“โรงแรม 8WING HOTEL ติดทะเลเลยเหรอคะ”
“ใช่...”
ดวงตากลมโตเป็นประกาย เธอยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริด้วยความตื่นเต้น ขณะก้มหน้าหาข้อมูลของโรงแรมระดับห้าดาวติดทะเล
รถยนต์ของเจ้านายกำลังมุ่งตรงไปยังโรงแรมสุดหรู วันนี้เขารับบทเป็นสารถีให้คุณผู้ช่วยส่วนตัวด้วยความเต็มใจ
“ต้องถ่ายรูปสวยมากแน่เลย...” เธอพูดกับตัวเอง ก่อนจะผินใบหน้ามองลอดผ่านกระจก วันนี้ท้องฟ้ากับแสงแดดสวยเหมือนภาพวาดเลย
ประธานธันย์แจ้งว่าจะพาไปดูงานนอกสถานที่ เขานัดเธอในวันหยุดและให้โบนัสพิเศษแบบจัดเต็ม ธันย์ธาราใส่เสื้อฮาวายทับเสื้อกล้ามสีขาวข้างใน กางเกงขาสั้นสามส่วนกลมกลืนเหมือนนักท่องเที่ยว
ส่วนธารตะวันใส่เดรสสายเดี่ยวสีฟ้าเดียวกันกับท้องฟ้า ยาวเกือบถึงตาตุ่มและมีผ้าคลุมไหล่บางๆ กับรองเท้าแตะสีขาวคู่โปรด
“คุณอยากขับเจ๊ตสกีมั้ย” เขาถามขึ้น ขณะขับผ่านทะเลสีครามที่สองข้างทางมีป่าไม้ และไกลสุดสายตานั้นถูกห้อมล้อมด้วยภูเขา สลับทับซ้อนกันอย่างสวยงามราวกับไม่มีอยู่จริง
นี่เธอไม่ได้ฝันซ้อนฝันอยู่หรอกใช่ไหม...
“อยากค่ะ... เราไปขับเจ๊ตสกีกันได้เหรอคะ”
“ได้สิ เราจะไปดำน้ำดูปะการังกันด้วย”
“จริงเหรอคะคุณธันย์ ส่วนนี้ก็อยู่ในงานของเราด้วยเหรอคะ” เธอดีใจจนไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรออกไป แต่ก็ตั้งใจรอคำตอบจากเขาอยู่ดี
ธันย์ธาราไม่ตอบก็เพราะส่วนนี้ไม่ได้อยู่ในโหมดการทำงาน แต่เขากำลังตั้งใจขับรถอยู่เธอก็เลยไม่กวน แต่พอเธอหันหน้ากลับไปมองทะเลแล้วอมยิ้มคนเดียว เขาก็แอบชำเลืองหางตามองแล้วยกยิ้มนิดๆ
จะดำน้ำชมปะการัง หรือขี่เจ๊ตสกีเล่นเขาก็พาเธอไปได้ ไม่ได้มีแค่รุ่นพี่เธอที่พาไปเล่นสนุกได้คนเดียว
“คุณอยากมากับผมหรือรุ่นพี่คุณมากกว่าล่ะ” เขาตีหน้านิ่งหลังจากพูดจบ อยู่ดีๆ ก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย
“หมายถึงพี่เจตน่ะเหรอคะ”
“ใช่...”
“แล้วพี่เจตเขาเกี่ยวอะไรในสมการนี้เหรอคะ”
ธารตะวันเอียงคอแล้วมุ่นคิ้วใส่ ก่อนจะอ้าปากเข้าใจทันที เมื่อเห็นหัวคิ้วเข้มของเจ้านายกระตุก
“ฉันก็ต้องดีใจที่ได้มากับคุณธันย์อยู่แล้วสิคะ บอกแล้วไงว่าครั้งนั้นที่ยอมไปกินข้าวด้วยก็เพื่อจะได้ไม่มีบุญคุณต่อกันค่ะ คราวก่อนเขาเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวฉัน...”
