บทที่ 93
เที่ยวชมฟาร์ม
กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?”
“ไปขอรับ/เจ้าค่ะ”
เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด
เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์ม
ฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่”
เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน
“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า”
“เป็นแบบนี้เอง”
ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย
“ท่านหลิน ท่านลู่ซินฟาง”
ทั้งสองเองก็โบกมือตอบ
ในเวลานี้ พวกเด็กๆ เพิ่งสังเกตเห็นว่าชาวสวนเหล่านั้นมีหูกับหางของสัตว์ ทั้งที่รูปร่างเป็นมนุษย์
เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ยืนมองด้วยความตะลึง
“ท่านแม่ พวกเขามีหูกับหางด้วยละ” เป่าเอ๋อร์บอก พร้อมกับกระตุกเสื้อคลุมของมารดา
อย่างไรก็ตาม แม้เด็กทั้งสองจะมองเหล่าชาวสวนด้วยสีหน้าตะลึง แต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว กลับกันแล้ว ยิ่งรู้สึกสนใจมากกว่า
“ในแดนสวรรค์ นอกจากท่าหลินกับนายหญิง คนอื่นๆ ล้วนเป็นสัตว์อสูร ที่ยังมีหูกับหางปรากฏเพราะพวกเขายังแปลงร่างได้ไม่สมบูรณ์ ข้าเองก็เป็นสัตว์อสูรนะ” ชุนอธิบายให้เด็กๆ ฟัง และยังทำให้หูกับหางปรากฏออกมา
เด็กทั้งสองมองหูกับหางหมาป่าที่นุ่มฟูของชุนด้วยความตื่นเต้น
“พี่สาวชุนคือหมาป่าหรือ” เป่าเอ๋อร์ร้องถาม
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ ข้า แล้วก็น้าหลางไป๋เป็นหมาป่า” ชุนตอบยิ้มๆ “ยังมีเผ่าอื่นๆ ด้วยนะ…ครอบครัวของลุงสยงจวิน เป็นเผ่าหมี ส่วนพี่ชายอวิ๋นกับพี่สาวเสี่ยวเหมยเป็นเผ่ากระต่าย”
ระหว่างฟังคำพูดของชุน เด็กๆ ก็นึกภาพตามไปด้วย ดวงตากลมโตอันไร้เดียงสาทั้งเปล่งประกายทั้งซ่อนความตื่นเต้นไม่มิด
“เหมือนเรื่องเล่าในนิทานของท่านแม่เลย” เป่าเอ๋อร์หันไปพูดกับพี่ชาย
“เด็กโง่ นั่นไม่ใช่เรื่องเล่า แต่เป็นเรื่องจริงต่างหาก อย่าลืมสิว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในแดนสวรรค์กันนะ” เฉิงเอ๋อร์เตือนน้องสาว
เป่าเอ๋อร์ยิ้มเขินพลางร้องว่า “จริงด้วย!”
