Share

ตอนที่ 76 คมดาบกลางสุรา

last update Terakhir Diperbarui: 2025-12-03 12:25:55

ภายในกระโจมใหญ่ แสงโคมสาดอบอุ่นทาบลงบนใบหน้าเหล่านายทัพ โต๊ะไม้ต่ำเรียงรายด้วยสุราและอาหารอย่างพอประมาณ เสียงสนทนาที่ล้อมวงกันเต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตศึกที่เคยร่วมฝ่าฝัน ความยากลำบากที่เคยผ่านพ้น และเสียงหัวเราะสั้น ๆ ของผู้ที่เคยยืนเคียงกันบนคมดาบ สำหรับแม่ทัพหลานซือเหยียนแล้ว ชายเหล่านี้ไม่ใช่เพียผู้ใต้บังคับบัญชา แต่เป็นสหายร่วมรบที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกับตนเพียงแต่…ความผูกพันนี้ อาจเป็นความรู้สึกที่มีอยู่เพียงในหัวใจของเขาเพียงฝ่ายเดียว

“ท่านแม่ทัพ ข้าอยากรินสุราให้ท่านสักจอก…เพื่อขอบคุณที่ดูแลข้าดีถึงเพียงนี้” เจิ้งเหวินเอ่ย น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกตัญญูที่ฟังแล้วจริงใจอย่างไม่มีที่ติโหวซื่อหมิงรีบกล่าวเสริมแทบจะทันที “ข้าเองก็อยากรินสุราให้ท่านเช่นกัน”

แม่ทัพหลานยิ้มบาง มองผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยแววตาภูมิใจ “มาเถอะ น้องชายของข้า…พี่ชายผู้นี้จะดื่มสุราของเจ้าด้วยความยินดี” เสียงของเขาอุ่นและจริงใจ ราวกับไม่มีสิ่งใดจะทำลายความสัมพันธ์นี้ได้

โหวซื่อหมิงก้าวเข้ามา รินสุราลงจอกอย่างสงบ ทว่าขณะเดียวกัน เจิ้งเหวินก็ถือจังหวะที่แม่ทัพละสายตาเพียงเสี้ยววินาที ฝ่าเท้าหนักกระแทกเข้าที่สีข้างแม่ทัพอย่างแรงจนร่างสูงเซล้มคว่ำ เสียงเกราะกระทบพื้นดังสะท้านไปทั้งกระโจม

ยังไม่ทันมีผู้ใดตั้งตัว คมดาบของเจิ้งเหวินก็ฟาดลงอย่างรวดเร็วโลหะฉีกผ้าและเนื้อ เลือดแดงฉานกระเซ็นสาดบนผืนพรมและผนังผ้า กลิ่นคาวคละคลุ้งในทันที โชคยังเข้าข้างแม่ทัพหลานเอี้ยวตัวหลบจุดตายได้ทัน แต่คมดาบก็ยังเฉือนผ่านเนื้อจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์ เลือดไหลอาบแขนและสีข้าง ร่างสูงหอบหายใจหนัก ดวงตาแปรเปลี่ยนจากความอบอุ่นเป็นคมดั่งเหล็กกล้าในชั่วพริบตา

“พวกเจ้าสองคนบ้าไปแล้วหรือไง! คิดก่อกบฏต่อท่านแม่ทัพอย่างนั้นรึ!” เสียงตวาดลั่นของนายกองยศเล็กกว่าดังขึ้นกลางกระโจม ความเดือดดาลสาดซัดในน้ำเสียงแต่คำพูดยังไม่ทันขาดประโยค ชายที่นั่งข้าง ๆ ก็ชักดาบฟาดลงอย่างเฉียบพลัน เสียงโลหะผ่าเนื้อดังฉับเดียว เลือดสาดกระจายรดโต๊ะและถ้วยสุรา“เจ้า!” เสียงของเขาสั่นสะท้าน ก่อนที่สติและลมหายใจจะดับวูบ ร่างล้มคว่ำลงท่ามกลางคราบเลือดที่แผ่ขยายบนพื้นผ้า