“แล้วคุณจะชอบเขาหรือเปล่า”
“ฉันเนี่ยเหรอคะจะชอบพี่เจต”
ร่างบางรีบโบกมือปฏิเสธประกอบกันพัลวัน ร่ายยาวจนนึกว่าท่องบทอาขยายสามหน้าแปดหน้า อีกทั้งสายตาก็จริงจัง จนทำให้คนฟังพอใจมากเลยทีเดียว
“ไม่มีทางค่ะ ฉันไม่ได้ชอบเขาสักหน่อย ชาตินี้อยากขอตัดขาดไปเลยด้วยซ้ำ ยังไงก็ไม่เอาด้วยหรอกค่ะ ไม่มีทางแน่... เอ่อ นี่ฉันพูดมากไปแล้วใช่มั้ยคะเนี่ย”
พอรู้ตัวว่าพูดมากเกินไป เธอก็ยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง พลางนั่งกุมมือไว้บนตักงุดหน้าลงพร้อมกับไหล่ที่ห่อและคอตกทันที
“พูดเถอะ ผมชอบฟัง”
“ชอบ... ฟังเหรอ”
ธันย์ธาราพยักหน้าค่อยๆ ฉับพลันใจดวงน้อยก็เต้นโครมครามอยู่ในอก ข้างแก้มเห่อร้อนแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุก จนไม่กล้าสบตาเขาโดยตรง
“บอกเองนะคะว่าชอบฟังที่ฉันพูด ถ้าเกิดว่าพูดมากจนหูชาจะมาว่ากันทีหลังไม่ได้น้าคุณเจ้านาย”
เขาพ่นลมขำ พลางส่ายหน้าเชิงไม่ว่าทีหลังแน่นอน คนที่พูดไม่ค่อยเก่งอย่างเขา สามารถฟังเธอนั่งพูดได้ทั้งวันจนตะวันตกดิน แต่พอภาพที่ถูกเธอขโมยจูบผุดขึ้นมาในหัว เขาก็หน้าเห่อร้อนไม่ต่างกัน
“ธารตะวัน”
“คะ”
“เรื่องคืนนั้น... คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ”
เธอมุ่นคิ้วพร้อมส่ายหน้า แต่พยายามอย่างหนักที่จะคิดให้ออก
“ช่างเถอะ ถึงแล้ว... ลองลงไปรับลมหน่อยดีกว่า”
ธันย์ธาราจอดรถไว้ข้างฟุตบาธ ก่อนจะเดินลงไปรับลมทะเล โดยที่มีคุณผู้ช่วยเดินไปยืนขนาบข้าง ดวงตากลมโตทอประกายเล่นกับแสงที่ตกกระทบนัยน์ตา ทอดมองไปที่สันกรามคมของธันย์ธาราในมุมข้าง
ผู้ชายคนนี้ดูนิ่งสงบเหมือนกับผืนมหาสมุทร แต่รอยยิ้มกลับเป็นดั่งคลื่นสึนามิที่สามารถทำลายล้างทุกอย่าง ให้พังราบเป็นหน้ากลองได้
ถ้ารู้สึกกับคนที่สูงกว่าทั้งฐานะและชาติตระกูลอย่างเขา เธอจะโดนเหมารวมว่าเป็นพวกเล่นของสูงหรือเปล่านะ
แต่ตกหลุมรักไม่ทำให้ขาหักสักหน่อย...
