บทที่ 6
รังแกคนถึงบ้าน
“ท่านแม่?”
เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์เข้ามากุมมือท่านแม่ทั้งซ้ายและขวา สีหน้าเป็นกังวล
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่แม่ของตงตงมาหาเรื่องท่านแม่ถึงบ้าน คนที่ถูกทำร้ายมักจะท่านแม่ของพวกเขา
ร่างกายและจิตใจของท่านแม่บอบบางมาก ทางนั้นด่ามานิดหน่อยก็ทำให้ท่านแม่ร้องไห้และซึมไปหลายวัน พอตงตงตะโกนว่าจะไปฟ้องแม่ เด็กทั้งสองก็เลยกลัวว่าแม่ของตงตงจะมาหาเรื่องแม่ของพวกเขาถึงบ้านเหมือนทุกครั้ง ถ้าท่านแม่ล้มป่วยไปอีกจะทำอย่างไร
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป แม่ไม่ได้ขี้ขลาดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เชื่อแม่สิ”
ได้ยินแบบนั้น เฉิงเอ๋อร์เม้มปากมองท่านแม่ ตอนแรกสายตาของเด็กน้อยไม่ค่อยวางใจเท่าไร แต่สักพักถึงยอมพยักหน้า
“ข้าเชื่อท่านแม่”
ไม่รู้ทำไม ถึงได้รู้สึกว่าท่านแม่ในตอนนี้เข้มแข็งกว่าเมื่อก่อน และไม่ว่าท่านแม่จะพูดอะไร น่าเชื่อถือไปหมด
“ท่านแม่…”
เป่าเอ๋อร์เขย่าแขนลู่ซินฟาง
“มีอะไรจ๊ะ เป่าเอ๋อร์ของแม่”
“ท่านแม่ไม่ได้ขโมยของคนอื่น เป่าเอ๋อร์เชื่อท่าน”
ลู่ซินฟางมองลูกทั้งสองด้วยความเอ็นดู ก่อนจะลูบศีรษะเล็กๆ แล้วสอนบางอย่าง
“เฉิงเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์ ฟังแม่ให้ดีนะ การลักเล็กขโมยน้อย การโป้ปด การใส่ร้ายผู้อื่น ล้วนเป็นนิสัยของคนไม่ดี พวกเจ้าห้ามทำเด็ดขาด”
“เหมือนอย่างตงตง?” เป่าเอ๋อร์ถาม ดวงตากลมโตมองท่านแม่แป๋วแว๋ว
“ใช่ เหมือนอย่างตงตงที่พูดจาใส่ร้ายผู้อื่น แล้วก็นะ หากคราวหน้าคราวหลัง ตงตงมารังแกพวกเจ้าอีกก็สู้กลับไป เขาผลักพวกเจ้า พวกเจ้าก็ผลักเขาคืนบ้าง”
“สู้ได้หรือ” เฉิงเอ๋อร์ถาม
“ทำไมจะไม่ได้เล่า” พูดอย่างนั้นก็นึกได้ว่าตงตงอายุมากกว่า ตัวใหญ่กว่า ย่อมแรงเยอะกว่า ถ้าว่าด้วยเรื่องกำลัง ลูกของนางเสียเปรียบแน่นอน ดังนั้นนางจึงเสริมว่า “ถ้าสู้ด้วยกำลังไม่ได้ก็ใช้สมอง อีกฝ่ายกลัวอะไร พวกเจ้าก็ใช้สิ่งนั้นมาสู้ เหมือนอย่างที่แม่ทำเมื่อกี้ พวกนั้นไม่อยากเห็นพวกเจ้ากินของดีๆ มีชีวิตดีๆ แต่ต่อจากนี้ไปแม่จะทำให้พวกเจ้าได้มีชีวิตที่ดี กินของอร่อยๆ ทุกวัน”
“พวกเราจะได้กินเนื้อทุกวันเลยหรือ”
พอนึกถึงเนื้อ ดวงตาของเป่าเอ๋อร์ก็เป็นประกาย
“เจ้านี่นะ ชอบกินเนื้อขนาดนั้นเลยหรือ”
“อื้อ ชอบมาก”
ลู่ซินฟางหัวเราะเบาๆ ให้กับความไร้เดียงสาของเป่าเอ๋อร์
“ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ร้องเรียก
“หือ?”
