Masukแววตาคู่คมที่ไร้ซึ่งความอดทนเฝ้ามองนางพูดจาเจื้อยแจ้ว หากไฟโทสะลุกโชติอยู่ภายใน เขาทั้งหึงหวงนาง ทั้งหวาดกลัวนางจะไปเป็นภรรยาของชายใด ไม่ว่าเทพหรือปีศาจ ขณะที่ตัวนางห่วงแต่ชีวิตท่านอาจารย์ เขาพร่ำพูดว่าตนจะตายแน่ ๆ เพื่อเรียกร้องความเห็นใจจากนาง
ฉับพลันนั้น ทุกสิ่งพลันหายไปจากสายตา ไป๋เหม่ยหลานหันกลับมาสนใจสามี มือหนายกไหสุราขึ้นกระดกดื่ม นางหยิบผ้าผืนเล็กขึ้นเช็ดน้ำหกกระเซ็นตรงมุมปาก
“ข้าพึงใจเจ้าเท่าไร รังแต่จะมากขึ้น ไม่เคยน้อยลงแม้สักวัน ต่างจากเจ้า ลงมาจุติเป็นบุตรสาวผู้ร่ำรวย เสวยสุขบนโลกมนุษย์ เจ้ามีความสุขดีกับการใช้ชีวิตเช่นนี้ ความรักใคร่ในท่านอาจารย์จึงหมดสิ้นไป...”
“หามิได้เลยเจ้าค่ะ ข้ายินดีพิสูจน์ตน ด้วยการร่วมบำเพ็ญเพียรกับท่านเจ้าค่ะ”
“จำได้ว่าข้ายังเก็บกระดูกเซียนของเจ้าไว้ ในเรือนสำนักศึกษาเหยียนเก๋อ” ใบหน้าแดงก่ำที่แทรกแซมเกล็ดสะอาดเป็นหย่อม ๆ ปรากฏรอยยิ้ม นัยน์ตาสีชาดหลุบมองใบหน้าสวยใสไร้เดียงสาอย่างผู้มีชัย “อืม... เหมือนจะลืมไปว่าข้าทำกระดูกเซียนเจ้าหล่นลงไปในหมอกประหลาด เต็มไปด้วยไอหยิน มันกลืนกินกระดูกเจ้ากว่าข้าจะดึงกลับคืนมาได้ เกรงว่าอาจกลายเป็นกระดูกมารไปแล้วล่ะ เจ้าคงไม่อยากได้คืน”
“เราสองสามีภรรยาค่อยคุยเรื่องนี้กัน ตอนท่านสร่างเมาจะดีกว่าเจ้าค่ะ”
ไป๋เหม่ยหลานบ่ายเบี่ยงสามี ผู้เล็งเห็นว่านางกำลังขวยเขินเอียงอาย นางหลุบตาลงมองผ้าแพรต่วนสีนิลหลุดจากบ่า มองเห็นแผงอกกว้างกำยำที่มีบาดแผลอย่างนักรบผู้กล้า อารมณ์วูบวาบหวั่นไหวกระแทกเข้ากลางใจนาง
ยินเฟิงเลื่อนมือขึ้นประสานมือเรียวเล็กไว้แนบพื้น ผลักแผ่นหลังบางให้นอนราบลง ก้มหน้าจูบแก้มแดงซ่าน มืออีกข้างงุ่นง่านอยู่กับเอวบาง ลอดผ่านชายกระโปรงยาว ถลกมันขึ้น บีบเคล้นก้นเต่งตึง นางสะดุ้งสั่นคราง
“อ๊ะ... อย่ารังแกข้านะเจ้าคะ”
ไป๋เหม่ยหลานมิอาจต้านท่านอาจารย์ยินเฟิงในร่างปีศาจได้สักครั้ง เขารู้สึกอย่างไรนางก็เป็นเช่นเดียวกัน ราวกับว่าร่างกายนี้ถูกควบคุมด้วยเวทมนตร์ประหลาดจากน้ำมืออสรพิษ เป็นไปได้ว่าร่างกายนี้ถูกสร้างมาเพื่อเขา นางพร้อมยอมให้เขาได้ตักตวงความหอมหวานจากเรือนร่างของนาง โดยที่เขาแทบไม่จำเป็นต้องเล้าโลมนางนาน ๆ
