Masuk“ข้ามิได้อยากเป็นทาสนางบำเรอเจ้าค่ะ ข้าเต็มใจยอมท่านอาจารย์ ใช่เพราะข้าเป็นภรรยา แต่เพราะข้ามีใจให้ท่านผู้เป็นความทรงจำ”
ไป๋เหม่ยหลานไม่ได้ปฏิเสธเขาเสียทีเดียว ขณะเรือนผมดำขลับของเขาพัวพันไปกับเส้นผมนุ่มหอมของนาง บนพื้นหินเย็นเฉียบใต้มนตร์อสรพิษ ฝ่ามือหนาที่บีบจับแน่นอาจเป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่ เมื่อสามีขยับกายเข้าหา แทรกความเป็นชายผ่านกลีบเกสรงามโดยไม่ได้ปลดเปลื้องอาภรณ์ออก นางกัดริมฝีปากแรง เมื่ออารมณ์น่าอึดอัดรัญจวนของการสอดประสาน รุกเร้านางในอึดใจเดียว
“อ๊ะ...! อ๊า อือ... สามี”
“... เจ้าร้อนรุ่มต้องการข้าไม่ต่างไป ไยเจ้าจึงไม่พูดบอกสักคำ”
ใช่ว่าเขาเหยียดหยันช่องทางอันอ่อนนุ่มที่เปียกชุ่ม นางกระตุกสะโพกแอ่นเกร็ง เพื่อกลืนกินความเป็นบุรุษเยี่ยงนางบำเรอกาม นางไม่อาจต่อต้านอารมณ์หวามไหวในอก ร่างกายที่ไม่ได้ขยับสร้างความทรมานแสนหวาน
“ได้โปรด... อ๊ะ... ขอร้องท่านอย่าทรมานข้านานนัก ข้าทนไม่ไหวเจ้าค่ะ”
นางร้องขอด้วยแววตารัญจวน บริเวณท้องน้อยราวได้รับการปั่นป่วนอยู่ภายใน นางยังเกิดความเจ็บปวดอยู่ลึก ๆ หลังจากที่เขาเริ่มขยับเคลื่อนสะโพกสอบหนาด้วยความระมัดระวัง กระทำอย่างเชื่องช้าเพื่อที่จะแทรกสอด รั้งอวัยวะภายในกายนางให้นางได้พบอารมณ์แสนสุขสม
เมื่ออารมณ์เสียวซ่านแสนหวาน เป็นไปตามครรลองของสามีภรรยา บนพื้นหินเย็นเฉียบจึงอบอวลเสียงหวานครวญคราง
ความเป็นบุรุษอันใหญ่โอฬารดึงดันแทรกผ่านก้นงามงอน ออกและเข้า มือก็ยังไม่ยอมปล่อยจากการบีบจับนาง เขาจูบนาง ลูบไล้เรือนผมของนางอย่างอ่อนโยน หนีบขาเข้าชิดติดขาทั้งสองแนบแน่น ไร้อากาศไหลผ่าน แผงอกกว้างกดรั้งเรือนร่างบอบบางไว้อย่างทะนุถนอม
ตราบจนส่งเสียงคำรามราวสัตว์ป่า อสรพิษสะอาดตาก็ออกมาเลื้อยไหลผ่านร่างอรชรโดยไม่รู้สึกตัว
แม้เป็นอาจารย์แห่งเมืองปีศาจ มิอาจข่มใจกับอารมณ์ที่พุ่งทะยานสุดทางสวรรค์ แสงเจิดจรัสทอประกายวาบในหัว ยินเฟิงหลับตาแน่น บีบมือเล็ก ๆ ของนาง กระตุกสะโพกครั้งสุดท้ายสุดทางคับแคบดั่งฝัน
กระแสธาราหลั่งไหลเข้าสู่กายสตรีอย่างล้ำลึก ไอหยินลอยละล่อง ล้อมกายนางและเขา
ไป๋เหม่ยหลานกรีดร้องสุดเสียงของนาง ผ่อนลมหายใจหอบระทวยใต้วงแขนแข็งแรงของสามี นัยน์ตาสีชาดทอประกายสะท้อนแสงจากเปลวเทียน วูบหนึ่งนางมองเห็นเขามีดวงตาที่สวยงาม เป็นนัยน์ตาของงูพิษ
“ไป่ไป๋... ภรรยาข้า ไยเจ้าช่างน่ารักใคร่นัก”
-------------
ในค่ำคืนอันแสนยาวนานของไป๋เหม่ยหลาน รับรู้ถึงการประหัตประหารผ่านโสตประสาททั้งห้า ราวกับว่าเหตุการณ์ทั้งหมดกำลังเกิดขึ้นกับตัวนาง
“ไป๋เหม่ยหลาน ศิษย์ทรยศ!”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเหล่าศิษยานุศิษย์ดังกึกก้อง แสงจัดจ้าของโซ่แห่งหยางรั้งตรึงข้อมือโชกชุ่มโลหิต นางสวมอาภรณ์สง่างามถักทอด้วยลายปักท้องนทีสีคราม ใต้ผ้ารัดเอวห้อยหยกดาราเปล่งประกาย สัญลักษณ์เซียนสตรีผู้บำเพ็ญตน หากนั่งลงกับพื้นในสภาพของนักโทษ ท่ามกลางเหล่าเซียน
“แท่นประหารเซียนนับว่าน้อยไปสำหรับเจ้า นำตัวไปโยนลงหุบเหวมาร”
เซียนอาวุโสตัดสินเป็นเด็ดขาด ยังหันไปถามอาจารย์ยินเฟิง “ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร?”
“ให้เป็นไปตามพวกท่านพิจารณา ตามโทษทัณฑ์ของนางเถิดอาวุโสหลี่ นางมิใช่ศิษย์ข้าอีกต่อไป”
ทั้งน้ำเสียงเย็นชา ใต้แววตาอ่อนโยนที่นางเคยเฝ้าหลงใหล ไร้ซึ่งความปรานี แม้ท่านอาจารย์รับรู้ถึงความหวาดกลัวของนาง ผ่านดวงตาเอ่อคลอ ริมฝีปากสีชาดที่สั่นระริกเมื่อนางสารภาพว่านางได้ทำอะไรลงไป
โทษประจานซึ่งเคยพบในตลาด หญิงชู้มักมากในกาม ถูกเสียบบนเสาเมือง ทำให้นางหวาดกลัวจนตัวสั่น นางได้ยินว่าการถูกไอมารกัดกร่อนจนตายก็มิต่างจากถูกเฉือนเนื้อทีละนิดจนกว่าจะสิ้นใจในร่างทิพย์
แม้นางยอมรับผิดเพื่อรักษาเกียรติท่านอาจารย์ ไม่ให้เขาต้องชื่อเสียงมัวหมอง อาจทรมานตายในห้องคุมขังด้วยพิษเหมันต์ สิ่งสุดท้ายที่นางมองเห็นกลับเป็นใบหน้าไร้อารมณ์ และแผ่นหลังของท่านอาจารย์
-----------
ร่างอรชรในชุดนอนสีขาวบางพลันลุกขึ้นนั่ง ลืมตาพรึ่บมองไปรอบ ๆ ห้องกว้างขวางในจวนอ๋อง ผ่านผ้าม่านสีขาวบางที่บดบังข้างกาย สามีในชุดสีนิลยังคงนั่งจิบชาอยู่บนตั่งไม้สลัก พริบตาเดียวนางมองเห็นเพียงไอหยิน เขากลับมานั่งบนฟูกนอน ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“เจ้าฝันร้ายหรือ?”
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







