เรือนโจรอี้หราน
องครักษ์" ฝ่าบาท มีข่าวรายงานมา ว่าท่าน ฮ่องเต้แห่งเฉิงฮั่นมาขอเข้าเฝ้า อีกสักพักคงถึงเขตแคว้นสิบ ขอรับ " โจรอี้หราน" เตรียมสถานที่รอต้อนรับ ข้าจะบอกให้เฝิงเส้าเฟิงเตรียมตัว" " ขอรับ " เรือนเฝิงเส้าเฟิง โจรอี้หรานนำความมาบอกให้เฝิงเส้าเฟิงเตรียมตัว และให้ภรรยาตนนั้นออกมาด้วย เฝิงเส้าเฟิง" ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ " โจรอี้หราน" ส่วนเรื่องนี้ข้าจะให้ชงหยุนบอกภรรยาเจ้าเอง " เฝิงเส้าเฟิง" ขอรับ " ชงหยุนรีบนำความไปบอกซุนอี้ให้เตรียมเข้าท้องพระโรงต้อนรับฮ่องเต้แคว้นเฉิ่งฮั่น ชงหยุน" องค์หญิง วันนี้ฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉิงฮั่นจะมาเยือนแคว้นสิบได้ข่าวว่า ชายารอง ก็มาด้วย " เมื่อซุนอี้ได้ยินว่า หลิวซินเนียน นางก็นึกได้ทันทีว่าสตรีนางนี้เป็นผู้ชื้อตัวนางแทนลูกสาวให้มาแต่งงงาน " นางคางคกมันมาแล้ว" ชงหยุนหลับตาปริบๆจับใจความไม่ได้ว่าหมายความว่าเช่นไร " องค์หญิง บ่นอะไรรึ ข้าฟังไม่รู้ความ" ซุนอี้หันมายิ้มแล้วจับบ่าไหล่ " ข้าอยากทาปากสีแดง " ชงหยุน" ออ ปากสีแดง แค่นั้นรึ" ซุนอี้" สีแดงคงแรงพอ ต้องชุดสีแดงแรงฤทธิ์ เล็บก็ต้องแดง ต้องเหมือนนางร้ายในชี่รี่ ( คิดในใจ) ซุนอี้" ข้าต้องการแต่งแบบ สีแดงสด เจ้าช่วยข้าที " ชงหยุนพยักหน้านำชุดลายดอกสีแดงสัญลักษณ์แห่งแคว้นสิบพร้อมกำไลข้อมือหยกเขียวที่มีในหนึ่งเดียวในแคว้นสิบ ทั้งหมดนี้มีเพียงภรรยาของแคว้นสิบ เท่านั้นที่ใส่ได้นั่นก็หมายความว่าเฝิงเส้าเฟิงคือทายาทคนต่อไป 20 นาทีผ่านไป ไม่ว่าจะกิริยาท่าทางวาจา ช่างดูดีไปเสียหมด ใบหน้าเล็กๆเท่าฝ่ามือดูน่าทะนุถนอมดวงตาของนางกลมโตเป็นประกาย ชงหยุน" วันนี้องค์หญิงทรงงดงามนัก ขนาดหม่อมฉันเป็นหญิงยังละเลยที่จะชายตามองไม่ได้ " ซุนอี้" ได้เวลาออกโรง " ชงหยุนแหงนหน้าถลึงตา ในความหมายที่ไม่เข้าใจ รีบเดินตามข้างกายไปยังท้องพระโรง ขบวนเสด็จนำทหารมานับหมื่นนาย ขุนนางอีกหลายตำแหน่ง โดยมีทหารแคว้นสิบ คอยคุ้มกัน อย่างรัดกลุ้ม ชาวบ้านต่างคำนับก้มหัวจนสุดทางเข้า หน้าท้องหน้าท้องพระโรง สิ้นสุดเสียงของเท้าม้าที่หน้าพระโรงสายตาเอียงมองนอกหน้าต่างอย่างเย่อหยิ่งก้าวเท้าซ้ายลงจากรถม้าด้วยรูปลักษณ์ที่สง่าแต่แฝงไปด้วยความอันตรายชำเลืองมองรอบกายวี่ใบพัดเบาๆแสยะยิ้มสีหน้าที่อึมครึม