แชร์

จวนเหมยฮัว / 2

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-23 13:36:06

"คุณหนูจะถามเรื่องอะไรกับเสี่ยวโหรวหรือเจ้าคะ"

บ่าวรับใช้ที่แสนจงรักภักดีต่อคุณหนูของนางค่อย ๆ นั่งลงกับพื้นข้างเตียง ทว่าหลันจินเยว่กลับรีบรั้งสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มผู้นี้ขึ้นมานั่งข้างกาย

"คุณหนูทำอันใดเจ้าคะ บ่าวจะนั่งเทียบเคียงคุณหนูได้เยี่ยงไร"

เสี่ยวโหรวทั้งตกใจจนรีบขัดขืนแรงของจินเยว่กลับมานั่งกับพื้นตามฐานะของตน

"เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องแค่นี้ มา ๆ ขึ้นมานั่งข้างข้าบนเตียงนี่มา"

ฝ่ามือแน่งน้อยตบลงบนพื้นที่ว่างข้างกายนางเพื่อเป็นการออกคำสั่งให้สาวใช้ของเฟิงเยว่ซินตัวจริงมานั่งข้างนาง

หากแม้แต่เสี่ยวโหรวก็ไม่กล้ามานั่งตรงนี้เพราะนางเป็นขี้ข้า ก็คงไม่ต่างจากจินเยว่ที่ไม่ใช่เจ้าของร่างนี้ ไม่ควรอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำไป

"ไม่ได้เจ้าค่ะ หากใครมาเห็นเข้าจะตำหนิได้"

"ช่างคนอื่นสิ เจ้าเป็นคนของข้า ข้าจะให้เจ้านั่งตรงไหนใครจะกล้าว่า"

หลันจินเยว่เอื้อมมือไปฉุดร่างเล็กดูนุ่มนิ่มน่าทะนุถนอมขึ้นมานั่งข้างกายอีกครั้ง

เสี่ยวโหรวไม่กล้าขัดคำสั่งเป็นหนที่สอง ได้แต่นั่งข้างคุณหนูนางอย่างเกร็ง ๆ

"ทำตัวผ่อนคลายหน่อย ทำอย่างกับว่านั่งข้างข้าแล้วจะถูกตัดหัว"

ก็ไม่ถึงขั้นตัดหัว อย่างมากก็ถูกโบยจนหลังลายเพื่อให้จำใส่สมองเอาไว้ว่าเป็นขี้ข้าต้องไม่ทำตัวเสมอนาย

"คุณหนูให้บ่าวนั่งด้านล่างเถอะนะเจ้าคะ" แม้ไม่อยากขัดคำสั่ง แต่เสี่ยวโหรวถูกอบรมมาดีรู้ที่ต่ำที่สูงจึงได้แต่ห่วงพะวงกลัวใครจะเข้ามาเจอสถานการณ์เช่นนี้

"ถ้าเจ้าต่อต้านข้าอีก ข้าจะหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย!"

จินเยว่ขู่ฟ่อ ๆ ทำเอาคนถูกขู่กลัวจนส่ายหน้าไม่กล้าดื้อรั้นอีกต่อไป

"ดีมาก เจ้านี่ก็หน้าตาน่ารักดีเหมือนกันนะ ถ้าให้เดา เราสองคนน่าจะอายุห่างกันไม่เยอะ"

ในยุคปัจจุบันหลันจินเยว่อายุยี่สิบสามปีพอดี ทว่ากับเจ้าของร่างกายที่ดวงจิตนางมาสิงสู่อายุเพียงแค่สิบเก้าปีเท่านั้น ส่วนเสี่ยวโหรวถูกตระกูลเฟิงรับมาเลี้ยงตอนนางอายุห้าขวบ ให้เป็นเพื่อนเล่นกับเฟิงเยว่ซินที่โตกว่าสองปี

"เจ้าค่ะ ปีนี้ข้าครบสิบเจ็ดปีพอดี"

หากนางผู้นี้อายุเพียงแค่นี้ คุณหนูของนางจะอายุเท่าไรกันนะ

"แล้วข้าล่ะ ปีนี้ข้าอายุเท่าไหร่?"

เสี่ยวโหรวคิ้วขมวดอีกครั้ง เมื่อไรคุณหนูจะกลับมาเป็นคุณหนูที่จดจำทุกอย่างได้กัน

"คุณหนูอายุสิบเก้าเจ้าค่ะ"

"อ้อ สิบเก้าเองเหรอ"

ดวงตาคู่สวยกวาดสายตาเพื่อมองหาคันฉ่องภายในห้องนอน จินเยว่อยากรู้ว่าตอนนี้นางหน้าตาเป็นเช่นไร

พึ่บ!

