Home / รักโบราณ / ทะลุมิติมาพบรักกับเมน / บทที่ 7 เด็กส่งซาลาเปา

Share

บทที่ 7 เด็กส่งซาลาเปา

last update Last Updated: 2025-09-09 20:00:38

คว้าเอากล่องซาลาเปาได้แล้วฟางหนิงฮวาก็ออกจากบ้าน ที่แรกที่ต้องไปก็คือสถานศึกษาเพราะว่าใกล้กลับร้านซาลาเปามากที่สุด จากร้านของนางเดินไปยังสถานศึกษาใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อ ไปถึงแล้วก็ส่งซาลาเปาให้กับลูกมือในครัว ส่วนค่าซาลาเปานั้นนางต้องไปเก็บเอากับอาจารย์ผู้ทำหน้าที่ดูแลบัญชีของสถานศึกษา

        "เข้ามาสิ เจ้ามาเก็บค่าอะไรกัน" อาจารย์ผู้ดูแลบัญชีเอ่ยถาม เนื่องจากไม่เคยเห็นหน้าฟางหนิงฮวามาก่อน ปกติแล้วจะเป็นอารองของนางที่ทำหน้าที่นี้

        "ข้ามาเก็บค่าซาลาเปาเจ้าค่ะ" ฟางหนิงฮวาตอบอย่าร่าเริง

        "ที่ร้านซาลาเปาเปลี่ยนคนส่งของอย่างนั้นหรือ" อาจารย์ผู้นั้นถามอย่างแปลกใจ

หญิงสาวตอบกลับด้วยเสียงสดใส "ไม่ได้เปลี่ยนหรอกเจ้าค่ะ พอดีว่าท่านอาของข้ากลับบ้านกะทันหันข้าก็เลยต้องมาส่งแทนชั่วคราว

อาจารย์ผู้นั้นพยักหน้าเล็กน้อยเห็นหญิงสาวดูท่าทางกระตือรือร้นเช่นนี้ก็ยิ้มออกมา เขาควักเงินจากถุงเป็นจำนวนที่พอดีกับค่าซาลาเปาของวันนี้แล้วมอบให้กับนาง "ดีแล้ว เจ้าเองก็ขยันทำงานเข้าล่ะ ร้านซาลาเปาของเจ้าจะได้รุ่งเรือง"

"ขอบคุณเจ้าค่ะ" ฟางหนิงฮวารับเงินแล้วก็ไปต่อยังจวนของคหบดีค้าหยก

นางไม่รู้จักจวนคหบดีค้าหยกเพราะว่าไม่เคยมาเลยสักครั้งจึงได้ถามทางเอากับชาวเมืองที่ผ่านไปผ่านมาหน้าสถานศึกษา เมื่อได้คำตอบแล้วก็มุ่งหน้าไปทันที ที่นี่ไม่มีอะไรมากเพียงแค่ส่งมอบซาลาเปาให้เด็กรับใช้จากนั้นก็รับเงินมาเป็นอันว่าเรียบร้อย เด็กรับใช้ไม่ได้สงสัยอะไรแล้วก็คงไม่สนใจด้วยว่าวันนี้มีเด็กส่งซาลาเปาคนใหม่มา เขาเพียงแค่รับซาลาเปาไปตามหน้าที่ของเขาเท่านั้น

ที่สุดท้ายเป็นจวนของท่านเจ้าเมือง ที่นี่ไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก เจ้าของร่างเดิมก็เคยเดินผ่านจวนเจ้าเมืองอยู่บ้าง อีกทั้งยังคุ้นเคยกับพ่อครัวใหญ่ของจวนนี้เพราะบางครั้งเวลามีงานเลี้ยงที่จวนเขาก็ไปสั่งซาลาเปาด้วยตัวเองถึงที่ร้าน

จวนเจ้าเมืองถู่หยางกว้างขวางใหญ่โตยิ่ง แบ่งออกเป็นเรือนหลัก เรือนนอนของท่านเจ้าเมือง เรือนรับรอง เรือนสำหรับบ่าวในจวน ส่วนโรงครัวนั้นตั้งอยู่ไกลออกไปทางด้านหลังทำให้ฟางหนิงฮวาต้องเดินไกลสักหน่อยกว่าจะเอาซาลาเปาไปส่งถึงที่ได้

"พ่อครัวใหญ่ ซาลาเปามาแล้วเจ้าค่ะ" ฟางหนิงฮวาทักทายพ่อครัวใหญ่ด้วยท่าทางกระตือรือร้น