ความภักดีที่เคยยึดเหนี่ยวค่อย ๆ ถูกสังหารลงทีละคน เสียงตะโกนโกลาหลและการปะทะดังจากทุกทิศนอกค่าย เสียงกรีดร้องโหยหวนประสานกับเสียงเกราะกระทบกันเป็นระลอก ความตายกำลังแผ่ซ่านไปทั่วราวกับเป็นเพลิงลามทุ่งแม่ทัพหลานซือเหยียนพยายามยันตัวขึ้น แม้เลือดไหลไม่หยุด เสียงของเขาแหบพร่าเพราะแรงเริ่มถดถอย“พวกเจ้าสองคน…ทำกับข้าเช่นนี้ หมายความว่าอย่างไร”

ดวงตาที่เคยมองเขาด้วยความเคารพ กลับแปรเป็นแววเย้ยหยันเย็นชาไร้ซึ่งเศษเสี้ยวของความภักดีเขาจำได้ดี…หลายสิบปีก่อน พวกมันยังเป็นเพียงพลทหารตัวเล็ก ๆ ที่แทบไม่มีใครจดจำ ด้วยผลงานที่โดดเด่น เขาเป็นผู้ผลักดัน ชุบเลี้ยง ฝึกฝน จนพวกมันได้ยืนในตำแหน่งสูงถึงรองแม่ทัพและนี่…คือดาบตอบแทนจากคนที่เขาเคยไว้ใจที่สุด

“ท่านหลี่เถี่ยนกวง…หมายจะเอาชีวิตท่าน” เจิ้งเหวินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ แต่คมดั่งคมดาบ“หากพวกเราทำสำเร็จ ก็จะได้ขึ้นแทนที่ท่าน”

คำพูดนั้นไม่ต่างจากดาบที่ปักลงกลางอกแต่แทนที่จะปลุกโทสะ กลับทำให้แม่ทัพหลานซือเหยียนเงียบไปเพียงชั่วลมหายใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งเสียงหัวเราะของเขาดังก้องภายในกระโจม เหมือนเสียงฟ้าผ่าท่ามกลางรัตติกาล “อะไรนะ… อย่าบอกนะว่าพวกเจ้าทั้งสองก็…” เขาแค่นหัวเราะอย่างเย้ยหยัน

“ตกเป็นของเจ้าแก่คนนั้นแล้วงั้นหรือ? ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” เสียงหัวเราะนั้นเย็นเยียบ ยาวนาน จนเหมือนทุกหยดคำสาดกระเด็นไปบนบาดแผลในเกียรติของคนทั้งสองเจิ้งเหวินกับโหวซื่อหมิงชะงักวูบ ดวงตากระตุกเล็กน้อย สีหน้าที่พยายามแข็งกร้าวพลันแตกร้าวชั่ววินาทีเพราะภาพในอ่างหยกยังฉายชัดในหัว ทั้งไออุ่นของน้ำ กลิ่นกำยาน และสัมผัสมือเหี่ยวย่นที่ไม่มีวันลืม เพียงเสี้ยวอึดใจ ความอับอายก็ถูกกลบด้วยแววตาแข็งกระด้าง เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวและความทะเยอทะยานในยามนี้ ความภักดีถูกฝังไปแล้ว เหลือเพียงเส้นทางที่พวกมันเลือกเดิน…แม้จะต้องเหยียบผ่านเลือดของผู้มีพระคุณก็ตาม

