Share

ตอนที่ 59 รอยร้าวในใจ

last update Last Updated: 2025-12-03 12:01:53

แม้เพียงการลงทัณฑ์เบื้องต้น ก็แทบกระชากวิญญาณของฟู่เหวินโหลวให้หลุดออกจากร่าง เนื้อหลังที่แตกยับจากแส้เฆี่ยนทำให้ทุกย่างก้าวที่เขาถูกลากนั้นทิ้งรอยเลือดเป็นทาง ทว่าความอัปยศยังไม่สิ้นสุด ชะตากรรมของเขายังถูกผลักให้ดำดิ่งลงลึกยิ่งกว่าห้วงนรก

ท่ามกลางแสงแดดยามสาย ขบวนรถม้านักโทษค่อย ๆ เคลื่อนตัวผ่านประตูเมืองอย่างเชื่องช้า ราวกับต้องการยืดเวลาแห่งความอับอายออกให้ยาวนานที่สุด ร่างที่ถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่เหล็กนั่งพิงขอบเกวียนอย่างหมดแรง ดวงตาที่เคยคมกริบดั่งปราชญ์หลวง บัดนี้เหม่อลอยไร้จุดหมาย ผมขาวกระเซิงเปรอะเปื้อนเลือดและฝุ่น

เสียงร้องก่นด่าดังขึ้นระงม สะเก็ดหิน เศษผัก และคำสาปแช่งถาโถมมาจากสองข้างทาง

“เจ้าคนทรยศ! ตายเสียเถอะ!”“ดูสภาพเจ้าในตอนนี้สิ ฟู่เหวินโหลว... สมแล้วกับความอัปยศนี้!”“ลูกหลานข้าตายเพราะคำสั่งเจ้ามานักต่อนัก!”

เสียงเหล่านั้นเจือไปด้วยโทสะและความสะใจ สายตาผู้คนเปี่ยมไปด้วยความชิงชัง ราวกับทุกคนต่างรอวันนี้มาชั่วชีวิต

ขบวนมาหยุดลงตรงลานประหารใจกลางเมือง แท่นประหารถูกตั้งสูงขึ้นเหนือพื้นดินประหนึ่งสังเวียนพิพากษาแห่งสวรรค์ เสียงกลองสามครั้งดังก้อง ชำแรกอากาศร้อนระอุให้สั่นสะท้าน

ฟู่เหวินโหลวถูกลากลงจากรถ ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงแทบทรุดฮวบลงกับพื้น เจ้าหน้าที่ไม่รอช้า ฉุดเขาขึ้นแท่นด้วยแรงกระชาก แขนทั้งสองถูกตรึงไว้กับเสาไม้ หัวของเขาถูกกดให้อยู่ในท่าหมอบต่ำ ดั่งสุนัขที่สิ้นฤทธิ์

เสียงเงียบงันก่อนพายุประชาชนทุกผู้หยุดลมหายใจ มองไปยังปลายดาบของเพชฌฆาตที่สะท้อนแสงแดดแวววับ

“ฟู่เหวินโหลว อดีตปราชญ์หลวง ผู้คิดลอบปลงพระชนม์องค์จักรพรรดิ หักหลังแผ่นดิน ลบหลู่ราชธรรม วันนี้จะถูกประหาร ณ ที่นี้!” คำประกาศสุดท้ายดังขึ้นเป็นเส้นตาย ก่อนเสียงหนึ่งในฝูงชนจะตะโกน “ลงมือเถอะ! ชีวิตเขาไม่ควรค้างอยู่ในโลกนี้แม้เพียงลมหายใจ!”

