Share

บทที่ 8 ทำใจยอมรับ

Author: sanvittayam
last update Last Updated: 2025-03-04 15:45:58

บทที่ 8 ทำใจยอมรับ

แต่ทว่าหญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัว ถังเยี่ยและเหนียงฟางสองสามีภรรยาวิ่งกลับมาถึงบ้านเสียก่อน เมื่อเห็นว่าลูกสาวฟื้นแล้วจึงได้ร้องเรียกออกมาอย่างดีใจ “อาเหมย!!”

“ลูกเป็นอย่างไรบ้าง รู้ไหมแม่เป็นห่วงขนาดไหน” เหนียงฟางยกมือปาดน้ำตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะสอบถามลูกสาวอย่างอ่อนโยน เพราะตั้งแต่ที่ถังลู่เหมยไม่สบาย เธอแทบไม่ได้กินไม่ได้นอนเลย

“ดีเหลือเกินที่ลูกฟื้นแล้ว” ถังเยี่ยพูดอีกคนด้วยความดีใจ ตอนที่ภรรยาวิ่งไปบอกว่าลูกสาวนอนไม่ได้สติ ข้าวปลาไม่กิน ใจของเขาหล่นลงมาอยู่ปลายเท้า เพราะกลัวว่าลูกสาวจะเป็นอะไรไป พอเห็นถังลู่เหมยฟื้นขึ้นมา คนเป็นพ่ออย่างเขาจึงน้ำตาซึม

ในขณะที่กำลังจะตอบทั้งสองคน หญิงสาวยกมือขึ้นกุมขมับอีกครั้ง เพราะเธอรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง ก่อนจะมีภาพต่าง ๆ ฉายชัดเข้ามาไม่ต่างจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เธอจึงมั่นใจแล้วว่าตนเองนั้นอยู่ในร่างของถังลู่เหมยหญิงบ้าแห่งบ้านถังแล้วในตอนนี้

หว่านอันถิงพบว่าชะตาของเด็กสาวคนนี้ช่างอาภัพ เพราะรับรู้ทุกอย่างว่าใครกระทำอะไรบ้าง แต่เธอไม่สามารถโต้ตอบได้ก็เท่านั้น เธอทำใจยอมรับว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ในร่างของถังลู่เหมยแล้วจริง ๆ

ถังเยี่ยและเหนียงฟางเห็นท่าทีของลูกสาวก็รู้สึกร้อนรน จึงรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงทันที

“อาเหมยเป็นอะไรหรือเปล่า อย่าทำให้พ่อกับแม่ตกใจเลยนะ เจ็บปวดตรงไหนบอกพ่อมาซิลูก” ถังเยี่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เวลานี้เขารู้สึกผิดเหลือเกินที่ไม่อาจพาลูกไปหาหมอได้ ในใจได้แต่กล่าวโทษความไม่เอาไหนของตนเอง

“ฉันไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” เพราะความลืมตัวทำให้เธอตอบกลับด้วยท่าทีของคนปกติ

ท่าทางเหล่านี้ทำให้สองสามีภรรยาตกใจอย่างมาก เมื่อเห็นเป็นอย่างนั้นเลยทำให้หว่านอันถิงที่อยู่ในร่างของถังลู่เหมยก็แกล้งทำตัวเหมือนคนบ้าอีกครั้ง ด้วยการพูดติดๆ ขัดๆ และเอียงหน้าเอียงตาเวลาพูดด้วย

“หะ หาย แล้ว จริง อืม”

ซึ่งหญิงสาวก็ไม่มั่นใจว่าท่าทางที่เธอแสดงออกมานั้นจะเหมือนกับร่างเดิมหรือเปล่า แต่อย่างน้อยขอให้ผ่านตรงนี้ไปให้ได้ก่อนเถอะ รอวันเวลาอีกสักหน่อย แล้วค่อยบอกว่าเธอหายแล้วจากอาการเหล่านั้น

“ดีๆ ลูก หายแล้วก็ดีแล้ว อย่างนั้นแม่จะไปทำอาหารไว้ลูกกินนะ” เหนียงฟางรีบบอกออกไปอย่างดีใจ

