พายุเดินไปที่รถของเขาซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล
“ขอบคุณนะ” เมื่อเดินมาถึงรถนีรชาก็เอ่ยขึ้นแต่เป็นน้ำเสียงที่อดกลั้นไม่ให้น้ำตาไหล ในมุมของนีรชาพราวดาวเป็นตัวละครที่เธอใส่ทั้งความร้ายกาจและความน่าสงสารเข้าไปในเนื้อเรื่องแต่มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เธอพึ่งเผชิญมา
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกเรื่องแค่นี้เอง” พายุปล่อยมือจากไหล่มนแล้วเปิดประตูรถโน้มตัวลงไปหยิบอะไรสักอย่างซึ่งกว่าที่นีรชาจะรู้ว่าเป็นผ้าผืนหนึ่งก็ตอนที่เขาใช้ผ้าผืนนั้นเช็ดคราบที่ส่งกลิ่นคาวๆออกจากใบหน้าให้ตัวเอง
เรื่องการใช้ความฉลาดในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือจะเป็นความอ่อนโยนล้วนแต่เป็นสิ่งที่นีรชายัดเยียดให้เป็นนิสัยเฉพาะในตัวพระรองของเธอ
แต่พอได้เห็นได้สัมผัสด้วยตาตัวเองมันก็เกิดความซาบซึ้งจนบอกไม่ถูกแต่ในนิยายที่เธอแต่ง...บทพระรองต้องคอยปกป้องนางเอกไม่ใช่นางร้ายอย่างพราวดาว
"ฉันเช็ดเองได้" นีรชาจะเอาผ้ามาเช็ดเองแต่พายุไม่ยอม
"อยู่เฉยๆเถอะน่า" แม้จะฟังดูเป็นน้ำเสียงรำคาญแต่คนพูดก็ทำอย่างเบามือที่สุด
"ดูสิเล่ะไปหมด" พายุเอามือปิดจมูกตัวเองมืออีกข้างยังคงใช้ผ้าเช็ดใบหน้าตามด้วยเส้นผมสวยๆให้แม่ดาราดวงตกราวกับอีกฝ่ายคือไข่ในหินที่สมควรทะนุถนอม
“ว่าแต่คนอื่นนายก็เหมือนกันนั่นแหละ” สภาพของพายุไม่ได้ดูดีไปกว่าคนที่เขาว่าให้สักนิดเดียวเพราะเขาเล่นเอาตัวไปบังตอนที่กลุ่มแอนตี้แฟนรุมประชาทัณนีรชาจึงว่ากลับอย่างอดหมั่นไส้ไม่ได้
“ช่วยไม่ได้ใครบอกให้เธออยากยืนโง่ๆเป็นเป้าอยู่แบบนั้นล่ะ”
“นี่พายุ” ถ้าตอนนี้นีรชานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เธอคงจะแต่งให้พระรองฝีปากกล้าขับรถไปพุ่งชนเสาไฟฟ้าต้นไหนสักต้นไปแล้ว แต่เธอในตอนนี้ดันมาอยู่ในนิยายของตัวเองนี่สิเลยทำอย่างที่ใจต้องการไม่ได้ อีกอย่างพ่อพระรองที่อยู่นอกสายตามาตลอดจู่ๆก็รับบทเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ด้วยสิ
ไม่ๆๆไม่ใช่แล้ว ตามเนื้อเรื่องคนที่ควรจะมาช่วยพราวดาวเวลาเจอเรื่องแย่ๆต้องเป็นพระเอกอย่างเหนือเมฆถึงจะถูก การที่พระรองปรากฏตัวในสถานการณ์ลำบากของพราวดาวจึงถือเป็นเรื่องที่ผิดอย่างมหันต์