หลิวซินเนียน" นี่รึแคว้นสิบ " ถานเจี้ยนซื่อ" เก็บความเย่อหยิ่งไว้ อย่าใช้มันนัก" หลิวซินเนียนมองถานเจี้ยนซื่ออย่างไม่พอใจ นางกัดริมฝีปากแรงๆพยายามงับอารมณ์ ยืนนิ่งตัวแข็งทื่อ กำลังพยายามควบคุมปฏิกิริยา แล้วเดินตามถานเจี้ยนซื่อเข้าท้องพระโรงโดยมีขุนนาง เดินตามด้านหลัง ในห้องท้องพระโรง ถานเจี้ยนซื่อ " คำนับท่านโจรอี้หรานต้องขออภัยที่มาเยือนโดยเร่งด่วนเช่นนี้ " โจรอี้หราน" ไม่เป็นไร ไหน ๆ ท่านก็มาแล้ว เชิญนั่งเสียเถิด" ถานเจี้ยนซื่อ" วันนี้ที่ข้ามา ต้องขออภัยที่ส่งตัวเจ้าสาวผิดคน " โจรอี้หราน" ไม่เป็นไร นางก็ไม่ได้โง่เง่าเสียเลย แถมยังฉลาดเสียด้วย" ถานเจี้ยนซื่อแลมองหลิวซินเนียนด้วยความสงสัย ก่อนจะหันไปถาม โจรอี้หรานอีกครั้ง ถานเจี้ยนซื่อ" นางเป็นแค่สาวชาวบ้านธรรมดา หากท่านอยากเปลี่ยนตัวเจ้าสาวก็ย่อมได้" โจรอี้หราน" ข้าไม่เปลี่ยน นางผู้นี้แหละเหมาะที่จะเป็นสะใภ้ของแคว้นสิบ" หลิวซินเนียนแปลกใจว่าเหตุใดถึงได้รับเจ้าสาวไม่มีฐานะ แถมยังดีใจด้วยซ้ำไป ด้วยความสงสัยจึงถามไปว่า " นางผู้นี้มีอะไรดีรึ " โจรอี้หราน" นางมีความดี เมตตา ซื่อสัตย์ ใจดี ชั่งเหมาะกับลูกชายข้า ในฐานะผู้สืบทอดแคว้นสิบคนต่อไป " เหล่าขุนนางเฉิ่งฮั่นทั้งหลายสงสัยว่าเหตุใดฝ่าบาทจึงตรัสเช่นนี้ทั้งๆที่ลูกชายตนนั้นเป็นคนไร้สติไม่สมประกอบจะสืบทอดบัลลังก์ได้เช่นไร โจรอี้หราน" เอาละ เงียบก่อน วันนี้ข้าจะบอกให้ทุกท่านได้รู้ ความจริงแล้ว ลูกชายข้ามิได้เสียสติ " ขุนนางถกเถียงกัน........ 🗣️" อะไรน่ะ ไม่ได้เสียสติงั้นรึ" 🗣️"ข้าว่าแล้วไง เรื่องนี้มิชอบมาพากล" 🗣️" งั้นที่ชายารอง ส่งสาวชาวบ้านธรรมดาไป ก็เปล่าประโยชน์" 🗣️ " ทรงคาดการณ์ผิดพลาดอย่างยิ่ง" ในระหว่างนั้นซุนอี้ที่อยู่หลังห้องท้องพระโรง ได้ยินความจริงทั้งหมด จึงมองชงหยุนด้วยความเคลือบแคลงใจ " เหตุใดต้องโกหกข้า " ชงหยุน " การจะรับเจ้าสาวมาเป็นคู่ครองเฝิงเส้าเฟิงนั้นมันไม่ง่าย หารู้ไม่ว่า แคว้นเฉิงฮั่นจะส่ง เจ้าสาวที่รู้ว่าเจ้าบ่าวไร้สติ นั้นเป็นการทดสอบแค่ขั้นแรกเท่านั้น" ซุนอี้เห็นเฝิงเส้าเฟิงยืนอยู่ด้านหลัง นางหันหลังด้วยสีหน้าท่าทางโกรธเกรี้ยว " ต่อไปอย่าได้มานอนห้องของข้า ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า" เฝิงเส้าเฟิง เข้าสู้กิริยาเย็นชาทันที ที่นางรู้ความจริง