Masukเฉียนฟานอ๋องคือท่านอาจารย์ของนาง ขณะที่เขาอยู่ในฐานะผู้สั่งการ สามารถครอบครองได้ทุกสิ่งที่ข้าต้องการในแคว้นนี้โดยถูกต้องชอบธรรม ไม่เว้นแม้กระทั่งบุตรสาวของท่านโหว เขาเจ้าแผนการนัก สมเป็นอาจารย์ยินเฟิง
ในอุ้งมือปีศาจอันอ่อนโยน นางหลุบมองตามเกล็ดสีขาวสะอาดตาปรากฏขึ้นบนท่อนแขนเป็นล่ำสัน ลูบไล้ไปตามไหล่กว้างที่แทรกแซมด้วยเกล็ดอย่างมิได้นึกรังเกียจเขาแม้แต่น้อย หากเป็นตรงกันข้ามเสียอีก
น่าประหลาดใจ เกล็ดเหล่านี้แสนนิ่มนวล ส่งกลิ่นหอมอ่อนใกล้เคียงกับกลิ่นของกลีบบุปผา หัวสมองของนางขาวโพลน เคลิบเคลิ้มไปตามอารมณ์ประหลาด
ยินเฟิงคอยประคองกรามน้อยไม่ห่างมือ จูบริมฝีปากนางด้วยใจเสน่หา
“แล้วเจ้าล่ะภรรยา หัวใจเจ้าปรารถนาจะมีสัมพันธ์กับเฉียนฟานอ๋องหรือท่านอาจารย์ของเจ้า?” น้ำเสียงทุ้มละมุนถาม เขาพิงหน้าผากไว้กับหน้าผากมน สะกดนางด้วยแววตาปีศาจ มนุษย์อย่างนางคงมิอาจต้านทาน
“กับท่าน... เจ้าค่ะ กับสามีข้า...”
มุมปากหนาหยักได้รูปขยับยิ้ม อสรพิษสีขาวนวลสนิทพลันโผล่จากผืนน้ำ เลื้อยพันรอบเอวคอดบาง นางสะดุ้งตกใจ เมื่อร่างงูเลื้อยผ่านในน้ำแล้วหายไปในพริบตา ท่านอาจารย์เสกสรรนำพาอสรพิษ ถูไถไปตามเรือนกายอรชร
ไป่เหม่ยหลานมิได้รู้ว่าเกิดสิ่งใดแน่ นางหลงใหลไปกับการอาบน้ำในอ้อมกอดปีศาจได้อย่างไร ขนาดว่าเกล็ดสะอาดเพิ่งเลื้อยผ่านกายสตรีซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ใครแตะต้อง นางไรขนลุกชูชันด้วยความรู้สึกประหลาด
สองเต้าอิ่มงามถูกบีบเคล้น เคล้าคลึงด้วยปลายนิ้วเรียวยาวช่ำชองงาน ยินเฟิงรู้ว่าส่วนใหญ่คือจุดเสียวซ่านของนาง เขาเล้าโลมนางด้วยจุมพิต ปลายลิ้น และอสรพิษ จนปลายยอดปทุมถันลุกชูชัน จนนางเกิดความรู้สึกว่าตนอาจคลุ้มคลั่งเพียงการสัมผัสของชายผู้นี้
เมื่อฝ่ามือหนาลูบผ่านต้นขาด้านในใต้ผืนน้ำ ใจร้อนวู่วามกดปลายนิ้วเข้าไปในร่องหลืบกายสตรี สะโพกงามสะดุ้ง บีบรัดปลายนิ้วอุ่นร้อน
“อ๊ะ!”