พ่อครัวใหญ่ได้เห็นฟางหนิงฮวาแล้วก็ประหลาดใจเล็กน้อย เพราะหญิงสาวผู้นี้ตอนอยู่ที่ร้านไม่ได้ดูสดใสแข็งแรงถึงเพียงนี้ อีกทั้งเขาเองก็รู้มาจากบิดามารดาของนางว่านางมีร่างกายที่ไม่แข็งแรงมาแต่กำเนิด เหตุใดวันนี้ถึงได้ดูไม่เหมือนคนป่วยเลยแม้แต่น้อย

"อ้าว…หนิงฮวา วันนี้เหตุใดจึงได้มาส่งซาลาเปาเองเล่า ว่าแต่เจ้าหายป่วยแล้วอย่างนั้นหรือ" พ่อครัวใหญ่ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง พลางมองดูหญิงสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับบุตรสาวของตนเองอย่างเอ็นดู

"พอดีท่านอาต้องกลับบ้านที่นอกเมืองเจ้าค่ะ ข้าก็เลยต้องมาส่งให้เป็นการชั่วคราว" ฟางหนิงฮวาตอบ

"ดีแล้ว เจ้าได้ออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้างก็ดี จะได้สดชื่น อยู่แต่ในบ้านอุดอู้ทั้งวันเมื่อไรอาการป่วยจะดีขึ้น เจ้าว่าจริงหรือไม่" พ่อครัวใหญ่วางมือจากเนื้อที่กำลังหั่นจากนั้นจึงไปหยิบถุงเงินที่แบ่งไว้เป็นค่าซาลาเปาเอามาให้นาง

ฟางหนิงฮวารับเงินค่าซาลาเปานั้นมาแล้วเก็บไว้ในอกเสื้อ "ขอบคุณเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าได้ออกมาข้างนอกรู้สึกดีขึ้นมากเลยทีเดียว"

รับเงินแล้วก็จากมาตามประสาของคนขายของ ฟางหนิงฮวาเดินจากห้องครัวผ่านด้านข้างของเรือนรับรองมาจนถึงหน้าเรือนหลักกลับรู้สึกว่าที่จวนเจ้าเมืองวันนี้ดูผิดปกติ เพราะทุกครั้งแล้วยามที่นางเดินผ่านก็มักจะเห็นว่าที่นี่มีเหล่าทหารเดินกันมากมายขวักไขว่ หรือไม่ก็มีเหล่าขุนนางและผู้มาเยือนบ้าง แต่ว่าวันนี้กลับไม่มีเลย เท่าที่เห็นแล้วนอกจากในครัวแล้วก็เหลือเพียงทหารองค์รักษ์ที่เฝ้าอยู่ที่เรือนนอนของท่านเจ้าเมืองสองคนกับที่เฝ่้าอยู่หน้าประตูใหญ่อีกสองคนเท่านั้น หรือว่าวันนี้ทุกคนในจวนนี้จะพากันไปทำธุระที่อื่น

ฟางหนิงฮวาเดินตัดผ่านลานหน้าจวนออกมาจนเกือบจะถึงประตูใหญ่ก็สวนกับชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีท่าทางสุขุมยิ่ง เขาถือล่วมยาอันใหญ่เข้าไปด้วยอีกทั้งยังสวมชุดสีขาว จึงสามารถคาดเดาได้ไม่ยากว่าชายผู้นี้จะต้องเป็นหมออย่างแน่นอน แต่ว่าหมอมาทำอะไรที่จวนของเจ้าเมืองเล่า ฟางหนิงฮวาเห็นแล้วก็เกิดความสงสัยขึ้นในทันที

แต่ก็เพียงแค่สงสัยเท่านั้น นางไม่ได้อยากรู้อะไรไปมากกว่านี้เพราะเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้าน ค่อนข้างที่จะสันโดษและไม่ค่อยสนใจใครเสียด้วยซ้ำ ในเมื่อมีหมอมาที่นี่ก็คิดไปว่าที่จวนนี้อาจจะมีคนป่วยก็เท่านั้น จากนั้นจึงเดินต่อไปยังประตู่ใหญ่เพื่อที่จะกลับบ้าน

ยังไม่ทันได้ถึงประตูใหญ่ก็มีเสียงบ่าวรับใช้พูดคุยกันดังมาจากทางไหนก็ไม่รู้แต่คาดว่าน่าจะอยู่ไม่ไกล

"เจ้าว่าท่านเจ้าเมืองได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้จะรอดหรือไม่" เสียงบ่าวผู้ชายกล่าวขึ้นดังมาเข้าหูของฟางหนิงฮวา

