2 วันต่อมา...
“อ้าว! หนูฟ้าลุกไหวแล้วเหรอ”
“ไหวแล้วค่ะ ป้านวลทำอะไรอยู่เหรอคะ?” ปลายฟ้าเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปใกล้หญิงชราที่กำลังทำอาหารเช้าให้กับนายหัวของเธออย่างตั้งใจ
“ป้ากำลังเตรียมอาหารเช้าให้นายหัวกับหนูฟ้าอยู่ค่ะ”
“วันนี้ทำอะไรทานเหรอคะ?”
“ไข่เจียวปูก้อนของหนูฟ้า แกงเหลืองปลากะพงหน่อไม้ดองของนายหัวค่ะ”
“ปกติพี่ภีมชอบทานอะไรบ้างเหรอคะ?” ปลายฟ้าเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย พร้อมกับตั้งใจรอฟังหญิงชราตรงหน้าเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มเจ้าของเกาะให้เธอฟัง
“นายหัวท่านเป็นคนทานง่ายค่ะ ไม่ว่าป้าจะทำอะไรให้ทานท่านก็ทานหมดค่ะ”
“...”
“แต่จะชอบที่สุดเป็นแกงใต้ที่สำคัญต้องรสจัดจ้านถึงพริกถึงเครื่องนะคะ”
“แกงใต้เหรอ...ฟ้าทำอาหารใต้ไม่เป็นเลยค่ะ ป้านวลช่วยสอนฟ้าหน่อยได้ไหมคะ?” ปลายฟ้าพึมพำออกมา ก่อนที่เธอจะหันไปออดอ้อนหญิงชราตรงหน้าให้ช่วยสอนเธอทำอาหารใต้แบบเดียวกับที่พี่ภีมชอบทานให้กับเธอ
“ได้สิคะ ว่าแต่หนูฟ้าเคยทำอาหารไทยมาบ้างรึเปล่า?”
“เคยค่ะ ตอนอยู่ที่อิตาลีฟ้าเข้าครัวกับคุณป้าอยู่บ่อยๆ ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย”
“แต่อาจจะไม่ถึงเครื่องเท่ากับอาหารไทยที่ทำให้ประเทศไทยหรอกนะคะ”
“นั่นสิ เมืองนอกจะไปเหมือนบ้านเราได้ยังไงเนอะ”
“จริงค่ะ”
“มาๆ เดี๋ยวป้าจะสอนหนูตำเครื่องแกงก่อนเลย”
“ค่ะ” ปลายฟ้ายกยิ้มออกมา ก่อนที่เธอจะทำตามที่หญิงชราตรงหน้าสอนอย่างตั้งใจ
อีกด้าน...
“เธอเข้ามาหาฉันเพราะอะไรกันแน่ปลายฟ้า” ภีมที่ยืนฟังทั้งสองคนยืนคุยกันเงียบๆ อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง สายตาของเขาจับจ้องไปยังร่างบางที่กำลังยืนตำเครื่องแกงอยู่ไม่ไกลด้วยแววตาที่วูบไหวผิดไปจากเดิม
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
“...” ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นมากุมอกแกร่งของตัวเองที่กำลังเต้นโครมครามเอาไว้แน่น เขาก้มมองมือหนาของตัวเองก่อนจะหันกลับไปมองปลายฟ้าอีกครั้ง ‘ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้วะ’ ชายหนุ่มเอ่ยถามตัวเองอยู่ภายในใจ ก่อนที่เขาจะเดินห่างออกไปในทันที
“นายหัวไม่สบายรึเปล่า ทำไมหน้าถึงได้แดงแบบนี้ละครับ?” บ่าวเอ่ยถามนายหนุ่มตรงหน้าออกมาด้วยความสงสัย พร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้กับนายเหนือหัวของเขา ก่อนที่เขาจะนึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ควรเอ่ยถามออกไปแบบนั้น...
“...”
“ขอโทษครับ คือผมก็แค่เป็นห่วง”
“เตรียมงานไปถึงไหนแล้ว”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับนาย ยกเว้น...”