“มีอะไร มองหน้าฉันทำไมหรือว่าวันนี้ฉันดูดีกว่าทุกวัน” ก็นีรชาเล่นจ้องหน้าพระรองของเธอซะขนาดนั้นเจ้าตัวเลยหันมาถามด้วยสายตายียวนกวนประสาท
“ก็ดูดีนะเพราะหน้านายตอนนี้เหมือนโรตีราดไข่เลย นี่ถ้าฉันหิวกินได้เลยนะเนี่ย” คนอาศัยร่างหัวเราะออกมาอย่างตลกขบขัน
คาแร็คเตอร์สุดเนี๊ยบของคุณหมอพายุตอนนี้ดูไม่จืดเลยสักนิดถ้าเทียบกับเวลาปกติ คนถูกเอาคืนไม่ได้ตอบโต้ใดๆ ถึงแม้ว่าระหว่างเขากับพราวดาวจะคุยกันดีๆไม่ได้ถึงสามคำแต่เขาก็ไม่เคยเพิกเฉยเวลาที่พราวดาวลำบาก
"เสียใจด้วยนะเห็นแบบนี้ฉันก็ไม่ยอมให้ใครกินง่ายๆหรอกโดยเฉพาะดาราขยันสร้างแต่เรื่องอย่างเธอ"
"ฉันขยันสร้างเรื่องแล้วยังไง"ได้อยู่ในร่างกายเซ็กซี่ขยี้ใจชายทั้งทีก็ขอใช้ประโยชน์หน่อยแล้วกันนีรชาแอ่นอกกลมโตของพราวดาวขึ้นไปหาใบหน้าของหมอพายุด้วยสายตายั่วยวนโดยที่แม่นักเขียนไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วย
ร่างบอบบางถูกรั้งเข้าไปประชิดร่างหนาด้วยมือเพียงข้างเดียวส่วนที่เรียกว่าหน้าอกสัมผัสกันอย่างเลี่ยงไม่ได้สายตาของทั้งคู่ประสานกันอยู่หลายวินาทีกว่าที่จะมีใครคนหนึ่งเกิดความประหม่าขึ้นก่อน
"เสียใจด้วยนะเธอไม่ใช่สเปคฉัน" พายุปล่อยมือจากเอวคอดของพราวดาวทันที
"นายก็ไม่ใช่สเปคฉันเหมือนกันนั่นแหละ" จริงอยู่...ตามนิสัยของพราวดาวคงต้องโต้ตอบกลับไปแบบนี้อย่างแน่นอนแต่บังเอิญว่าพระรองอย่างพายุก็ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติของนีรชาเหมือนกัน
“ฉันมีเสื้อแขวนอยู่หลังเบาะไปเปลี่ยนซะสิ” ถึงจะชอบชวนทะเลาะแต่พายุก็เป็นห่วงพราวดาวแบบนี้แต่ไหนแต่ไร
“ไม่เป็นไรหรอกฉันทนได้” ถ้าเป็นในนิยายที่นีรชาแต่งเธอคงจะให้พราวดาวรีบเอามาเปลี่ยนแต่มันติดตรงที่ตอนนี้ระหว่างเธอกับพายุไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้า
“แต่เธอจะทำเบาะรถฉันเลอะเพราะงั้นรีบเปลี่ยนก่อนที่ฉันจะให้เธอล้างรถให้ฉันทั้งคัน” ว่าแล้วคุณหมอผู้รักความสะอาดเป็นชีวิตจิตใจก็ผลักร่างไร้วิญญาณของพราวดาวเข้าไปในก่อนจะเปิดประตูด้านหลังแล้วหยิบเสื้อเชิ้ตของตัวเองไปให้นีรชา
“รีบเปลี่ยนก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจให้เธอเดินกลับคอนโดเอง” พายุปิดประตูรถพร้อมกับยืนหันหลังให้รถของตัวเองที่ติดฟิล์มมืดทั้งคัน
ให้ตายสิ ไม่น่าเขียนให้เป็นคนจู้จี้จ้าวระเบียบเล๊ย!