ทันทีที่มองเห็นสิ่งที่ต้องการหลันจินเยว่รีบลุกขึ้นก้าวตรงดิ่งมายังคันฉ่องที่เคลือบด้วยทองเหลืองตามสไตล์ของยุคโบราณที่มีเครื่องไส้เครื่องมือไม่ทันสมัยเท่ายุคปัจจุบัน

"เหมือนในซีรีส์เลยกระจกพวกนี้มองยังไงก็ไม่ชัดแจ๋วเหมือนโลกเราเลย"

แม้จะสะท้อนภาพคนที่ส่องกลับมาเหมือนกระจกเงายุคปัจจุบัน ทว่าความคมชัดกลับมีเพียงเจ็ดในสิบส่วนของกระจกเงาที่ตนเคยส่อง

"คุณหนูพึมพำอะไรรึเจ้าคะ"

เสี่ยวโหรวได้ยินทุกอย่างแต่นางกลับไม่เข้าใจในบางคำศัพท์ที่ไม่คุ้นหู

"ไม่มีอะไร คุณหนูเจ้าก็สวยใช้ได้เลยนะ"

คุณหนูเจ้า?

ทำไมคุณหนูยังพูดจาแปลกประหลาดราวกับว่าไม่ใช่เจ้าของร่างนี้

"ทำไมมองข้าแบบนั้นล่ะ" ครั้นหันมาสบตาสาวใช้ข้างกายจึงเห็นว่าเสี่ยวโหรวมองตนด้วยแววตาประหลาดใจ

"บ่าว... คือบ่าว"

"ช่างเถอะ ๆ ต่อไปข้าจะเริ่มถามคำถามเจ้าเพื่อฟื้นความทรงจำแล้วนะ อาจจะจุกจิกหน่อย แต่เพื่อความทรงจำที่หายไป เจ้ายินดีช่วยข้าใช่ไหม?"

หลันจินเยว่เผลอใช้สายตาปิ๊ง ๆ กะพริบตาปริบ ๆ เหมือนที่เคยใช้อ้อนศาสตราจารย์ในโลกของนาง ทำเอาเสี่ยวโหรวที่เพิ่งเคยเจอท่าทางแบบนี้ที่ออกมาจากคุณหนูของนางครั้งแรกเบิกตาโตอย่างไม่เชื่อสายตา

"นี่คุณหนูไปจดจำสายตาของคนในหอคณิกามาตั้งแต่เมื่อใดเจ้าคะ"

สาวใช้ผู้จิ้มลิ้มรีบหันหน้าหันหลังมองไปยังประตูว่ามีใครผ่านมาเห็นกริยาเช่นเมื่อครู่หรือเปล่า

"หอคณิกา ข้าเคยไปที่แบบนั้นด้วยเหรอ?"

ว้าว! เฟิงเยว่ซินผู้นี้ไม่ธรรมดานะเนี่ย หอคณิกาเป็นที่แบบไหนทำไมนางจะไม่รู้

"คุณหนูจะเคยไปสถานที่แบบนั้นได้อย่างไร ห้ามคุณหนูแพร่งพรายให้ผู้อื่นได้ยินเด็ดขาดนะเจ้าคะ"

เสี่ยวโหรวรีบกำชับนายหญิงด้วยความเป็นห่วง

"งั้นข้าเริ่มคำถามแรกเลยแล้วกัน"

หลันจินเยว่เริ่มเรียบเรียงสิ่งที่อยากรู้ไว้ในหัว จากนั้นก็เริ่มถามคำถามทีละคำถาม

"คำถามแรก ข้าไม่มีพันธะกับชายใดใช่หรือไม่"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   บทส่งท้าย : 2 [จบ]