“บ้านของตงตงรวยกว่าพวกเรา ถ้าพวกเราสู้กลับไปแล้วทำให้ท่านแม่เดือดร้อน ท่านจะทำยังไง” เฉิงเอ๋อร์ไม่วายถามต่อ
“ถึงตอนนี้พวกเราจะไม่มีเงิน แต่ใช่ว่าอนาคตจะเป็นแบบนี้ไปตลอด ยังมีบางเรื่องที่พวกเจ้าคิดผิด คนไม่มีเงินใช่ว่าจะลุกขึ้นสู้ไม่ได้”
เด็กทั้งสองพยักหน้าแรงๆ
“พวกเราเข้าใจแล้ว”
“ต่อไปพวกเราจะมีเงินด้วย”
ถ้าการมีเรื่องกับแม่ของตงตงกลายเป็นเรื่องใหญ่ อย่างมากก็แค่ซ่อนลูกๆ ในโลกต่างมิติ เรื่องซาลงค่อยพาพวกเขาออกมา แต่นางคิดว่าคงไม่มีวันนั้น
“เข้าบ้านกันเถอะ”
พอพูดจบ ลู่ซินฟางจูงมือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์เดินเข้าบ้าน
ก่อนหน้านี้ลู่ซินฟางผ่าฟืนค้างไว้ พอจูงมือลูกๆ กลับเข้าบ้าน นางก็ไปเก็บขวานไว้ในที่ที่ปลอดภัย ล้างไม้ล้างมือเตรียมนวดแป้งทำของว่าง
ผ่านไปไม่นาน เสียงโวยวายของเจียงลิ่วก็ดังขึ้นที่หน้าประตู
“ซินฟาง นังคนอวดดี เจ้าออกมานะ!”
เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ที่กำลังนั่งเล่นสะดุ้งโหยง วิ่งเข้ามาเกาะแขนท่านแม่ด้วยสีหน้ากังวล
นางยิ้มบางๆ พลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกทั้งสอง
“ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวแม่จัดการเอง”
เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เขาสัมผัสได้ถึงความเด็ดเดี่ยวของท่านแม่ หลังจากพยักหน้าอย่างเข้าใจก็จูงมือเป่าเอ๋อร์เดินตามหลังท่านแม่ออกมา
“มีอะไร”
ลู่ซินฟางขมวดคิ้วถาม ก่อนหลุบตามองเจ้าตัวแสบตงตงที่หลบข้างหลังแม่ของเขา
ทันทีที่เห็นท่าทีไม่หวั่นเกรงของลู่ซินฟาง เจียงลิ่วก็จี๊ดในอกด้วยความไม่พอใจ ปกติผู้หญิงใจเสาะคนนี้ แค่เห็นนางก็ตัวสั่นแล้ว แต่นี่อะไร ไม่เพียงไม่หลบสายตา สีหน้าของลู่ซินฟางยังสงบเยือกเย็น
“อวดดีจริงๆ เจ้าไม่กลัวข้าแล้ว?” เจียงลิ่วกัดฟันพูด
“ทำไมข้าต้องกลัวเจ้า” ลู่ซินฟางถามกลับ
ต่างก็เป็นคนเหมือนกัน ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลู่ซินฟางคนเก่าต้องกลัวผู้หญิงคนนี้ด้วย
ด้านเจียงลิ่ว ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าลู่ซินฟางตรงหน้าไม่เหมือนเดิม พอคิดแบบนี้ เจียงลิ่วก็เกิดความไม่พอใจ พูดเสียงรอดไรฟัน “ข้าก็มาถามเจ้าว่า พวกเจ้าแม่ลูกเอารองเท้าฟางมาจากไหน”
จู่ๆ แม่ลูกบ้านลู่ก็ได้สวมรองเท้าคู่ใหม่ ซ้ำยังเป็นเชือกฟางอย่างดี รองเท้าของพวกเขายังถูกถักขึ้นมาอย่างประณีต บวกกับที่ตงตงวิ่งร้องไห้กลับไปฟ้องแม่ ปกติแล้ว คนที่ร้องไห้จะเป็นทางนี้มากกว่า เรื่องนี้เลยทำให้เจียงลิ่วทั้งไม่พอใจทั้งสงสัยอย่างยิ่งยวด
“ที่แท้เจ้าก็มีปัญหากับรองเท้าผู้อื่น เอ้า ดูให้ดี นี่เป็นรองเท้าที่ข้าถักเอง” พูดแล้วลู่ซินฟางก็ยกเท้าขึ้น
อีกแค่คืบเดียว เท้าของลู่ซินฟางก็จะเตะถูกเจียงลิ่วแล้ว
เจียงลิ่วรีบถอยหลังหลบ ท่าทางที่เดาไม่ออกว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่ ทำให้เจียงลิ่วเลือดขึ้นหน้า แผดเสียงตะโกนใส่
“เจ้าคนอวดดี ยังไม่สำนึกอีก!”