“ธารตะวัน...” ธันย์ธาราเอี้ยวใบหน้าหันมามอง ทำให้เธอได้สติขึ้นมาในฉับพลัน กะพริบตาปริบๆ พร้อมสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่
เขามัวแต่มองทะเลแล้วคิดอะไรเพลินๆ ส่วนเธอมัวแต่มองเจ้านายจนเพลินหูเจริญตามากเช่นกัน
“คะ คุณธันย์” เธอขานรับพร้อมวาดโค้งรอยยิ้มบนใบหน้า
“คุณเคยพูดเรื่องทะลุมิติแล้วก็คิดว่าผมคงไม่เชื่อใช่มั้ย”
“เอ่อ... คุณจำได้ด้วยเหรอ ฉันก็แค่ลองถามดูน่ะค่ะ”
“แล้วถ้าผมบอกว่าเชื่อล่ะ”
“เชื่อฉันเหรอคะ”
“ใช่ ถ้าผมบอกว่าผมไม่ใช่ธันย์ธารา... หมายถึงตัวตนบนโลกนี้”
คำพูดที่เรียบเรียงดูแปลกชอบกล ทำให้เธอเผลอมุ่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะคลายปมหว่างคิ้วออกแล้วตั้งใจฟังเขาพูดต่อ
“หากผมไม่ใช่ธันย์ธารา แต่ต้องใช้ชีวิตเป็นธันย์ธารา คุณยังจะอยากรู้จักผมมากกว่านี้ไหม... ธารตะวัน”
“แล้วสิ่งที่ฉันได้เห็นคือตัวตนของคุณจริงๆ ไหมคะ”
เขาพยักหน้ารับแทนคำพูด พลางหลุบตาราวกับกลัวใจในคำตอบ
เธอไม่มีท่าทีตื่นตระหนกในสิ่งที่เขาพูด แต่แอบทดไว้ในใจกับสายตาเขาที่ดูต่างออกไปจากทุกที ราวกับว่าอีกฝ่ายพยายามจะสื่อสารบางอย่างที่อึดอัดออกมา
“ความจริง... สิ่งที่คุณเป็นอยู่ฉันก็ชอบนะคะ”
“ชอบเหรอ”
“ไม่มีเหตุผลให้ฉันเกลียดคุณนี่นา”
เจ้านายทั้งหล่อและแสนดี เธอจะรู้สึกค่อนขอดในใจได้ยังไง ในเมื่อตั้งแต่ได้เจอผู้ชายที่ชื่อธันย์ธารา ชีวิตเธอในทุกวันก็มีแต่รอยยิ้มแบบนี้
“ถ้างั้นเรามารู้จักกันมากกว่านี้ก็ได้ค่ะ... คุณธันย์ธารา”
“งั้นหลังจากนี้... เรามารู้จักกันให้มากกว่านี้เถอะนะครับ”
“โรงแรม 8WING HOTEL ติดทะเลเลยเหรอคะ”“ใช่...”ดวงตากลมโตเป็นประกาย เธอยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริด้วยความตื่นเต้น ขณะก้มหน้าหาข้อมูลของโรงแรมระดับห้าดาวติดทะเลรถยนต์ของเจ้านายกำลังมุ่งตรงไปยังโรงแรมสุดหรู วันนี้เขารับบทเป็นสารถีให้คุณผู้ช่วยส่วนตัวด้วยความเต็มใจ“ต้องถ่ายรูปสวยมากแน่เลย...” เธอพูดกับตัวเอง ก่อนจะผินใบหน้ามองลอดผ่านกระจก วันนี้ท้องฟ้ากับแสงแดดสวยเหมือนภาพวาดเลยประธานธันย์แจ้งว่าจะพาไปดูงานนอกสถานที่ เขานัดเธอในวันหยุดและให้โบนัสพิเศษแบบจัดเต็ม ธันย์ธาราใส่เสื้อฮาวายทับเสื้อกล้ามสีขาวข้างใน กางเกงขาสั้นสามส่วนกลมกลืนเหมือนนักท่องเที่ยวส่วนธารตะวันใส่เดรสสายเดี่ยวสีฟ้าเดียวกันกับท้องฟ้า ยาวเกือบถึงตาตุ่มและมีผ้าคลุมไหล่บางๆ กับรองเท้าแตะสีขาวคู่โปรด“คุณอยากขับเจ๊ตสกีมั้ย” เขาถามขึ้น ขณะขับผ่านทะเลสีครามที่สองข้างทางมีป่าไม้ และไกลสุดสายตานั้นถูกห้อมล้อมด้วยภูเขา สลับทับซ้อนกันอย่างสวยงามราวกับไม่มีอยู่จริงนี่เธอไม่ได้ฝันซ้อนฝันอยู่หรอกใช่ไหม...