สองสามีภรรยาเลือกที่จะไม่ถามอะไรต่อ เพราะรู้ดีว่าอาการของลูกนั้นเป็นอย่างไร ขอแค่ลู่อันเหมยปลอดภัยก็พอแล้ว

ส่วนหว่านอันถิงเมื่อรู้ว่าต้องอยู่ในร่างนี้ ก็ทำใจยอมรับได้ แต่ปัญหาที่หนักใจคือเธอจะแกล้งบ้าเหมือนหรือเปล่า และที่สำคัญเธอมาอยู่ในยุคที่ขาดแคลนอาหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่ชอบเลย เพราะการกินอาหารที่อร่อยคือความสุขของคนอย่างหว่านอันถิง

เมื่อมองภาพของทุกคนในครอบครัวเธอก็เศร้าใจ เพราะแต่ละคนนั้นผอมเหลือเกิน จากที่ติดตามตอนที่เธอเป็นวิญญาณ ทั้งสี่คนของบ้านรองแทบจะไม่ได้กินอาหารดี ๆ เลย ไม่ว่าหาอะไรมาได้ก็ล้วนส่งเข้าบ้านใหญ่ทั้งนั้น ซึ่งการกระทำเหล่านี้มีเพียงบ้านรองและบ้านสามเท่านั้น ซึ่งบ้านสามดูจะแย่กว่าบ้านรองนัก เพราะอาสามมีเพียงลูกสาวเท่านั้น เลยทำให้ย่าถังไม่พอใจยิ่งกว่า อีกทั้งสะใภ้จากทั้งสองบ้าน นางล้วนไม่ชอบเพราะยากจน

บ้านรองยังดีที่มีพี่ชายอย่างถังอี้คุน ที่ยังพอจะเข้าหน้าหญิงชรามหาภัยคนนั้นได้บ้าง

“อาเหมยฟื้นแล้ว อย่างนั้นกินข้าวต้มสักหน่อยนะลูก จะได้มีแรง” เหนียงฟางรีบออกมาจากห้องและก่อไฟข้างห้องอีกครั้ง เพื่อจะอุ่นข้าวต้มที่มีแต่น้ำให้ลูกสาว ส่วนถังเยี่ยยังคงนั่งเฝ้า เพื่อดูว่าถังลู่เหมยนั้นไม่เป็นอะไรแล้วจริง ๆ

“อาเหมยไม่ปวดและไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมลูก” น้ำเสียงที่ผู้เป็นพ่อพูดออกมานั้นช่างอ่อนโยนยิ่งนัก หว่านอันถิงรับรู้ได้ถึงความรักที่พ่อมีให้กับลูก ที่แม้ว่าลูกสาวคนนี้จะมีสติไม่สมประกอบก็ตาม

“ไม่ เจ็บ”

เธอส่ายหน้าไปมาและตอบกลับมาเพียงเท่านี้ แม้ว่าจะมีความทรงจำของร่างเดิมก็ตาม แต่การที่จะเลี่ยนแบบท่าทางและการพูดการจานั้นไม่ง่ายเลย ต่อให้เธอจะเป็นตำรวจมาก่อน แต่การปลอมเป็นคนบ้านั้นเธอไม่เคยทำ ซึ่งมีเพียงช่วยที่วิญญาณล่องลอยเท่านั้น ที่เห็นอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ได้มากอะไร หวังว่าพ่อกับแม่และพี่ชายคงไม่สงสัยหรอกนะ

และที่สำคัญ เมื่อเธอมาอยู่ในร่างนี้และกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้วเหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไร เธอจะทำให้ทุกคนในครอบครัวมีกินมีใช้มากกว่านี้ และอยู่ดีมีสุขให้ได้

“ถ้าอย่างนั้นพ่อไปทำงานต่อก่อนนะอาเหมย อย่าดื้อกับแม่ล่ะ” ถังเยี่ยเมื่อเห็นว่าลูกสาวปลอดภัยดีแล้วจึงคิดจะกลับไปทำงานที่คอมมูน เพราะยิ่งทำมากก็จะยิ่งได้แต้มมากขึ้น