ปลายลิ้นหนาที่โลมเลียบนแก้มเย็นเฉียบ แดงระเรื่อดังลูกมะเขือเทศ ไม่น่าเชื่อว่ากลายเป็นลิ้นงูไปได้อย่างไร ขณะที่นางเอี้ยวมองสามี ตอบรับจูบเสน่หา ปลายลิ้นหนาเข้ามากระหวัดเกี่ยวลิ้นน้อยออกไปชิมชม
ตราบจนปลายนิ้วเรียวยาวสอดเข้าเรือนผมนุ่ม ดึงศีรษะนางเบา ๆ ได้ยินเสียงอื้ออึงของปลายลิ้นและน้ำลาย ทิ่มทะลวงเข้ามาในช่องหูของนางอย่างหยาบคาย เขาลูบจับนางจนเนื้อตัวแดง บีบปทุมย์งามทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียม ด้วยพละกำลังแห่งกามารมณ์อันมากล้น เยี่ยงปีศาจในวัยฉกรรจ์ปรารถนาจะเสพสมกับสตรี ปากพร่ำเพ้อถึงอดีต ความในใจที่มีต่อนางนั้นทรมานในอกเพียงใด ครั้งหนึ่งเขาเคยสำนึกรู้ในหน้าที่ความเป็นอาจารย์แสนโง่เขลา จึงไม่สามารถตอบรับน้ำใจนาง
ฝ่ามือข้างซ้ายแผ่ออกวางบนพื้น เพื่อให้นางได้วางมือเล็ก สอดประสานทุกง่ามนิ้วเข้าด้วยกัน
ใบหน้างามพร่างพราวเม็ดเหงื่อ ปรากฏอารมณ์แสนเร่าร้อนทรมาน นำพาเรือนร่างกำยำเหยียดเกร็ง
ยินเฟิงเผลอปลดปล่อยไอปีศาจแห่งราคะ บีบมือเล็กแน่น แยกเขี้ยวขาวคมฝังลงบนบ่ามน นางตกใจ เอี้ยวมองเขากัดนางด้วยเขี้ยวอสรพิษจนโลหิตหลั่งไหล
“อ๊ะ... อื้อ!”
ร่องรอยแห่งความเจ็บปวดผ่านตราประทับปีศาจ โลหิตไหลซึมเป็นสีดำหายไปเป็นเถ้าควันในอากาศ อสรพิษหน้าตาดุร้ายได้ถูกวาดขึ้นด้วยแต้มสีชาด ราวกับว่างูตัวเล็กได้มีชีวิตบนบ่า ฝังติดในผิวกายดั่งรูปวาดมีชีวิต
-----------
ใต้พันธนาการปีศาจอสรพิษ ร่างกำยำรุ่มร้อนทาบทับนางด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล ทว่าเขากลับแสนนิ่มนวลกับนาง ไม่ทำให้นางหายใจไม่ออก แม้แต่จะทำให้นางรู้สึกอึดอัด สามีลูบจับเรือนผมนุ่มหอมขึ้นพรมจูบ เอ่ยคำขอโทษที่ตีตราประทับนางด้วยตราปีศาจ เพื่อให้ปีศาจตนอื่นรู้ว่านางเป็นภรรยาของเขา ดึงเอวบางเข้าหาตน ให้นางอิงแอบกายใต้เกล็ดอันงดงาม
“เจ้าพรั่งพร้อมสำหรับข้าเสมอ ภรรยา ร่างกายเจ้าเป็นของข้าโดยสมบูรณ์ เจ้าคงต้องยอมเป็นทาสนางบำเรอปีศาจ”
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