    "เหตุใดท่านถึง..."จำต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อถูกนิ้วของคนรักปิดไว้ที่ริมฝีปากไม่ให้ขยับเอ่ย"อย่าขยับ ห้ามพูดใด ๆ"ตงเปียนอ๋องรู้สึกว่าร่างกายตนเองแปลกไปข้างในมันร้อนรุ่ม ลำคอแห้งผากเหมือนคนกระหายน้ำหากแต่ความรู้สึกเขากลับบอกว่าน้ำเพียงอย่างเดียวช่วยให้เขาดับกระหายไม่ได้เขาเริ่มตั้งสติจนจมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่น ๆ หนึ่ง"ผงเริงรมย์""มันคืออันใด"หลันจินเยว่เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกจึงใคร่สงสัย ทว่าสิ่งที่อยากรู้กลับไม่ได้ถูกเอ่ยออกมาจากปากตงเปียนอ๋องเมื่อด้านนอกมีบุคคลมาเยือน"ฉินกงกงเข้าเฝ้าองค์ชายสี่เฟยหลง"เสียงกงกงของเสด็จย่าเขาดังขึ้นอยู่ด้านนอก"ฉินกงกงมีเรื่องอันใด"เหตุใดคนสนิทของเสด็จย่าถึงได้มาเยือนเข้าถึงจวนแห่งนี้ แถมมาได้เวลาเหมาะเจาะกับอาการประหลาดที่เพิ่งเริ่มแสดงอาการอีก"ไทเฮามีรับสั่ง ผงเริงรมย์นั้นไซร้ จงใช้ให้เกิดประโยชน์ หลังจากนี้สามวันเป็นฤกษ์ดี สามารถจัดงานมงคลได้"เสียงแหลมบาดหูของฉินกงกงเอ่ยราชโองการขององค์ไทเฮาเสร็จจึงทูลลากลับเข้าวังหลวง ทิ้งให้ตงเปียนอ๋องอมยิ้มอยู่ในห้องเมื่อรู้สาเหตุแล้วว่าเหตุใดตนถึงมีอาการแปลกประหลาดเช่นนี้"อะไรคือผงเริงรมย์และอะไรคือสามวันม

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   บทส่งท้าย : 1

    บทส่งท้าย : เมื่อหมอกจางหาย บุปผางามผลิบาน"ข้าขับพิษออกจากร่างกายองค์ชายเรียบร้อยแล้ว พักฟื้นสักสองสามวันก็หายดี"หมอหลวงประจำจวนเหมยฮัวเอ่ยบอก"ส่วนยานี้ต้มทานสามมื้อจนกว่าแผลจะหายดี"เสี่ยวโหรวรีบเข้าไปรับยานั้นจากหมอหลวง"อ้อข้าลืมอีกเรื่อง"ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบกว่าเดิมเพราะนึกว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงอันใดอีก"แผลนั้นต้องห้ามโดนน้ำเด็ดขาด คงต้องรบกวนพระชายาแล้ว"หมอหลวงหันมากำชับเรื่องสำคัญนี้กับหลันจินเยว่ ทำเอาใบหน้านางแดงระเรื่อเพราะไม่คิดว่าคนนอกจวนอย่างหมอหลวงท่านนี้จะรู้เรื่องสถานะของนางกับองค์ชายสี่อีกคน"ข้าไปส่งท่านหมอ"อู่ชิงหรงเดินนำหน้าเพื่อส่งหมอหลวงกลับโรงหมอ"บ่าวขอตัวไปต้มยาให้ท่านอ๋องนะเจ้าคะ"ทุกคนออกไปจากห้องหมดแล้วเหลือเพียงแค่หนึ่งคนหลับอยู่บนเตียงอย่างไร้วี่แววจะฟื้นและอีกคนที่นั่งลงข้างเขาด้วยความเป็นห่วง"ไหนท่านรับปากข้าว่าจะกลับมาอย่างปลอดภัย"ตอนที่หลันจินเยว่ได้ยินว่าตงเปียนอ๋องถูกอาวุธลับอาบยาพิษเล่นงานถึงกับวิ่งถือห่อยาหลายขนานไปดักรอพวกเขาระยะทางกือบลี้ ทั้งล้มลุกคลุกคลานจนแข้งขาถลอก บ่าวใช้คนใดขวางนางไล่ตะเพิดจนหมดสิ้น หากไม่สลบเสียก่อนหลันจินเยว