ถังลู่เหมยทำเพียงพยักหน้าสองสามครั้งเท่านั้น เพราะไม่รู้จะตอบอะไรออกมาเหมือนกัน ระหว่างนั้นเหนียงฟางก็เดินกลับมา

“มากินข้าวก่อนลูก” เหนียงฟางถือชามข้ามต้มเข้ามา ก่อนจะเอ่ยบอกลูกสาวด้วยรอยยิ้ม แต่พอเห็นสามีลุกขึ้นและเตรียมตัวที่จะออกจากบ้านจึงได้เอ่ยถาม “พี่จะกลับไปทำงานแล้วเหรอ”

“อืม ตอนนี้อาเหมยไม่ได้เป็นอะไรแล้ว เลยคิดว่ากลับไปทำงานดีกว่า อย่างไรก็ยังได้แต้ม” ถังเยี่ยพูดขึ้นมา เขาหวังว่าเมื่อไรที่แบ่งปันผลผลิต คะแนนที่เขาทำงานจะจุนเจือครอบครัวได้บ้าง เพราะทุกครั้งที่ผ่านมา ของทุกอย่างจะเอาเข้าบ้านใหญ่หมด

“ถ้าอย่างนั้นพี่ไปเถอะ เดี๋ยวจะถูกหักแต้มการทำงาน ส่วนอาเหมยฉันจะดูแลเอง” เหนียงฟางตอบสามีด้วยใบหน้าที่จริงจัง เธอเองก็กลัวว่าที่คอมมูนจะหักแต้มออก แถมวันนี้ถังอี้คุนก็หยุดงานด้วย เลยรีบเร่งให้สามีกลับไปทำงาน

ในขณะที่สองสามีภรรยากำลังพูดคุยอยู่นั้น ย่าถังเมื่อรู้ว่าลูกสะใภ้ไปตามลูกชายกลับมาจากคอมูนก็โกรธจนตัวสั่น จึงรีบเร่งมาที่หน้าห้องของบ้านรองและเคาะประตูเสียงดังลั่น

ปัง ๆ ๆ

“หน็อย คิดขี้เกียจทำงานกันหรืออย่างไร พวกแกออกมาเดี๋ยวนี้นะ”  ย่าถังตะโกนเสียงดังอย่างไม่พอใจ

ถังเยี่ยสบตากับภรรยาก่อนจะเดินออกมาเปิดประตูด้วยตนเอง เมื่อเจอกับแม่ตนเองก็ถามออกไป “แม่มีอะไรหรือเปล่า ทำไมเคาะประตูดังอย่างนั้นล่ะ แถมยังตะโกนเสียงดังอีก”

“ทำไมแกไม่ไปทำงาน หรือเพราะนังเด็กไร้ประโยชน์นี่ป่วยใกล้ตาย ถึงได้มากองกันอยู่ที่ห้องนี้โดยไม่ไปทำงาน ไอ้พวกขี้เกียจ” ย่าถังด่าลูกชายทันทีที่เห็นหน้า หล่อนสามารถขุดคำพูดต่าง ๆ นานาออกมาด่าได้อย่างไม่ซ้ำกันเลย

ถังลู่เหมยที่อยู่ในห้องก็ได้ยินเสียงพวกนี้ เธอทำเพียงแอบกลอกตามองบนด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจพร้อมกับชะโงกหน้าจ้องเขม็งไปที่หญิงชราที่ยืนอยู่ตรงประตูห้อง ในใจนั่นคิดว่าเธออยากจะเอาคืนอย่างสาสมแทนครอบครัวนี้เสียเหลือเกิน รวมถึงเจ้าของร่างนี้ด้วย

“เป็นความผิดของฉันเองแม่ ก่อนหน้านี้อาเหมยไม่รู้สึกตัวฉันเลยไปตามพี่เยี่ยมา แต่เวลานี้พี่เยี่ยกำลังจะกลับไปทำงานแล้วค่ะ แม่อย่าตำหนิเลยนะ” เพราะกลัวว่าสามีจะถูกด่าไปมากกว่านี้ เหนียงฟางเลยออกมารับหน้าแม่สามีด้วยอีกคน 