เพราะว่าตนไม่ไว้ใจหญิงผู้นี้มากเท่าไร ส่วนการกระทำที่ผ่านมานั้นคือการแสดง ซุนอี้" เห็นข้าเป็นตัวอ่ะไรกัน ได้ทำกับข้าเช่นนี้ งั้นเราจะได้เห็นดีกัน( คิดในใจ) " หลังจากนั้นโจรอี้หราน เรียกทั้งสองออกมา หลิวซินเนียนได้เห็นรูปลักษณ์ภายนอกของเฝิงเส้าเฟิง ชั่งรูปงาม แถมยังไม่ใช่คนไร้สติ นางจึงเสียดายยิ่งนัก เลยคิดแผนการ เสนอลูกสาวของตนให้เป็นชายารอง หลิวซินเนียน" ฝ่าบาทไหนๆเราทั้งสองแคว้นจะพึ่งพากันด้านค้าขาย ให้ยิ่งใหญ่ หม่อมฉัน ขอเสนอให้ลูกสาว แต่งงานกับองค์ชายเฝิงเส้าเฟิงในฐานะชายารอง " โจรอี้หรานได้ยินดังนั้นจึงตอบตกลงพร้อมให้เตรียมให้เเฝิงเส้าเฟิงเดินทางไปพร้อมกับซุนอี้และชงหยุน ไปอาศัยอยู่แคว้นเฉิงฮั่น เพื่อศึกษาการค้าขายระหว่างเมือง ไหนๆแคว้นเฉิงฮั่นก็มาถึงแคว้นสิบ โจรอี้หรานเลยจัดฉลองต้อนรับถานเจี้ยนซื่ออย่างสมศักดิ์ศรี เรือนเฝิงเส้าเฟิง ซุนอี้ นำข้าวของ เฝิงเส้าเฟิงออกไปให้หมด รกหูรกตานางมาก "ซุนอี้ "เอาออกไป" ชงหยุน" องค์หญิง ข้ารู้ว่าโกรธมาก แต่อย่าทำเช่นนี้ หากองค์ชายมาเห็นเข้าจะมีโทสะได้" ซุนอี้" ข้าไม่สน เหตุใดข้าต้องยอมอยู่ฝ่ายเดียว" เฝิงเส้าเฟิงได้ยินที่ซุนอี้พูดทั้งหมด เลยเดินไขว้หลังเข้ามาในห้องข่มขู่ซุนอี้อย่างเยือกเย็น " หากเจ้าไม่พอใจ ก็เผาเตียงไปด้วยจะได้สบายตา" ซุนอี้" ข้าไม่ทำเช่นนั้นหรอก ข้าไม่ใช่ท่าน ( นางใช้นิ้วชี้ที่หน้าอกชนกระทบไหล่แล้วเดินจากไป) เฝิงเส้าเฟิง" บังอาจนัก " (ตนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ชิงชัง) ขนาดชงหยุนยังแปลกใจว่าเหตุใดเฝิงเส้าเฟิงถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ด้วยสีหน้าท่าทาง การพูด เหมือนโกรธแค้นมาเป็นสิบ ปีตำหนักหลี่ซิ่น หมอหลวง" องค์หญิงสิ้นใจแล้วขอรับ "หลิวซินเนียน" ไม่จริง...ฮือๆ ลูกแม่เจ้าตื่นขึ่นมาเถิดหนา "ตนนั้นทำใจไม่ได้และกล่าวหาหมอหลวงว่าไม่มีความสามรถ...ร้องไห้คร่ำครวญกอดลูกสาวไม่ยอมปล่อย...หันมากล่าวโทษทุกคนที่ยืนดูอยู่หลิวซินเนียน" เป็นเพราะพวกเจ้า พวกเจ้าทำลายชีวิตของของข้า " ฉางอัน" เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น จะโทษผู้อื่นเหตุใดไม่โทษตัวเอง " หลิวซินเนียน" ผู้ใดถามเจ้า ข้าชังน้ำหน้าเจ้านัก "ฉางอัน" พอเถิดเจ้าหมดหนทางแล้ว เตรียมตัวเข้าไปชดใช้กรรมในคุกเถิด" ได้ยินคำว่าคุก