ต้องเป็นผีแล้วล่ะ” นีรชาพูดติดตลกพลางนึกขันในใจ มีที่ไหนตัวละครในนิยายจะลุกขึ้นมาทวงความยุติธรรมให้ตัวเอง บ้าไปแล้วแต่ในตอนนั้นอยู่ๆ เธอก็รู้สึกหนาวเย็นเข้าไปถึงกระดูก
“แกหนาวไหมทำไมฉันรู้สึกหนาวๆ ”
“หนาวบ้าอะไรอากาศร้อนจนตับจะแตกอยู่แล้ว” วันนี้อากาศร้อนอย่างที่เพลินเพลงว่าจริงๆ
“แต่เมื่อกี้ฉันรู้สึกหนาวจริงๆ นะหนาวเหมือนกำลังยืนตากฝนอยู่” นีรชาเอามือลูบแขนตัวเองไปด้วยทำเอาเพลินเพลงกลั้นหัวเราะไม่อยู่
“แกไม่สบายหรือเปล่า” ถ้าไม่ใช่เพราะคิดไปเองนีรชาก็อาจจะหักโหมกับการแต่งนิยายมากเกินไปถึงได้รู้สึกเหมือนไม่สบายขึ้นมา
“อือ อาจจะใช่เมื่อวานโดนฝนตอนกลับบ้านน่ะ” นีรชาพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายแต่อย่างไรคงต้องกินยาดักไว้สักหน่อยเพราะคืนนี้ยังต้องกลับไปแต่งท่านประธานต่อแถมยังเป็นตอนสำคัญที่แต่งค้างเอาไว้หลายวันก่อน
ฉากนั้นเป็นฉากที่หลังจากพระเอกนางเอกทะเลาะกันรุนแรงนางเอกขอให้พระรองพาไปหลบพักรักษาแผลใจ ช่วงเวลาที่พระรองกับนางเอกอยู่ด้วยกันได้ก่อตัวเป็นความหวังว่าหญิงที่เขาแอบรักมาตลอด
ในที่สุดก็ยอมเปิดใจให้สักที แต่ความหวังนี้ไม่มีทางได้เป็นจริงเพราะเนื้อเรื่องที่นีรชาวางเอาไว้คือให้พระเอกตามมาเจอแล้วพานางเอกกลับไปด้วย
ฉากนี้เองที่นีรชายังคิดไม่ตกว่าจะสร้างสถานการณ์ยังไงให้พระรองของเธอดูน่าสงสารที่สุด
"พ่ะ...พายุ" เสียงหวานเอ่ยขึ้นในลำคอเบาๆ กว่าหลายวินาที่นีรชามองไปที่อีกฝ่าย ตั้งแต่วันแถลงข่าวและวันที่ถูกพายุมัดมือชกให้ทำสัญญาเป็นแฟนวันนี้เป็นวันแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกันแต่ก็ใช่ว่าแม่นักเขียนสาวในร่างพราวดาวสวยสง่าจะดีอกดีใจเนื้อเต้นเพราะคนที่เธออยากเห็นหน้าจวนใจจะขาดรอนๆ คือบอสหนุ่มสุดหล่ออย่างเหนือเมฆต่างหาก"นี่มันอะไรกันคะคุณเอกอย่าบอกนะว่าคุณหมอที่คุณบอกเมื่อกี้คือคุณหมอพายุ" เนตรนภาได้พูดแทนความสงสัยของนีรชาไปหมดแล้วแม้จะเทียบไม่ได้กับอาการตกใจของเธอ"ใช่ครับ คุณหมอพายุเป็นหมอคนนึงที่ร่วมในการวิจัยผลิตภัณฑ์ยาดังนั้นคุณพราวไม่ต้องกังวลเลยนะครับว่าจะกระทบชื่อเสียงเพราะผมได้ข่าวมาว่าคุณหมอพายุเก่งไม่แพ้คุณหมอไพโรจน์เสียที่อายุน้อยกว่า ทำงานกับแฟนอาจจะเกร็งๆ หน่อยนะครับ" ประโยคหลังเหมือนครีเอทีฟหนุ่มจงใจจะพูดให้พราวดาวได้ยินคนเดียว"ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเสียเวลานะครับ" ทันทีที่ก้าวมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของทุกคนด้วยความมีมารยาทเป็นทุนเดิมพายุจึงโค้งศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อกล่าวขอโทษทีมงานเป็นอันดับแรกคุณหมอผู้สง่าผ่าเผยเดินผ่านครีเอทีฟหนุ่มไปยืนข้างกายดาราสาวคนสนิทซึ่งดูเหมือนว่าแม่ดา