“...” ภีมมองไปยังท้องทะเลสีครามตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ก่อนที่เขาจะหันกลับมามองหน้าลูกน้องคนสนิทของเขาอีกครั้ง
“มีชาวบ้านเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาสอบถามเรื่องของเกาะเรา และก็เรื่อง...”
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องของคุณปลายฟ้าครับ”
“พวกมันอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่กระท่อมร้างท้ายป่าใกล้กับสุสานเก่าครับ”
“บอกคนของเราให้เตรียมตัวให้พร้อม” ภีมเอ่ยบอกกับลูกน้องคนสนิทเสียงเรียบ
“ครับนายหัว”
เกาะแห่งนี้เป็นเกาะส่วนตัวของครอบครัวคุณแม่ของภีมที่ตกทอดกันมาหลายรุ่น ไม่มีทางที่คนในพื้นที่จะไม่รู้กฎของที่นี่ และนั่นก็หมายความว่าคนแปลกหน้าที่อยู่บนเกาะของเขาในตอนนี้ไม่ใช่คนแถวนี้อย่างแน่นนอน
“...” หลังจากที่บ่าวเดินออกไปแล้วภีมก็เดินกลับยังห้องครัวอีกครั้ง ตาคมมองไปยังหญิงสาวที่กำลังทอดไข่อย่างเก้ๆ กังๆ อยู่คนเดียว คิ้วหนาขมวดเข้าหากันก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปดึงถ้วยไข่ที่ถูกตีจนแตกเรียบร้อยแล้วออกมาจากมือบางของเธอ
“พี่ภีม จะทำอะไรคะ”
“...”
“เอาคืนมาค่ะฟ้าจะทอดไข่ให้พี่ภีมทาน”
“ทอดไข่ให้ฉัน?”
“ค่ะ”
“ขืนฉันปล่อยให้เธอทำ มีหวังครัวฉันได้ระเบิดพอดี” ภีมเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าออกมาเสียงเรียบ ชายหนุ่มยกกระทะขึ้นก่อนที่เขาจะตักถ่านในเตาออกอย่างใจเย็น
“พี่ภีมทำอะไรเหรอคะ?”
“เอาถ่านออกทำไมคะ?”
“ไฟมันแรงเกินไป”
“ไม่ดีเหรอคะ”
“ไข่เธอก็ไหม้ก่อนจะสุกน่ะสิ”
“จริงด้วย ขอบคุณพี่ภีมมากนะคะที่แนะนำ ฟ้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเตาถ่านทำแบบนี้ได้ด้วย” ปลายฟ้ายกยิ้มออกมาก่อนจะเอ่ยบอกกับร่างสูงตรงหน้ากลับไปเสียงสดใส
“...” ภีมบรรจงทอดไข่ตรงหน้าอย่างตั้งใจ โดยที่เขาเองก็รู้ตัวดีว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครอีกคนที่อยู่ข้างกายของเขาในตอนนี้
“มองอะไร?” ภีมเอ่ยถามร่างบางที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ต่างไปจากเดิม ชายหนุ่มหันหน้าหนีเธอไปอีกทางก่อนที่เขาจะเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว มือหนาตักไข่ตรงหน้าใส่จานอย่างชำนาญ
“มองคนหล่อทอดไข่เจียวค่ะ”
“พูดอะไรของเธอ”
“พูดเรื่องจริงค่ะ”
“ถ้าปากว่างมากก็หาอะไรยัดปากซะ” ภีมเอ่ยบอกกับร่างบางตรงหน้าเสียงเรียบ ก่อนที่เขาจะว่างกระทะลงตรงหน้าเสียงดังอย่างไม่พอใจ
“พี่ภีมจะไปไหนคะ?” ปลายฟ้าร้องถามชายหนุ่มออกมาทันทีด้วยความตกใจที่อยู่ดีๆ เขาก็พรวดพราดเดินออกไป...ในเมื่ออาหารเช้าถูกเตรียมเรียบร้อยแล้ว
‘เขาจะรีบไปไหนของเขา’
“ฉันจะออกไปทำธุระ ถ้าเธอหิวข้าวก็กินก่อนเลย”
“...”