“อยากค่ะ... เราไปขับเจ๊ตสกีกันได้เหรอคะ”“ได้สิ เราจะไปดำน้ำดูปะการังกันด้วย”“จริงเหรอคะคุณธันย์ ส่วนนี้ก็อยู่ในงานของเราด้วยเห
“แกว่าถ้าเราตกหลุมรักคนที่ไม่ควรรัก... มันจะแย่มากมั้ย”คำถามจากแพรพิมพ์ดาวเอ่ยขึ้น ฝ่าความเงียบให้เจ้าของห้องอย่างธารตะวันเงยหน้ามอง เธอกำลังตั้งใจโซ้ยสุกี้น้ำที่อีกฝ่ายซื้อมาฝากถึงห้องในยามดึก ทว่าพอเกริ่นเรื่องนี้เธอก็รีบเคี้ยวแล้วกลืนทันที“แกมีความรักเหรอ” เธอเลิกคิ้วถามอย่างใจจดใจจ่อ“ก็เปล่าหนิ” คู่สนทนาสั่นหัวปฏิเสธตอบกลับมา“แล้วถามทำไมอ่า”ธารตะวันหรี่ตาอย่างจับผิดพิรุธ เมื่อแพรพิมพ์ดาวแสร้งทำเป็นหลบสายตา ก้มหน้าใช้ช้อนตักสุกี้ตัวเองเข้าปากกลบเกลื่อนอาการเรื่องนี้ต้องมีอะไรในกอไผ่แน่นอน“สรุปถามทำไมหรา” พอได้ทีเธอก็ลากเสียงยาว เท้าแขนลงบนโต๊ะญี่ปุ่นแล้วยื่นหน้าเพื่อคาดเค้น ให้ผู้ต้องสงสัยคายหลักฐานออกมา“แล้วถามไม่ได้รึไง๊ล้า” แพรพิมพ์ดาวขึ้นเสียงสูง ก่อนจะยกมือเกาที่ต้นคอแล้วกลอกตาไปมา“เสียงสูงทะลุเพดานแล้วจ้ะ”“ก็... ก็อาจจะมีบ้าง”“ดูจากสีหน้าแกแล้วเนี่ย น่าจะมีเยอะเลยแหละ”พูดจบประโยค แพรพิมพ์ดาวก็ลอบถอนหายใจ พลางงุดหน้าจนคางเกือบชิดอกแล้วช้อนตามองเพื่อนสนิท วันนี้ที่เธอมาหาซะมืดค่ำก็เพราะมีปัญหานี้กวนใจนี่แหละแพรพิมพ์ดาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนตั้งท่าเล่าด้วยสีหน้าจริ
ห้างสรรพสินค้าหลังจากพาน้องกรมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า จัดรถบังคับชุดใหญ่ให้แบบเต็มเหนี่ยว ธันย์ธาราก็พาเด็กน้อยมาเล่นบ้านลม ส่วนเขานั่งเฝ้ากับคุณผู้ช่วยที่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายวิดีโอเก็บไว้ธารตะวันยิ้มเอ็นดูน้องกรมากๆ รอยยิ้มที่แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าจิ้มลิ้ม ส่งไปถึงดวงตาเธอให้เป็นรูปสระอิ ส่งเสียงหัวเราะปนยิ้มจังหวะที่น้องกรหันมาโบกมือให้“น่ารักจัง...” เธอชมออกเสียงแล้วยิ้มอย่างอิ่มเอมใจแต่ขณะที่เธอมองเด็กน้อย