นางจึงยิบมีดออกมาข่มขู่ทุกคนก่อนจะตายนางได้เอ่ยทิ้งท้าย หลิวซินเนียน" จ้าไม่มีวันยอมเข้าคุก ข้ายอมตายเสียดีกว่า " หลังจากนั้นตนได้ใช้มีดแทงตัวเองจนสิ้นใจตามลูกสาวทิ้งตัวนอนลงข้างกายลูกของตน และหลังจากนั้นศพสองแม่ลูกนั้นได้ถูกเผาไม่มีการทำพิธีใดๆไปทั้งสิ้น เมื่อข่าวนี้แพร่งพรายออกไปทั่วเฉิ่งฮั่น ต่างคนต่างเชื่อในปาฏิหาริย์และรับรู้ว่าต่อจากนี้เมืองเฉิ่งฮั่นจะกลับมามีความสุขดังเฉกเช่นเมื่อก่อนในเมื่อทุกอย่างถูกคลี่คลายเฝิงเส้าเฟิงตอบตกลงทำการค้ากับแคว้นเฉิงฮั่นโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ส่วนซุนอี้ได้พบกับแม่ที่แท้
เจ็ดวันถัดมา เวลา 8.00ณ . ท้องพระโรงในที่สุดวันนี้ก็มาถึงได้เวลาเปิดโปงความจริงทุกอย่าง หลักฐานพร้อมพยานพร้อม ทุกคนในท้องพระโรงต่างรอพระมเหสีหลิวซินเนียนและองค์หญิงซุนอี้ บรรยากาศในท้องพระโรงเริ่มรี่เสียงลงอวยหน้าหันไปยังหน้าประตูบานใหญ่ที่กำลังเปิดออก พระมเหสีหลิวซินเนียนมาแล้ว แต่มาด้วยใบหน้าที่ใส่หน้ากากปิดบังรอยบาดแผลไว้ เหลือให้เห็นแค่ดวงตาทั้งสองข้าง ถานเจี้ยนซื่อ " ในเมื่อมากันครบแล้ว....เฝิงเส้าเฟิงเริ่มได้เลย " เฝิงเส้าเฟิง " เข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน หัวหน้ากรมตุลาการ หูจวินได้ทำความผิด ข้อหาโยนความผิดให้ผู้บริสุทธิ์ปิดบังเรื่องการหายตัวของชาวบ้านตั้งยี่สิบกว่าปี นักโทษที่จับมานั้นล้วนเป็นคนดีทั้งหมดและเรื่องนี้มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยหนุนหลังหูจวินมาตลอด "หลิวซินเนียนเริ่มออกอาการทำตัวไม่ถูกตนนั้นกลัวจะถูกเปิดโปง เลยขอตัวกลับตำหนักอ้างว่าตนนั้นไม่สบายหลิวซินเนียน" ฝ่าบาทข้าปวดหัวมาก ข้าขอกลับไปพักผ่อนที่ตำหนัก " เฝิงเส้าเฟิง" ท่านยังไปไหนไม่ได้ " หลิวซินเนียน " บังอาจกล้ามาก้าวร้าวใส่ข้า " เฝิงเส้าเฟิง " ฝ่าบาทขอรับผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือ พระมเหสีหลิวซินเนียนข
ทรมารจากบาดแผลจนร้องไห้ออกมาผ่านบาดแผลที่แก้มทั้งแสบทั้งแค้นใจจนนางสลบลงไปในที่สุด สภาพนางตอนนี้ไม่ต่างจากหมาเร่ร่อนเลยสักนิด กลายเป็นผู้ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์จนนางกำนัลไม่กล้าเข้าไปพยุง ในขณะหลี่ซิ่นได้ผ่านมาทางหน้าตำหนักโบตั๋นเห็นนางกำนัลยืนวงล้อมดูท่าวุ่นวายกันมาก