“แล้วอย่าออกไปเดินเผล้พล่านที่ไหนล่ะ ไม่อย่างนั้นก็อย่างหาว่าไม่เตือน” ภีมเอ่ยบอกกับหญิงสาวตรงหน้าเสียงเรียบ ตาคมจ้องเขม็งมาที่ร่างบางตรงหน้าอย่างคาดโทษ ก่อนที่เขาจะเดินออกไปโดยไม่หันกลับมาสนใจหญิงสาวอีกเลย
“อะไรของเขา เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย”
ปลายฟ้ามองตาแผ่นหลังแกร่งของชายหนุ่มที่เดินห่างออกไปจนลับตา ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นไปมองนาฬิกาบนฝาผนังด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ยังเช้าตรู่อยู่เลย พี่ภีมรีบร้อนไปไหนกันนะ” ปลายฟ้าพึมพำ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจตามร่างสูงออกไป
“หนูฟ้า”
“ป้านวล” ปลายฟ้าร้องเรียกหญิงชราออกมาด้วยความตกใจ ทันทีที่แขนเรียวของเธอถูกดึงเอาไว้
“อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลยนะหนูฟ้า นายหัวท่านพูดไว้ชัดเจนแล้วนะคะ”
“ป้านวลได้ยินเหรอคะ”
“รออยู่ที่นี่เถอะ เดี๋ยวนายหัวก็กลับมาค่ะ”
“ก็ได้ค่ะ” ปลายฟ้ายกยิ้มออกมาก่อนจะตอบหญิงชราตรงหน้ากลับไปเสียงอ้อยอิ่ง ถึงหญิงสาวจะเอ่ยบอกกับหญิงชราตรงหน้าออกไปแบบนั้น แต่เธอก็ยังคงคอยชะเง้อมองไปยังทางเดินเล็กๆ ที่เขาเดินออกไปเป็นระยะ
“ชะเง้อจนคอยืดหมดแล้ว พวกเรามาทานข้าวกันก่อนดีกว่า”
“แต่ว่าพี่ภีมยังไม่กลับมาเลยนะคะ”
“เดี๋ยวนายหัวจัดการเรียบร้อยแล้วท่านก็กลับมาเองแหละค่ะ”
“จัดการ จัดการอะไรเหรอคะ?” ปลายฟ้าเอ่ยถามหญิงตรงหน้าออกมาด้วยความสงสัย
“อะ เอ่อ คือว่า...”
“ป้านวลเล่าให้ฟ้าฟังหน่อยได้ไหมคะ?”
“...”
“นะคะ”
“มีคนบุกรุกขึ้นมาบนเกาะน่ะคะ นายหัวออกไปไล่พวกมัน”
“ผู้บุกรุก? ไล่พวกมันเหรอคะ?” ปลายฟ้าพึมพำออกมาพร้อมกับมองไปยังหญิงชราตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ไล่อย่างไงเหรอคะ?”
“คือว่าเรื่องนั้น...”
ปัง! ปัง!
“เสียงปืนนี่คะ?”
“พี่ภีม” ปลายฟ้าร้องเรียกชายหนุ่มออกมาด้วยความตกใจทันทีที่เสียงปืนดังขึ้น หญิงสาวรีบวิ่งตามเสียงปืนออกไปทันทีด้วยความร้อนใจ
“หนูฟ้า...”
ปลายฟ้าวิ่งออกไปตามเสียงอย่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ก่อนที่เธอจะชะงักไปทันทีที่เจอเข้ากับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางที่เธอยืนอยู่ ปลายฟ้ารับรู้ได้ในทันทีว่าคนผู้นี้ต้องเป็นผู้บุกรุกที่ป้านวลผู้ถึงอย่างแน่นอน
“คุณ”
ปัง!!