เพชฌฆาตไม่ลังเล ดาบฟันลงในพริบตาเดียวเฉียบคม เงียบงัน และสิ้นสุด...เลือดพุ่งขึ้นราวสายน้ำ ร่างชราทรุดลงแน่นิ่ง ไม่มีแม้แต่เสียงคร่ำครวญสุดท้าย หัวของฟู่เหวินโหลวกลิ้งลงมาจากแท่นประหาร ก่อนหยุดอยู่ตรงหน้าเสาศิลา ดวงตาคู่นั้นเบิกค้าง ไม่แน่ชัดว่าเป็นความกลัว เสียดาย หรือเพียงความว่างเปล่าเสียงกลองประหารสิ้นสุด แต่เสียงจดจำยังไม่จางหาย จากนั้นไม่นาน ราชโองการของจักรพรรดิหรงจวิ้นก็ถูกอ่านออกอย่างชัดเจน

“แม้ตระกูลฟู่จะได้รับการละเว้นชีวิต ด้วยเห็นแก่คุณความดีในอดีต แต่จะถูกยึดทรัพย์ทุกสิ่ง ห้ามใช้นามตระกูลในการอ้างเกียรติอีกต่อไป และจะต้องย้ายออกจากเมืองหลวงในทันที เพื่อมิให้เป็นพิษภัยต่อราชบัลลังก์ในภายหน้า”

ไม่มีการร่ำไห้ ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของเกียรติยศหลงเหลืออยู่ ฟู่เหวินโหลวชายผู้เคยได้รับความไว้วางพระทัยสูงสุดจากองค์ฮ่องเต้ บัดนี้จบชีวิตลงดั่งอาชญากรบนแท่นไม้กลางเมือง เมื่อเลือดหยดสุดท้ายซึมเข้าสู่ผืนดิน ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้ถูกเขียนขึ้นด้วยปลายดาบและหยาดน้ำตาไม่ใช่ของฟู่เหวินโหลว... หากแต่ของแผ่นดินที่เคยศรัทธาในตัวเขา

แม้เสียงเพรียกแห่งความยุติธรรมจะดังก้องทั่วราชสำนัก แต่บรรดาขุนนางผู้มีอำนาจกลับมิได้หลงลืมความจริงอันเยือกเย็น... ว่าฟู่เหวินโหลวมิได้ล้มลงเพียงเพราะความผิดของตน แต่เพราะมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังม่านเงา คอยกำกับชะตากรรมของเขาอย่างเงียบงัน

มันคือฝีมือของกลุ่มที่ไม่มีชื่อ ไม่มีหน้า และไม่มีตัวตนในบันทึกทางราชการ หากแต่ทุกคนรู้จักมันในนามอันเยียบเย็นว่า  “นักฆ่าไร้นาม” กลุ่มลับที่ไม่มีใครรู้ว่าเริ่มต้นมาจากไหน ไม่มีร่องรอย ไม่มีหลักฐาน แต่เมื่อใดที่พวกมันเคลื่อนไหว จะตามมาด้วยซากศพ กลิ่นเลือด และความหวาดกลัว

แม้พวกมันจะไม่ได้ลงมือฆ่าฟู่เหวินโหลวด้วยตนเอง แต่แผนการทั้งหมดที่ก่อให้เกิดการล่มสลายของปราชญ์หลวงผู้เกรียงไกรล้วนเป็นฝีมือของพวกมัน

และหลักฐานมัดแน่นไม่ใช่ดาบหรือยาพิษ แต่คือ "จดหมายลับ" ที่ถูกส่งไปยังบรรดาขุนนางและแม่ทัพผู้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับฟู่เหวินโหลวโดยตรง... ข้อความในแต่ละฉบับแม่นยำดุจตะปูตอกฝาโลง ผู้มีอำนาจทุกคนในแผ่นดินต่างสั่นคลอน พวกเขารู้ดีว่า ความตายของฟู่เหวินโหลวไม่ใช่จุดจบ... หากแต่เป็นคำเตือน

