ฉู่จวินถิงมองซ่งรั่วเจินด้วยความกังวล พูดว่า “วางใจได้ เดิมทีเรื่องนี้ก็ฝืนมาตั้งแต่แรก สกุลสวี่อาจต้องการฉวยโอกาสนี้รีดไถเงินจำนวนหนึ่งจากสกุลซ่ง แต่หากอาศัยเพียงเรื่องนี้ตัดสินโทษพี่สาม นั่นก็คือคำพูดเหลวไหลไร้สาระ”“หากเล่าลือไปจนถึงหูของเสด็จพ่อ คนซวยก็คือสกุลสวี่”เรื่องพรรค์นี้ คนสายตาแหลมคมล้วนสามารถมองออกว่าเป็นสกุลสวี่สร้างความวุ่นวายซ่งรั่วเจินพยักหน้า ใคร่ครวญแล้วพูดว่า “ก็เพียงท่าทีของสวี่หยวนชิงที่มีต่อหวังเสวี่ยเมื่อวานนี้ ภายในใจเขาน่าจะไม่มีหวังเสวี่ย”“ตอนจากไปเขายังหมดสติ ไม่อาจฟื้นขึ้นได้ในทันที บ่าวข้างกายสวี่หยวนชิงย่อมไม่เป็นฝ่ายเสนอให้ส่งเขาไปโรงเตี๊ยม สาเหตุที่เกิดเรื่องทั้งหมดขึ้นก็มีเพียงอย่างเดียว”ฉู่จวินถิงเข้าใจ “ฮูหยินคาดการณ์ได้แม่นยำดุจเซียน!”“ในอดีตหวังเสวี่ยสนใจเพียงอวิ๋นอ๋องมาโดยตลอด ช่วงนี้ไม่มีความเคลื่อนไหว คิดไม่ถึงเลยว่าจะเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว”“เพียงแต่...พวกเขารู้จักกันมานานหลายปี ไม่เห็นจะต้องใช้วิธีการเช่นนี้เลยนี่?”สีหน้าซ่งรั่วเจินสะท้อนความสงสัย โดยทั่วไปแล้ว หากสตรีไม่ถึงขั้นอับจนหนทางย่อมไม่ทำเรื่องพรรค์นี้หวังเสวี่ยเองก็นับเ
ค่ำคืนนี้ของกู้ฮวนเอ๋อร์ผ่านไปอย่างมีความสุขไม่น้อย อวิ๋นอ๋องอ่อนโยนกับนางเป็นอย่างมากดังเช่นที่ผ่านมา รอคอยมาเนิ่นนานเพียงนี้ ในที่สุดก็สมหวังได้แต่งงานกับคนที่รัก คืนเข้าหอใต้แสงเทียนก็ยิ่งเปี่ยมไปด้วยความสุขที่ยากจะบรรยาย ไม่เพียงเท่านั้น ในใจของนางยังบังเกิดลางสังหรณ์ประหลาดอย่างหนึ่งขึ้นมาอย่างเลือนราง นางมักจะรู้สึกว่า หลังจากคืนนี้ พวกเขาราวกับจะมีบุตรแล้ว ความคิดนี้ ผุดขึ้นมาอย่างไร้เหตุผลสิ้นดี กระทั่งเมื่อนางคิดให้กระจ่าง ก็ยิ่งรู้สึกทั้งเขินอายแทบรับไม่ไหว อายุของนางก็ไม่ถือว่ามากนัก ต่อให้จะชอบอวิ๋นอ๋องมากเพียงใด ก็คงไม่ถึงขั้นพอแต่งงาน ก็คิดจะคลอดลูกเลยกระมัง? เพียงแต่ว่า หลังจากที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นมา ก็ปรากฏอยู่ในหัวของนางมาตลอด ไม่สามารถลบออกได้ ทำให้นางรู้สึกอย่างเลือนรางว่านี่อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ ได้ยินมาว่ามีบางคนพอเป็นแม่ ก็จะมีความรู้สึกแปลกประหลาดบางอย่างระหว่างลูก ไม่แน่ว่านางก็เป็นคนที่ไวต่อความรู้สึกแบบนี้เป็นพิเศษ นางครุ่นคิดว่าจะนำความคิดนี้ฝังไว้ในใจเสียก่อน รออีกสักเดือนหนึ่ง ก็จะสามารถรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่อง