“ว๊ายยยย!” ปลายฟ้าย่อตัวนั่งลงพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่แขนเรียวของเธอจะถูกชายร่างสูงกระชากเข้าหาตัวของเขาอย่างแรง
“อย่างเข้ามานะโว้ย” ชายกำยำล็อคคอของปลายฟ้าไว้แน่น พร้อมกับดึงหญิงสาวให้ขึ้นมาอยู่ด้านหน้าของมันราวกับว่าต้องการใช้เธอเป็นที่เกาะกำบังชั้นดีจากกลุ่มชายฉกรรจ์ตรงหน้า
“ปลายฟ้า”
“กูแค่มาตามหาคน ตอนนี้ก็เจอแล้วกูจะออกไปจากเกาะของพวกมึงและไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก”
“มึงมาตามหาผู้หญิงคนนี้อย่างนั้นเหรอ?” ภีมเอ่ยถามออกมาเสียงเรียบ ในขณะที่สายตาดุดันยังคงจับจ้องไปยังปลายฟ้าอย่างคาดโทษ
“ผัวของอีนี่ให้กูมาตาม”
“...” ปลายฟ้ามองไปยังชายฉกรรจ์คนเดิมด้วยความตกใจกว่าเดิม เธอไม่เคยมีใครมาก่อนแล้วสิ่งที่ผู้ชายคนนี้พูดหมายความว่าอย่างไง...
“พี่ภีม ไม่จริงนะคะฟ้าไม่เคยมี...”
“ผัวมึงตามมาจากอิตาลี มันบอกให้กูมาตามหามึงที่นี่”
“ไม่จริงคุณเอาอะไรมาพูด” ปลายฟ้าสายหัวไปมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะปฏิเสธเขาออกไปอย่างร้อนใจ
“พี่ภีมอย่าไปเชื่อเขานะคะ เขาโกหก”
“กูพูดจริง”
“ถ้ามึงไม่ได้บอกให้ผัวมึงมาช่วย กูจะตามมึงมาที่นี่ถูกได้ยังไง”
“พี่ภีมคะ ไม่จริงนะคะ”
“...”
“พี่ภีมเชื่อฟ้านะคะ”
“ในเมื่อมึงเจอคนที่มึงตามหาแล้วมึงก็ออกไปจากเกาะของกูซะ...”
“อะ เอ่อกูไปแน่” ชายฉกรรจ์ตอบชายหนุ่มเจ้าของเกาะกลับไปเสียงดังลั่น ก่อนที่เขาจะหันหลังไปทางท่าเรือที่อยู่อีกฝั่งของเกาะในทันที ชายกำยำกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังเส้นทางตรงหน้าโดยไม่ลืมกระชากแขนเรียวของหญิงสาวไปด้วย
“พะ พี่ภีม”
ปัง!
“กรี๊ดดดดด!” ปลายฟ้าร้องออกมาด้วยตกใจทันทีที่เสียงปืนดังขึ้น ก่อนที่ชายฉกรรจ์ข้างกายจะปล่อยมือออกจากเธอ พร้อมกับเสียหลักล้มลงไปนอนกองอยู่ที่พื้นด้านล่าง เลือดสีแดงสดไหลนองไปทั่วพื้น...
“ละ เลือด...” ปลายฟ้ามองร่างของคนตรงหน้าก่อนที่เธอจะก้มมองดูเลือดในมือของตัวเองอีกครั้ง เข่าของหญิงสาวทรุดลงกับพื้นทันทีด้วยความหวาดกลัว ก่อนที่สติของปลายฟ้าจะดับวูบไปสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นร่างสูงที่เธอคุ้นเคยกำลังเข้ามาใกล้...