หลายวันมานี้ ข่าวลือกระซิบสะพัดไปทั่วว่ามีเพียงคนกลาง เพียงผู้เดียวที่สามารถติดต่อกับกลุ่มนักฆ่าไร้นามได้ชายผู้มีใบหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงราบเรียบ และสายตาเยือกเย็นดุจบ่อน้ำที่ไร้ก้นนามของเขาคือ ซูจิ่งหลง

ผู้คนเรียกเขาว่า พ่อค้าแห่งความตาย นับแต่นั้นมา ขบวนขุนนางใต้เงาคลุมหน้าก็เริ่มแวะเวียนไปยังตรอกเล็กนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ บ้างมาเจรจา บ้างมาอ้อนวอน ขอเพียงได้ชื่อ ได้เส้น ได้เงาที่จะยืนเหนือผู้อื่นอีกคราในเงาสลัวหลังม่านชา... สายลมแห่งความตายยังคงพัดพาเรื่องราวไปข้างหน้าและนักฆ่าไร้นามยังคงอยู่ที่เดิม รอเพียงว่าผู้ใดจะเป็นเป้าหมายรายต่อไป

ภายในห้องรับรองเร้นลับของโรงประมูลใต้ดิน กลิ่นหอมจางของชาชั้นดีลอยเคล้าไปกับไออุ่นจากถ้วยเคลือบขาว เสียงน้ำรินเบา ๆ กลบความเงียบที่แผ่คลุมอยู่ทั่วห้อง ซูจิ่งหลงนั่งพิงเบา ๆ กับพนักเก้าอี้ไม้ดำ แววตาเหนื่อยล้า ทอดมองถ้วยชาด้วยรอยยิ้มจาง

“หลายวันมานี้… ตัวข้ารู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งนัก” เขากล่าวพลางทอดถอนใจ น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความอ่อนเพลียลึกในจิตใจ “นับตั้งแต่ปราชญ์หลวงสิ้นใจ โรงประมูลของข้าก็ไม่เคยว่างอีกเลย… ขุนนาง แม่ทัพ แม้แต่คนในราชวงศ์ ต่างก็แห่มาขอซื้อความตาย”

เขาหัวเราะในลำคอเบา ๆ ราวกับเอือมระอาในความตื้นเขินของมนุษย์ “แต่ข้าปฏิเสธทั้งหมด” ดวงตาเรียบนิ่งเหลือบมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “เพราะข้ารู้ดีว่าเจ้าคงไม่สนใจ… ถ้าเป้าหมายไม่ใช่คนที่จมอยู่ในความชั่วร้ายจนไร้หนทางกลับใจ นักฆ่าไร้เงาเช่นเจ้าย่อมไม่ลงมือ”

คำพูดนั้นแม้จะสั้น แต่หลานเยว่กลับเงียบงัน นางไม่ได้ตอบกลับในทันที เพียงยกถ้วยชาขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสง่างาม ดวงตานิ่งลึกของนางสะท้อนแสงโคมริบหรี่ ราวกับคลื่นที่สงบนิ่งบนผืนน้ำ...แต่แฝงพายุไว้ภายใน

ในขณะที่ความเงียบปกคลุมอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของซูจิ่งหลงก็แอบแดงเรื่อเล็กน้อยอย่างไม่ทันตั้งตัว ถึงแม้จะถูกปฏิเสธมาแล้วหลายครา แต่หัวใจของเขาก็ยังพ่ายแพ้ต่อนางไม่เสื่อมคลายเขาไม่เคยต้องการเป็นเพื่อน...