“ลูกของพวกแกมันไร้ประโยชน์ น่าจะตาย ๆ ไปซะ อยู่ไปก็เปลืองข้าว ทำอะไรก็ไม่ได้” ย่าถังพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ ซ้ำคำพูดของหล่อนนั้นแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการให้หลานสาวที่สติไม่สมประกอบให้ตาย ๆ ไปซะ

นี่จึงทำให้ถังลู่เหมยเกิดความไม่พอใจจนทนไม่ไหวอีกต่อไป หญิงสาวลุกพรวดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชี้มือไปหาหญิงชราด้วยแววตาแข็งกร้าว จากนั้นก็ระเบิดหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม

“ฮ่า ๆ ๆ ยายแก่ไร้ประโยชน์ ตาย ๆ ไปซะ ตายไปเลย ฮ่าๆ” เธอไม่เพียงแต่พูดอย่างเดียว แต่ตบมือพร้อมกับหัวเราะชอบใจไม่ต่างกับคนบ้าคนหนึ่ง สลับกับชี้หน้าบอกให้ยัยแก่คนนี้ให้ตายๆ ไปซะ

“นี้นางเด็กเลว แกกล้าด่าฉันเหรอ” ย่าถังไม่คิดว่าจะถูกหลานสาวบ้าคนนี้ด่าว่าไร้ประโยชน์และไล่ให้นางไปตาย พอตั้งสติได้ก็ชี้หน้าด่ากลับเหมือนกัน

“ฮ่า ๆ ๆ ยายแก่ ยายแก่ รีบตาย ตาย ไปเลย” ถังลู่เหมยยังคงแสดงบทคนบ้า พร้อมกับผุดคำด่าที่ไม่ซ้ำเหมือนกัน แต่เธอไม่ทิ้งคราบของคนสติไม่สมประกอบไว้เพื่อจะด่าได้อย่างไม่ผิด

 “ฮ่า ๆ ๆ ยัยแก่ตัวไร้ประโยชน์ ไปเลย ไปตายเลย ซิวๆ ” ถังลู่เหมยทั้งตบมือ หัวเราะและทำมือไล่ย่าถังให้ไปตาย และยังวิ่งวนรอบๆ ตัวย่าถังไปด้วยอย่างสนุกสนาน

ถังเยี่ยและเหนียงฟางตกใจไม่น้อย ที่เห็นลูกสาวมีท่าทางกิริยาแบบนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ถังลู่เหมยนั้นกลัวผู้เป็นย่ายิ่งกว่าอะไร ไม่ต้องพูดถึงการโต้ตอบแบบนี้ เพียงแค่สบตาผู้เป็นย่าเธอก็ไม่กล้าแล้ว แล้วนี่มันเกิดอะไรกับลูกสาวของพวกเราอย่างนั้นเหรอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงบ้าที่กลายมาเป็นคุณนายตำรวจ 70s   บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์

    บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์หลังจากวันนั้นนี่ก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว เรื่องที่ช่ายจื่อเฉิงจัดการก็เงียบไปเหมือนกัน ไม่มีใครรู้ว่าเขาจบเรื่องนี้ด้วยวิธีใด และไม่มีใครได้พบเห็นสามแม่ลูกนั้นอีกเลย บ้างก็ว่าปี้เจียวหลานหนีตามใครบางคนไปส่วนทั้งสองคนนั้นก็มีข่าวลือว่าไม่ใช่ลูกของนายท่านช่าย ในวงสังคมต่างพูดถึงเรื่องนี้และมีข่าวลือแตกต่างกันไปคนละแบบ ซึ่งไม่รู้ว่าอันไหนคือเรื่องจริง อันไหนคือเรื่องเท็จ แต่สิ่งที่จริงนั้นคือทั้งสามคนหายไปจากวงสังคมของปักกิ่ง“ความโหดร้ายของช่ายจื่อเฉิงไม่มีใครเทียบได้หรอก สมัยที่เขายังเป็นหนุ่มก็พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นฝีมือ กว่าเขาจะไต่เต้าขึ้นมาได้จนมีทุกอย่างเหมือนทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เล่น ๆ เหมือนกัน” ฉินจิ้งเหยาพูดขึ้นมาท่ามกลางทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องโถง“ช่างมันเถอะค่ะคุณลุง อย่างไรเรื่องราวก็จบลงแล้ว ฉันเองก็ไม่อยากรับรู้ว่าสามคนแม่ลูกนั่นไปอยู่ที่ไหน ขอแค่ไม่มาวุ่นวายกับพวกเราก็พอแล้วค่ะ”ช่ายเหมยฮวาพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ เธอไม่อยากรับรู้อะไรมากนัก แต่คิดว่าทั้งสามคนคงยังมีชีวิตอยู่ เพราะตอนนี้เธอเองก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ จึงขอร้องพ่อไปว่าไม่ว่าพ่อจะจัดการสาม

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงบ้าที่กลายมาเป็นคุณนายตำรวจ 70s   บทที่ 87 ได้เวลาจัดการให้สิ้นซาก

    บทที่ 87 ได้เวลาจัดการให้สิ้นซาก“พี่รู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ ลางสังหรณ์มันบอกอะไรแปลก ๆ ทำให้พี่ไม่สบายใจ เลยอยากกลับมาเยี่ยมคุณพ่อ” เธอตอบกลับน้องสะใภ้ไปตามตรงเพราะสายตาซ่อนความกังวลไว้ไม่มิด“อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะคะ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เดี๋ยวรอพี่หยางกลับมาก่อนค่อยปรึกษากันอีกทีว่าจะทำอย่างไร” ถังลู่เหมยพูดขึ้นและจับมือพี่สะใภ้ไว้เพื่อปลอบโยน จะว่าไปเรื่องนี้เธอก็ไม่รู้สถานการณ์ในบ้านตระกูลช่ายเลย เพราะไม่เคยสอบถามสามีถึงเรื่องบ้านของพี่สะใภ้ เธอรู้เพียงว่าพี่สะใภ้ใหญ่นั้นไม่ลงรอยกันกับแม่เลี้ยงตนเอง รวมถึงน้องทั้งสองคนที่เกิดจากแม่เลี้ยงด้วย“เรื่องตระกูลช่าย ลุงสืบมาให้เรียบร้อยแล้ว รอหลานมาจัดการด้วยตนเอง แต่ยังไม่มีเวลาที่จะส่งข่าวไป ไม่คิดว่าวันนี้เหมยฮวาจะมาด้วยตนเอง” จังหวะนั้นนายท่านฉินที่เดินลงมาจากชั้นบนก็พูดขึ้น แม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่แววตาก็ฉายแววกังวลออกมาเรื่องที่เขาให้คนสืบไว้นั้นจะว่าดีก็ดี จะว่าร้ายก็ร้าย แต่ถึงอย่างไรให้หลานสาวตัดสินใจด้วยตนเองดีกว่า อีกอย่างเขากับน้องเขยก็ไม่ได้สนิทติดเชื้อกันมากนัก จะมาให้เจ้ากี้เจ้าการเรื่องในครอบครัวอีกฝ่ายก็คงเป็นไปไม่ได้ อีกทั้ง

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงบ้าที่กลายมาเป็นคุณนายตำรวจ 70s   บทที่ 86 ครอบครัวพร้อมหน้า