“ชีวิตของแกกำลังจะดับสูญอยู่แล้ว ยังกล้าตีฝีปากอีก!” เสียงคำรามของหนึ่งในพวกมันสั่นด้วยทั้งโกรธและอับอาย คำเสียดสีของแม่ทัพหลานซือเหยียนได้ทิ่มแทงลึกจนเกินทนแววตาของเจิ้งเหวินกับโหวซื่อหมิงสบกันเพียงเสี้ยววินาที ก็พอให้เข้าใจตรงกันชายผู้นี้ต้องถูกกำจัดเดี๋ยวนี้คมดาบพุ่งฟาดตรงเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วและแม่นยำแม่ทัพหลานยกดาบขึ้นป้องกัน เสียงเหล็กกระทบกันดังสะเทือนสะท้านไปทั้งร่าง แผลเดิมที่สีข้างแตกฉีกกว้างขึ้น เลือดทะลักอุ่นร้อน ซึมผ่านเกราะจนแผ่นหลังเปียกชุ่มลมหายใจเริ่มถี่หนัก สายตาพร่ามัวราวกับม่านหมอกกำลังปิดลงทุกขณะ

“ข้ารู้ว่าเจ้าดูอยู่… ช่วยข้าด้วย! ข้าจะต้านมันไม่ไหวแล้ว!” เขาตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก ราวกับพูดกับอากาศว่างเปล่า แต่ในใจรู้ดีว่า ไม่ใช่อากาศที่เขากำลังเรียกหาหากคือเงาลึกลับที่เขารู้ว่ากำลังซ่อนอยู่โหวซื่อหมิงหัวเราะต่ำ เสียงเต็มไปด้วยการเหยียดหยาม “ฮ่า ฮ่า ฮ่า… ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นท่านในสภาพนี้” คำพูดยังไม่ทันจบ มุมสายตาของเขากลับสะดุดลงต่ำเห็นเพียงฝีเท้าตัวเองหยุดชะงัก ก่อนที่ความเย็นเฉียบจะแล่นปราดจากต้นคอไปทั่วร่างดวงตาเจิ้งเหวินเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงศีรษะของโหวซื่อหมิงหลุดกระเด็นจากบ่า กลิ้งลงพื้นโดยที่เจ้าของยังไม่ทันรับรู้ถึงความตาย

และในเงามืดหลังม่านควันรบ ร่างของสตรีผู้หนึ่งก็ก้าวออกมาอย่างเงียบงัน หลานเยว่ ดวงตาคมเยียบเย็นราวคมมีด มือยังชุ่มไปด้วยโลหิตที่เพิ่งชักดาบกลับเข้าฝัก

“เจ้า…เป็นใครกัน…”เสียงของเจิ้งเหวินสั่นสะท้าน ขณะถอยหลังเพียงครึ่งก้าว ดวงตาเบิกกว้าง แต่ความหวาดกลัวยังไม่ทันได้ซึมลึกคมดาบวาววับก็แล่นเฉือนผ่านลำคอเพียงวูบเดียว ศีรษะของเขาหลุดจากบ่า กลิ้งไปตามพื้นกระโจม เสียงโลหะกระทบพื้นดังเพียงครั้งเดียว ก่อนทุกอย่างจะเงียบงัน

หลานเยว่ยืนนิ่งกลางซากความวุ่นวาย ดวงตาเย็นชาไร้แวว มือเรียวยังคงถือดาบที่หยดเลือดไหลหยดต่อหยดเงาวูบไหวเพียงไม่กี่ครั้ง ก็เพียงพอให้นางปลิดชีพทุกผู้ที่เป็นไส้ศึกในกระโจมไม่มีเสียงร้อง ไม่มีโอกาสต่อต้าน

“การได้เห็นท่านในสภาพเช่นนี้…มันช่างทำให้ข้ารู้สึกดีเหลือเกิน”น้ำเสียงของนางเรียบเย็นปนเย้ยหยัน ราวกับกำลังพูดถึงภาพงดงามสักภาพหนึ่ง แม่ทัพหลานซือเหยียนขบกรามแน่น ใบหน้าเจ็บปวดบิดเบี้ยวเล็กน้อยไม่ใช่เพียงเพราะบาดแผล หากแต่เพราะถ้อยคำนั้นแทงลึกเข้าไปในหัวใจกระนั้น เขาก็ไม่อาจปฏิเสธความจริง…หากปราศจากนาง วันนี้ชีวิตของเขาคงสิ้นสุดไปแล้ว