ได้ยินเด็กทั้งสองคุยกัน พวกผู้ใหญ่ก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
จังหวะนั้นเอง ชายหนุ่มเผ่าหมาป่าคนหนึ่งหิ้วตะกร้าที่มีผลแก้วมังกรเดินผ่านมาพอดีจึงเข้ามาทักทาย พอก้มมองเด็กแฝดสองคน เขาก็ถาม
“ท่านหลิน ท่านลู่ซินฟาง ชุนด้วย…อ๊ะ อ้าว แล้วเจ้าตัวเล็กสองคนนี้มาจากไหนหรือขอรับ”
“เด็กทั้งสองคือลูกของนายหญิง เด็กชายท่าทางเฉลียวฉลาดตรงนี้คือเฉิงเอ๋อร์ ส่วนเด็กหญิงน่ารักๆ คนนี้คือเป่าเอ๋อร์ เจ้าก็ทักทายเด็กๆ สิ” ชุนยืดอกตอบอย่างภูมิใจ
“ที่แท้เด็กน่ารักทั้งสองก็เป็นลูกของนายหญิงนี่เอง…สวัสดีขอรับ ข้าชื่ออาเยว่ คอยดูแลสวนแก้วมังกรที่อยู่ตรงนั้น…จริงด้วยสิ พวกคุณหนูอยากลองกินผลแก้วมังกรหรือไม่”
ว่าแล้ว อาเยว่ก็วางตะกร้าลง หยิบแก้วมังขึ้นมาสองลูก
เด็กน้อยทั้งสองมองผลไม้ที่มีเปลือกสีแดงอมม่วงตาใสแป๋ว
“ผลของมังกรหรือ กินได้ด้วยหรือ” เป่าเออร์ถามอย่างใสซื่อ
ผลไม้หน้าตาแปลกๆ แบบนี้ เด็กทั้งสองเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก แถมยังถูกเรียกว่าผลแก้วมังกร พวกเด็กๆ จึงคิดว่าเป็นลูกแก้วของเทพมังกร มนุษย์อย่างพวกเขากินไม่ได้
ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็หัวเราะให้กับความไร้ดียงสาของเด็กน้อย
“นี่ไม่ใช่ลูกแก้วของมังกร แต่เป็นผลไม้ ในสวนของเรายังไม่มีปลูก เพราะสำหรับคนอื่น ผลไม้นี้เป็นของชนชั้นสูง” ลู่ซินฟางอิบายให้ลูกๆ ฟัง
“มา ข้าจะปอกให้พวกหนูๆ ชิมนะ” อาเยว่ปอกเปลือกผลแก้วมังกรเสร็จแล้วก็ส่งให้เด็กทั้งสองคนละลูก
เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์รับผลแก้วมังกรมากิน ทันทีที่เนื้อผลไม้ฉ่ำน้ำ ซ้ำยังมีรสหวานให้รู้สึกสดชื่นล่วงเข้าสู่ลำคอ บนใบหน้าของเจ้าแฝดก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“อร่อยหรือไม่” อาเยว่ถาม
“อือๆ อร่อย” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบพลางพยักหน้ารัวๆ
อาเยว่ยิ้มด้วยความยินดี ก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ
ลู่ซินฟางพาพวกเจ้าแฝดเดินชมสวนผักผลไม้ พร้อมกับทักทายสัตว์อสูรที่พบเจอระหว่างทางแค่พอประมาณ จากนั้น หลินค่อยใช้เวทมนตร์พาทุกคนมาที่บ่อเกลือ ซึ่งอยู่กลางป่า และยังถือโอกาสพาเด็กๆ เข้าไปดูผลึกหินที่อยู่ในถ้ำใกล้ๆ ด้วย
ลู่ซินฟางบอกกับลูกๆ ว่าผลึกพวกนี้นำไปผลิตเป็นแก้วที่วางขายในร้าน
เด็กๆ ตื่นเต้นกันยกใหญ่
นอกจากนี้ พวกเขายังได้มาดูเล้าไก่และโรงผลิตแก้ว ตลอดทางพวกเขาได้เจอเหล่าสัตว์อสูรในร่างจำแลงมากมาย
ไม่เพียงแค่เด็กๆ ที่ตื่นเต้น เหล่าสัตว์อสูรเองก็ตื่นเต้นไม่ต่างกันที่ได้เจอทายาทของนายหญิง
ภายใต้แสงตะวันยามบ่าย สายลมเย็นสดชื่น ลู่ซินฟางกับหลินนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ พลางมองเด็กทั้งสองกับชุนเล่นน้ำในลำธานอย่างสนุกสนาน
หลังจากเที่ยวชมฟาร์มจนทั่ว พวกเขาก็เปลี่ยนบรรยากาศมานั่งเล่นแถวลำธารกันต่อ
ระหว่างนั่งกินขนมกันอยู่นั้นเอง ชุนถามกับพวกเด็กๆ ว่า อยากเล่นน้ำหรือไม่
เด็กกับน้ำเป็นของคู่กันอยู่แล้ว พอได้ยินอย่างนั้น เด็กท้ังสองมีหรือจะปฏิเสธ ตรงกันข้าม เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์เป็นฝ่ายเข้ามาจูงมือชุนอย่างกระตือรือร้นแล้วเดินไปทางลำธาร
เนื่องจากน้ำในลำธารไม่ลึก ทั้งยังมีชุนคอยดูแล ลู่ซินฟางเลยปล่อยให้พวกเขาเล่นน้ำกันอย่างหายห่วง
“หลิน ข้ามีแผนขยายฟาร์มครั้งต่อไปแล้วนะ”
ต่อมา ลู่ซินฟางก็หยิบแผนที่ต่างมิติออกมาแล้วกางออก
“ขยายฟาร์มหรือ เย่ เย่!”