    บทที่ 86 ครอบครัวพร้อมหน้าหญิงสาวที่ถูกมัดอยู่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเรียบนิ่ง แต่ดวงตานั้นกลับแข็งกร้าวขึ้นเรื่อย ๆ พูดจบถังลู่เหมยก็ลุกขึ้น พร้อมกับเชือกที่มัดแขนอยู่ก็หลุดออกอย่างง่ายดาย จากนั้นจึงเดินมายืนประจันหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “แบบนี้ฉันคงปล่อยให้เธอใช้ชีวิตตามใจชอบอีกไม่ได้แล้วนะ หลี่ซิงหง”“ทะ ทำไมแกไม่ได้ถูกมัดไว้เหรอ” หลี่ซินหงเห็นอย่างนั้นก็ตกใจสุดขีด เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือก ก่อนจะมองรอบ ๆ และเมื่อเห็นว่าชายฉกรรจ์ที่คิดว่าเป็นคนของตนเองไปยืนอยู่ด้านหลังของอีกฝ่าย ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอติดกับดักแล้ว ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่เคียดแค้น“แกก็ไม่ใช่คนที่นี่สินะ แกมัน...”คราวนี้ถังลู่เหมยไม่ตอบคำถามนี้ และไม่รออีกฝ่ายพูดจนจบประโยค เธอเลือกที่จะเดินไปใกล้กว่าเดิม ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมว่า “หุบปากของหล่อนให้สนิท ถ้าพูดเรื่องนี้ออกมาแม้แต่คำเดียว วันนั้นจะเป็นวันที่เธอพูดไม่ได้ไปตลอดชีวิต เพราะฉันจะตัดลิ้นของเธอออกมาย่างให้หมากิน จำไว้”พูดจบเธอเดินไปหาสามีที่ยืนฟังเรื่องราวทั้งหมด ก่อนจะมีเ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงบ้าที่กลายมาเป็นคุณนายตำรวจ 70s   บทที่ 85 จัดการขั้นเด็ดขาด

    บทที่ 85 จัดการขั้นเด็ดขาดถังลู่เหมยและป๋ายหลานกลับบ้านด้วยรถยนต์ของตระกูลฉินเหมือนเดิม แต่ในขณะที่กำลังนั่งรถอยู่นั้น ก็มีรถยนต์ขับตามมาหนึ่งคัน ก่อนที่รถคันนั้นจะขับแซงขึ้นมาและปาดหน้าให้รถที่ถังลู่เหมยนั่งอยู่จอดลงอย่างกะทันหัน“เกิดอะไรขึ้น” ป๋ายหลานถามขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมกับกุมมือลูกสะใภ้ไว้แน่น“มีรถมาจอดปาดหน้ารถของเราครับคุณนาย น่าจะเป็นโจรมาปล้น” คนขับรถวัยกลางคนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกเล็กน้อย“ตายแล้ว แล้วเราจะทำยังไงดีละเนี่ย” ป๋ายหลานพูดขึ้นมาอย่างตกใจมากกว่าเดิม แม้ว่าเรื่องนี้ลูกชายกับสะใภ้บอกว่ามันอาจจะเกิดขึ้นและทั้งสองหาทางแก้ไขไว้แล้วก็ตาม“ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณแม่อยู่ในรถก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปดูเอง” ถังลู่เหมยบีบมือของแม่สามีเบาๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยท่าทีปกติ โดยไม่มีอาการหวาดกลัวใด ๆ เลย“ระวังตัวด้วยนะอาเหมย” ป๋ายหลานบอกกับลูกสะใภ้อย่างเป็นห่วง“ค่ะคุณแม่” หญิงสาวรับปากแม่สามี จากนั้นก็พูดกับคนขับรถว่า“ลุงไม่ต้องลงไปหรอกค่ะ ดูแล้วพวกมันมาไม่กี่คนเอง เดี๋ยวฉันจัดการได้ อีกอย่างมีคนของพี่หยางตงแอบติดตามมาด้วย แต่หากเกิดอะไรขึ้นก็รีบพาคุณแม่ไปยังที่ปลอดภัยห

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงบ้าที่กลายมาเป็นคุณนายตำรวจ 70s   บทที่ 84 ซ้อนแผน