ส่วนชงหยุน/หนิงเหอ ได้รีบกลับเข้าตำหนักไปเก็บข้าวของเตรียมหนีกลับแคว้นสิบและพาลี่ถังไปด้วยหนิงเหอ " เหตุใดถึงต้องหนี "ชงหยุน " องค์ชายเคยบอกข้าไว้ล่วงหน้า ว่าถ้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้ข้ารีบกลับแคว้นสิบอย่าอยู่ที่นี่ "หนิงเหอ"แล้วองค์ชายละ จะเป็นเช่นไร องค์หญิงก็เช่นกัน "ชงหยุน " เรื่องนี้เจ้าอย่าได้ขวัญเสียไป องค์ชายข้าเก่งฉลาดกว่าที่เจ้าคิดเสียอีก รีบเก็บของแล้วไปตำหนักท่านลี่ถัง " หน้าตำหนักโบตั๋นเพลานี้เหล่าขุนนางต่างเรียกให้ทหารนำตัวนางไปรักษา ส่วนนางกำนัลโดนหลี่ซิ่นลงโทษ อย่างหนัก ที่ลานกลางเรือนหลี่ซิ่น แซ่ประจำตัวนางไม่ได้ใช้มานานเพลานี้สมควรนำมันออกมาใช้เสียที แค่เห็นแซ่ในมือนาง นางกำนัลคนเก่าๆที่อยู่มานานยังกลัวไม่ต่างจากนางกำนัลคนใหม่ หลี่ซิ่นจับมวยผมจนจำศีรษะลากนางกำนัลถูพื้นจนขาถลอก มือชั่วช้าได้จับผม
เช้าวันใหม่ 6.00 สองสามีภรรยาตื่นเช้าเตรียมตัวออกตามหานักสืบที่อยู่ในรายชื่อทั้งหมด ที่แรกที่ต้องไปคือหมู่บ้านเล็กๆในแถบนอกเมือง ที่นั้นมีนักสืบซ่อนตัวอยู่เพื่อหลบซ่อนผู้หวังจะทำร้าย เมื่อทั้งสองได้เดินทางมายังหมู่บ้าน ก้าวแรกที่เข้ามาก็เป็นที่หมายตาของชาวบ้านเสียแล้ว ชาวบ้าน " พวกเจ้าทั้งสองมาทำอะไร "เฝิงเส้าเฟิง " ข้ามาตามหาชายที่ชื่อว่า ห่าวซวน " ชายแก่เดินวนรอบ ๆ กายทั้งสอง ใช้ไม้เท้าเคาะตามตัวเพื่อหาสิ่งของ ว่าแอบนำอะไรเข้ามา มองตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่เว้นแม้กระทั่งม้าที่ตนขี่มา วนมองดูหนึ่งรอบไม่พอยังมีรอบที่สอง " ใส่ชุดคลุมหนาเช่นนี้ตอนถอด คงให้ภรรยาซ่วยละสิ ละดูรองเท้าเจ้าสิหนาอย่างกับกากมะพร้าว รอยแผลตามตัวมีแต่แผลเก่าเต็มไปหมด หน้าตาก็ดี รูปร่างใช้ได้ ดูมีฐานะแต่เหตุใดต้องใส่เสื้อผ้าโสโครกเช่นนี้ ผมเผ้ารกรุงรังไปหมด ไปตัดออกบ้าง ไม่เหนื่อยรึปลอมตัวมาเช่นนี้ " เฝิงเส้าเฟิง " ท่านรู้ได้เช่นไร " " ดูภรรยาเจ้าสิผิวพรรณนวลผ่องดังน้ำนมข้าว รูปร่างหน้าตาไม่เป็นสองรองใคร สงบเสงี่ยมเหมือนคนโดนเชือกมัดปากไว้ไม่ยอมพูดจา เนื้อตัวมีกลิ่นเครื่องหอมพุ่งเข้ามาเตะจมูกข้า สาวชาวบ้านธรรมดา