แม้เลือดจะไหลนองจนเกราะชุ่ม แม้ร่างกายจะโอนเอนราวกับพร้อมล้มในทุกลมหายใจ แต่แม่ทัพหลานซือเหยียนยังฝืนยืนตรง ดวงตาวาววับด้วยแรงอาฆาตที่ไม่ยอมมอดเขาก้าวออกจากกระโจมช้า ๆ มือข้างหนึ่งกำหัวของเจิ้งเหวิน อีกข้างกำหัวของโหวซื่อหมิง เลือดอุ่นหยดเป็นทางบนพื้นดินทุกก้าวที่เดินเมื่อถึงหน้ากระโจม เสียงโกลาหลของการสังหารหมู่ยังดังสนั่น แต่เพียงครู่เดียว เสียงตะโกนของเขาก็แผดออกมาดังก้องราวฟ้าผ่า

“พวกเจ้าทุกคน…หยุดเดี๋ยวนี้! หากยังกล้าสร้างความวุ่นวายต่อ ข้าจะสังหารล้างโคตรพวกเจ้าให้สิ้น!” เสียงคำรามนั้นหนักแน่นและเย็นเยียบจนเลือดในกายผู้ได้ยินแทบแข็งตัวเหล่าทหารที่คิดก่อกบฏชะงักพร้อมกัน เมื่อสายตาทุกคู่เห็นชัดศีรษะของรองแม่ทัพทั้งสองห้อยอยู่ในมือของผู้เป็นนายเก่าสีหน้าของพวกมันซีดเผือด ความฮึกเหิมเมื่อครู่มลายหายราวควันลม บางคนปล่อยอาวุธตกพื้นโดยไม่รู้ตัว บางคนคุกเข่าลงอย่างสั่นเทาในยามนั้น ความโกลาหลที่ปกคลุมค่ายศึกก็ค่อย ๆ ถูกกลืนด้วยความเงียบอันเยียบเย็น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 117 สิบสี่ปีต่อมา (จบ)

    กาลเวลาล่วงเลยผ่านไปสิบสี่ปี… ชื่อเสียงของ นักฆ่าไร้นาม ค่อย ๆ กลายเป็นเพียงตำนานเล่าขานในหมู่ผู้คน ถึงแม้ในโลกมืดจะยังมีใบสั่งตายมากมาย แต่ไม่มีใครเคยเห็นพวกเขาออกมาเคลื่อนไหวอีก ราวกับได้หายลับไปจากยุทธภพ เหลือเพียงความเงียบงันที่แฝงไว้ด้วยปริศนาในเวลานี้ ภายในจวนตระกูลซู กลิ่นหอมอ่อนของชาอบอวลอยู่ในห้องโถง หลานเยว่ วัยสี่สิบปี นั่งอยู่ตรงหน้าต่าง แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องกระทบเรือนผมดำขลับที่ยังคงเงางาม ความงดงามของนางหาได้ลดทอนลงตามกาลเวลา หากแต่เพิ่มพูนด้วยเสน่ห์อันสงบเย็นและน่าเกรงขาม นางหันไปถามสามีด้วยเสียงอ่อนโยน แฝงด้วยความเย็นชาที่ไม่เคยเลือนหายไป“ท่านพี่… หลานจิ่วอวิ๋น ลูกของเราไปที่ใด?”คำถามของนางเหมือนหยดน้ำเย็นไหลผ่านกลางอก ซูจิ่งหลง ชายวัยหกสิบกว่า ที่แม้ร่างกายจะผ่านศึกและกาลเวลามานับไม่ถ้วน แต่ความสง่างามและอำนาจในแววตายังคงไม่เสื่อมคลาย เขายกยิ้มบาง ๆ ตอบเสียงนุ่ม แต่แฝงความเกรงใจ“เจ้าจะไปห่วงทำไมกัน… บัดนี้หลานจิ่วอวิ๋นเติบใหญ่แล้ว ไม่ใช่เด็กตัวน้อยอีกต่อไป”สายตาของ หลานเยว่ หันมาสบเขา ดวงตาคู่นั้นนิ่งสนิทและเย็นชา ราวกับคมดาบที่ซ่อนอยู่ใต้ฝัก คำตอบนั้นไม่ใช่สิ่งท