    บทที่ 84 ซ้อนแผน“ได้สิ พี่เคยบอกแล้วว่าหากเหมยฮวาอยากไปเมื่อไร พี่ก็พร้อมจะพาไปเสมอ ถ้าอย่างนั้นเราไปปักกิ่งกันเถอะ พี่เองก็ไม่เคยได้พบพ่อตามาก่อน อย่างน้อยก็ได้ไปยกน้ำชาสักครั้งก็ยังดี” ถังอี้คุนพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนแม้ว่าเขากับภรรยาจะจดทะเบียนและแต่งงานกันอย่างถูกต้องแล้ว แต่เรื่องที่พบหน้ากับพ่อตานั้น เขายังไม่เคยเจอและไม่เคยยกน้ำชามาก่อน ซึ่งมันก็คงไม่ดีแน่หากใครได้รับรู้เรื่องนี้ ดังนั้นการที่ภรรยาคิดจะเดินทางไปปักกิ่งในครั้งนี้ เขาจึงเห็นว่าสมควรแล้ว“ถ้าลูกทั้งสองคนตั้งใจจะไปปักกิ่ง พ่อกับแม่ก็ตั้งใจจะไปกับลูกด้วย การเอาลูกสาวของเขามาโดยไม่มีการพูดจาสู่ขอกับพ่อของเหมยฮวา พ่อก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน ไปครั้งนี้จะได้สู่และให้ทั้งสองคนยกน้ำชาให้ถูกต้อง” ถังเยี่ยพูดขึ้นมาหลังจากได้ยินความตั้งใจของลูกชายและสะใภ้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ติดอยู่ในใจของเขาและภรรยามาตลอด เขามีลูกสาวก็เข้าใจในเรื่องนี้ดี“อย่างนั้นพวกลูกหลานไปกันเถอะนะ เดี๋ยวแม่กับตาเฒ่าจะเฝ้าบ้านให้เอง” ย่าถังพูดสนับสนุนขึ้นมา เมื่อได้ยินลูกและหลานพูดถึงเรื่องที่จะไปปักกิ่งเพื่อทำทุกอย่างให้ถูกต้อง“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปกันทั้งหมด

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงบ้าที่กลายมาเป็นคุณนายตำรวจ 70s   บทที่ 83 ข่าวสำคัญ

    บทที่ 83 ข่าวสำคัญหลังจากวันนั้น นี่ก็ผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่หลี่ซินหงไม่สามารถดำเนินการตามแผนการที่วางไว้ได้ นั่นก็เพราะว่าถังลู่เหมยนั้นไม่ได้ออกจากบ้านตระกูลฉินอีกเลย เพราะผู้เป็นแม่สามีได้ซื้อของมากมายมาให้เธอจนแทบจะใช้ไม่หมดอยู่แล้ว ซึ่งแม้จะอยากออกไปหาลู่ทางเพื่อทำการค้าของตนเอง แต่เธอก็ไม่ขัดขืนเพราะไม่อยากทำให้ทุกคนลำบากใจ โดยเฉพาะสามีของเธอทุกวันถังลู่เหมยจะทำอาหารให้ทุกคนในบ้านกิน และนั่งฟังแม่สามีเล่าเรื่องต่างๆ ในปักกิ่งให้ฟัง ป่ายหลานสอนมารยาทการเข้าสังคมให้เธออย่างใส่ใจ ซึ่งถังลู่เหมยก็ไม่ขัดอะไรเพราะเห็นสีหน้าของแม่สามีดูมีความสุขที่ได้สอนและจับเธอแต่งตัว“อาเหมยอีกสามวันจะมีงานสังคม โดยตระกูลฉินเป็นประธาน เธอเตรียมตัวด้วยนะ แม่จะพาอาเหมยออกงานอย่างเป็นทางการ” ป๋ายหลานเดินมาบอกลูกสะใภ้ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องโถง ถึงเรื่องที่ตระกูลฉินจะเป็นประธานในงานเลี้ยงสมาคมการค้าในครั้งนี้ และเธอตั้งใจให้สะใภ้ได้ไปร่วมงานด้วย หลายวันมานี้เธอยอมรับสะใภ้คนนี้ได้อย่างเต็มหัวใจแล้ว ถังลู่เหมยได้ยินอย่างนั้นก็อมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงดีใจเพราะนี่คือการยอมรั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status