ลู่ซินฟางทำท่าแคะหู “คนก็ยืนอยู่ใกล้ๆ แค่นี้ เจ้าจะพูดเสียงดังทำไม อีกอย่าง ข้าต้องสำนึกอะไรด้วยหรือ ก็แค่รองเท้าฟางเอง”
“ก็แค่รองเท้าฟางอะไร เจ้าขโมยของผู้อื่นมาก็ยอมรับเถอะ แล้วก็รีบๆ เอาไปคืนเจ้าของ ข้าจะได้ไม่ไปฟ้องหัวหน้าหมู่บ้าน”
“ถ้ามั่นใจนักว่าข้าขโมยมาก็ไปฟ้องเสียเลยสิ เสียเวลามาขู่ข้าทำไม”
“ข้า...”
แน่นอน เจียงลิ่วไม่กล้าฟ้องหัวหน้าหมู่บ้าน นอกจากไม่มีหลักฐานเอาผิดลู่ซินฟาง การที่นางมาหาเรื่องผู้อื่นถึงหน้าบ้านยังทำให้จางต้วนผู้เป็นสามีอับอายขายขี้หน้า
จางต้วนนิสัยไม่เหมือนภรรยา จิตใจกว้างขวางและมีเหตุผล ต่อให้เจียงลิ่วปากร้ายสักแค่ไหน ก็ยังต้องเกรงใจจางต้วนที่เป็นหัวหน้าครอบครัว
อย่างไรก็ตาม หากเจียงลิ่วยอมลามือง่ายๆ ก็คงจะดี
แต่ว่า คนที่มีนิสัยขี้อิจฉา ชอบทำตัวยิ่งใหญ่ ครั้นเห็นลู่ซินฟางที่อ่อนแอกว่าไม่ยอมจำนนให้ง่ายๆ ก็ยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก ชี้หน้าโวยวายใส่ลู่ซินฟาง
“ถึงข้าจะเอาผิดเรื่องรองเท้าไม่ได้ แต่เจ้าก็กระไร สอนลูกให้โกหก ก่อนหน้านี้ลูกเจ้าบอกว่าอะไรนะ กินซาลาเปาไส้เนื้อหรือ อย่าทำให้ขำไปหน่อยเลย คนสำออยอย่างเจ้าจะเอาปัญญาที่ไหนไปล่าไก่ป่า”
ลู่ซินฟางมองอีกฝ่ายนิ่งๆ
เห็นนางไม่พูด เจียงลิ่วยิ่งได้ที “หากบ้านเถี่ยไม่เอาของมาให้พวกเจ้าแม่ลูกกิน ป่านนี้พวกเจ้าไม่อดตายไปแล้วหรือ เอ๋...ว่าไปแล้ว คนอย่างเจ้าก็น่ากลัวอยู่นะ ไม่ใช่ว่าวางแผนจะจับสามีของชิงเหลียนหรอกหรือ”
ลู่ซินฟางถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วส่ายหน้า ก้มมองลูกแฝดทั้งสอง “จำที่แม่สอนพวกเจ้าก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ การลักเล็กขโมยน้อย การโกหก การใส่ร้ายผู้อื่น ล้วนเป็นนิสัยของคนไม่ดี คนที่ยืนอยู่หน้าบ้านพวกเราเป็นตัวอย่างที่พวกเจ้าไม่ควรทำตาม”
เด็กทั้งสองพยักหน้าด้วยเข้าใจ
แต่สำหรับเจียงลิ่ว คำพูดนั้นเหมือนมือที่ตบลงมาบนหน้าแรงๆ คำพูดนั้นหมายความว่านางเป็นคนไม่ดี อย่าเอาเยี่ยงอย่าง
“นังตัวดี กล้าพูดจาหยามข้ารึ!”