เจ้าของดวงตาคู่คมก็จับจ้องมองเธออยู่เช่นกัน ในแววตาที่สบมองมีประกายรอยยิ้มเจือจางอยู่ด้วยหากทว่าจู่ๆ ร่างบางก็นิ่งงันไป รอยยิ้มที่ปรากฏค่อยๆ เลือนหายไปทีละนิด เมื่อคิดถึงเรื่องราวสุดเศร้าจากนิยายที่เคยอ่าน จนนอนร้องไห้จมกองน้ำตาขี้มูกโป่งพูดจาสะอึกสะอื้นมาแล้ว“คุณคิดอะไรอยู่”“คะ”“เห็นอยู่ดีๆ คุณก็เหม่อ” เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย อีกฝ่ายคงไม่ทันได้สังเกต ในมุมเงียบๆ ของคนไม่ค่อยพูดแอบมองเธออยู่ก่อนแล้วร่างบางลอบถอนลมหายใจอย่างปลงปลด ก่อนจะลดโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายภาพน้องกรลง นัยน์ตาหม่นแสงขึ้นมาในฉับพลันเธอก็เป็นแค่นักอ่านจอมเพ้อ ชอบอินกับบทบาทของตัวละครเกินไปหน่อย พอได้เห็น
เมืองเอกเข้าปรึกษาหาลือเรื่องธุรกิจที่หุ้นส่วนกัน เกี่ยวกับธุรกิจบาร์เครื่องดื่มกึ่งร้านอาหารใจกลางเมือง ซึ่งเมืองเอกก็นำเอกสารมาแจกแจงรายละเอียดทั้งหมด ถึงการปรับปรุงร้านด้านในใหม่ล่าสุดถึงธันย์ธาราจะจำคนรอบตัวไม่ได้เลย แต่พอทราบข่าวว่าเพื่อนรักประสบอุบัติเหตุ เมืองเอกก็เป็นคนแรกๆ ที่เข้าช่วยเหลือทันทีทั้งติดต่อทนายและคนพื้นที่ทั้งหมด มาให้ช่วยกันระดมหาหลักฐานเพิ่มเติมในคืนวันเกิดเหตุ แต่กลับสืบสาวราวเรื่องถึงต้นตอไม่ได้ จนธันย์ธาราค่อนข้างมั่นใจว่าอาจเป็นคนมีอิทธิพลเข้ามาเอี่ยว“เรื่องผ่านมาสักพักใหญ่ละ แต่คดีความยังไม่คืบหน้าเหรอวะ” พอพูดคุยเรื่องธุรกิจเสร็จ เมืองเอกก็ไถ่ถามเรื่องคดีความต่อทันทีทั้งคู่นั่งคุยกันในห้องทำงาน ร่างสูงของประธานธันย์นั่งหลังตรงแล้วหลุบตาคิดหนัก ส่วนเมืองเอกที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็พลอยขมวดคิ้วนิ่วหน้าคิดตามไปด้วย“ทำไงได้ กล้องวงจรปิดพร้อมใจกันเสียเลยนี่หว่า”“อมพระทั้งโบสถ์มากูยังไม่อยากจะเชื่อเลยเหอะ”ธันย์ธาราพ่นลมขำเบาๆ ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นเหมือนบทละคร ทั้งโดนลอบทำร้ายจนความจำเสื่อมแต่จับคนก่อเหตุไม่ได้อีกทั้งกล้องวงจรปิดสำคัญๆ รอบบริเวณที