ในระหว่างเดินทางกลับ นางชำเลืองมองไปเห็นชายร่างกายสูงใหญ่หน้าตาหน้ากลัวกำลังอารมณ์เสียเหมือนผิดหวังอะไรมาสักอย่าง แววตารังสีอำมหิตร้อนแรงแผ่ออกกระจายมาทั่วร่างกาย นางสูดหายใจเข้าลึกๆ เบิกตากว้างมองชายผู้นั้นอย่างตื่นตะลึ่ง แต่เมื่อวิ่งรถม้าผ่านชายผู้นั้นไปนางจึงนึกได้ว่าจะหาใครมาทำงานให้นาง จึงสั่งทหารให้เลี้ยวรถม้ากลับทันที "." เงินก็ไม่มีไปเล่นการพนันยังถูกโกง หึ สงสัยข้าต้องขายวัวทิ้งจะได้กลับไปแก้แค้นให้ได้เงินกลับมาเป็นหลายเท่า "{ ตนเดินบ่นไม่พอใจหงุดหงิดใจมองไปทางไหนก็ไม่สบอารมณ์ จนได้ยินเสียงรถม้าวิ่งมาจอดดักหน้าตน สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้คือทหารผู้นี้มาจากในวังและตนยังได้กลิ่นเครื่องหอมของสตรีพุ่งออกมา ตนชะเง้อมองผ้าม่านสีเทาที่กำลังเลื่อนออกอย่างช้าๆ } หลิวซินเนียน " เจ้าอยากมีงานทำหรือไม่ " " ท่านเป็นใคร " หิวซินเนียน" ข้าคือพระมเหสีหลิวซินเนียน " [เมื่อตนรู้ความจริงถึงกับยืนอ้าปากค้างตัวแข็งเหมือนหุ่น }หลิวซินเนียน " ไม่ต้องกลัว สนใจทำงานให้ข้าหรือไม่ ข้าตอบแทนของเจ้าจะทำให้เจ้าสบายไปทั้งชาติ " " งานอะไร ขอรับถึงได้เงินมากมายถึงเพียงนี้ " หลิวซินเนียน " ลักพาตัว
ระเบิดหลายลูกกำลังเตรียมการเล็งเป้าหมายมาที่หมู่บ้าน ชายทั้งห้าจะไปหยุดพวกมันทันหรือไม่ เมื่อเห็นว่าทางเฉิ่งฮั่นไม่มีการตอบโต้ยิ่งทำให้ได้ใจหลงระเริงคิดว่าฝั่งตนนั้นเหนือกว่าทุกอย่าง ในที่หลบบนเนินเขาไม่แปลกใจที่หาพวกมันไม่เจอหนำซ้ำฝั่งเฉิ่งฮั่นเสียเปรีบยอยู่ไม่น้อย บัดนี้เจ้าหมาป่าได้เดินดมกลิ่นไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มเหาเบาๆเพื่อบอกชายทั้งห้าเดินทางขึ่นไปยังหุบเขาโดยใช้ทางเดินที่ทุกคนต่างก็รู้ว่ามันเป็นทางตัน" เจ้าหมาป่า ทางนั้นมันเป็นทางตัน " เจ้าหมาป่าไม่สนใจวิ่งนำหน้าชายทั้งห้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว " ตามเจ้าหมาป่าไป " เมื่อเดินทางมาถึงยังที่หมายกลับเป็นทางตันจริงๆ " เจ้าหมาป่าข้าบอกเจ้าแล้วว่ามันเป็นทางตัน " { ตนย้ำด้วยเสียงที่มั่นใจและไม่หลบสายตา} เจ้าหมาป่าไม่เชื่อเพราะกลิ่นจมูกของมันไม่มีทางคาดการผิดพลาด มันจึงดมกลิ่นรอบๆจนเจอกับโพรงหญ้าที่มีหลุมใต้ดินเป็นทางลัดเดินลงไป โฮ่งๆ...... มันคาบชายกระโปรงเพื่อให้ทุกคนเข้ามาดูในที่มันเจอ " ใจเย็น ข้าจะไปดู " เมื่อชายทั้งห้าเปิดโพรงหญ้าที่หนาทึบและมีหนามคมเต็มไปหมด " ห๊ะ ทางลัดใต้ดิน พวกมันขุดเตรียมการไว้ลวงหน้าก่อนจะเปิดสงคราม " {