“ข้ารู้ พวกเจ้าไม่ต้องห่วงว่าข้าจะเข้าใจผิด” ฉู่อวิ๋นกุยหัวเราะเบา ๆ “ใกล้ชิดย่อมได้เปรียบ หากฮวนเอ๋อร์ชอบเขาจริง ก็คงไม่มีทางแต่งกับข้า” “แต่หวังเสวี่ยนั่น ไม่ใช่คนที่จิตใจบริสุทธิ์จริง ๆ ข้าได้ยินมาว่า บัดนี้นางหมายปองสวี่หยวนชิงอีกแล้ว” เมื่อทุกคนได้ยินคำว่า ‘อีกแล้ว’ ก็สะดุ้งในใจเล็กน้อย และเข้าใจขึ้นมาทันที ที่แท้ก่อนหน้านี้หวังเสวี่ยก็เคยปันใจให้อวิ๋นอ๋อง เพียงแต่พวกเขาทั้งหลายไม่รู้เลย ดูจากท่าทีของฮวนเอ๋อร์ในยามปกติ คิดว่านางเองก็ไม่รู้เรื่องเช่นกัน แววตาของฉู่อวิ๋นกุยเย็นลงเล็กน้อย ตั้งแต่คราวก่อนที่หวังเสวี่ยวิ่งมาตรงหน้าเขา แสร้งว่าหวังดีต่อฮวนเอ๋อร์ แล้วพูดถ้อยคำเช่นนั้น เขาก็รู้ว่าสตรีนางนี้จิตใจไม่บริสุทธิ์ ที่สามารถเป็นเพื่อนกับฮวนเอ๋อร์ได้ ก็เพราะเห็นแก่ความใสซื่อไร้เล่ห์เหลี่ยมของนาง ถึงสามารถเอาเปรียบนางได้ ภายหลังเมื่อเห็นว่าฮวนเอ๋อร์ค่อย ๆ ออกห่างจากนาง เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอีกต่อไป ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นในงานเลี้ยงงานแต่งได้ ดูท่า…เขาเองก็ควรจะเตือนสติเสียหน่อยแล้ว!! หารู้ไม่ว่า หลังจากหวังเสวี่ยพาสวี่หยวนชิงออกไ
ซ่งรั่วเจินย่อมสังเกตเห็นภาพนี้เป็นธรรมดา นางเองก็จำหวังเสวี่ยกับสวี่หยวนชิงได้ดี ครานั้นที่พบฮวนเอ๋อร์ในหอสุรา หวังเสวี่ยก็เป็นสหายสนิทของนาง จงใจลากนางไปฉลองวันเกิดให้สวี่หยวนชิงอีก ตอนนั้นฮวนเอ๋อร์ก็ไม่ค่อยยินดีนัก เพราะรู้ความในใจของสวี่หยวนชิง อีกทั้งได้ปฏิเสธอย่างชัดเจนไปแล้วหลายครั้ง แต่หวังเสวี่ยยังคงพยายามจับคู่พวกเขาเหมือนเช่นเคย แต่ดูแล้วตอนนี้…สองคนนี้กลับดูเหมือนจะลงเอยกันเสียเอง? “คุณชายสวี่นี่ก็เหลือเกิน แต่ก่อนฮวนเอ๋อร์ก็พูดกับเขาอย่างชัดเจนแล้ว ว่าเห็นเขาเป็นแค่สหายเท่านั้น” “วันนี้เป็นวันแต่งงานมงคลของฮวนเอ๋อร์ เขายังจะเมาสุรา พล่ามเพ้อเจ้ออยู่อีกได้อย่างไร?” กู้เจาน่วนกังวลขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว พวกเขาย่อมเข้าใจดีว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไร แต่คนอื่นหาได้รู้ไม่ ก่อเรื่องเช่นนี้ หากอวิ๋นอ๋องเข้าใจผิดขึ้นมาคงจะแย่แน่ “หวังเสวี่ย หยวนชิงเมาแล้ว เจ้ารีบพาเขากลับไปเถิด” กู้จิ่งหลิน คุณชายใหญ่สกุลกู้ สีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งดึงสวี่หยวนชิงลุกขึ้น เป็นสัญญาณให้หวังเสวี่ยและเด็กรับใช้ข้างกายที่มาด้วยกันพาตัวกลับไป ในแววตาของหวังเสวี่ยฉายแว