ทีแรกคิดว่าจะไม่สนใจแล้วแต่จนแล้วจนรอดบ่าวพวกนี้ก็มาพูดให้ได้ยินจนได้

"เจ้าอย่ามาปากเสียนะ ท่านเจ้าเมืองออกจะแข็งแรงถึงปานนั้นย่อมต้องไม่เป็นไรเป็นแน่" คราวนี้เป็นเสียวของสาวใช้ที่ค้านขึ้นมาบ้าง

บ่าวผู้ชายถอนหายใจออกมาอย่างเป็นกังวลก่อนจะกล่าวต่อ "แต่ว่าตอนนี้ท่านเจ้าเมืองยังไม่ฟื้นเลย บาดแผลก็เต็มตัวไปหมดคาดว่าจะเสียเลือดไปมาก ข้าเป็นห่วงเขาเหลือเกิน พวกเราจะทำอย่างไรเพื่อช่วยท่านเจ้าเมืองได้บ้าง"

"ตอนนี้หมอที่เก่งที่สุดในเมืองถู่หยางก็มาแล้ว อย่างไรท่านหมอหลิวจะต้องรักษาท่านเจ้าเมืองให้หายได้เป็นแน่" สาวใช้ตอบ

"ต้องโทษพวกโจรภูเขานั่น ถ้าพวกมันไม่สร้างปัญหาท่านเจ้าเมืองก็คงไม่ต้องเป็นเช่นนี้" บ่าวผู้ชายกล่าวอย่างโกรธแค้น

แท้จริงแล้วที่บ่าวผู้ชายคนนี้โกรธแค้นก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นบ่าวข้างกายของท่านเจ้าเมืองจึงรักเป็นห่วงท่านเจ้าเมืองมากเป็นพิเศษ ยิ่งพอเห็นเจ้านายของตนบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ก็ทั้งกลัวทั้งเสียใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี

ได้ยินที่บ่าวผู้นั้นกับสาวใช้คุยกันความทรงจำก็ผุดขึ้นมา ก่อนหน้าที่เจ้าของร่างเดิมจะเสียชีวิตนั้นมีเหตุหมู่บ้านที่รอบนอกหลายหมู่บ้านถูกโจรภูเขาเข้ามาปล้น พวกมันปล้นเงินทองรวมทั้งเสบียงไปมากมายอีกทั้งจุดไปเผาหมู่บ้านจนวอดวายอีกด้วย ทำให้ชาวบ้านได้รับความทุกข์แสนสาหัสไม่มีที่อยู่อาศัยจนต้องอพยพเข้ามาอยู่ที่พื้นที่ช่วยเหลือของเมืองถู่หยางเป็นจำนวนมาก

ปัญหานี้เป็นความรับผิดชอบของเจ้าเมืองถู่หยาง ดังนั้นเขาจึงนำกำลังไปปราบ เขาพร้อมกองกำลังกว่าครึ่งขี่ม้ารุดขึ้นเหนือเพื่อไปต่อสู้กับพวกโจรภูเขา แต่ก็ไม่คิดว่าพวกโจรภูเขาจะมีกองกำลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้จนสามารถต้านทานกองทัพเล็ก ๆ ของเมืองถู่หยางได้ และทำให้ท่านเจ้าเมือถึงกับได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับมา

จะว่าไปแล้วก็แปลกไม่น้อยเพราะหากเป็นโจรภูเขาธรรมดาที่ก่อเหตุบุกปล้นแย่งชิงก็ไม่จำเป็นต้องมีกำลังมากมายถึงเพียงนี้ แต่ทว่าพวกมันมีมากกว่ากองกำลังของเมืองถู่หยางหลายเท่า จนเจ้าเมืองเองก็อดสงสัยมิได้ว่าพวกมันอาจจะมีเบื้องลึกเบื้องหลัง บางทีอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องถึงแคว้นศัตรูที่อยู่ทางเหนือก็เป็นได้เขาคิดว่าหากปราบพวกมันได้แล้วก็จะเขียนฎีกาเสนอเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้ แต่ทว่ายังไม่มันได้เขียนเขาก็มีสภาพเป็นเช่นนี้ไปเสียก่อน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 14 แม่สื่อแม่ชัก

