ชาติที่แล้ว นางลุ่มหลงในรุ่ยอ๋อง จนเป็นการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด บุรุษตระกูลหยุนตายอย่างไร้ที่ฝัง เมื่อได้เกิดใหม่อีกครั้ง นางยินยอมที่จะให้ร่างกลายเป็นเถ้าถ่าน ประกาศทั่วแว่นแคว้น และสาบานว่า แม้ต้องตาย ก็จะปกป้องจวนแม่ทัพร้อยปีของตระกูลหยุนให้จงได้ ยามเมื่อสวมเสื้อเกราะ นางคิดถึงความองอาจกล้าหาญ ความทะเยอทะยานที่จะรับใช้บ้านเกิด สตรีในชุดแต่งงานก็สามารถแต่งแต้มความงดงามและยิ่งใหญ่ให้กับแว่นแคว้นได้เช่นกัน... ... นางปิดผนึกความรู้สึกรักเอาไว้ และคิดเพียงแต่จะปกป้องคนในตระกูลและคนที่รัก เขานั่งอยู่ในเงามืดที่ประเดี๋ยวสว่างไสว ประเดี๋ยวมืดสลัว นัยน์ตาคู่นั้นแดงฉาน “อาหลวน ข้ามอบทุกอย่างให้เจ้าแล้ว ข้าเป็นคนที่เจ้ารักและสนิทด้วยที่สุดหรือยัง”
View Moreเขายืนอยู่ตรงนั้นทั้งคืนโดยไม่รู้ตัวหลายคนในจวนหยุน ต่างก็สังเกตเห็นเฮยอี้เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หยุนหลวนยังไม่ทันตื่นดี หยุนชิงก็พาน้องห้าหยุนฮว๋ายมาที่เรือนหลวนเฟิ่งหยุนหลวนเพิ่งลืมตา หยุนฮว๋ายก็พุ่งเข้ามาจากด้านนอก และโถมตัวลงบนเตียงนาง เขากอดแขนนางไว้ข้างหนึ่ง“พี่สี่ พี่สี่...ข้ามีเรื่องมาบอกท่าน มีผู้ชายแปลกหน้าอยู่นอกบ้านเรา...ข้าได้ยินยามพูดว่า คนคนนั้นยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ข้าจําได้ว่าเมื่อคืน มีพายุฝนตกหนัก จากนั้นฝนก็ค่อยๆ กลายเป็นลูกเห็บ”“พี่สี่ อากาศหนาวขนาดนี้ เขาคงไม่ยืนตากลูกเห็บมาทั้งคืนหรอกนะ? เขาเป็นใคร เขาต้องการอะไร? เป็นไปได้ไหมว่าเขาคือคนที่ต้องการทำร้ายจวนหยุนของพวกเรา?”หยุนหลวนขยี้ตา และยิ้มอย่างขมขื่น ขณะกำลังจะตอบคำถามของหยุนฮว๋าย หยุนฮว๋ายก็ถูกหยุนชิงคว้าคอเสื้อ แล้วยกออกไป“หยุนฮว๋าย เจ้านี่มันโง่จริงๆ... เจ้าไม่ใช้สมองคิดเรื่องนี้เลยหรือ? ถ้าเขาต้องการทําร้ายจวนหยุนของพวกเราจริงๆ คงใช้ประโยชน์จากพายุฝนเมื่อคืนลงมือไปนานแล้ว ตอนนี้รุ่งสาง พระอาทิตย์ก็ออกมาแล้ว แต่เขายังคงยืนอยู่นอกประตู เหมือนเทพทวารบาลประจำประตู... อีกอย่าง เขาไม่ได้แส