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 116 วันมงคล

    แสงแดดยามสายส่องลอดผ่านซุ้มศาลาริมน้ำ เงาไม้ไหวระริกตามแรงลมเย็น เสียงน้ำกระทบฝั่งดังแผ่วเบา บรรยากาศรอบกายดูสงบสุขราวกับไม่มีคลื่นลมใด ๆ เคยเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ซูจิ่งหลงนั่งนิ่ง สายตาเหม่อมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่รู้จักเบื่อ หลานเยว่ ยังคงสงบนิ่งเช่นเคย มือเรียวยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างอ่อนช้อย แววตาเย็นชาไร้อารมณ์ ทำให้เขารู้สึกว่าผู้หญิงผู้นี้…ไม่เพียงแต่เป็นมือสังหาร แต่ราวกับเป็นผู้ชี้ขาดโชคชะตาของผู้คนเพียงแค่ปรายตามอง นางไม่จำเป็นต้องลงมือเองเสมอไป เพียงกำหนดเส้นทางให้ เรื่องราวก็จะดำเนินไปอย่างที่นางปรารถนาชายหนุ่มพยายามสลัดภาพชะตากรรมอันน่าสมเพชของจ้าวหย่งหยูออกจากใจ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสะท้านทั้งจากความโหดเหี้ยมของฟ้า และจากสตรีผู้ลึกลับตรงหน้า“เจ้ามองอะไร” เสียงของนางดังขึ้นเรียบเย็น แต่กลับกระทบเข้ากลางใจเขาราวกับใบมีดบางเฉียบซูจิ่งหลงสะดุ้งเล็กน้อย เขารีบยกยิ้มประดับใบหน้า พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกที่กำลังพลุ่งพล่าน “เปล่า… ข้าเพียงแค่รู้สึกดีที่มีเจ้าอยู่เคียงข้างเท่านั้น”รอยยิ้มของเขาดูจริงใจ แต่ดวงตากลับซ่อนความเขินอายไว้ไม่มิดหลานเยว่ไม่กล่าวสิ่งใด นางเพียงวางถ้วยชาลงบนโ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 115 จุดจบของกากเดนในร่างมนุษย์