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   ศึกชี้ชะตา / 3

    ชายแดนทิศใต้"เจ้าเลิกดื้อรั้นเถิด ตอนนี้เผ่าซีเซียงยอมจำนนต่อกองทัพมังกรขาวหมดแล้ว"เสียงกร้าวของอู่ชิงหรงประกาศลั่นการปราบกบฎดำเนินมาได้สองชั่วยามแล้ว คนของเผ่าซีเซียงบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วนจนหัวหน้าเผ่ายกธงขาวยอมแพ้ให้กับอำนาจของแม่ทัพแห่งกองทัพมังกรขาวเฟยหลงทว่าต่อให้เสียเลือดเนื้อเสียคนไปมากมายเพียงใด ผู้ที่หัวรั้นเกลียดการพ่ายแพ้อย่างซู่จิ่งอวิ๋นไม่มีทางวางกระบี่ในมือลงเป็นแน่"วันนี้ข้ากับเจ้า ถ้าปลาไม่ตาย ตาข่ายก็ต้องขาด"ซู่จิ่งอวิ๋นโต้ตอบด้วยสำบัดสำนวนเสียงหนักแน่น วันนี้ทั้งเขาและตงเปียนอ๋องผู้นี้ต้องสู้กันให้ถึงที่สุด ให้ตายกันไปข้างถึงจะจบศึกในครั้งนี้"ช่างเด็ดเดี่ยวเช่นบิดาเจ้าเสียจริง"ตงเปียนอ๋องกล่าวชมในความเด็ดเดี่ยวนี้ หากเอามาใช้ให้ถูกทางคงเป็นที่น่ายกย่อง"วันนี้ข้าจะแก้แค้นให้ท่านพ่อที่ถูกพวกเจ้าบังคับให้ดื่มยาพิษนั่น"[1]ยามโฉ่วของวันนี้ เสนาซู่จินเพ่ยได้กรอกยาพิษฆ่าตัวตายหลังได้รับราชโองการเป็นนักโทษประหารที่ต้องบั่นคอเสียบประจาน ข่าวนั้นดังเซ็งแซ่ไปทั่วแคว้นจนมาถึงหูซู่จิ่งอวิ๋นบุตรชายเพียงคนเดียวที่ตั้งใจจะบุกไปช่วยบิดาออกมาแต่มิทันกาลเสียงกระบี่ฟาดฟันอย่

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   ศึกชี้ชะตา / 2

    "ทะ...ท่านอ๋อง"ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อถูกเอาอกเอาใจจากอีกคน"วันนี้สนุกไหม"เขาชวนนางคุยปกติ หากแต่ในแววตากลับมีความกลัดกลุ้มอยู่หลายส่วนจะเรื่องอะไรได้ ก็ตอนที่นางเดินซื้อของในตลาดมีนักฆ่าสะกดรอยตามถึงสามคน โชคดีที่ตงเปียนอ๋องอ่านเกมในครั้งนี้ออกคนรักของเขาถึงได้ปลอดภัยกลับมาหากเขาเล่าเรื่องนี้ให้นางฟัง หลันจินเยว่คงไม่สบายใจ เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในห้องอีกเป็นแน่ ตอนนี้เลยต้องเอาอกเอาใจนางเพื่อบอกกล่าวแก่เรื่องที่ตริตรองมาอย่างดีแก่นางในเวลาที่เหมาะสม"ตอนแรกก็สนุก"ตอบพร้อมยู่ปากอย่างหุดหงิดในเวลาต่อมา"ใครทำอันใดให้ว่าที่ชายาของข้าขุ่นเคืองใจ"ที่ใช้คำว่า 'ว่าที่' เพราะทั้งสองยังไม่เข้าพิธีสมรสกัน ตงเปียนอ๋องอยากให้เกียรตินางจึงจะรอปราบกบฎตระกูลซู่แล้วสิ้นถึงจะทำพิธีตามประเพณีแคว้น"ข้ากำลังดูผ้าเพื่อจะเอามาตัดชุดใหม่ให้ท่าน แต่เจอเข้ากับคนที่วางยาสลบข้าเพื่อส่งต่อให้คนพวกนั้นเข้า"ที่จริงเรื่องนี้องครักษ์เงาของเขารายงานมาหมดแล้ว"เจ้าพบเฟิงเยว่ซู?""จะเป็นใครอีกละ! พี่สาวตัวดีของเฟิงเยว่ซินนั่นแหละ"ตงเปียนอ๋องหลุดขำออกมาเบา ๆ เมื่อได้ฟังประโยคแปลก ๆ นั้นจบ"เจ้าพูดเหม