“ขอบใจเจ้ามากนะ…” เสียงของหลานเยว่เอ่ยขึ้นแผ่วเบา นวลนุ่มราวสายลมฤดูใบไม้ผลิ “เจ้าเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของข้า”

คำว่า เพื่อน นั้น ทำให้หัวใจของซูจิ่งหลงสะดุดชั่ววินาทีหนึ่ง เขาหัวเราะกลบเกลื่อน น้ำเสียงยังคงเสแสร้งเป็นเรียบเฉย แม้ในใจจะตัดพ้อด้วยความเจ็บแปลบ

“ฮ่าฮ่า... ก็พวกเราคือพันธมิตรทางการค้ากันมิใช่หรือ?” เขายิ้มบาง พลางจ้องตานางอย่างเงียบงัน “เรื่องของเจ้าก็เหมือนเรื่องของข้า”

 ความเงียบหวนกลับมาอีกครั้ง แต่มิใช่ความอึดอัด หากเป็นความเข้าใจที่ซ่อนความรู้สึกลึกซึ้งไว้เบื้องหลัง ซูจิ่งหลงสูดลมหายใจเบา ๆ ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความลังเลที่ถูกกลบเกลื่อนด้วยความแน่วแน่ในวินาทีสุดท้าย

“หลานเยว่…” น้ำเสียงของเขานุ่มนวล แต่แฝงไว้ด้วยบางสิ่งบางอย่างที่ลึกเกินกว่าจะกล่าว “เจ้าไม่คิดจะหาพ่อให้กับหลานจิ่วอวิ๋นบ้างหรือ?”

คำถามนั้นมิได้เอื้อนเอ่ยเพียงเพื่อหยั่งใจ หากแต่เป็นการยื่นมือออกไป... ขอเป็นผู้เติมเต็มส่วนที่ขาดในหัวใจของแม่ลูกคู่นี้

“เขา... กำลังโต เป็นวัยที่เปราะบางและต้องการใครสักคนที่มั่นคง ข้า... อยากจะเป็นคนนั้นให้กับเขา” เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย “และกับเจ้า” หลานเยว่ยืนนิ่ง ราวกับเป็นรูปสลักในแสงจันทร์ ความนิ่งนั้นเปี่ยมไปด้วยแรงกดดันจนยากจะหยั่งถึงว่าภายในนางคิดสิ่งใดเขาจ้องมองนางไม่วางตา สังเกตเห็นเพียงแววสะท้อนเล็ก ๆ ที่ฉายวาบขึ้นในดวงตาของนางเศษเสี้ยวของความสั่นไหวที่เขารอคอยใช่... นั่นคือรอยร้าวแรก

“บางที...” เสียงของหลานเยว่เอื้อนเอ่ยในที่สุด ราบเรียบและสงบนิ่งเช่นเดิม หากแต่ในความราบเรียบนั้นมีบางอย่างสั่นไหว “เจ้าพูดถูก ข้า... ไม่อาจเป็นโลกทั้งใบให้เขาได้”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 117 สิบสี่ปีต่อมา (จบ)

    กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปสิบสี่ปี… ชื่อเสียงของ นักฆ่าไร้นาม ค่อย ๆ กลายเป็นเพียงตำนานเล่าขานในหมู่ผู้คน ถึงแม้ในโลกมืดจะยังมีใบสั่งตายมากมาย แต่ไม่มีใครเคยเห็นพวกเขาออกมาเคลื่อนไหวอีก ราวกับได้หายลับไปจากยุทธภพ เหลือเพียงความเงียบงันที่แฝงไว้ด้วยปริศนาในเวลานี้ ภายในจวนตระกูลซู กลิ่นหอมอ่อนของชาอบอวลอยู่ในห้องโถง หลานเยว่ วัยสี่สิบปี นั่งอยู่ตรงหน้าต่าง แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องกระทบเรือนผมดำขลับที่ยังคงเงางาม ความงดงามของนางหาได้ลดทอนลงตามกาลเวลา หากแต่เพิ่มพูนด้วยเสน่ห์อันสงบเย็นและน่าเกรงขาม นางหันไปถามสามีด้วยเสียงอ่อนโยน แฝงด้วยความเย็นชาที่ไม่เคยเลือนหายไป“ท่านพี่… หลานจิ่วอวิ๋น ลูกของเราไปที่ใด?”คำถามของนางเหมือนหยดน้ำเย็นไหลผ่านกลางอก ซูจิ่งหลง ชายวัยหกสิบกว่า ที่แม้ร่างกายจะผ่านศึกและกาลเวลามานับไม่ถ้วน แต่ความสง่างามและอำนาจในแววตายังคงไม่เสื่อมคลาย เขายกยิ้มบาง ๆ ตอบเสียงนุ่ม แต่แฝงความเกรงใจ“เจ้าจะไปห่วงทำไมกัน… บัดนี้หลานจิ่วอวิ๋นเติบใหญ่แล้ว ไม่ใช่เด็กตัวน้อยอีกต่อไป”สายตาของ หลานเยว่ หันมาสบเขา ดวงตาคู่นั้นนิ่งสนิทและเย็นชา ราวกับคมดาบที่ซ่อนอยู่ใต้ฝัก คำตอบนั้นไม่ใช่สิ่งท

