LOGINวันถัดจากที่เกิดเรื่องโปรเจ็กต์ เพชรพลอยรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวหนักกว่าเดิม แม้จะทำงานตั้งใจมากแค่ไหนก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่เหมือนจับจ้องมาแบบแปลก ๆ โดยเฉพาะจากฝ่ายบริหารระดับสูงบางคนที่เธอไม่เคยยุ่งเกี่ยวด้วยมาก่อน
เธอไม่รู้เลยว่าต้นตอของแรงกดดันเหล่านั้นมาจากใคร…แต่มันกำลังค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาอย่างมืดเงียบ ในขณะเดียวกัน ญาดา—คู่หมั้นของคิรินทร์—นั่งอยู่ในรถยุโรปสีเทาด้าน สายตาเรียบเฉยแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความริษยาอัดแน่น “คนชื่อเพชรพลอย…” ญาดาพึมพำ ขณะกวาดนิ้วเปิดแฟ้มที่ลูกน้องสืบมาให้ “ฐานะทางบ้านไม่ดี พ่อแม่โลภ… แล้วก็เคยถูกส่งไปเป็นเมียน้อยคนบางคนงั้นเหรอ” ริมฝีปากญาดายกขึ้นเล็กน้อย คล้ายยิ้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่สวยงามเลยสักนิด “ของแบบนี้… แค่ปล่อยข่าวก็พังไม่เป็นท่าแล้ว ไม่ต้องเปลืองมือฉันด้วยซ้ำ” แต่ดูเหมือนเธอยังไม่พอ เธอหยิบโทรศัพท์กดต่อสายหาใครบางคน ปลายสายรับด้วยน้ำเสียงทุ้ม หยาบ และคุ้นเคยกับการใช้อำนาจข่มคน “…ว่าไงครับ" “ฉันมีเรื่องจะให้คุณช่วย” ญาดาวางน้ำเสียงเรียบหรู แต่เย็นเยียบ “ผู้หญิงที่ชื่อเพชรพลอย ทำงานที่คิรา กรุ๊ป เธอเป็นลูกหนี้บ้านคุณใช่ไหม?” “ใช่ครับ หนี้เก่าของแม่เธอ แต่ยังไม่เคลียร์กันดีๆ สักที บอกให้มาเป็นเมียผมก็จบเรื่อง” “งั้นดีเลย ฉันส่งที่อยู่ที่ทำงานให้แล้ว คุณก็รู้ว่าต้องทำอะไร” “จะให้ผมไปเก็บหนี้เลยมั้ยครับ? ไม่สิไปรับเมียกลับบ้าน” ญาดายิ้มแบบคนสั่งการหมากตัวเล็ก ๆ บนกระดาน “ดี...ทำยังไงก็ได้ให้มันออกจากที่ทำงานไวๆ ทำให้มันอับอายจนไม่กล้ามาเหยียบที่บริษัทนี้อีก” ปลายสายหัวเราะเบา ๆ แบบคนที่คิดว่าตนเหนือกว่าทุกอย่างถูกวางแผนไว้แล้ว...และเพชรพลอยไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ━━━ ช่วงบ่ายของวันนั้น ล็อบบี้ชั้นหนึ่งของคิรา กรุ๊ปมีเสียงเอะอะขึ้นอย่างกะทันหัน พนักงานหลายคนชะเง้อมอง ก่อนจะเห็นชายร่างใหญ่ สักลายเต็มแขน ใส่เสื้อเชิ้ตลายเสือเปิดกระดุมสองเม็ด เดินเข้ามาในบริษัทด้วยท่าทีกร่าง ๆ “เฮ้! ห้ามเข้าไปนะครับ ต้องแลกบัตร!” รปภ.รีบกันไว้ แต่ชายคนนั้นผลักไหล่รปภ.ออกแล้วตะโกนลั่นจนเสียงสะท้อนถึงแทบทุกชั้น “เพชรพลอย!! อยู่ไหน!? ออกมาคุยกับฉันหน่อย!” เสียงนั้นมันดัง… และน่าอับอายจนคนทั้งล็อบบี้ชะงักงัน เพชรพลอยที่กำลังจะขึ้นลิฟต์หยุดกึก ใบหน้าเปลี่ยนสีทันที เธอจำเสียงนั้นได้ดี…ลูกชายเถ้าแก่เจ้าหนี้เก่าของแม่เธอ หัวใจเธอแทบหล่น เขามาทำอะไรที่นี่…เพราะใคร…เพราะอะไร...