“พี่ภีม”
“เอามันไปฝัง”
“แล้วไปสืบมาว่ามันทำงานให้ใคร”
“ครับนายหัว” บ่าวและลูกน้องของเขาอีก 5 คนช่วยกันจัดการร่างอันไร้วิญญาณของผู้บุกลุกตามที่นายของเขาสั่งอย่างชำนาญทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดีว่าต้องทำอะไร นั่นก็เพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้บุกรุกขึ้นมาบนเกาะแห่งนี้
“ฉันควรจะลงโทษเธอยังไงดี...ปลายฟ้า”
งานแต่งงานระหว่างภีมเดชหลานชายเพียงคนเดียวของคุณหญิงจิตตรีและพลอากาศเอกหม่อมราชวงศ์ทีปรกร วัชรสกุล และปลายฟ้า ซานโตโร ลูกสาวคนเล็กของตระกูลเก่าแก่จากอิตาลีถูกจัดขึ้น 3 วัน 3 คืน ณ โรงแรมมันตราปุระ จังหวัดภูเก็ตงานแต่งงานของเขาถูกกล่าวถึงไปทั่วเกาะภูเก็ต เนื่องจากชายหนุ่มปิดโรงแรมของตนเป็นเวลา 3 วัน 3 คืนเต็มเพื่อรับรองแขกรับ VVip ของพวกเขาตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!“...” ภีมยืนรอเจ้าสาวของเขาอยู่บริเวณชั้น 1 อย่างใจจดใจจ่อ หัวใจดวงโตเต้นโครมครามราวกับว่ามันจะหลุดออกมาเสียให้ได้เขาตั้งใจจัดงานแต่งงานขึ้นมาจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา จนกระทั่งวันนี้มาถึง...เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดของเขาก็กลับหายไปอย่างน่าประหลาด“พี่ภีมคะ”“...” เสียงเจ้าสาวร้องเรียกเจ้าบ่าวของตัวเองออกดังขึ้นมาจากชั้น 2 ของบ้านพักริมทะเลของชายหนุ่มหญิงสาวในชุดแต่งงานสีขาวสะอาดตา กับเครปหลังผืนยาวลากพื้นช่วยปกปิดแผ่นหลังเปลือยเปล่าขาวเนียนของเจ้าสาวเอาไว้“พี่ภีมคะ”“คะ ครับ”“เราออกไปกันเลยไหมคะ” ปลายฟ้าเอ่ยถามเจ้าบ่าวของเธออกมาเสียงหวาน พร้อมกับยื่นมือบางของต
“ฮึกกกก ขอโทษจริงๆ ครับ”“พี่ภีมร้องไห้เหรอคะ?” ปลายฟ้าเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจ“พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่าง พี่ขอโทษนะครับ...” ภีมเอ่ยบอกกับร่างบางในอ้อมกอดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา“พี่ภีมค่ะ” ปลายฟ้าลูบลงที่แผ่นหลังแกร่งของคนตรงหน้าเบาๆ เพื่อปลอบประโลมเขา ตั้งแต่รู้จักกับพี่ภีมเขาแสดงแต่ด้านที่เข้มแข็งให้กับทุกๆ ได้เห็น แต่ไม่นึกเลยว่าคนที่แข็งแกร่งขนาดนั้น เวลาที่อ่อนแอจะน่าสงสารขนาดนี้“ไม่ต้องรู้สึกผิดแล้วนะ ตอนนี้ฟ้าไม่ได้เป็นอะไรแล้วนะคะ”“พี่กำลังรู้สึกผิดอยู่ใช่ไหมคะ?”“ฟ้ารู้ว่าพี่ภีมต้องการแก้แค้นแม่ของฟ้า...”“ถ้าคุณพ่อของพี่รู้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ท่านจะต้องไม่อยู่เฉยอย่างแน่นอน”“ฮึกกกกก...”“เช้ามืดวันนั้นที่พี่ภีมรู้ข่าว ฟ้าเห็นพี่ร้องไห้...”“ในวันนั้นฟ้ารับรู้ได้นะคะว่าพี่เสียใจมากแค่ไหนกับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”“ตอนที่ฟ้าโดนยิงก็เหมือนกัน...ถึงฟ้าจะไม่เห็น แต่ฟ้าได้ยินทุกคำที่พี่พูดออกมา”“ฉันรักเธอ”“ถ้าไม่มีเธอฉันคงอยู่ไม่ไหว”“ฉันไม่พร้อมจะแลกอะไรกับการไม่เธอหรอกนะปลายฟ้า เธอได้ยินฉันไหม?”“ฟ้าได้ยินค่ะ เพราะคำพูดของพี่ทำให้ฟ้าอยากกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ฟ้าอ