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   ศึกชี้ชะตา / 1

    "เสี่ยวโหรวเร็ว ๆ เข้า"เสียงเจื้อยแจ้วของหลันจินเยว่ในอาภรณ์สีลูกท้อร้องเรียกสาวใช้ที่เดินหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังอยู่ด้านหลัง"คุณหนูช้าหน่อยเจ้าค่ะ"วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส นางเลยขออนุญาตตงเปียนอ๋องออกมาเดินตลาด ฝั่งนั้นเห็นว่านางเพิ่งผ่านอันตรายมาเมื่อไม่กี่วันก่อนเลยให้ออกมาเที่ยวเล่นจะได้ลืมเรื่องร้าย ๆ พวกนั้น หากแต่ตงเปียนอ๋องก็มิได้นิ่งนอนใจ เขาส่งองครักษ์เงาคอยติดตามอยู่ห่าง ๆ เผื่อเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นจะได้ช่วยเหลือนางทัน"คุณหนูจะซื้อไปฝากท่านอ๋องหรือเพคะ"หลันจินเยว่ยืนดูผ้าไหมเนื้องามที่ร้านหนึ่งตรงตรอกเล็ก ๆ ของตลาด"เจ้าว่าหากท่านอ๋องเปลี่ยนมาใส่สีสว่างตาขึ้นจะดูภูมิฐานอยู่ไหม"ตั้งแต่ที่เห็นและรู้จักกันมา นางไม่เคยเห็นบุรุษที่ว่าสวมใส่เสื้อผ้าสีอื่นที่มิใช่สีดำสีเข้ม ๆ เลยสักครั้งเดียว"บ่าวว่าผ้าสีไหนหากอยู่บนตัวท่านอ๋องก็ดูสง่างามหมดเจ้าค่ะ"หลันจินเยว่เห็นด้วยอย่างยิ่ง วันนี้สาวใช้ของนางพูดได้ถูกใจต้องตบรางวัล"ผ้าพับนี้ข้าซื้อให้เจ้า"นางหยิบผ้าไหมสีกลีบดอกเหมยส่งให้เถ้าแก่ร้าน"คุณหนู นั่นคงแพงมากนะเจ้าคะ"มองแค่ตายังไม่ได้จับต้องเนื้อผ้าเสี่ยวโหรวก็รู้ว่านั่นคือไห

  • ทะลุมิติมาเป็นกบฎที่หลงรักท่านอ๋อง   เพียงเจ้าผู้เดียวที่เป็นสตรีของข้า / 2

    ผ่านมาครึ่งชั่วยามแล้วหลังจากที่ตงเปียนอ๋องออกมาจากห้องนั้นเพื่อฟังรายงานจากเหล่าทหารว่าซู่จิ่งอวิ๋นหนีไปกบดานกับเผ่าซีเซียงบนเขาทางใต้ เขาเลยสั่งให้ทุกคนกลับมาวางแผนกันที่จวนเหมยฮัวก่อนการเดินทางกลับจำต้องใช้ม้าถึงจะถึงที่หมายโดยเร็ว ทว่าหลันจินเยว่กลับเลือกที่จะโดยสารม้ามากับอู่ชิงหรงแทนอีกคน"เหตุใดข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังหลบหน้าท่านอ๋อง"บุรุษผู้โผงผางคิดเห็นการใดก็พูดออกไปจนหมดสิ้นถามสหายวัยเยาว์"ข้ามิได้หลบหน้าผู้ใด"หลันจินเยว่ที่นั่งอยู่ด้านหลังเขาตอบเหมือนร้อนตัว"หากข้าเป็นคนอื่นคงเชื่อที่เจ้ากล่าวมา"จะมาเกิดฉลาดเอาอะไรตอนนี้ นางยิ่งอยากอยู่เงียบ ๆ ตบตีกับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบจากตงเปียนอ๋องว่าตกลงแล้วที่เขาบอกชอบนางหมายถึงร่างกายเฟิงเยว่ซินหรือตัวตนที่นางแสดงออกกัน"หยุด!"ตงเปียนอ๋องที่ควบม้าตามหลังสองคนนี้สั่งเสียงลั่น ทหารทุกนายต่างหยุดควบม้าเพื่อรอฟังคำสั่งถัดไป"ท่านอ๋องพบสิ่งใดผิดปกติหรือขอรับ"หนึ่งในทหารที่ควบม้ารั้งท้ายลงจากม้ามาถามไถ่"ม้าตัวนี้อ่อนแรงแล้ว หยุดพักที่นี่สักพักก่อน"หากม้าที่ตงเปียนอ๋องทรงขี่อยู่คือทมิฬกาลคงหาข้ออ้างเช่นนี้ไม่ได้สายตาคมมองแผ่นหลังบ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status