เจียงลิ่วทำท่าจะพุ่งเข้ามาจิกหัวลู่ซินฟาง
พลันนั้น นางรีบถลกแขนเสื้อขึ้น เท้าเอว เชิดหน้า
“ก็เข้ามาสิ คิดว่าตัวเองมีมือมีเท้าคนเดียวรึไง นังโง่!”
จริงๆ ก็อยากจะระบายความอัดอั้นอยู่พอดี มาอยู่ในโลกยุคโบราณ แถมต้องมาใช้ร่างที่ผอมแห้งแรงน้อย เจอแต่คนเอาเปรียบและดูถูก หากใช้กำลังระบายออกมา อาจช่วยบรรเทาความอึดอัดในอกได้บ้าง!
บทที่ 86ผู้หญิงกับงูพิษ (ครึ่งหลัง) “ถะ แถวนี้มีหมาป่าด้วยหรือ!” นางเหอถามลูกชายพร้อมขยับร่างอวบอ้วนเบียดเข้าไปนั่งข้างในสุดของห้องโดยสาร “ของพรรค์นั้นจะมีได้อย่างไร นี่ ท่านแม่ สิ่งที่พวกเราต้องกลัวตอนนี้คือตระกูลจี๋ไม่ใช่หรือ!” เหอถิงขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด พร้อมตวาดใส่มารดา “แม่ฟังผิดไปเอง นั่นไม่ใช่เสียงของหมาป่า เจ้าอย่าอารมณ์เสียงนักเลยนะ เดี๋ยวจะเสียสุขภาพเอาได้” แม้จะมั่นใจว่านั่นเป็นเสียงของหมาป่า กระนั้น นางเหอกลับยอมเอ่อออตามเพื่อเอาใจลูกชาย “แต่ถ้าไม่รีบกลับไปอธิบายให้คนตระกูลจี๋เข้าใจ ตำแหน่งของข้าก็จบสิ้นเหมือนกัน” คนขับรถม้ารับจ้างที่อยู่ด้านนอก ได้ยินทุกคำพูดของคนว่าจ้าง อดจะส่ายหน้าอย่างเอือมระอาไม่ได้ ผู้ชายคนนี้ทั้งเอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว สักวันกรรมจะต้องตามสนอง! บรู๋วววว เสียงหอนของหมาป่าดังขึ้นมาอีกครั้ง มิหนำซ้ำ หนนี้ยังยังดังใกล้เข้ามาทุกที คนขับรถม้ารับจ้างร้องสะดุ้งตัวโหยงด้วยความกลัว แต่ด้วยความรับผิดชอบของผู้ถูกจ้าง เขาพยายามควบคุมสติ บังคั
บทที่ 85ผู้หญิงกับงูพิษ (ครึ่งแรก) แม้ว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายในร้านจะกลับมาสงบดั่งเดิม แต่หัวใจของลู่ซินฟางยังคงเต้นโครมครามไม่หยุด ใบหน้าและในลำคอร้อนผ่าวเหมือนคนมีไข้ ลู่ซินฟางรินชาดื่มเข้าไปหลายจอก หากกลับไม่สามารถดับความร้อนได้ ท้ายที่สุด ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างยอมรับ ว่าอาการว้าวุ่นใจเป็นเพราะคำพูดของกงเยียนซู ในตอนนั้น กงเยียนซูแค่พูดออกไปตามสถานการณ์ นางจะคิดเป็นจริงเป็นจังไม่ได้เด็ดขาด เมื่อสรุปเช่นนั้น ลู่ซินฟางก็สูดหายใจเข้าเต็มปลอดเพื่อพยายามสงบใจ จากนั้นตั้งสมาธิกับงานตรงหน้า สักครู่หนึ่ง ประตูห้องก็มีเสียงเคาะเบาๆ ก่อนหลางไป๋จะเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง “ข้ามาบอกนายหญิงว่าจะออกเดินทางเลยขอรับ ตอนนี้ซินหลินพาหมิงฮวาออกมาจากมิติแล้ว” ลู่ซินฟางพยักหน้าแล้วตอบ “อืม ระวังตัวด้วยนะ แล้วก็ ห้ามฝืนตัวเองเกินไปนัก” “ขอรับ นายหญิง” “ถึงเจ้ากับซินหลินจะศึกษาเส้นทางมาก่อนแล้ว หรือต่อให้กงเยียนซูเตรียมการล่วงหน้าไว้ให้ แต่ห้ามประมาทเด็ดขาดเลยนะ” ลู่ซินฟางย้ำด้วยความกังวลอีกค