เจตกวินอาสามาส่งธารตะวันถึงหน้าบริษัท เขายื่นแขนให้เธอจับพยุงร่างเดินกะเผลกเข้างาน ทว่าตั้งแต่ที่เขาพูดว่าจะจีบเธอขณะเดินข้ามสะพานแม่น้ำ บทสนทนาก็จบลงโดยการที่เธอเงียบมาตลอดทาง“เราเดินไหวแน่นะ” เขาถามขึ้น ตอนมาส่งเธอที่หน้าบริษัทแล้ว“ไหวค่ะ” เธอพยักหน้า พลางคลี่รอยยิ้มฝืดฝืนส่งให้ทว่าอีกฝ่ายกลับยิ้มหวานราวกับบริหารเสน่ห์ใส่ ใบหน้าหล่อเหลาตามพิมพ์นิยมของเจตกวิน เกือบทำให้ธารตะวันเคลิ้มตามรอยยิ้มที่ชวนอบอุ่นใจ จนบางทีอาจลืมไปว่านี่คือตำนานตัวร้ายได้บทพระเอกมาแต่แล้วเธอก็ถูกกระชากสติให้กลับมาฉับพลัน รีบส่ายสะบัดหัวไล่ความคิดไม่เข้าท่าให้ออกจากสมองไปทันที“ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาส่งแล้วก็... ให้ขี่หลังด้วย”“ไม่เป็นไรครับ แต่พรุ่งนี้พี่ไปรับเราอีกได้มั้ย”พอได้ที เจตกวินก็ใช้ช่องทางนี้ไล่ต้อนเธอ ก่อนที่จะจ้องมองใบหน้าน่ารักของรุ่นน้อง พลางมุ่นคิ้วรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ“ยังไงทางมาบริษัทก็ทางเดียวกันอยู่แล้วหนิครับ” เขาพูดต่อในเชิงกดดันกันทางอ้อม แต่ใช้รอยยิ้มสวยกดข่มอารมณ์ความต้องการไว้“ตะวันไม่รบกวนพี่เจตดีกว่า” เธอยิ้มแล้วตอบกลับอย่างชัดเจน“รังเกียจพี่เหรอ...”“คะ”“เราคุยกับพี่ตาม
“ญี่ปุ่นต้องสนุกมากแน่เลยใช่มั้ยคะป้าขา... ฮือ”ร่างบางยืนหมดอาลัยตายอยากอยู่หน้าร้านน้ำเต้าหู้ ทั้งๆ ที่เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่กี่วัน แต่เธอก็คิดถึงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เจ้าประจำจะแย่ ถึงขั้นเบะปากจะร้องไห้มาร่อมมาร่ออยู่แล้วญี่ปุ่นในช่วงเดือนนี้คงมีหิมะให้เล่นสนุกแน่เลย จะว่าไปแล้วตั้งแต่เกิด ตัวเธอไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศเลยสักครั้ง อย่าว่าแต่เที่ยวเมืองนอกเลย แค่เดินทางในประเทศยังเป็นไปได้ยากชีวิตที่ต้องก้มหน้าหาเงินงกๆ หนึ่งวันก็เก้าชั่วโมง ไม่รวมเดินทางไปกลับที่ต้องเผชิญอุปสรรคแต่ละวันต่างกันออกไปอีก“รีบกลับมาไวๆ น้าคุณป้าขา” เธอได้แต่มองรถเข็นของป้าที่คลุมผ้าใบไว้ตาละห้อยทว่าวินาทีที่เธอหมุนตัวหันหลัง ร่างสูงของเจตกวินดันมาปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำเอาเธอชะงักตัวมองอีกฝ่ายที่ยิ้มหวานให้แต่เช้า“พี่เจต...”เจตกวินมุ่นคิ้วเข้าหากัน พลางชะเง้อตัวมองไปด้านหลังเธอ แล้วทำหน้าเสียดายที่เห็นป้ายกระดาษติดประกาศว่าหยุด แต่เขาก็แค่เล่นละครตบตาเพราะมาดักรอธารตะวันแต่แรกแล้ว“อ้าว พี่เพิ่งรู้ว่าร้านป้าเขาปิด” เจตกวินยิ้มหวานให้หญิงสาว อันที่จริงเมื่อวานเขาขับผ่านทางนี้แล้วเห็นธารตะวันขึ้นรถเมล์พ