นีรชาบ่นพึมพำแต่ก็รีบถอดชุดที่ใส่อยู่ออกแล้วใส่เสื้อตัวโคร่งของพายุแทน
"มองอะไรยะ" เจ้าของดวงหน้าสวยเอ่ยถามหลังจากที่เปิดประตัวรถเพื่อบอกว่าตัวเองเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
"คราวที่แล้วที่เธอยืมเสื้อตัวนี้ไปใส่เหมือนจะดูใหญ่กว่าตัวเธอเยอะนะ หรือว่าเธออ้วนขึ้น" เป็นประโยคคำถามที่นีรชามั่นใจว่าถ้าเป็นพราวดาวจะต้องกรี๊ดลั่นรถแน่ๆ
"หยาบคายฉันออกจะหุ่นดี" นีรชาสวมบทบาทเป็นดาราสาวสวยได้อย่างแนบเนียน
แต่เดี๋ยวก่อนนะ จู่ๆแม่นักเขียนก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่เคยแต่งฉากให้พราวดาวใส่เสื้อผ้าของพายุสักหน่อย
พ่อพระรองของเธอมั่วนิ่มหรือมีอะไรที่เธอยังไม่รู้อีกงั้นเหรอ
"พ่ะ...พายุ" เสียงหวานเอ่ยขึ้นในลำคอเบาๆ กว่าหลายวินาที่นีรชามองไปที่อีกฝ่าย ตั้งแต่วันแถลงข่าวและวันที่ถูกพายุมัดมือชกให้ทำสัญญาเป็นแฟนวันนี้เป็นวันแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกันแต่ก็ใช่ว่าแม่นักเขียนสาวในร่างพราวดาวสวยสง่าจะดีอกดีใจเนื้อเต้นเพราะคนที่เธออยากเห็นหน้าจวนใจจะขาดรอนๆ คือบอสหนุ่มสุดหล่ออย่างเหนือเมฆต่างหาก"นี่มันอะไรกันคะคุณเอกอย่าบอกนะว่าคุณหมอที่คุณบอกเมื่อกี้คือคุณหมอพายุ" เนตรนภาได้พูดแทนความสงสัยของนีรชาไปหมดแล้วแม้จะเทียบไม่ได้กับอาการตกใจของเธอ"ใช่ครับ คุณหมอพายุเป็นหมอคนนึงที่ร่วมในการวิจัยผลิตภัณฑ์ยาดังนั้นคุณพราวไม่ต้องกังวลเลยนะครับว่าจะกระทบชื่อเสียงเพราะผมได้ข่าวมาว่าคุณหมอพายุเก่งไม่แพ้คุณหมอไพโรจน์เสียที่อายุน้อยกว่า ทำงานกับแฟนอาจจะเกร็งๆ หน่อยนะครับ" ประโยคหลังเหมือนครีเอทีฟหนุ่มจงใจจะพูดให้พราวดาวได้ยินคนเดียว"ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเสียเวลานะครับ" ทันทีที่ก้าวมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของทุกคนด้วยความมีมารยาทเป็นทุนเดิมพายุจึงโค้งศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อกล่าวขอโทษทีมงานเป็นอันดับแรกคุณหมอผู้สง่าผ่าเผยเดินผ่านครีเอทีฟหนุ่มไปยืนข้างกายดาราสาวคนสนิทซึ่งดูเหมือนว่าแม่ดา
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเนตรนภาสั่งให้พราวดาวเก็บตัวอยู่แต่ในคอนโดเพราะกลัวว่าถ้าออกไปข้างนอกอาจจะเจอนักข่าวแล้วจะถูกถามถึงเรื่องที่พึ่งให้สัมภาษณ์ไปการเปิดตัวแฟนแบบสายฟ้าแล๊บทำเอาทั้งคนในและนอกวงการต่างก็พากันพูดถึงส่งผลให้ภาพลักษณ์ของพราวดาวดีขึ้นแต่ก็ยังมีกระแสด้านลบอยู่บ้างโดยเฉพาะกลุ่มแอนตี้ที่ก่อนหน้านี้เคยบุกไปทำร้ายดาราสาวถึงโรงพยาบาลพวกเขาพากันขุดคุ้ยหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าระหว่างพราวดาวกับคุณหมอที่ทำตัวเป็นพระเอกขี่ม้าขาวแท้ที่จริงแล้วก็แค่การเล่นละครฉากหนึ่ง“พรุ่งนี้พี่จะมารับตอนสิบโมงนะ” เนตรนภาเห็นสมควรว่าพราวดาวคงต้องกลับมารับงานได้แล้วหลังจากที่พักรักษาตัวมาเป็นเดือน