โฉมสะคราญมิอาจต้านทานปีศาจแห่งกามารมณ์ นัยน์ตาคู่สวยกลืนกลายเป็นสีชาด เฉกเช่นเจ้าของอ้อมกอดแข็งแกร่ง กำลังกอดรัดนางราวโซ่ตรวน นางหอบหายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อม พาลให้แววตาคมคอยหลุบมองอกอิ่มขาวงาม ปทุมถันสีชมพูหวานใต้กลีบเหมยกุ้ยฮวาสีชาด
ยินเฟิงไม่อาจอดทนอีกต่อไป ถึงแม้ว่าเขาอยากละเมียดละไมชิมเรือนร่างหอมงามทีละคำ ใจปรารถนาความเอร็ดอร่อยของรสสัมพันธ์สวาท
ความเป็นชายบัดนี้สร้างความเจ็บปวดจนเรือนกายกำยำสั่นสะท้าน น้ำอุ่นร้อนยิ่งเพิ่มอุณหภูมิให้ร่างครึ่งหนึ่งซึ่งเป็นปีศาจแห่งราคะ เขารับรู้ว่านางพร้อมเสียยิ่งกว่าอะไร มือหนาพลันคว้าสะโพกงามยกขึ้นนั่งบนตัก ขยับเข้าหาจนหน้าท้องแนบชิดกัน เพื่อถูไถกลีบปทุมงามที่เบ่งบานรอต้อนรับสามี
ในแววตาหวาดกลัวประสาหญิงสาว ไม่อาจทำให้เขาใจอ่อนยอมรั้งรอ ปากทางเข้าถ้ำชุ่มฉ่ำหวาน สามารถกลืนกินมังกรร้ายที่ผงาดรออยู่หน้าทางเข้า
ไป๋เหม่ยหลานรู้หนทางข้างหน้าว่านาจะพบพานกับอะไร ค่ำคืนหนึ่งนางแสนเจ็บปวด นางกัดริมฝีปากแรงเมื่อบั้นท้ายงามขยับตามแรงมือดื้อรั้น ผลักความเป็นชายเข้าชิมชมนางในอึดใจเดียว
“ท่านอาจารย์!”
เสียงแหลมเล็กกรีดร้องเรียกตามสัญชาตญาณ ยินเฟิงส่งเสียงคำรามลั่นราวสัตว์ป่า ดังกึกก้องในห้องอาบน้ำ
“อะ... อ่าาาาห์... ไปไป๋ของข้า...”
สะโพกบอบบางสั่นเกร็ง เมื่อชายร่างกำยำเริ่มบดขยี้นางด้วยอาวุธแหลม ราวใบมีดขนาดใหญ่โอฬาร มันขยายตัวตนใหญ่โตยิ่งขึ้นไปอีกในถ้ำทางเปียกฉ่ำ ครั้นนางจะกระถดกายหนี มือหนาทั้งสองกลับจับรั้งนางไว้ให้นั่งลงรับทัณฑ์สวาท เขาไม่ให้นางหนี ส่วนนางเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ไป๋เหม่ยหลานสภาพเหมือนลูกนกตกรัง พยายามจะถีบขายันร่างของนางออกจากพันธนาการรุ่มร้อนอึดอัด
ร่างบางสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย นางดื้อรั้นทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากนั่งตัวสั่นเกร็ง ภายใต้การจับกุมของสองฝ่ามือหยาบกร้าน นางจิกปลายเล็บลงบนบ่ากว้าง ดึงรั้งร่างกำยำทั้งน้ำตานองหน้า เมื่อส่วนลึกของกายสตรียิ่งบีบรัดความเป็นบุรุษกล้าแกร่ง นั่นเป็นเครื่องทรมานเขาและนาง
“สามี... ได้โปรด... อ่อนโยนกับข้าหน่อยเถิด... ข้าเจ็บเหลือเกิน...”
“เจ้าเจ็บมากหรือ?” ในสีหน้าเป็นกังวล ยินเฟิงเกือบขาดสติ ร่างกายทรยศนี้ทำให้เขาเจียนคลุ้มคลั่ง จนสบมองหยาดน้ำใสที่ไหลลงบนหางตาคู่สวย นางพยักหน้าขอความเมตตา
“ไม่รู้สึกสิ่งใดนอกจากเจ็บปวดเจ้าค่ะ ได้โปรด อ่อนโยนกับไปไป๋ด้วย...”
ใบหน้าแดงก่ำทำเป็นน่าสงสารของนาง ช่างน่ารักใคร่ปานฉะนี้...
ยินเฟิงก้มหน้าลงจูบนาง สอดมือรัดรึงดึงเอวบางให้ขยับอย่างเชื่องช้า นางพลันแอ่นเอวรับการสานสัมพันธ์ ด้วยเรี่ยวแรงอันเบาบาง ถนอมตนให้ผ่านพ้นจากอาการเจ็บปวด กระทั่งพบหนทางสว่างไสว พร้อมแล้วที่นางจะตอบรับทุกแรงรักใคร่จากชายผู้มากับความรุ่มร้อนดังไฟกัลป์
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