หยุนหลวนปล่อยม่านลงนางพิงผนังรถ เริ่มหลับตาเพื่อพักฟื้น... นางไม่ดูเฮยอี้อีกต่อไป เขาไม่ส่งเสียงใดๆ เงียบสนิทราวกับจากไปนานแล้วจนกระทั่งรถม้า แล่นมาจอดที่หน้าจวนหยุนองครักษ์ปีกนิลก็เปิดม่านขึ้น และประคองหยุนหลวนลงจากรถม้าอย่างนอบน้อม หยุนหลวนถือร่มกระดาษ จังหวะที่ค่อยๆ หันหลังเพื่อเดินเข้าจวน สายตาก็กวาดมองไปอย่างไม่ตั้งใจท่ามกลางสายฝน มีเงาร่างหลังค่อมอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เมื่อมองทะลุผ่านเม็ดฝนนับไม่ถ้วน เงาร่างนั้นเดินมาหานางอย่างช้าๆ และค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน หยุนหลวนสามารถมองเห็นท่าทางของเขาอย่างแจ่มชัดหยุนหลวนขมวดคิ้ว ยืนนิ่งอยู่กับที่ นางจ้องมองเฮยอี้ที่เดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวนางอดถอนหายใจไม่ได้ และกล่าวอย่างจนใจว่า “เฮยอี้... เจ้าตามข้ามาทำไม? ในเมื่อเจ้าทำผิด ซ้ำยังรบกวนเยี่ยนอ๋อง เขาจึงไม่ต้องการเจ้า และไล่เจ้าไป แต่ถ้าเจ้าไม่อยากจากเขาไป อยากให้เขาให้อภัยเจ้า เจ้าก็ควรคุกเข่าที่หน้าร้านอาหารต่อไป ร้องขอการอภัยจากเขาต่อไป...”“เหตุใดเจ้าถึงตามข้ากลับมาที่จวนหยุน? สิ่งที่เยี่ยนอ๋องตัดสินใจไปแล้ว ข้าคิดว่า แม้แต่ข้าก็ไม่สามารถขอให้เขาเปลี่ยนใจและให้อภัยเจ้าได้
เฮยอี้กำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำ “คุณหนูสี่ ข้ารู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ข้าทำไม่ถูกนัก...”หยุนหลวนยกมือขึ้นขัดคำพูดขอโทษและสำนึกผิดของเฮยอี้ นางกล่าวอย่างตรงไปตรงมา“จนป่านนี้แล้ว เจ้าไม่ต้องขอโทษหรือสำนึกผิดต่อข้า คำพูดแฝงความหมายพวกนั้น ข้าไม่อยากฟัง เฮยอี้ ข้าจะพูดเพียงครั้งเดียวเกี่ยวกับผานเออร์ผู้นั้น นางไม่ใช่น้องสาวของเจ้า... รุ่ยอ๋องเคยส่งคนไปตรวจสอบพื้นเพของเจ้าแล้ว... ถึงแม้ว่าเยี่ยนอ๋องจะซ่อนพื้นเพของเจ้าไว้อย่างลึกซึ้ง แต่รุ่ยอ๋องก็ขุดพบบางสิ่งบางอย่าง”“ยกตัวอย่างเช่น สร้อยในมือเจ้า จริงๆ แล้วมันไม่ได้มาจากน้องสาวของเจ้า แต่มาจากบิดาผีพนันของเจ้า ปีนั้น ตอนที่บิดาขายน้องสาวของเจ้า เขาก็แอบถอดสร้อยข้อมือของน้องสาวเจ้าออกโดยไม่บอกเจ้า เจ้าลองคิดดูสิ เขายอมขายน้องสาวของเจ้าเพื่อเงิน แล้วจะยอมปล่อยให้น้องสาวเจ้าจากไปพร้อมกับสร้อยข้อมือหรือ?”คำพูดของหยุนหลวน ตัดความหวังสุดท้ายของเฮยอี้ ดวงตาของเขาพลันห่อเหี่ยว มีเพียงความมืดมิดไร้แสงใดๆ เขาจ้องมองหยุนหลวนอย่างว่างเปล่า ทุกคำพูดของนาง ล้วนสมเหตุสมผล จนเขาอดไม่ได้ที่จะเชื่อนั่นสินะ พ่อของเขาเป็นคนไม่รู้จักพอ เขาจะ