แม้ว่าดาราดังอย่างเธอจะทำประกันอุบัติเหตุเอาไว้แต่ก็ยังมีส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่มเนตรนภาเลยให้พราวดาวหยุดงานนานกว่านี้ไม่ได้เพราะพราวดาวยังต้องผ่อนคอนโดผ่อนรถไหนจะต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว“ไปไหน”“ก็ไปทำงานไง” เนตรนภาตวัดสายตาด้วยสีหน้าประหลาดใจ หรือพราวดาวจะยังไม่พร้อมทำงาน ผู้จัดการสาวจึงได้นั่งลงถาม“ไหนว่าขาดีขึ้นเยอะแล้วไงพี่ก็เห็นพราวเดินเองได้แล้วนี่” งานที่ต้องไปถ่ายพรุ่งนี้เป็นโฆษณาตัวหนึ่งซึ่งเ
“อะไรนะ” นีรชาไม่คิดว่าคุณหมอพายุผู้ไร้เล่ห์เหลี่ยมจะใช้วิธีการเจ้าเล่ห์แบบนี้มัดมือชก พ่อพระรองผู้แสนดีไม่มีพิษมีภัยเห็นทีจะเป็นแค่ตัวละครไร้ตัวตนที่อยู่ในนิยายซะล่ะมั้งแต่ในขณะที่นีรชากำลังจะโวยวายต่อประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาโดยเจ้าของบริษัทโฆษณาอย่างเหนือเมฆ เขาตั้งใจจะมาพูดเรื่องการแถลงข่าววันนี้ นีรชาเห็นเหนือเมฆมาเลยรีบซ่อนสัญญาเข้าไปไว้ใต้หมอนเพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้โดยเฉพาะพ่อพระเอกในฝันของเธอแม้ว่าการเป็นแฟนกันหลอกๆระหว่างเธอกับพายุอาจจะปกปิดคนใกล้ชิดได้ยากแต่เธอก็ไม่อยากให้เหนือเมฆหรือแม้แต่ผู้จัดการส่วนตัวรู้เรื่องสัญญาอยู่ดี“ฉันพึ่งได้ดูข่าวเธอแล้วก็รีบมาเลย” ประธานหนุ่มหรือพ่อพระเอกของแม่นักเขียนเปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทางร้อนใจแต่ก่อนจะพูดธุระสำคัญสายตาก็ไปปะทะเข้ากับสายตาของพายุแม้การอยู่ของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจเท่าไหร่แต่คุณหมอผู้ที่ปกติแล้วจะงานรัดตัวทั้งวันไม่น่าจะมีเวลามานั่งลอยหน้าลอยตาอยู่ห้องคนอื่น แต่เรื่องที่ทำให้เขาทั้งคู่จ้องหน้ากันนิ่งราวกับกำลังส่งกระแสจิตคงจะเป็นสาเหตุมาจากประเด็นร้อนที่พึ่งเกิดขึ้นวันนี้“แกอยู่ด้วยก็ดีแล้ว” เหนือเมฆเป็นฝ่ายเ
“สัญญาการเป็นแฟนหลอกๆ ระหว่างฉันกับเธอไง” ใช่ว่าจะไม่เข้าใจแต่ที่เธอต้องหันไปถามเป็นเพราะข้อความที่พายุอ้างว่าเป็นสัญญามันดูจะริบรอนอิสรภาพเกินไป“สัญญาเนี่ยนะ”“ใช่ สัญญาลองอ่านดูสิ” นีรชาถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจะก้มลงอ่านข้อความเหล่านั้นให้ถี่ถ้วน“ข้อหนึ่ง ฝ่ายเอสามารถมานอนค้างห้องของฝ่ายบีได้อย่างน้อยอาทิตย์ละสองครั้งข้อสอง ฝ่ายเอสามารถไปหาเวลาที่ฝ่ายบีไปทำงานได้ทุกที่อย่างไม่มีข้อยกเว้นข้อสาม เวลาอยู่ในที่สาธารณะฝ่ายบีต้องวางตัวหรือปฏิบัติเสมือนฝ่ายเอเป็นคนรัก ข้อนี้หมายรวมถึงความใกล้ชิดอย่างเช่นการจับมือ หอมแก้ม โอบกอด หากมากกว่านี้ต้องขึ้นอยู่ที่ความเหมาะสมและความสมัครใจของทั้งสองฝ่ายหรือขึ้นอยู่กับสถานการณ์บังคับข้อสี่ หากฝ่ายบีจะไปหาฝ่าเอในที่ทำงานสามารถไปได้ทุกเมื่อแต่ฝ่ายบีจะต้องมีสิ่งของติดมือไปด้วย ของสิ่งนั้นจะเป็นอะไรแล้วแต่ฝ่ายบีจะเห็นสมควรข้อห้า หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตกหลุมรักอีกฝ่ายจะถือว่าสัญญาฉบับนี้เป็นโมฆะซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงข้อหก สัญญาฉบับนี้มีอายุหกเดือนนับจากวันที่ทำสัญญาหลังจากครบหกเดือนทั้งสองฝ่ายจะเป็นอิสระโดยลดสถานะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
