Masukดวงตาคู่สวยจ้องกลีบเหมยกุ้ยฮวาสีชาดบนผิวน้ำ ราวกับว่านางปรารถนาจะมองเห็นสิ่งซึ่งอยู่ข้างใต้ หากนอกเสียจากกลีบดอกไม้ลอยวนไปมา เห็นจะเต็มไปด้วยไอเย็น
“เจ้ามองหาอะไรอยู่?”
“เจ้าค่ะ...” เสียงหวานขานตอบ เมื่อนางถูกกดดันด้วยแววตารุ่มร้อนของชายร่างกำยำในถังไม้ใบใหญ่ เขาวางพาดมือทั้งสองไว้บนขอบอ่าง กวักมือเรียกนางให้รีบถอดเสื้อผ้า
ไป๋เหม่ยหลานรู้แก่ใจดีว่าหน้าที่ภรรยานั้นนางไม่อาจผัดผ่อนอีกต่อไป
หัวใจดวงน้อยกระตุกไหว เฝ้ามองใบหน้าหล่อเหลาแลดูตั้งใจจ้องหน้านางนัก เหมือนว่าเขากำลังคาดหวังบางสิ่งจากนาง หลุบตามองร่างกายอันเต็มไปด้วยบาดแผลจากของมีคม ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่
นัยน์ตาคู่คมฉาบอารมณ์ตื่นเต้นหวั่นไหว เมื่อหญิงงามปลดอาภรณ์ออกทีละชิ้นจากเสื้อสีหวานชั้นนอก ผ้าคาดอกบนชุดฮั่นฝู่และปลดเชือกรัดเอวออก ผิวกายขาวละเอียดของนางหยุดสายตาของเขาเอาไว้ จนนางหย่อนขาลงไปในน้ำ สองมือเรียวพลันกอดกุมทรวงอกงาม
“นะ... หนาวเจ้าค่ะ น้ำเย็นเกินไป”
ร่างผอมบางสะดุ้ง ยินเฟิงพลันดึงเอวคอดบางเข้าแนบชิด โน้มใบหน้าลงจูบนางไม่ให้นางตั้งตัว ปลายลิ้นหนาสอดแทรกเข้าชิมชมในโพรงปากหวาน กระหวัดลิ้นไม่ประสีประสาของนางให้ยอมมอบจุมพิตแก่สามีเนิ่นนาน
ฉับพลันนั้นนัยน์ตาลุ่มลึกกลับกลายเป็นสีชาดอย่างปีศาจ เรือนกายกำยำเปี่ยมด้วยแรงราคะ กว่าเขาจะยอมปล่อยนาง ก้มมองแก้มแดงซ่านด้วยใจถวิลหา
“ข้าอาบน้ำเย็น หากว่าเจ้าไม่อยากหนาวตาย ควรอยู่ในอ้อมแขนข้า”
“เจ้าค่ะ”
ไป๋เหม่ยหลานไม่มีหนทางปฏิเสธ ดวงตาของนางติดตรึงอยู่บนใบหน้าคร้ามคมหล่อเหลา เขาจ้องมองนางสั่นเทาในน้ำเย็นเฉียบจนริมฝีปากกระทบกัน
“จะว่าไปก็น่าสงสาร คราวนี้ข้ายอมเจ้าก็ได้ น้ำไม่เย็น ไม่ร้อนไป จะดีกว่า”
ยินเฟิงใจอ่อนกับนาง ทั้งที่เขาชอบน้ำอุ่นเสียเมื่อไร นับตั้งแต่กลืนเกล็ดอสรพิษเข้าไปดับพิษเหมันต์ได้ผลชะงัก หากจะต้องดับความร้อนลงด้วยไอเย็น โดยเฉพาะยามพบนาง เขาไม่สามารถอดทนต่อจิตใจรุ่มร้อนดังไฟกัลป์
ไป๋เหม่ยหลานทำหน้าที่นั้นแทนท่านอาจารย์ ปรับอุณหภูมิน้ำด้วยปลายนิ้วชี้ แตะลงบนผิวน้ำที่หมุนเป็นวงกลม เกิดช่องน้ำวนขนาดเล็ก ปรากฏแสงสีขาวสว่างในพริบตา น้ำในอ่างไม้ค่อย ๆ อุ่นขึ้นตามลำดับ