ซ่งรั่วเจินเลิกคิ้ว การที่กำหนดไว้เป็นเดือนหน้า คาดว่าคงเป็นเพราะฮวนเอ๋อร์เพิ่งแต่งในวันนี้ จึงจำต้องเว้นระยะบ้าง ไม่เช่นนั้น ด้วยท่าทีเร่งรีบของสกุลเจียง เกรงว่าแทบอยากจะนำเจาย่วนกลับไปแต่งงานทันทีเสียด้วยซ้ำ บนโต๊ะกินเลี้ยงคึกคักเป็นอย่างมาก ที่ดังมาจากรอบข้างล้วนเป็นเสียงยกย่องชมเชย ฮวนเอ๋อร์กับอวิ๋นอ๋องแต่เดิมก็เหมาะสมกันยิ่งนัก แม้แต่ฮองเฮาก็ยังพอพระทัยยิ่งในการแต่งงานครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ไร้ที่ติ ทันใดนั้น เสียงเอะอะดังแว่วมาเสียงหนึ่ง “ไสหัวไป ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามายุ่ง!” “หยวนชิง เจ้าเมาแล้วนะ อย่าดื่มต่ออีกเลย!” หวังเสวี่ยรีบกล่าว สีหน้าของสวี่หยวนชิงแดงก่ำ เพราะดื่มเหล้าจนเมา ดวงตาก็พร่ามัวอยู่บ้าง เขาเห็นว่าสตรีที่ตนรักมาหลายปีแต่งงานด้วยตาตัวเองเช่นนี้ ในใจก็เศร้าจนมิอาจเอื้อนเอ่ยได้จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นคนรู้จักฮวนเอ๋อร์ก่อนแท้ ๆ พวกเขาคบหากันมาหลายปี เหตุใดฮวนเอ๋อร์ถึงมุ่งมั่นจะแต่งกับอวิ๋นอ๋องด้วย? หรือเป็นเพราะฐานะของเขาสู้อวิ๋นอ๋องไม่ได้? “เจ้าว่าเหตุใดฮวนเอ๋อร์ถึงไม่ชอบข้า? ทั้ง ๆ ที่ข้าเป็นคนที่ดีกับนางที่สุดต่างหาก!”
ครั้นคำพูดของซ่งจิ่งเซินจบลง สายตาของทุกคนก็เหลียวไปทางซ่งรั่วเจิน แววตาปรากฏความตกใจ “คุณชายสี่ซ่ง ตามที่ท่านกล่าวมาเช่นนี้ มิใช่ว่าเรื่องเล่านี้เดิมทีเป็นสิ่งที่พระชายาฉู่อ๋องคิดขึ้นหรอกหรือ?” ซ่งจิ่งเซินยิ้มพลางพยักหน้า “นอกจากนางแล้ว คนธรรมดาเกรงว่าคงยากนักที่จะคิดเรื่องเล่าแปลกใหม่เช่นนี้ออกได้” ทุกคนตื่นรู้ แต่ละคนต่างก็รู้ว่าวิชาแห่งศาสตร์ลี้ลับของซ่งรั่วเจินนั้นเก่งกล้าเพียงใด เหล่าสัตว์ปีศาจทั้งหลาย ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขามิอาจพบเจอได้ในยามปกติ เรื่องของพญางูขาวนี้ พวกเขาฟังด้วยความเพลิดเพลินใจ และยังทำให้พวกเขารู้สึกว่ามิใช่ภูตผีทั้งปวงจะทำร้ายคน หวังเพียงให้ทั้งสองสามารถอยู่ร่วมกันได้สำเร็จ “พระชายาฉู่อ๋อง เรื่องเล่านี้ท่านต้องเล่าจนจบให้จงได้ พวกเราทุกคนล้วนปรารถนาที่จะได้ฟังอย่างเร็ววัน” “คาดไม่ถึงเลยว่าพระชายาฉู่อ๋องไม่เพียงแต่มีรูปโฉมงดงาม ยังเชี่ยวชาญวิชาศาสตร์ลี้ลับ แม้แต่เรื่องเล่าก็เรียบเรียงได้ดีถึงเพียงนี้!” ซ่งรั่วเจินมองไปยังพี่สี่ของตนด้วยความจนใจ นี่ก็คือขายนางไปแล้วหรือ? “น้องหญิงห้า เรื่องนี้โทษข้าไม่ได้นะ เจ้าไม่รู้ว่าตอ