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 116 วันมงคล

    แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านซุ้มศาลาริมน้ำ เงาไม้ไหวระริกตามแรงลมเย็น เสียงน้ำกระทบฝั่งดังแผ่วเบา บรรยากาศรอบกายดูสงบสุขราวกับไม่มีคลื่นลมใด ๆ เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ซูจิ่งหลงนั่งนิ่ง สายตาเหม่อมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่รู้จักเบื่อ หลานเยว่ ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย มือเรียวยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างอ่อนช้อย แววตาเย็นชาไร้อารมณ์ ทำให้เขารู้สึกว่าผู้หญิงผู้นี้…ไม่เพียงแต่เป็นมือสังหาร แต่ราวกับเป็นผู้ชี้ขาดโชคชะตาของผู้คนเพียงแค่ปรายตามอง นางไม่จำเป็นต้องลงมือเองเสมอไป เพียงกำหนดเส้นทางให้ เรื่องราวก็จะดำเนินไปอย่างที่นางปรารถนาชายหนุ่มพยายามสลัดภาพชะตากรรมอันน่าสมเพชของจ้าวหย่งหยูออกจากใจ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสะท้านทั้งจากความโหดเหี้ยมของฟ้า และจากสตรีผู้ลึกลับตรงหน้า“เจ้ามองอะไร” เสียงของนางดังขึ้นเรียบเย็น แต่กลับกระทบเข้ากลางใจเขาราวกับใบมีดบางเฉียบซูจิ่งหลงสะดุ้งเล็กน้อย เขารีบยกยิ้มประดับใบหน้า พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกที่กำลังพลุ่งพล่าน “เปล่า… ข้าเพียงแค่รู้สึกดีที่มีเจ้าอยู่เคียงข้างเท่านั้น”รอยยิ้มของเขาดูจริงใจ แต่ดวงตากลับซ่อนความเขินอายไว้ไม่มิดหลานเยว่ไม่กล่าวสิ่งใด นางเพียงวางถ้วยชาลงบนโ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 115 จุดจบของกากเดนในร่างมนุษย์