เขาเสียชีวิตไปนานแล้ว ตั้งแต่คืนฝนตกนั่น และถือกำเนิดใหม่เป็นเขา ที่มีชีวิตอยู่เพื่อท่านอ๋อง เขาสาบานจะภักดีต่อท่านอ๋องไปตลอดชีวิต ถ้าหากผิดคำสาบาน เขาจะถูกห้าม้าแยกร่าง ร่างกายแหลกเหลวไม่สมประกอบ และตอนนี้ เขาเกือบจะฆ่าท่านอ๋องเพื่อน้องสาวที่อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้แม้ว่าเขาจะตายก็ไม่อาจหลีกหนีความผิดนี้พ้น หวังคุนไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเฮยอี้ผู้ดื้อรั้นได้ เขาโมโหมาก ทั้งสองคนอยู่เคียงข้างท่านอ๋องมานานที่สุด ดังนั้นในยามปกติ แม้พวกเขาไม่ค่อยพูดคุยกันมากนัก แต่มิตรภาพก็ยังคงมีอยู่เขามองเฮยอี้ ตอนนี้พวกเขามาถึงทางตันแล้ว ดังนั้นเขาจึงกังวลมากกว่าใครๆไม่ว่าเขาจะกังวลแค่ไหน แต่เขาจะทำอะไรได้?ครั้งนี้เฮยอี้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ หวังคุนอดไม่ได้ที่จะถามคําถามที่เขาเก็บงําอยู่ในใจมานาน“เฮยอี้ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ผานเออร์เป็นเพียงสาวใช้ธรรมดาที่องค์หญิงหมิงเยว่ส่งมา แต่ทำไมเจ้าถึงปกป้องนางขนาดนี้? แม้จะเป็นคนขององค์หญิงหมิงเยว่ แต่เจ้าก็ไม่ควรทำลายผลประโยชน์ของท่านอ๋องเพื่อปกป้องนาง”เฮยอี้กำหมัดแน่น ก้มหน้าลงอย่างช้าๆ ความโศกเศร้าแวบผ่านในดวงตาเขาก่อนจะกล่าวด้วยเสียงที่ได้ยินเพียงสองคน
“เฮยอี้ สิ่งที่ท่านทำในตอนนี้กำลังกดดันท่านอ๋องอยู่ชัดๆ… ท่านอ๋องเพิ่งจะถอนพิษได้สำเร็จ ร่างกายยังอ่อนเพลียมาก เขาต้องใช้เวลาในการพักผ่อน ท่านอย่ากดดันเขาเช่นนี้อีกเลยให้เวลาเขาหน่อยเถอะ…”ดวงตาของเฮยอี้สาดแววสิ้นหวัง อวัยวะภายในของเขาราวกับถูกฝ่ามืออันมหึมาฉุดดึงเอาไว้ เขาเจ็บ เขาปวด…“ข้าไม่ได้คิดจะกดดันท่านอ๋อง ข้าเพียงแค่ไม่รู้จะไปที่ใดเท่านั้น หากไปจากท่านอ๋องแล้ว ข้าก็ไม่ใช่ข้าอีกต่อไป ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้ายอมคุกเข่าอยู่ตรงนี้จนตายเพื่อเป็นการล้างบาปให้กับท่านอ๋องดีกว่า…”เขานึกถึงความทรงจำที่ผ่านมานานแสนนานได้อย่างเลือนลาง ถึงแม้ตอนนั้นเขาเพิ่งอายุหกขวบ แต่ทว่าจนถึงบัดนี้ เขาก็ยังจำเรื่องราวตอนนั้นได้อย่างชัดเจนเขาจำได้ว่าหลังจากที่บิดาผู้ติดการพนันเป็นนิสัยเอาเงินที่ขายแม่และน้องสาวของเขาไปพนันจนหมดแล้ว ก็ขายเขาให้กับผู้ค้ามนุษย์คนหนึ่งเดิมผู้ค้ามนุษย์นั่นตั้งใจจะขายเขาให้ไปเป็นบุตรชายของตระกูลพ่อค้าตระกูลหนึ่ง แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่มาถึงเมืองหลวง เขาก็เป็นลมหวัดขึ้นมาทันใด และค่าใช้จ่ายที่จะรักษาโรคลมหวัดนั้นอย่างน้อยก็ต้องสิบตำลึง ตอนนั้นลมหนาวพัดเข้ามาอย่างรุนแรง เข