    บทที่ 14 แม่สื่อแม่ชัก ออกจากเหลาสุราก็เดินตรงไปยังร้านขายหมูของต้าเป่าทันที ที่ร้านขายหมูตอนนี้วุ่นวายมากเพราะใกล้จะถึงงานเทศกาลตวนอู่แล้ว ผู้คนจึงออกจากบ้านมาจับจ่ายซื้อของไปทำบ๊ะจ่างกันมากมายเต็มตลาดไปหมด กว่าที่ฟางหนิงฮวาจะเบียดฝ่าฝูงชนเข้าไปในร้านขายหมูได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกเช่นกัน เทศกาลตวนอู่หรือเทศกาลบ๊ะจ่างเป็นเทศกาลสำคัญ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 5 เดือน 5 บรรยากาศของเทศกาลอบอวลไปด้วยกลิ่นไอของวัฒนธรรมและประเพณี ผู้คนจะเริ่มเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้าตรู่ หญิงสาวช่วยกันห่อบ๊ะจ่างด้วยใบไผ่หรือใบหญ้าเรียวยาว ภายในห่อข้าวเหนียวสอดไส้ด้วยหมูแดง ถั่ว หรือไข่แดงเค็ม กลิ่นหอมของบ๊ะจ่างลอยคลุ้งไปทั่วลานบ้านชายฉกรรจ์จะนำเรือมังกรออกมาเพื่อเตรียมแข่งในแม่น้ำ เสียงกลองกระหึ่มกึกก้อง ผสมกับเสียงร

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 13สุราที่นี่ก็ไม่เท่าไร

    บทที่ 13 สุราที่นี่ก็ไม่เท่าไร หนึ่งเดือนผ่านไปฟางหนิงฮวาก็เริ่มคุ้นชินกับการใช้ชีวิตในเมืองถู่หยางแล้ว ถึงแม้ว่าจะคิดถึงที่ที่จากมาอยู่บ้างแต่ว่าที่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หนักใจอะไร คนที่คิดถึงก็เห็นจะมีแค่เสี่ยวปิงกับคนที่ร้านอาหารเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรพวกเขาย่อมต้องมีชีวิตของตนเองต่อไป ถึงนางไม่จากตายก็ต้องมีวันใดวันหนึ่งจากเป็นอยู่ดี การที่ได้มาเกิดใหม่ที่นี่ก็ดีไม่น้อย นางมีทั้งพ่อแม่ทั้งอารองที่รักและคอยดูแลนาง เมื่อเทียบกับชาติที่แล้วที่ไม่มีญาติเลยแม้แต่คนเดียวนั้นก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นกว่ามาก การได้อยู่กันพร้อมหน้าครอบครัวเป็นอะไรที่มีความสุขยิ่งซึ่งนางไม่เคยสัมผัสมาก่อนชีวิตที่นี่ก็เรียบง่ายไม่ต้องทำงานแข่งกับเวลาหรือว่าแข่งขันกันเพื่อความก้าวหน้า อาจจะมีบ้างในคนระดับสูงแต่ไม่ใช่บุตรสาวร้านขายซาลาเปาเช่นนาง งานที่ต้องทำก

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 12 ข่าวดีของเมืองถู่หยางที่มาพร้อมกับซิกแพค

    บทที่ 12 ข่าวดีของเมืองถู่หยางที่มาพร้อมกับซิกแพค ข่าวของท่านเจ้าเมืองถูกติดประกาศตามพื้นที่ต่าง ๆ รอบเมืองถู่หยาง ชาวเมืองต่างก็มาดูประกาศกันอย่างตื่นเต้น ในเมื่อประกาศจากจวนเจ้าเมืองยืนยันเป็นที่แน่ชัดว่าท่านเจ้าเมืองของพวกเขาฟื้นแล้วทุกคนต่างก็ดีใจมาก ถึงขั้นจัดฉลองกันใหญ่ โดยเฉพาะบรรดาหญิงสาวที่ชื่นชอบท่านเจ้าเมือง พวกนางดีใจจนถึงกับน้ำตาไหล ต่างจับมือกันอย่างปลาบปลื้ม บ้างกราบไหว้ฟ้าดินไม่หยุดพร่ำพูดว่าขอบคุณสวรรค์ที่เมตตา พวกนางยังคงไปยืนออกันอยู่ที่หน้าประตูจวนเจ้าเมืองเช่นเคย คราวนี้เหมือนว่าพวกนางจะรวมตัวกันเยอะกว่าเดิมเสียอีก ของเยี่ยมต่าง ๆ ถูกนำมาให้เหล่าองครักษ์ขนกลับเข้าจวนไปนับไม่ถ้วน แต่ถึงอย่างไรพวกนางก็ยังคงไม่ได้เข้าไปเยี่ยมท่านเจ้าเมืองอยู่ดีเพ

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 11 ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้ว