เพื่อนร่วมงานเริ่มกระซิบกันเสียงเบาๆ แต่ทุกคำกระซิบเหมือนคมมีดที่กรีดใจเธอ “…ใครอะ มาโวยวายหาเพชรพลอย?” “…มีเรื่องหนี้เหรอ?” “…นี่มันบริษัทนะ ทำไมถึงมีคนแบบนี้มาบุกได้?” เพชรพลอยหน้าเริ่มซีด มือสั่น ไม่รู้จะหนีหรือสู้ดี แต่ไม่ทันที่เธอจะก้าวหนี เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นด้านหลั “เกิดอะไรขึ้น?” คิรินทร์เดินออกมาจากลิฟต์อีกด้าน ใส่สูทสีดำเข้ม สง่างาม… และตอนนี้กำลังดึงดูดทุกสายตาโดยไม่ต้องพยายาม เขามองภาพตรงหน้าแล้วใบหน้าหล่อเหลาฉายความเย็นยะเยือกขึ้นทันที สายตาคมของเขามองเพชรพลอยก่อน แล้วเลื่อนไปมองชายร่างใหญ่ที่กำลังตะโกนชื่อเธอ “คนของคุณเหรอ?” คิรินทร์ถาม น้ำเสียงต่ำจนเหมือนจะระเบิดได้ทุกวินาที เพชรพลอยส่ายหน้าแทบไม่ทัน “ม–ไม่ค่ะ! ไม่ใช่เลย เขา… เขาเป็น… คนรู้จักของแม่ แต่ว่า—” ยังไม่ทันอธิบาย ชายคนนั้นตะโกนขึ้นมาอีก “อ้าว! อยู่ตรงนี้นี่เอง!” เขาชี้หน้าเพชรพลอย “มานี่เลย! แกกับแม่แกยังค้างฉันอยู่นะเว้ย! แม่แกยกแกให้ฉันแล้ว” "ย...ยกให้หรอ" เสียงน่าอับอายทะลุทั้งชั้น เพชรพลอยตัวชา หูอื้อ และอยากหายไปจากตรงนี้ แต่คนที่ไม่คิดจะทนอีกต่อไปคือคิรินทร์ เขาหันไปทางลูกน้องสองคนที่ตามติดอยู่ตลอดเวลา เสียงเขาเย็นกริบจนคนรอบข้างขนลุก “ลากมันออกไป” “คุณคิรินครับ?” “ฉันบอกให้ลากมันออกไป" ทั้งตัว ทั้งเสียง ทั้งนิสัยของมัน—อย่าให้กลับเข้ามาเหยียบบริษัทฉันอีก” คำว่า “บริษัทฉัน” ทำเอาพนักงานหลายคนตาโตขึ้นทันที ตอนนี้ไม่มีใครกล้าซุบซิบแล้ว ทุกคนอยู่ในสภาพ “เงียบเป็นเป่าสาก” ลูกชายเถ้าแก่ยังไม่ทันเข้าใจอะไร ลูกน้องคิรินทร์สองคนก็จับแขนทั้งสองข้างลากออกไปโดยไม่ให้เขาตั้งตัว “เฮ้! ปล่อยนะเว้ย! นี่มันอะไรกัน!?” เสียงร้องถูกดึงออกไปพร้อมร่างของเขาที่ถูกลากเหมือนตัวตอมหึ่งไร้ค่า คิรินทร์ยืนมองด้วยสีหน้าไม่ไหวติงแม้แต่นิดเดียว เงียบ นิ่ง ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเกลียดความวุ่นวาย แต่เพราะเขาไม่ทนให้ผู้หญิงของเขา—แม้ยังไม่ยอมรับออกมา—ถูกหยามในที่สาธารณะแบบนี้ เมื่อตัวปัญหาถูกลากออกไปแล้ว คิรินทร์จึงหันมามองเพชรพลอย สายตานั้นเต็มไปด้วยคำถามความหงุดหงิด และความเป็นห่วงปนโกรธที่เขาไม่อยากยอมรับว่ามันรุนแรงแค่ไหน “เขามาที่นี่ได้ยังไง” น้ำเสียงคิรินทร์นิ่ง แต่ทุกคำพูดคือกดดัน เพชรพลอยกำมือแน่น เสียงสั่น “ฉัน… ไม่รู้ค่ะ เขาไม่เคยมาที่นี่ เขา… เขาไม่ควรจะรู้ว่าฉันทำงานที่ไหนด้วยซ้ำ” “แล้วทำไมเขาต้องพูดเรื่องหนี้ต่อหน้าทุกคน?” เพชรพลอยก้มหน้า