หยุนหลวนเองก็ไม่ได้เล่นตัวใดๆ เพียงแค่รับน้ำชาคารวะจากเซียวถิงเยี่ยนอย่างใจกว้าง แล้วดื่มหมดแก้วอย่างเป็นกันเองเป็นที่สุด“ได้รับคำพูดนี้ของท่านอ๋อง สิ่งที่ทำไปในวันนี้ก็คุ้มค่าแล้วเพคะ…”“หวังว่าต่อจากนี้ไปพวกเราจะคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน กำจัดศัตรูที่มุ่งทำร้ายเราออกไปให้สิ้นซาก”เซียวถิงเยี่ยนเม้าริมฝีปากพร้อมหัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างพบเจอได้ยากรอยยิ้มของเขาเจิดจ้าอย่างยิ่งราวกับทุกสรรพสิ่งบนโลกสูญเสียสีสันไปต่อหน้ารอยยิ้มของเขาปานนั้นหยุนหลวนจ้องมองใบหน้าอันงดงามของเขา อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ มาณพเป็นเหตุจริงๆ เซียวถิงเยี่ยนช่างงดงามที่สุดไม่มีใครเทียบเลยจริงๆหากมีสตรีอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเขาล่ะก็ เกรงว่าคงลุ่มหลงอยู่ในใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ตั้งนานแล้วยังดีที่นางใจแข็ง ไม่หลงเสน่ห์ความหล่อ มิเช่นนั้นนางคงได้กลายเป็นนารีบ้าผู้ชายแล้วจริงๆหยุนหลวนหรี่ตาลงละสายตาออกจากเซียวถิงเยี่ยนทันทีนางกวาดตามองไปที่ชายหนุ่มผู้เยือกเย็นที่คุกเข่าอยู่บนพื้นผ่านช่องหน้าต่างและสายพิรุณที่โหมกระหน่ำสีหน้าของเขาซีดขาวดุจกระดาษเปล่า แววตานอกจากเย็นชาก็คือเย็นชาราวก
จวบจนถึงบัดนี้ เขาต้องยอมรับความจริงเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือแต่ละคนที่ปรนนิบัติเขา คนหนึ่งไม่ได้เรื่องกว่าคนหนึ่งจริงๆไม่พูดถึงเฮยอี้ที่โง่เขลาถูกคนอื่นหลอกใช้ถึงได้กระทำความผิดอันใหญ่หลวงปานนั้นได้ ทว่าบัดนี้แม้แต่หวังคุนเองก็ไม่ได้เรื่อง มาเป็นก้างขวางคอระหว่างเขากับหยุนหลวนอยู่ได้เขาพูดชัดเจนแล้วว่าให้เขาออกไป แต่สุดท้ายบ่าวรับใช้นี่กลับใช้เหตุผลที่ว่าต้องปรนนิบัติพวกเขามาเป็นข้ออ้าง แล้วอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนสักทีในใจของเซียวถิงเยี่ยนเจ็บปวดมาก เขาเพิ่งสังเกตว่าคนรับใช้ใต้บังคับบัญชาของเขาล้วนไม่ได้เรื่องเลยสักคน… ดูท่าแล้วคราวหน้าคงต้องเลือกคนที่ไหวพริบดีสามารถอ่านใจเขาได้คนหนึ่งแล้วความรู้สึกหงุดหงิดผุดขึ้นในใจของเซียวถิงเยี่ยน สายตาที่มองไปที่หวังคุนยิ่งอยู่ยิ่งเย็นชา“ข้าบอกให้เจ้าออกไป เจ้าก็ออกไป เหตุใดถึงได้พูดมากเพียงนี้? ทำไม หรือว่าเจ้าอยากเป็นเหมือนเฮยอี้ อยากถูกข้าไล่ออกไปใช่หรือไม่?”