“นายเป็นบ้าเหรอพายุทำไมถึงบอกว่าคบกับพราวดาวอยู่” พอพ้นสายตาของนักข่าวนีรชาก็ต่อว่าให้พระรองของเธอไปทันทีและเป็นคำพูดที่ออกมาจากความรู้สึกตัวเองไม่ใช่ต่อว่าแทนเจ้าของร่าง“ฉันก็ช่วยเธอไง” พายุเข้าใจที่ถูกอีกฝ่ายต่อว่าจึงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ช่วย ช่วยให้เรื่องมันวุ่นวายกว่าเดิมน่ะสิ” นีรชายังคงใช้อารมณ์ ที่แม่นักเขียนเป็นห่วงไม่ใช่เรื่องโกหกนักข่าวแต่เธอเป็นห่วงเนื้อเรื่องในนิยายมากกว่าเพราะพล็อตเรื่องที่วางเอาไว้พระรองผู้อ่อนโยนและแสนดีอย่างพายุจะต้องอยู่อย่างไร้คู่ไปตลอดชีวิตหรือต่อให้เขาคิดอยากมีคู่ขึ้นมาก็ต้องเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่นางร้ายของเธอแต่หากจะพูดให้ถูกประเด็นเรื่องที่ทำให้แม่นักเขียนร้อนใจจนต้องแสดงอาการโวยวายเป็นเพราะตัวเองดันมาอยู่ในร่างของพราวดาวต่างหากโอกาสทองที่จะได้ใกล้ชิดสนิทสนมชายหนุ่มในฝันอย่างเหนือเมฆ ไม่จบเห่หรอกเหรอ“ฉันเนี่ยนะทำให้เรื่องมันยุ่งกว่าเดิม” พายุชี้หน้าตัวเองเมื่อยัยดาราเอาแต่โทษเขาไม่หยุด“ก็ใช่น่ะสินายไปบอกนักข่าวแบบนั้นทำไม รู้ไหมว่าหลังจากนี้ไปนายจะถูกดึงเข้ามาในชีวิตของพราว….เอ่อ...ของฉัน” นีรชาร้อนใจเกือบจะเผลอพูดชื่อนางร้ายของเธอออ
"ผมกับคุณพราวตอนนี้เราสองคนกำลังคบกันอยู่ครับและคนที่คุณพราวขับรถไปหาคืนนั้นก็คือผม” เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกระลอก ในขณะที่สายตาคมภายใต้กรอบแว่นตามองไปยังเบื้องหน้าด้วยความสุขุมแม้ว่าพายุไม่ใช่ดาราหรือคนเด่นคนดังแต่เขาเป็นศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่งผู้ปรากฏตัวคล้ายไม่ได้รับเชิญทำให้บรรดานักข่าวพากันงงเป็นไก่ตาแตกเพราะก่อนหน้านี้พราวดาวมีข่าวกับนักธุรกิจหนุ่มดังนั้นแล้วการที่จู่ๆ พายุออกมาเปิดเผยความสัมพันธ์จึงเป็นประเด็นร้อนที่ทั้งนักข่าวและคนที่รับชมไลฟ์สดอยู่ในขณะนี้ต่างก็พากันให้ความสนใจ“แล้วทำไมคุณหมอพึ่งออกมาพูดครับ” ความจริงนักข่าวชายผู้นี้อยากถามว่า หากที่พูดมาเป็นความจริงควรจะออกมาพูดตั้งแต่ทีแรกนอกเสียจากว่าเรื่องที่พูดมันมีเบื้องลึกเบื้องหลัง“ที่ผ่านมาคุณพราวเป็นข่าวกับคุณเหนือเมฆมาตลอดในขณะที่ทุกคนรับรู้ว่าคุณหมออคือเพื่อนสนิทของคุณพราวการที่วันนี้คุณหมอออกมาบอกกำลังคบอยู่กับคุณพราวแบบนี้สังคมจะยิ่งตั้งข้อสงสัยไหมคะ” นักข่าวหญิงผู้นี้เป็นนักข่าวสายบันเทิงช่องดังช่องหนึ่งที่เล่นข่าวพราวดาวกับเหนือเมฆตั้งแต่แรกเริ่มเธอจึงไม่เชื่อว่าพราวดาวจะคบอยู่กับพายุจริงๆทว่าคำถาม