ณ กรุงโรง ประเทศอิตาลี “สวัสดีค่ะคุณภีม”“...” ภีมมองร่างบางตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ เขาจำได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นเลขาของอาร์ซีพี่ชายเพียงคนเดียวของปลายฟ้าไม่ผิดแน่ แต่ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่ได้ล่ะ...ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยบอกใครมาก่อนว่าจะมาที่นี่ในวันนี้“ดิฉันชื่อพะแพง เป็นเลขาของคุณอาร์ซีนะคะ”“มันส่งเธอมาอย่างนั้นเหรอ?”“ใช่ค่ะ”“...”“นายท่านเป็นคนส่งฉันมาค่ะ เชิญทางด้านนี้ค่ะ” พะแพงเอ่ยบอกกับชายตรงหน้า ก่อนที่จะเดินนำเขาไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล“ปลายฟ้าอยู่ที่ไหน?” ภีมถามหญิงสาวตรงหน้าออกมาเสียงเรียบ พร้อมกับจ้องไปยังหญิงสาวตรงหน้านิ่งๆ อย่างรอคำตอบ“คุณฟ้าปลอดภัยดีค่ะ ตอนนี้เธอพักรักษาตัวอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลซานโตโร”“...” มุมปากหนายกยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะหุบยิ้มลงทันที พร้อมกับเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกไปอีกครั้งด้วยความสงสัย“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันจะมาที่นี่”“เพราะผู้หญิงเพียงคนเดียวที่คุณรักอยู่ที่นี่ไงคะ...”“ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องมาที่นี่อยู่แล้ว”“เธอพาฉันไปหาฟ้าได้ใช่ไหม?” ภีมเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าออกไปตามตรง เขาไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว...“ฉันคงพาคุณไปพบค
“ปลายฟ้าไปทำอะไรให้ มึงถึงได้...” อาร์ซีเอ่ยออกมาอย่างโกรธจัด ก่อนที่เขาจะต่อยหน้าชายตรงหน้าเต็มแรงผลัวะ! ผลัวะ!!“...” ภีมยังคงยืนนิ่งปล่อยให้พี่ชายของคนรักระบายความคับแค้นใจใส่เขาอยู่อย่างนั้น เขาไม่มีอะไรจะแก้ตัวเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนกระทั่งตอนนี้มันก็เป็นความผิดของเขาทั้งหมด“ถ้าฟ้าเป็นอะไรไปกูจะฆ่ามึงด้วยมือของกูเอง”ผลัวะ! ผลัวะ!“ขอโทษ ฮึกกกกกก ขอโทษ” อาร์ซีชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นท่าทีของชายหนุ่มที่เปลี่ยนไป แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกสงสารคนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เพราะที่ผ่านมาน้องสาวเขาต้องทรมานขนาดไหนมันเทียบไม่ได้กับความรู้สึกผิดในวันที่สายไปแล้วของคนตรงหน้าผลัวะ!“กู”ผลัวะ!“ไม่ให้...”“ตายแล้วอาร์ซีลูก” ปานมุกรีบเข้ามาห้ามปรามลูกชายของเขาในทันทีด้วยความตกใจ“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”เอริคเอ่ยถามลูกชายออกมาเสียงเรียบพร้อมกับจ้องลูกชายของเขาอย่างรอคำตอบ ก่อนที่ปานมุกจะเอ่ยถามลูกชายของเขาออกมาด้วยอีกคน“ทำไมถึงไม่ค่อยพูดค่อยจากันล่ะลูก?”“...”“แล้วนี่ฟ้าอยู่ไหน? น้องอยู่ไหนลูก?” ปามุกเอ่ยถามลูกชายออกมาเสียงสั่น เธอรู้สึกไม่ดีตั้งแต่อยู่บนแล้ว...อยู่ดีๆ ลูกชายก็ส่งคนไปรับกะทันหันแบ