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเนตรนภาสั่งให้พราวดาวเก็บตัวอยู่แต่ในคอนโดเพราะกลัวว่าถ้าออกไปข้างนอกอาจจะเจอนักข่าวแล้วจะถูกถามถึงเรื่องที่พึ่งให้สัมภาษณ์ไปการเปิดตัวแฟนแบบสายฟ้าแล๊บทำเอาทั้งคนในและนอกวงการต่างก็พากันพูดถึงส่งผลให้ภาพลักษณ์ของพราวดาวดีขึ้นแต่ก็ยังมีกระแสด้านลบอยู่บ้างโดยเฉพาะกลุ่มแอนตี้ที่ก่อนหน้านี้เคยบุกไปทำร้ายดาราสาวถึงโรงพยาบาลพวกเขาพากันขุดคุ้ยหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าระหว่างพราวดาวกับคุณหมอที่ทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวแท้ที่จริงแล้วก็แค่การเล่นละครฉากหนึ่ง“พรุ่งนี้พี่จะมารับตอนสิบโมงนะ” เนตรนภาเห็นสมควรว่าพราวดาวคงต้องกลับมารับงานได้แล้วหลังจากที่พักรักษาตัวมาเป็นเดือน แม้ว่าดาราดังอย่างเธอจะทำประกันอุบัติเหตุเอาไว้แต่ก็ยังมีส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่มเนตรนภาเลยให้พราวดาวหยุดงานนานกว่านี้ไม่ได้เพราะพราวดาวยังต้องผ่อนคอนโดผ่อนรถไหนจะต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว“ไปไหน”“ก็ไปทำงานไง” เนตรนภาตวัดสายตาด้วยสีหน้าประหลาดใจ หรือพราวดาวจะยังไม่พร้อมทำงาน ผู้จัดการสาวจึงได้นั่งลงถาม“ไหนว่าขาดีขึ้นเยอะแล้วไงพี่ก็เห็นพราวเดินเองได้แล้วนี่” งานที่ต้องไปถ่ายพรุ่งนี้เป็นโฆษณาตัวหนึ่งซึ่งเ
“อะไรนะ” นีรชาไม่คิดว่าคุณหมอพายุผู้ไร้เล่ห์เหลี่ยมจะใช้วิธีการเจ้าเล่ห์แบบนี้มัดมือชก พ่อพระรองผู้แสนดีไม่มีพิษมีภัยเห็นทีจะเป็นแค่ตัวละครไร้ตัวตนที่อยู่ในนิยายซะล่ะมั้งแต่ในขณะที่นีรชากำลังจะโวยวายต่อประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาโดยเจ้าของบริษัทโฆษณาอย่างเหนือเมฆ เขาตั้งใจจะมาพูดเรื่องการแถลงข่าววันนี้ นีรชาเห็นเหนือเมฆมาเลยรีบซ่อนสัญญาเข้าไปไว้ใต้หมอนเพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้โดยเฉพาะพ่อพระเอกในฝันของเธอแม้ว่าการเป็นแฟนกันหลอกๆระหว่างเธอกับพายุอาจจะปกปิดคนใกล้ชิดได้ยากแต่เธอก็ไม่อยากให้เหนือเมฆหรือแม้แต่ผู้จัดการส่วนตัวรู้เรื่องสัญญาอยู่ดี“ฉันพึ่งได้ดูข่าวเธอแล้วก็รีบมาเลย” ประธานหนุ่มหรือพ่อพระเอกของแม่นักเขียนเปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทางร้อนใจแต่ก่อนจะพูดธุระสำคัญสายตาก็ไปปะทะเข้ากับสายตาของพายุแม้การอยู่ของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเท่าไหร่แต่คุณหมอผู้ที่ปกติแล้วจะงานรัดตัวทั้งวันไม่น่าจะมีเวลามานั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ห้องคนอื่น แต่เรื่องที่ทำให้เขาทั้งคู่จ้องหน้ากันนิ่งราวกับกำลังส่งกระแสจิตคงจะเป็นสาเหตุมาจากประเด็นร้อนที่พึ่งเกิดขึ้นวันนี้“แกอยู่ด้วยก็ดีแล้ว” เหนือเมฆเป็นฝ่ายเ
“สัญญาการเป็นแฟนหลอกๆ ระหว่างฉันกับเธอไง” ใช่ว่าจะไม่เข้าใจแต่ที่เธอต้องหันไปถามเป็นเพราะข้อความที่พายุอ้างว่าเป็นสัญญามันดูจะริบรอนอิสรภาพเกินไป“สัญญาเนี่ยนะ”“ใช่ สัญญาลองอ่านดูสิ” นีรชาถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะก้มลงอ่านข้อความเหล่านั้นให้ถี่ถ้วน“ข้อหนึ่ง ฝ่ายเอสามารถมานอนค้างห้องของฝ่ายบีได้อย่างน้อยอาทิตย์ละสองครั้งข้อสอง ฝ่ายเอสามารถไปหาเวลาที่ฝ่ายบีไปทำงานได้ทุกที่อย่างไม่มีข้อยกเว้นข้อสาม เวลาอยู่ในที่สาธารณะฝ่ายบีต้องวางตัวหรือปฏิบัติเสมือนฝ่ายเอเป็นคนรัก ข้อนี้หมายรวมถึงความใกล้ชิดอย่างเช่นการจับมือ หอมแก้ม โอบกอด หากมากกว่านี้ต้องขึ้นอยู่ที่ความเหมาะสมและความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายหรือขึ้นอยู่กับสถานการณ์บังคับข้อสี่ หากฝ่ายบีจะไปหาฝ่าเอในที่ทำงานสามารถไปได้ทุกเมื่อแต่ฝ่ายบีจะต้องมีสิ่งของติดมือไปด้วย ของสิ่งนั้นจะเป็นอะไรแล้วแต่ฝ่ายบีจะเห็นสมควรข้อห้า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตกหลุมรักอีกฝ่ายจะถือว่าสัญญาฉบับนี้เป็นโมฆะซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงข้อหก สัญญาฉบับนี้มีอายุหกเดือนนับจากวันที่ทำสัญญาหลังจากครบหกเดือนทั้งสองฝ่ายจะเป็นอิสระโดยลดสถานะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
“นายเป็นบ้าเหรอพายุทำไมถึงบอกว่าคบกับพราวดาวอยู่” พอพ้นสายตาของนักข่าวนีรชาก็ต่อว่าให้พระรองของเธอไปทันทีและเป็นคำพูดที่ออกมาจากความรู้สึกตัวเองไม่ใช่ต่อว่าแทนเจ้าของร่าง“ฉันก็ช่วยเธอไง” พายุเข้าใจที่ถูกอีกฝ่ายต่อว่าจึงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ช่วย ช่วยให้เรื่องมันวุ่นวายกว่าเดิมน่ะสิ” นีรชายังคงใช้อารมณ์ ที่แม่นักเขียนเป็นห่วงไม่ใช่เรื่องโกหกนักข่าวแต่เธอเป็นห่วงเนื้อเรื่องในนิยายมากกว่าเพราะพล็อตเรื่องที่วางเอาไว้พระรองผู้อ่อนโยนและแสนดีอย่างพายุจะต้องอยู่อย่างไร้คู่ไปตลอดชีวิตหรือต่อให้เขาคิดอยากมีคู่ขึ้นมาก็ต้องเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่นางร้ายของเธอแต่หากจะพูดให้ถูกประเด็นเรื่องที่ทำให้แม่นักเขียนร้อนใจจนต้องแสดงอาการโวยวายเป็นเพราะตัวเองดันมาอยู่ในร่างของพราวดาวต่างหากโอกาสทองที่จะได้ใกล้ชิดสนิทสนมชายหนุ่มในฝันอย่างเหนือเมฆ ไม่จบเห่หรอกเหรอ“ฉันเนี่ยนะทำให้เรื่องมันยุ่งกว่าเดิม” พายุชี้หน้าตัวเองเมื่อยัยดาราเอาแต่โทษเขาไม่หยุด“ก็ใช่น่ะสินายไปบอกนักข่าวแบบนั้นทำไม รู้ไหมว่าหลังจากนี้ไปนายจะถูกดึงเข้ามาในชีวิตของพราว….เอ่อ...ของฉัน” นีรชาร้อนใจเกือบจะเผลอพูดชื่อนางร้ายของเธอออ
"ผมกับคุณพราวตอนนี้เราสองคนกำลังคบกันอยู่ครับและคนที่คุณพราวขับรถไปหาคืนนั้นก็คือผม” เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกระลอก ในขณะที่สายตาคมภายใต้กรอบแว่นตามองไปยังเบื้องหน้าด้วยความสุขุมแม้ว่าพายุไม่ใช่ดาราหรือคนเด่นคนดังแต่เขาเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่งผู้ปรากฏตัวคล้ายไม่ได้รับเชิญทำให้บรรดานักข่าวพากันงงเป็นไก่ตาแตกเพราะก่อนหน้านี้พราวดาวมีข่าวกับนักธุรกิจหนุ่มดังนั้นแล้วการที่จู่ๆ พายุออกมาเปิดเผยความสัมพันธ์จึงเป็นประเด็นร้อนที่ทั้งนักข่าวและคนที่รับชมไลฟ์สดอยู่ในขณะนี้ต่างก็พากันให้ความสนใจ“แล้วทำไมคุณหมอพึ่งออกมาพูดครับ” ความจริงนักข่าวชายผู้นี้อยากถามว่า หากที่พูดมาเป็นความจริงควรจะออกมาพูดตั้งแต่ทีแรกนอกเสียจากว่าเรื่องที่พูดมันมีเบื้องลึกเบื้องหลัง“ที่ผ่านมาคุณพราวเป็นข่าวกับคุณเหนือเมฆมาตลอดในขณะที่ทุกคนรับรู้ว่าคุณหมออคือเพื่อนสนิทของคุณพราวการที่วันนี้คุณหมอออกมาบอกกำลังคบอยู่กับคุณพราวแบบนี้สังคมจะยิ่งตั้งข้อสงสัยไหมคะ” นักข่าวหญิงผู้นี้เป็นนักข่าวสายบันเทิงช่องดังช่องหนึ่งที่เล่นข่าวพราวดาวกับเหนือเมฆตั้งแต่แรกเริ่มเธอจึงไม่เชื่อว่าพราวดาวจะคบอยู่กับพายุจริงๆทว่าคำถาม