    แรกเริ่ม จ้าวหย่งหยู ยังยกยิ้มเยาะบนใบหน้า มันแสดงสีหน้าถือดีนักที่ได้เห็นอดีตบ่าวรับใช้ทำตัวราวกับสุนัขเชื่อง ๆ ยอมหมอบคลานต่อหน้า ทว่ากาลเวลาไม่เคยเข้าข้างใคร การรอคอยที่เนิ่นนานเกินไปกลับค่อย ๆ เผาอารมณ์อันบิดเบี้ยวของมันให้พลุ่งพล่านมันมาถึงตั้งแต่ฟ้ายังไม่เปลี่ยนสี จนบัดนี้ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ คล้อยต่ำใกล้ตกดินแล้ว แต่เงาของเจ้าขี้ข้าก็ยังไม่กลับออกมาเสียที ใบหน้าที่เหยียดหยามในคราแรกจึงค่อย ๆ กลายเป็นความบิดเบี้ยวทั้งโกรธเกรี้ยวและน่าสมเพชเจ้าง่อยตะเบ็งเสียงพร่าหอบ ริมฝีปากสั่นกระตุก น้ำลายเหนียวไหลเลอะเป็นทาง“แค่กกก… อ่อกกก… เจ้า…เจ้าขี้-ชะ-ชั้นต่ำ! กล้าาา…ปล่อยให้ข้า…รอออ…นานถึงเพียงนี้เรอะะะ! ขะ-ข้ามาตั้งแต่ฟ้าา…ยังไม่ทันเปลี่ยนสี…จนตะวัน…จวนจะตกแล้ววว!”เสียงโวยวายแตกพร่า แผดก้องไปทั่วหน้าประตู ราวกับเด็กร่างพิการเอาแต่ใจในสลัมผู้ไม่รู้จักคำว่าอดทนหรือศักดิ์ศรีไม่นานนัก ประตูไม้เก่าโทรมค่อย ๆ ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดแล้วเปิดออกอย่างเชื่องช้า คล้ายเจตนาแอบทดสอบความอดกลั้นของนายเก่า อดีตบ่าวโค้งตัวลง น้ำเสียงราบเรียบคล้ายไร้เดียงสา“ขออภัยด้วยขอรับ… มันเป็นเพราะเรือนข้ารกและสกปรกมากเก

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 114 อดีตบ่าวรับใช้

    สำหรับบางคน…ความตายอาจเป็นเพียงการปลดปล่อย แต่สำหรับจ้าวหย่งหยู เศษเดนในร่างพิการผู้นี้ มันไม่ควรมีจุดจบที่เรียบง่ายถึงเพียงนั้นชีวิตของมันเต็มไปด้วยมลทินที่แม้ตัวมันเองยังจำไม่ได้ว่าก่อกรรมชั่วกับใครไปมากเท่าไรแล้วเคยสั่งลูกน้องรุมซ้อมบัณฑิตผู้ใฝ่ดีจนพิการ เพียงเพราะริษยาที่อีกฝ่ายมีสติปัญญาดีมากกว่าตนเคยฉุดคร่าสตรีงามที่สะดุดตา ไม่สนใจว่านางมีครอบครัวหรือฐานะเช่นไรเคยเหยียบย่ำชีวิตผู้คนจนพังพินาศนับครั้งไม่ถ้วนเพราะบารมีและอำนาจของบิดาอย่าง อัครเสนาบดีจ้าวเจี้ยนกั๋ว ที่คอยปกปิด เก็บกวาด และอุ้มชู ทำให้มันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้จนถึงวันนี้แต่เมื่อเสาหลักล้มลงแล้ว โลกทั้งใบของมันก็ดิ่งลงเหวอย่างไร้ทางหนีค่ำคืนหนึ่ง ร่างพิการที่นั่งค่อมบนรถเข็นเก่า ๆ จมอยู่ในความมืด ดวงตาขุ่นหมองฉายแววโหยหวน น้ำเสียงแหบพร่าเล็ดลอดออกมาพร้อมหยาดน้ำตา“ท่ะ…ท่านพ่อ… ข้า…คึ-คิดถึงท่าน… เหลือเกิน…”เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของนายน้อยผู้เคยอหังการ แต่คือเสียงสะอื้นของเศษมนุษย์ที่ไร้ที่พึ่งตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่มีแม้แต่อาหารสักคำตกถึงปาก ความหิวกัดกินจนท้องไส้บิดเกร็ง แต่ถึงกระนั้น จ้าวหย่งหยู ก็ยังยึดมั่นในศักดิ์