น้ำตาคลอ “มัน…เป็นเรื่องของแม่ค่ะ ฉันไม่ได้เกี่ยวเลย แต่เขา—” “คุณโดนรังแกอยู่ใช่ไหม” “ไม่ค่ะ ไม่… ฉัน—” “เพชรพลอย” เขาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงจริงจังจนเธอเงยหน้าขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ครั้งแรกที่เธอเห็นแววโกรธแบบนี้ในดวงตาของเขามันไม่ใช่ความโกรธที่มีต่อเธอ แต่เป็นความโกรธที่กำลังปกป้องเธอจากสิ่งที่เขามองว่า “สกปรกและทำให้เธอเจ็บ” “ถ้าใครทำอะไรกับคุณอีก—บอกผม” ขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคำสั่งแต่ลึก ๆ มันคือคำขอร้องแบบที่เขาไม่แสดงออกมา เพชรพลอยไม่รู้จะตอบอย่างไร ไม่รู้จะยิ้มหรือจะร้องไห้ดี เพราะทุกคำของเขากำลังทำให้หัวใจของเธอสั่นและสับสนไปหมด เธอทำได้แค่พยักหน้าเบา ๆ “ค่ะ…” คิรินทร์มองเธออีกนิด ก่อนจะหันกลับเข้าไปในลิฟต์ แต่ก่อนประตูลิฟต์จะปิด เขาหยุด มือยังกดประตูค้างไว้เล็กน้อย “เพชรพลอย” “…คะ?” “คืนนี้—ตอบแชตผมด้วย” น้ำเสียงเขานุ่มลงนิดหนึ่ง "ผมไม่ชอบความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับคุณ” แล้วประตูลิฟต์ก็เลื่อนปิดลงอย่างช้าๆ ทิ้งให้หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบอยากทรุดลงกับพื้น ━━━ คืนนั้น… โทรศัพท์เพชรพลอยสั่น ชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอคือ… คิรินทร์ เธอกดเข้าไป ภาพคือข้อความสั้น ๆ แต่เข้มกว่าที่เธอคิด > คุณโอเคไหม ถ้าไม่—บอกผมเดี๋ยวนี้ เขามายุ่งอะไรกับคุณ เพชรพลอยมองข้อความเหล่านั้นนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนพิมพ์ตอบด้วยมือที่ยังสั่น >ไม่เป็นไรค่ะ เขามาหาเรื่องเฉยๆ ฉันขอโทษที่ทำให้วุ่นวาย… ไม่ถึงสามวินาที ข้อความของเขาก็เด้งขึ้นมา > อย่าพิมพ์คำว่าขอโทษกับผมอีก คุณไม่ผิด แล้วผมจะจัดการเรื่องนี้เอง หัวใจเพชรพลอยเต้นแรงแบบที่ไม่รู้ว่าควรดีใจ หรือควรกลัวว่าจะพึ่งเขามากเกินไป ก่อนที่โทรศัพท์จะสั่นอีกครั้ง > พรุ่งนี้ ผมจะให้คนคอยดูคุณ ผมไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณอีก เพชรพลอยจ้องข้อความนั้นพร้อมน้ำตาที่คลออยู่ปลายตา เธอไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร แต่รู้เพียงว่า…การมีเขาอยู่ใกล้ๆ ทำให้โลกที่โหดร้ายใบนี้อันตรายน้อยลงอย่างไม่น่าเชื่อและเธอ… กำลังกลัวเหลือเกินว่าจะหวั่นไหวมากเกินไปกับผู้ชายที่ไม่ควรจะเป็นอะไรกับเธอเลยแต่หัวใจกลับไม่ฟังเหตุผลแม้แต่นิดเดียว`บรรยากาศในห้องทำงานของคิรินทร์ในเช้าวันถัดมาหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก แม้แสงแดดส่องลอดกระจกสูงเข้ามา