นางไม่สามารถใช้เวทเซียนได้เท่าเก่าก่อน เพียงเสกเวทขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวันได้เพียงเท่านั้น
เมื่อไอเย็นเหนือผิวน้ำลอยหายไปเหลือเพียงกลุ่มควันเบาบาง นางสัมผัสได้ถึงเกล็ดนุ่มนวล เขาดึงนางเข้าแนบชิดจนทรวงอกงามแนบชิดบนกายกำยำ
ยินเฟิงขบกัดกรามแน่นจนมองเห็นสันกราม ส่งเสียงคำรามหึ่งในลำคอ มือสั่นเทาเลื่อนขึ้นประคองใบหน้าแดงซ่าน ไม่ทันได้ดึงนางเข้ามาจูบ ไป๋เหม่ยหลานยกปลายนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากของเขาเพื่อถาม
“บอกความจริงข้ามาเถิดเจ้าค่ะ ท่านมีเกล็ดเหล่านี้ได้อย่างไร เฉียนฟางอ๋อง ท่านได้ลักลอบใช้เวทเปลี่ยนความทรงจำผู้คนบนโลกมนุษย์หรือไม่?”
“... ตั้งใจว่าถ้าพบเจ้า จะมากล่าวหาไม่ได้ว่าข้าใช้เวทเซียนเข้าห้ำหั่นมนุษย์เดินดิน ไร้ศักดิ์ศรีชายชาตรี ทำผิดกฎสวรรค์เหมือนเผ่าพันธุ์ปีศาจ”
ยินเฟิงคิดเรื่องนี้ไว้ จึงไปตามหาบ่อแห่งมนตรา สามารถมองเห็นได้ทุกสถานที่ดั่งใจหวัง เพื่อดูอนาคตความเปลี่ยนแปลงในโลกมนุษย์ หาช่องทางเข้ามาเป็นแม่ทัพในช่วงแผ่นดินไม่สงบสุข และแน่นอนว่าเพียงวิชากระบี่ของปรมาจารย์จากเทวโลก จึงนับว่าเฉียนฟานเป็นผู้จับตัวได้ยาก
ถึงแม้ว่ากองทัพของแคว้นขึ้นตรงกับเมืองหลวงและฮ่องเต้โดยตรง ไม่สามารถมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ ท่านอ๋องกุมอำนาจปกครองเด็ดขาด ทั้งการเก็บภาษี รายได้ต่าง ๆ ของเมือง เขาเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นนี้
“การเข้าไปรู้จักท่านฉางผิงโหว การที่ข้าถวายตัวสวามิภักดิ์ต่อฮ่องเต้ จับกระบี่ไปร่วมรบเป็นแม่ทัพ เพื่อชนะศึกครั้งใหญ่ ฮ่องเต้พระราชทานให้เป็นผู้ครองแคว้น ในฐานะเฉียนฟานอ๋อง เป็นเรื่องตั้งใจกระทำ”
“ท่านน่าจะสุขสบายในสถานที่ของท่าน ไยจึงกลับเข้ามาพัวพันวาสนาชะตาชีวิตมนุษย์”
“ต้องให้ข้าบอกเจ้า?” เขาเลิกคิ้วขึ้นถามนาง เรียกนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนลง “ศิษย์ไป๋”
ไป่เหม่ยหลานสั่นสะท้านไปทั้งใจ ในอ้อมแขนที่พาลพาให้หวั่นไหว
“เจ้าเป็นของข้า ดวงวิญญาณของเจ้าเป็นของข้า เจ้าจะอยู่กับข้าเรื่อยไป ไม่ว่าข้าไปที่ใด ไม่ว่าเป็นหรือตาย เจ้าเป็นภรรยา เจ้าก็ต้องไปกับข้า”
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