บทที่ 84เหอถิงถึงคราวซวย เหอถิงถึงคราวจบสิ้นแล้ว! แม้จะใช้เวลาเตรียมการถึงสี่วัน แต่ผลลัพท์ที่ได้ถือว่าไม่เลว…กงเยียนซูคิดพร้อมกับยิ้มอย่างเยือกเย็น ในขณะที่มองความลนลานบนใบหน้าสองแม่ลูกตระกูลเหอ ทางด้านของเหอถิง ได้แต่มองกงเยียนซูกับลู่ซินฟางสลับไปมาด้วยความสงสัย ตามหลักความจริง ตระกูลจี๋ที่อยู่เมืองชิ่งไม่ควรรู้การเคลื่อนไหวของเหอถิงในเมืองเล่ออันรวดเร็วถึงเพียงนี้ นอกเสียจากจะมีใครบางคนส่งม้าเร็วแจ้งข่าวไปบอก และคนคนนั้นต้องมีฐานะที่น่าเชื่อถือ ทันใดนั้น เหอถิงก็เบิกตาโพลง มองไปที่กงเยียนซูด้วยสังหรณ์ร้ายแปลกๆ “คุณชายเป็นใครกันแน่!” กงเยียนซูคลี่ยิ้มมุมปาก แต่ดวงตากลับไม่ได้ยิ้มตาม “ก่อนมาที่เมืองเล่ออัน จี๋หลิน ภรรยาของเจ้าไม่ได้บอกเอาไว้หรอกหรือ ว่าคนที่ไม่ควรยุ่งด้วยมากที่สุดคือเจ้าของโรงเตี๊ยมตระกูลกง” คำพูดเหล่านั้นทำเอาเหอถิงได้แต่ยืนแข็งทื่อ ไม่เพียงรู้จักตระกูลจี๋ ชายคนนี้ยังรู้ว่าจี๋หลินที่เป็นภรรยาของเขา อย่างไรก็ตาม คล้ายว่าจี๋หลินจะเคยเตือนให้ระวังคนส
บทที่ 83กงเยียนซูประกาศต่อหน้าทุกคน (ครึ่งหลัง) “ของปลอม?” กงเยียนซูถามซ้ำ “ใช่แล้ว มันคือของปลอม” เหอถิงยังคงแถอย่างหน้าด้านๆ “ที่แท้ก็เช่นนี้” กงเยียนซูตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย นอกเหนือจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ทางด้านลู่ซินฟาง ไม่คิดจะโต้แย้งใดๆ เช่นกัน หากทว่า ยิ่งทั้งสองนิ่งเงียบเท่าไร บรรยากาศรอบตัวยิ่งกดดันอย่างน่าประหลาดมากขึ้นเป็นเท่าตัว เหอถิงสังหรณ์ใจกับท่าทีแปลกๆ ของทั้งสองคน แต่แล้ว ในฉับพลันนั้นเอง กงเยียนซูก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ “ฮะๆ” เหอถิงขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล “คุณชาย มีอะไรให้ขำหรือ?” กงเยียนซูกลั้นขำ ตอบกลับด้วยรอยยิ้มกริ่ม “ชายแก่แซ่กงหรือ เป็นเรื่องตลกที่ข้าเพิ่งเคยได้ยินเลย” “ถึงข้าไม่เคยเห็นหน้า แต่ชายคนนั้นมีตัวตนจริงแท้แน่นอน” “คนในเมืองเล่ออันพูดเช่นนั้นหรือ พวกเขาบอกว่าคนแซ่กงเป็นชายแก่ๆ หรือ” กงเยียนซูทำทีเป็นถามเหอถิง “เรื่องนี้…” เหอถิงลังเล เพรา