แต่กลับไม่สามารถไล่ความเย็นยะเยือกบนใบหน้าของเขาได้เลยแม้แต่น้อย ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาวางเอกสารเล่มหนึ่งลงตรงหน้าบอสอย่างระมัดระวัง “คุณคิรินครับ… นี่คือสิ่งที่เราพบในกล้องวงจรปิดเมื่อคืน” คิรินทร์เงยหน้าขึ้น สายตาคมไหววาบหนึ่งครั้ง ก่อนจะเปิดแฟ้มอย่างใจเย็น แต่ยิ่งเปิด สีหน้าของเขายิ่งขุ่นดั่งทะเลมืดในคืนพายุพัด ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดชัดเจน — ญาดาเดินไปที่แผนกของเพชรพลอยในเวลาหลังเลิกงานเมื่อคืน เธอเปิดลิ้นชัก โต๊ะเอกสารและ…วางซองเอกสารสีขาวไว้บนโต๊ะทำงานของเพชรพลอย ลูกน้องเอ่ยเสียงเบาหวิว “เราตรวจซองแล้วครับ… เป็นใบร้องเรียนปลอมว่าเพชรพลอยทำให้ชื่อเสียงบริษัทเสียหายจากเหตุการณ์เมื่อวาน มีลายเซ็นปลอมของหัวหน้าฝ่ายด้วย…" คิรินทร์หลุบตาลงอย่างช้า ๆ ก่อนปิดแฟ้มลงด้วยเสียง “ปิด” เบา ๆ แต่แรงพอจะทำให้ลูกน้องสะดุ้ง “เธอคิดว่าเล่นแบบนี้แล้วฉันจะยอมเหรอ…” น้ำเสียงเขาทุ้มต่ำจนน่ากลัว “ดี… ถ้าอยากเล่นเกมสกปรก… ฉันก็จะเล่นด้วย” เขาลุกขึ้นทันที ผูกเนกไทแบบไม่สนใจความเรียบร
วันถัดจากที่เกิดเรื่องโปรเจ็กต์ เพชรพลอยรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวหนักกว่าเดิม แม้จะทำงานตั้งใจมากแค่ไหนก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่เหมือนจับจ้องมาแบบแปลก ๆ โดยเฉพาะจากฝ่ายบริหารระดับสูงบางคนที่เธอไม่เคยยุ่งเกี่ยวด้วยมาก่อน เธอไม่รู้เลยว่าต้นตอของแรงกดดันเหล่านั้นมาจากใคร…แต่มันกำลังค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาอย่างมืดเงียบ ในขณะเดียวกัน ญาดา—คู่หมั้นของคิรินทร์—นั่งอยู่ในรถยุโรปสีเทาด้าน สายตาเรียบเฉยแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความริษยาอัดแน่น “คนชื่อเพชรพลอย…” ญาดาพึมพำ ขณะกวาดนิ้วเปิดแฟ้มที่ลูกน้องสืบมาให้ “ฐานะทางบ้านไม่ดี พ่อแม่โลภ… แล้วก็เคยถูกส่งไปเป็นเมียน้อยคนบางคนงั้นเหรอ” ริมฝีปากญาดายกขึ้นเล็กน้อย คล้ายยิ้มแต่ไม่ใช่รอยยิ้มที่สวยงามเลยสักนิด “ของแบบนี้… แค่ปล่อยข่าวก็พังไม่เป็นท่าแล้ว ไม่ต้องเปลืองมือฉันด้วยซ้ำ” แต่ดูเหมือนเธอยังไม่พอ เธอหยิบโทรศัพท์กดต่อสายหาใครบางคน ปลายสายรับด้วยน้ำเสียงทุ้ม หยาบ และคุ้นเคยกับการใช้อำนาจข่มคน “…ว่าไงครับ" “ฉันมีเรื่องจะให้คุณช่วย” ญาดาวางน้ำเสียงเรียบหรู แต่เย็นเยียบ “ผู้หญิงที่ชื่อเพชรพลอย ทำงานที่คิรา กรุ๊ป เธอเป็นลูกหนี้บ้านคุณใช่