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 113 ของขวัญแต่งงาน

    ภายในจวนร้างที่เงียบงัน เสียงล้อรถเข็นยังคงเสียดสีพื้นหินดังเอี๊ยดอ๊าดไม่ขาดสาย จ้าวหย่งหยู เข็นตัวเองไปอย่างทุลักทุเล ใบหน้าบิดเบี้ยวชุ่มไปด้วยน้ำตาและน้ำลายที่ไหลยืดเลอะเปรอะคาง ร่างพิการสั่นเทาคล้ายจะล้มพังได้ทุกเมื่อทุกห้องที่มันเปิดเข้าไป ภาพที่ปรากฏตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับฝันร้ายตู้หีบสมบัติถูกเปิดอ้า หยกงาม ทองคำ และเงินก้อนโตที่เคยเป็นภูเขาทรัพย์หายวับไปราวกับไม่เคยมีอยู่ ร่องรอยการกวาดล้างปรากฏทุกซอกมุม เหลือเพียงความว่างเปล่ากับความเย้ยหยันที่บีบคั้นหัวใจอันบิดเบี้ยวมันสั่นระริกทั้งร่าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น หัวเราะปนสะอื้นเสียงแหบพร่า“ฮึ่กก… ฮือออ… มะ-ไม่… ไม่นะะะ… ทรัพย์… ซะ-สินของข้าาาาา… ทองคำของข้าาา! ฮ่ะ…ฮึ่กก!”หยาดน้ำตาที่ไหลพรั่งพรูออกมานั้น มิใช่เพราะมันเสียใจที่ถูกเหล่าคนรับใช้ทอดทิ้ง แต่เป็นเพราะ เกราะกำบังเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของมันทรัพย์สมบัติที่พ่อทิ้งไว้ถูกพรากไปจนสิ้นมันรู้ดีแก่ใจ ว่าที่ผ่านมาอำนาจและรัศมีที่มันอวดอ้างล้วนแล้วแต่เป็นเพียงเงาของบิดาผู้ล่วงลับ กับกำแพงทองคำที่ห้อมล้อมคุ้มครองมัน หากปราศจากสิ่งเหล่านี้ มันก็เป็นเพียง ซากพิการอัปลักษณ์ที่ไร้ค่า เดิ

  • ทะลุมิติมาเป็นนักฆ่าแม่ลูกอ่อน   ตอนที่ 112 นักฆ่าไร้นามเคลื่อนไหว

    ภายในห้องโถงที่เงียบสงัด แสงตะเกียงเพียงไม่กี่ดวงส่องให้เห็นเงาเรียงรายของผู้คนที่ยืนรอคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง มือสังหารนับร้อยในชุดดำสนิท ปิดบังใบหน้าแน่นหนา ราวกับเป็นเงามืดที่ไร้ตัวตน แต่ละคนแผ่รังสีอันตรายคล้ายคมดาบที่ซ่อนอยู่ในฝัก ทุกสายตาหันมาจับจ้องยังสตรีเพียงผู้เดียวที่นั่งอยู่เบื้องหน้าหลานเยว่ เอนกายเล็กน้อยบนเก้าอี้ไม้ แววตาคมเรียบเฉยดั่งผืนน้ำแข็งที่ไร้คลื่นกระเพื่อม ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเพียงเสี้ยว ราวกับกำลังพูดเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ต้องใส่ใจนัก ก่อนเสียงเย็นยะเยือกจะเอื้อนเอ่ยออกมา“สังหารสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำในร่างคนพวกนั้นให้สิ้นซาก… และชิงเอาทรัพย์สินของมันมาให้หมด”น้ำเสียงนั้นสงบนิ่งเสียจนชวนขนลุก คล้ายกับนางไม่ได้สั่งการล้างชีวิตผู้คนนับร้อย แต่เป็นเพียงการบอกให้คนของนางไปดูแลสวนหรือจัดการเรื่องบ้านเรือน ความเย็นชานี้เองทำให้ทุกคำยิ่งดังก้องและหนักหน่วงนางหยุดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยสายตาที่เฉียบคม “เหลือชีวิตไว้แต่เพียง…เจ้าง่อย และคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”ถึงแม้นางจะสั่งฆ่าอย่างไร้ความปรานี แต่ก็ไม่มีวันเอ่ยคำให้พรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ คำสั่งของหลานเยว่เด็ดขาด นางต้องการเพ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status