บทที่ 82กงเยียนซูประกาศต่อหน้าทุกคน (ครึ่งแรก) เข้าสู่วันที่สาม ที่เหอถิงกับมารดาแสดงบทรันทดอยู่หน้าคฤหาสน์ของลู่ซินฟาง แต่การแสดงที่ซ้ำซาก บวกกับคำพูดเดิมๆ ทำให้ชาวบ้านหมดความสนใจพวกเขาในที่สุด เมื่อแผนเรียกร้องความสนใจไม่ได้ผล แม่ลูกตระกูลเหอจึงเปลี่ยนมาแอบดู ‘ชู้รัก’ ของลู่ซินฟางที่หน้าโรงเตี๊ยมตระกูลกงแทน อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงตัวกงเยียนซูกลับยากยิ่งกว่า จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตาแก่แซ่กงคนนั้นสักครั้ง นอกจากจะทำได้แค่ขุดคุ้ยข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ แม่ลูกตระกูลเหอกลับเข้าไม่ถึงตัวเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นลู่ซินฟาง เฉิงเอ๋อร์ หรือเถ้าแก่กง ในที่สุด พวกเขาก็คิดว่าแผนเรียกร้องความสนใจเริ่มไม่มีประโยชน์แล้ว ทางด้านลู่ซินฟางนั้น ยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติทุกวัน ทั้งที่คิดว่าเหอถิงจะลงมือหนัก อย่างการจ้างคนมาชิงตัวเฉิงเอ๋อร์หรือบุกร้าน กลับกันแล้ว พวกเขาเลือกวิธีโง่ๆ ด้วยการสร้างข่าวลือปลอม อาศัยคำติฉินนินทาของฝูงชน กดดันให้ลู่ซินฟางอับอายจนต้องยอมพาเฉิงเอ๋อร์ออกมา หารู้ไม่ วิธีพวกนั้นไม่ได้
บทที่ 81บุรุษอันตรายทั้งสอง บ่ายคล้อย แสงแดดยังสาดส่อง ณ โรงเตี๊ยมตระกูลกง ชายหนุ่มสองคนกำลังหาลือธุระสำคัญอยู่ในเรือนรับรอง ในเวลานั้น เสียงเคาะประตูดังจากด้านนอกสองสามครั้ง จากนั้นจิ่นเซี่ยก็เปิดประตูเข้ามา “นายท่าน…” จิ่นเซี่ยพูดเพียงเท่านั้นแล้วปิดปากลง สายตาเหลือบมองหลางไป๋ที่นั่งฝั่งตรงข้ามกงเยียนซูอย่างลังเล “ต่างฝ่ายต่างลงเรือลำเดียวกัน ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบัง เจ้าพูดมาเถอะ จิ่นเซี่ย” กงเยียนซูบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง สายตายังกวาดมองรายการสินค้าบนกระดาษที่อยู่ในมือ ทางด้านองครักษ์หนุ่ม หลังจากได้รับอนุญาต เขาก็รายงานเรื่องข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดทั่วเมืองเล่ออัน คร่าวๆ แล้วเป็นเรื่องของลู่ซินฟางที่ร่วมมือกับกงเยียนซูปลอมแปลงใบหย่า แล้วพาลูกหนีออกจากบ้านเหอ บัดนี้ เหอถิงผู้เป็นสามีได้เดินทางมาจากเมืองชิ่งเพื่อพาภรรยากับลูกกลับ แต่ถูกลู่ซินฟางกีดกันไม่ให้เจอลูก พอฟังจบ กงเยียนซูกับหลางไป๋ก็แหงนหน้าหัวเราะออกมาพร้อมกัน “ฮะๆๆ ฮะๆ” จิ่นเซี่ยมองคนทั้งสองด้วยความงุน