ถึงภีมลูกรักในวันที่ลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้พ่อคงไม่ได้มีลมหายใจอยู่บนโลกนี้แล้ว ชีวิตนี้พ่อทำผิดต่อทุกคนโดยเฉพาะแม่และน้องของลูก พ่อไม่ได้หวังให้ลูกให้อภัยพ่อ แต่พ่อหวังว่าสักวันลูกจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง ภีมของพ่อเป็นคนอย่างไงพ่อรู้ดี ต่อไปนี้พ่ออยากให้ลูกใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับคนที่ลูกรักอย่างมีความสุข อย่าได้ยึดติดกับความผิดพลาดของพ่ออีกเลยนะลูกและสุดท้ายนี้ลูกคงจะได้เห็นพินัยกรรมที่พ่อทำไว้แล้ว ทั้งหมดมันเป็นความตั้งใจจริงของพ่อตั้งแต่แรก ถ้าไม่มีแม่ของลูกพ่อก็คงไม่ได้มีทุกอย่างอย่างในทุกวันนี้ ดังนั้นสมบัติทั้งหมดที่พ่อสร้างมากับแก้วตาแม่ของลูกพ่อขอยกมันให้กับลูกทันหมดรักลูกภีมตลอดไป “...” ภีมอ่านจดหมายตรงหน้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ก่อนที่เขาจะหันไปมองทุกคนด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ผมฝากจัดการต่อด้วยนะครับ” ภีมเอ่ยบอกกับคนทนายของคุณพ่อเขาเสียงเรียบ“ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”“ครับ”“พวกแกยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ประตูบานใหญ่ถูกมืบางของปาลินกระชากออกอย่างแรง ก่อนที่เธอจะกลับเข้ามาอีกครั้งด้วยสภาพที่ต่างไปจากก่อนหน้านี้“แ
ณ ศาลาสวดพระอภิธรรมรถตู้คันหรูถูกขับเข้ามาจอดหน้าศาลาที่ถูกจัดขึ้นอย่างสมฐานะมหาเศรษฐีระดับต้นๆ ของประเทศ ถึงแม้ว่าคุณภูธเรศจะจากไปแล้วแต่สิ่งที่เขาสร้างยังคงเป็นที่ประจักรต่อสายตาของคนรุ่นหลัง“.../...” ภีมเดินจากรถตู้คันหรูท่ามกลายสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมาที่เขา ตั้งแต่วันที่คุณแม่ของเขาจากไปเขาก็หายตัวไปเลย จนกระทั่งเขากลับมาปรากฎตัวอีกครั้งในวันนี้พร้อมกับสาวสวยข้างกายเขา“...” ปาลินมองไปยังชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับลูกสาวของตัวเองด้วยสายตาที่เรียบเฉย“20 ปีไม่เคยจะมาให้พ่อเห็นหน้า พอเขาตายก็หวังจะมาเอาสมบัติเขาสินะ” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มของปาลินเอ่ยขึ้นก่อนที่สายตาของเธอจะมองไปยังลูกเลี้ยงของเพื่อนสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกลียด“พอเถอะน่า...ยังไงเขาก็ลูก” ปาลินเอ่ยบอกกับเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง“ลินดูแลคุณภูมาตลอด 20 ปี ฉันเชื่อว่าสมบัติทุกอย่างคุณภูต้องยกให้เธออย่างแน่นอน”“...” ปาลินไม่ได้ตอบเพื่อนของเธอกลับไป เธอทำเพียงแค่อมยิ้มให้กับเพื่อนสาวอย่างน้อมรับคำพูดของคนตรงหน้า“ตัวจริงคุณภีมหล่อมาก แต่น่าเสียดายที่เขามีภรรยาแล้ว”“นั่นสิยะ คนอะไรหล่อ รวย เก่ง ฉล