หลินกางสองแขนเล็กๆ ทั้งสองข้าง กระโดดกลางอากาศด้วยท่าทางดีใจ
“ข้าได้คุยกับคนจากเผ่าอสรพิษแล้ว ทางนั้นขอให้สร้างโรงเก็บสมุนไพร เลยคิดว่าหากขยายพื้นที่เพาะปลูกสมุนไพรเพิ่มก็คงดีไม่น้อย…ส่วนตรงนี้ ข้าจะทำเล้าหมู แล้วก็ตรงนี้จะสร้างโรงตีเหล็ก” ระหว่างพูด ลู่ซินฟางชี้นิ้วไปตามจุดต่างๆ บนแผนที่
หลินมองตามพร้อมกับผงกศีรษะขึ้นลงอย่างเห็นด้วย “ทางนี้เองก็ปูพื้นถนน กับสร้างบ้านพักให้เหล่าสัตว์อสูรได้เยอะแล้ว ทำอย่างที่เจ้านายวางแผนได้เลย”
“อะแฮ่ม…”
เสียงกระแอมกระไอของชุนดังขึ้น
ลู่ซินฟางกับหลินหันมอง
หมาป่าสาวหรี่ตาพร้อมกล่าวว่า “เป้าหมายของนายหญิงที่มามิติวันนี้ เพื่อจะพักผ่อนไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
ได้ยินแบบนี้ ลู่ซินฟางก็ยิ้มแห้งๆ
“ถูกของเจ้า”
“เพราะอย่างนั้น…” ชุนเว้นคำพูด เปลี่ยนเป็นยิ้มร้าย ก่อนจะใช้มือวักน้ำสาดใส่ทั้งสองที่นั่งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่
ลู่ซินฟางเอี้ยวตัวหลบน้ำ แม้ว่าทำแบบนี้จะไม่มีประโยชน์อะไรก็ตาม
“จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม” หลินทำท่าถลกแขนเสื้อ ปีกเล็กๆ ขยับไหว ก่อนเจ้าตัวจะบินขึ้น พร้อมกับทำท่าวักน้ำกลางอากาศ ทันใดนั้นน้ำในลำธารกลายเป็นคลื่นสูง สาดใส่เต็มหน้าของชุน
“เหวอ…ท่านหลินขี้โกง ใช้พลังเวทได้ยังไง”
“ฮ่าๆๆ พี่สาวชุนเปียกหมดแล้ว”
“เปียกหมดเลย”
เด็กทั้งสองหัวเราะชอบใจ
ชุนทำแก้มป่อง ก่อนจะวักน้ำใส่เด็กๆ เพื่อเอาคืน
“หวา…เปียกแล้ว เปียกแล้ว”
“ฮิๆ ข้าก็เปียกแล้ว”
จากนั้นทุกคนก็เล่นน้ำกันต่อด้วยความสนุกสนาน
ลู่ซินฟางมองภาพเหล่านั้น พร้อมกับยิ้มตามอย่างมีความสุข
บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา
บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่
บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร
บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก
บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่
บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