    แรกเริ่ม จ้าวหย่งหยู ยังยกยิ้มเยาะบนใบหน้า มันแสดงสีหน้าถือดีนักที่ได้เห็นอดีตบ่าวรับใช้ทำตัวราวกับสุนัขเชื่อง ๆ ยอมหมอบคลานต่อหน้า ทว่ากาลเวลาไม่เคยเข้าข้างใคร การรอคอยที่เนิ่นนานเกินไปกลับค่อย ๆ เผาอารมณ์อันบิดเบี้ยวของมันให้พลุ่งพล่านมันมาถึงตั้งแต่ฟ้ายังไม่เปลี่ยนสี จนบัดนี้ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ คล้อยต่ำใกล้ตกดินแล้ว แต่เงาของเจ้าขี้ข้าก็ยังไม่กลับออกมาเสียที ใบหน้าที่เหยียดหยามในคราแรกจึงค่อย ๆ กลายเป็นความบิดเบี้ยวทั้งโกรธเกรี้ยวและน่าสมเพชเจ้าง่อยตะเบ็งเสียงพร่าหอบ ริมฝีปากสั่นกระตุก น้ำลายเหนียวไหลเลอะเป็นทาง“แค่กกก… อ่อกกก… เจ้า…เจ้าขี้-ชะ-ชั้นต่ำ! กล้าาา…ปล่อยให้ข้า…รอออ…นานถึงเพียงนี้เรอะะะ! ขะ-ข้ามาตั้งแต่ฟ้าา…ยังไม่ทันเปลี่ยนสี…จนตะวัน…จวนจะตกแล้ววว!”เสียงโวยวายแตกพร่า แผดก้องไปทั่วหน้าประตู ราวกับเด็กร่างพิการเอาแต่ใจในสลัมผู้ไม่รู้จักคำว่าอดทนหรือศักดิ์ศรีไม่นานนัก ประตูไม้เก่าโทรมค่อย ๆ ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดแล้วเปิดออกอย่างเชื่องช้า คล้ายเจตนาแอบทดสอบความอดกลั้นของนายเก่า อดีตบ่าวโค้งตัวลง น้ำเสียงราบเรียบคล้ายไร้เดียงสา“ขออภัยด้วยขอรับ… มันเป็นเพราะเรือนข้ารกและสกปรกมากเก

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 114 อดีตบ่าวรับใช้

    สำหรับบางคน…ความตายอาจเป็นเพียงการปลดปล่อย แต่สำหรับจ้าวหย่งหยู เศษเดนในร่างพิการผู้นี้ มันไม่ควรมีจุดจบที่เรียบง่ายถึงเพียงนั้นชีวิตของมันเต็มไปด้วยมลทินที่แม้ตัวมันเองยังจำไม่ได้ว่าก่อกรรมชั่วกับใครไปมากเท่าไรแล้วเคยสั่งลูกน้องรุมซ้อมบัณฑิตผู้ใฝ่ดีจนพิการ เพียงเพราะริษยาที่อีกฝ่ายมีสติปัญญาดีมากกว่าตนเคยฉุดคร่าสตรีงามที่สะดุดตา ไม่สนใจว่านางมีครอบครัวหรือฐานะเช่นไรเคยเหยียบย่ำชีวิตผู้คนจนพังพินาศนับครั้งไม่ถ้วนเพราะบารมีและอำนาจของบิดาอย่าง อัครเสนาบดีจ้าวเจี้ยนกั๋ว ที่คอยปกปิด เก็บกวาด และอุ้มชู ทำให้มันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้จนถึงวันนี้แต่เมื่อเสาหลักล้มลงแล้ว โลกทั้งใบของมันก็ดิ่งลงเหวอย่างไร้ทางหนีค่ำคืนหนึ่ง ร่างพิการที่นั่งค่อมบนรถเข็นเก่า ๆ จมอยู่ในความมืด ดวงตาขุ่นหมองฉายแววโหยหวน น้ำเสียงแหบพร่าเล็ดลอดออกมาพร้อมหยาดน้ำตา“ท่ะ…ท่านพ่อ… ข้า…คึ-คิดถึงท่าน… เหลือเกิน…”เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของนายน้อยผู้เคยอหังการ แต่คือเสียงสะอื้นของเศษมนุษย์ที่ไร้ที่พึ่งตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่มีแม้แต่อาหารสักคำตกถึงปาก ความหิวกัดกินจนท้องไส้บิดเกร็ง แต่ถึงกระนั้น จ้าวหย่งหยู ก็ยังยึดมั่นในศักดิ์