    บทที่ 11ท่านเจ้าเมืองฟื้นแล้วเมื่อลืมตาขึ้นมาหยางจื้อเจ๋อก็พบกับแสงสว่างอีกครั้งแต่เป็นแสงสว่างที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องที่นอนอยู่ เขากวาดตามองไปรอบห้องช้า ๆ ไม่สามารถหันหน้าได้ถนัดเนื่องจากรู้สึกเจ็บปวดที่ต้นคออยู่ไม่น้อย ห้องที่นอนอยู่นั้นมองแล้วรู้สึกไม่คุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง ทุกอย่างภายในห้องดูเหมือนจะไม่ใช่โลกปัจจุบันที่เขาเคยอยู่ ทั้งรูปแบบการตกแต่งห้องที่แปลกตา ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ดูแล้วนะจะเหมือนจวนของชนชั้นสูงในยุคโบราณมากกว่า แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือเหตุใดอยู่ ๆ เขามีมีอาการเหมือนคนได้รับบาดเจ็บ หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์รถชน พอคิดดูอีกครั้งก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะว่าเขาเองก็ตายไปแล้วและร่างก็ถูกฝังไปเมื่อสักครู่นี้ซึ่งเขาเห็นมันด้วยตาของตัวเองหยางจื้อเจ๋อพยายามยามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแต่ทว่าความ

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 10 คำสั่งเสียจากวีรบุรุษ

    ย้อนกลับไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หยางจื้อเจ๋อที่ประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักพุ่งเข้าชนต้นไม้ข้างทาง เขาเสียชีวิตบนรถฉุกเฉินระหว่างที่นำตัวส่งโรงพยาบาล วิญญาณของเขาออกจากร่างแล้วนั่งมองตนเองนอนอยู่ในรถอย่างสิ้นหวัง เขาเพิ่งอายุเพียงแค่สามสิบต้น ๆ กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นและใกล้ถึงจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิต อีกไม่กี่ปีข้างหน้าก็จะถอนตัวจากเบื้องหน้าแล้วมาทำเบื้องหลังเป็นผู้กำกับอย่างเต็มตัว ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใดสวรรค์ถึงไม่ให้เขามีโอกาสนั้น พยาบาลที่อยู่ในรถฉุกเฉินต่างก็พยายามช่วยชีวิตเขาอย่างเต็มที่ แต่ในที่สุดก็สายไปเสียแล้ว เมื่อเสียงของเครื่องวัดสัญญาณชีพในรถพยาบาลดังยาวเป็นสัญญาณบอกว่าผู้ป่วยได้หมดลมหายใจ เมื่อร่างของเขาถึงที่โรงพยาบาลได้ไม่นาน พ่อกับแม่ของเขาก็บินตรงมาจากต่างเมืองเพื่อมาดูอาการของลูกชาย พวกเขามีลูกชายเพียงคนเดียวและคาดหวังว่าเขาผู้นี้จะเป็นผู้สืบท

  • ทะลุมิติมาพบรักกับเมน   บทที่ 9 ว่าที่คู่หมั้น อะไรกันเนี่ย

    เมื่อทำหน้าที่ของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้วฟางหนิงฮวาก็กลับมาที่ร้านอย่างสบายใจ หลังจากนั้นจึงทำหน้าที่ปั้นแป้งซาลาเปาต่อ ร้านนี้ไม่ได้ขายดีเพียงแค่ช่วงเช้าหรือว่าช่วงที่ผู้คนพักกินข้าวกันเท่านั้นแต่ทว่าขายดีทั้งวัน เพราะเมืองถู่หยางนั้นมีผู้คนมากมาย แต่ละคนทำงานไม่เหมือนกันเวลาพักกินข้าวบางครั้งก็ไม่ตรงกัน ดังนั้นซาลาของร้านสกุลฟางจึงขายได้ทั้งวัน ที่ร้านไม่ได้มีเพียงแค่ซาลาเปาอย่างเดียวยังมีหมั่นโถวขายด้วย ฟางหนิงฮวาไม่คิดว่าสวรรค์จะเข้าข้างตนเองถึงเพียงนี้ ชาติที่แล้วได้ทำงานที่ตัวเองรักนั่นก็คือการเป็นเชฟ พอตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ยังได้เกิดเป็นบุตรสาวร้านขายซาลาเปาอีก ช่างมีความสุขจริง ๆ นางคิดเล่น ๆ ว่าในภายภาคหน้าหากคุ้นเคยกับเมืองนี้และรู้เรื่องลู่ทางการทำมาหากินแล้วก็อยากจะขยายร้านซาลาเปาให้เป็นร้านอาหารที่โด่งดังที่สุดในเมืองถู่หยางพูดถึงร้านอาหารแล้วที่เมือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status