แสงเช้าอ่อน ๆ สาดเข้ามาผ่านกระจกสูงของอาคารคิรา กรุ๊ป ทำให้ห้องประชุมและพื้นที่ทำงานของบริษัทเต็มไปด้วยแสงสีทองปนเงา ญาดานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานใหญ่ เรียบหรูและสง่างามในชุดสูทสีขาวเข้ารูป ผมดำยาวตรงถูกจัดเรียงเรียบร้อย มือบางลูบเอกสารและรายงานบนโต๊ะ ดวงตาคมกริบสอดส่องทุกหน้าจอคอมพิวเตอร์และทุกความเคลื่อนไหวของบริษัท รอยยิ้มเย็นชาปรากฏบนใบหน้า เธอรู้สึกถึงความตึงเครียดและแรงกดดันที่ต้องควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในมือ โทรศัพท์มือถือของเธอสั่น ญาดายกขึ้นกดหมายเลขของหัวหน้าทีมงานคนสนิททันที เสียงตอบรับของฝ่ายตรงข้ามเรียบร้อยและสุภาพ “ตามเรื่องที่ฉันบอกไว้แล้วใช่ไหม?” น้ำเสียงเรียบเย็นแต่เต็มไปด้วยอำนาจ “ค่ะคุณญาดา ทีมงานกำลังตรวจสอบผู้หญิงคนนั้น…เพชรพลอยค่ะ เรากำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมด” ดวงตาคมของญาดาเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ แคบลง ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักความคิด “ดี…ฉันอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ—ที่อยู่ ครอบครัว การทำงาน ประวัติส่วนตัว และความสัมพันธ์กับคิรินทร์เมื่อคืนที่ผ่านมา…อย่าพลาดอะไรเด็ดขาด” “เข้าใจค่ะคุณญาดา เราจะจัดให้ละเอียดที่สุด” เสียงตอบรับหนักแน่น ทำให้ญาดายิ้มบาง ๆ พ
ห้องประชุมใหญ่ชั้น 25 ของ Kira Group – คิรา กรุ๊ป วันนี้เต็มแน่นจนแทบไม่มีที่นั่ง พนักงานกว่า 300 คนต่างถูกเรียกด่วนตั้งแต่เช้าตรู่โดยไม่ได้แจ้งสาเหตุ จนทุกคนเริ่มเดากันวุ่นว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพชรพลอยเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มงานในมือ เธอดึงคอเสื้อขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้บังรอยแดงที่ค่อยๆ จางลง แต่ยังมองเห็นได้ถ้าจงใจมองใกล้ ๆ เพื่อนร่วมงานที่นั่งโต๊ะเดียวกันหันมามองเธอทันที “เพชรพลอย เมื่อคืนเธอไปกินเหล้ามาหรือเปล่า ดูหน้าแก…ซีดเหมือนคนอดนอนเลย” “เอ่อ…ก็แค่เมานิดหน่อยน่ะ” เธอตอบเบา ๆ พยายามทำตัวปกติที่สุด แต่ในหัวของเธอไม่ปกติเลยภาพเมื่อคืนยังติดอยู่ไม่จาง มือผู้ชายคนนั้น ริมฝีปากของเขา สัมผัสหนักแน่น เสียงทุ้มที่กระซิบชื่อเธอ… และสิ่งที่ทำให้เธอหน้าชาวูบยิ่งกว่า— “ฉันไม่ได้ป้องกัน…” เพชรพลอยหลุบตาลง รีบสลัดความคิดออกไม่ได้…ห้ามคิดตอนนี้ขอให้ไม่เป็นอะไร ขอให้ไม่ใช่โชคร้ายซ้ำซ้อนเถอะ เสียงซุบซิบเริ่มดังทั่วห้องประชุม “นี่ๆ ประธานคิราวุธเรียกประชุมเช้าขนาดนี้ ต้องมีเรื่องใหญ่แน่” “หรือจะปลดผู้จัดการอีกคน?” “จะควบรวมบริษัทหรือเปล่า?” แต่มีเสียงหนึ่งที่ทำให้เพชรพลอยเงยหน้
เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้องเช่าเล็ก ๆ เพชรพลอยสะดุ้งตื่น ลมหายใจสะดุดด้วยความหวาดกลัวก่อนที่สติจะแล่นกลับมาเต็มที่ภาพเมื่อคืนแล่นเข้ามาเหมือนฟ้าผ่ากลางกะโหลก—แสงสีจากผับ กลิ่นเหล้า การพูดคุยที่อบอุ่นจนน่ากลัว…และเขาผู้ชายคนนั้นร่างกำยำที่แน่นร้อน มือใหญ่ที่ประคองเธออย่างอ่อนโยน…แต่กลับปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิด ไม่ใช่สิ—เธอเองต่างหากที่ปล่อยให้เลยเถิด เพชรพลอยจับหัวตัวเองสองข้างรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเฉย ๆ “เพชรพลอย…แกทำบ้าอะไรลงไปเมื่อคืน…” เธอปิดหน้า กรีดร้องลงในหมอนเพื่อไม่ให้ห้องข้าง ๆ ได้ยินทุกอย่างชัดเจนเกินกว่าจะบอกว่าเมาจนจำไม่ได้เธอจำได้ทุกสัมผัส…ทุกลมหายใจ…และทุกเสียงเรียกชื่อเธอเบา ๆ ตอนเขากดริมฝีปากลงบนต้นคอ เพชรพลอยหอบหายใจปลายนิ้วแตะไปที่คอ—แสบร้อน เธอพุ่งลุกไปยืนหน้ากระจก “ตายแล้วววววววว…!!!” รอยแดงจาง ๆ ไล่จากกกหูลงมาถึงไหปลาร้าบางรอยเป็นจ้ำเล็ก ๆ จนไม่ต้องเดาเลยว่าเกิดจากอะไรเธอเอามือปิดปากกลั้นเสียงร้อง หัวใจเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกจากอก “ฉัน…ทำอะไรลงไปเนี่ย…” สายตาไหลลงมาเห็นรอยอีกสองรอยตรงไหปลาร้าเธอหน้าแดงวาบขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ “บ้า! ตายแล้ว! บ้าเพชรพลอย!
เสียงดนตรีเบสหนักกระแทกกำแพงกระจกใสของผับหรูใจกลางเมือง ไฟนีออนสีม่วงสลับฟ้าเต้นระยับเหนือศีรษะอย่างไม่มีจุดเริ่มหรือจุดจบ ผู้คนมากมายต่างจมอยู่ในโลกของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยเหล้าหรือด้วยความเหงาที่ไม่อาจระบายที่ไหนได้ เพชรพลอยเบียดกายฝ่าฝูงชนเข้าไปยังบาร์ด้านใน สายตาที่แดงช้ำจากการร้องไห้ทั้งวันยังคงระยิบวาวด้วยความกดดันอันหนักอึ้งในอก “เหล้าแรงสุด...แก้วนึงค่ะ” เธอบอกบาร์เทนเดอร์ด้วยน้ำเสียงแห้ง“วันนี้หน้าไม่ดีเลยนะน้อง” ชายหลังบาร์แซว แต่เธอทำเพียงยกมุมปากแข็ง ๆ ไม่ได้ตอบ ภาพแม่ที่นั่งร้องไห้อยู่หน้าบ้านชายทวงหนี้ที่ตะโกนเสียงดังด่าทอ ผู้คนที่มองผ่านๆ ราวกับเรื่องพวกนี้เป็นเพียงละครน้ำเน่าที่ไม่เกี่ยวกับใคร—ทั้งหมดตีกันยุ่งในหัวของเธอ “ถ้าไม่อยากให้แม่โดนด่าโดนทวงหนี้แบบนี้ ก็ไปหาผัวรวยๆ มาใช้หนี้สิวะเพชร!” เสียงแม่เมื่อเช้ายังดังชัดราวกับอยู่ในหูตอนนี้ เพชรพลอยถอนหายใจหนัก เธอไม่ได้เกลียดแม่ แต่เกลียดตัวเองที่จน เกลียดโชคชะตาที่ผลักเธอมายืนตรงนี้ เธอกระดกเหล้าแก้วแรกหมดไปอย่างง่ายดาย แก้วที่สองเริ่มทำให้ความเจ็บปวดกลายเป็นความมึน ชาแก้วที่สามทำให้เธอไม่อยากคิดอะไรอีก เธอ