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 113 ของขวัญแต่งงาน

    ภายในจวนร้างที่เงียบงัน เสียงล้อรถเข็นยังคงเสียดสีพื้นหินดังเอี๊ยดอ๊าดไม่ขาดสาย จ้าวหย่งหยู เข็นตัวเองไปอย่างทุลักทุเล ใบหน้าบิดเบี้ยวชุ่มไปด้วยน้ำตาและน้ำลายที่ไหลยืดเลอะเปรอะคาง ร่างพิการสั่นเทาคล้ายจะล้มพังได้ทุกเมื่อทุกห้องที่มันเปิดเข้าไป ภาพที่ปรากฏตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับฝันร้ายตู้หีบสมบัติถูกเปิดอ้า หยกงาม ทองคำ และเงินก้อนโตที่เคยเป็นภูเขาทรัพย์หายวับไปราวกับไม่เคยมีอยู่ ร่องรอยการกวาดล้างปรากฏทุกซอกมุม เหลือเพียงความว่างเปล่ากับความเย้ยหยันที่บีบคั้นหัวใจอันบิดเบี้ยวมันสั่นระริกทั้งร่าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น หัวเราะปนสะอื้นเสียงแหบพร่า“ฮึ่กก… ฮือออ… มะ-ไม่… ไม่นะะะ… ทรัพย์… ซะ-สินของข้าาาาา… ทองคำของข้าาา! ฮ่ะ…ฮึ่กก!”หยาดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมานั้น มิใช่เพราะมันเสียใจที่ถูกเหล่าคนรับใช้ทอดทิ้ง แต่เป็นเพราะ เกราะกำบังเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของมันทรัพย์สมบัติที่พ่อทิ้งไว้ถูกพรากไปจนสิ้นมันรู้ดีแก่ใจ ว่าที่ผ่านมาอำนาจและรัศมีที่มันอวดอ้างล้วนแล้วแต่เป็นเพียงเงาของบิดาผู้ล่วงลับ กับกำแพงทองคำที่ห้อมล้อมคุ้มครองมัน หากปราศจากสิ่งเหล่านี้ มันก็เป็นเพียง ซากพิการอัปลักษณ์ที่ไร้ค่า เดิ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 112 นักฆ่าไร้นามเคลื่อนไหว

    ภายในห้องโถงที่เงียบสงัด แสงตะเกียงเพียงไม่กี่ดวงส่องให้เห็นเงาเรียงรายของผู้คนที่ยืนรอคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง มือสังหารนับร้อยในชุดดำสนิท ปิดบังใบหน้าแน่นหนา ราวกับเป็นเงามืดที่ไร้ตัวตน แต่ละคนแผ่รังสีอันตรายคล้ายคมดาบที่ซ่อนอยู่ในฝัก ทุกสายตาหันมาจับจ้องยังสตรีเพียงผู้เดียวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าหลานเยว่ เอนกายเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้ แววตาคมเรียบเฉยดั่งผืนน้ำแข็งที่ไร้คลื่นกระเพื่อม ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเพียงเสี้ยว ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ต้องใส่ใจนัก ก่อนเสียงเย็นยะเยือกจะเอื้อนเอ่ยออกมา“สังหารสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำในร่างคนพวกนั้นให้สิ้นซาก… และชิงเอาทรัพย์สินของมันมาให้หมด”น้ำเสียงนั้นสงบนิ่งเสียจนชวนขนลุก คล้ายกับนางไม่ได้สั่งการล้างชีวิตผู้คนนับร้อย แต่เป็นเพียงการบอกให้คนของนางไปดูแลสวนหรือจัดการเรื่องบ้านเรือน ความเย็นชานี้เองทำให้ทุกคำยิ่งดังก้องและหนักหน่วงนางหยุดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยสายตาที่เฉียบคม “เหลือชีวิตไว้แต่เพียง…เจ้าง่อย และคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”ถึงแม้นางจะสั่งฆ่าอย่างไร้ความปรานี แต่ก็ไม่มีวันเอ่ยคำให้พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ คำสั่งของหลานเยว่เด็ดขาด นางต้องการเพ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status