หวังคุนตัวสั่น เขาเพิ่งจะรู้สึกถึงโทสะของท่านอ๋อง ดูเหมือนว่าเขาจะไปสะกิดเกล็ดใต้คอของท่านอ๋องเสียแล้วสีหน้าของเขาซีดเซียวในบัดดล จากนั้นรีบถือหีบยาวิ่งหนีออกไปในทันทีพูดเป็นเล่น เข
บัดนี้ ความรู้สึกที่เขามีต่อหยุนหลวนนั้นเป็นหัวใจที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง นี่คือผู้มีพระคุณอันใหญ่หลวงของเขา เป็นบรรพชนที่เขาต้องประคบประหงมตลอดชีวิตผ่านไปครึ่งชั่วโมง หวังคุนนำขนมเค้กและซุปเห็ดหูหนูขาวพร้อมอาหารขึ้นชื่ออีกสองสามอย่างของภัตตาคารเข้ามาวางบนโต๊ะในห้องบนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารอันโอชะหยุนหลวนมองดูพลันมีความรู้สึกหิวอยู่หลายส่วน แต่ทว่านางไม่ได้ลงมือทานอาหารในทันที แต่กลับไปสำรวจอาการของเซียวถิงเยี่ยนก่อนผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น อาการของเซียวถิงเยี่ยนก็ดูเหมือนจะหายเป็นปกติทั้งหมดแล้ว เว้นเสียแต่ยังดูอ่อนเพลียนบ้าง อย่างอื่นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแม้แต่หวัดลมหนาวก็หายไปอย่างสิ้นเชิงหวังคุนดีใจจนออกนอกหน้า มีความสุขเหลือเกินเขาเองก็เตรียมอาหารไว้ให้เซียวถิงเยี่ยนด้วยเช่นกัน ฝนที่ตกอยู่ข้างนอกยิ่งตกยิ่งหนัก แต่กลับไม่มีผลต่อต่อมรับรสของทั้งสองที่อยู่ในห้องเลยหยุนหลวนทานอาหารจนอิ่มอร่อย ส่วนเซียวถิงเยี่ยนอารมณ์ดีจนกินข้าวต้มบดไปสองถ้วย หวังคุนที่มองอยู่ข้างๆ ตื้นตันจนน้ำตาแทบเอ่อล้นออกมาหยุนหลวนเห็นท่าทางเล่นใหญ่อลังการของเขาแล้วพลันอดไม่ได้ที่จะเบะปาก“หมอห
“คุณหนูสี่หยุนท่านอ๋องดื่มลงไปคือยาถอนพิษจริงๆ ด้วย อุณหภูมิในร่างกายของท่านอ๋องก็ค่อยๆ ลดลงด้วย… ชีพจรของเขาในตอนนี้แทบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว”“คุณหนูสี่ ท่านเก่งกาจมากจริงๆ ต่อจากนี้ไป ท่านคือบุคคลที่สองที่ข้านับถือมากที่สุดรองจากท่านอ๋อง”ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ หากไม่มีคุณหนูสี่หยุนล่ะก็ ท่านอ๋องคงได้ตายแหงแก๋แน่หากท่านอ๋องตาย เช่นนั้นชีวิตน้อยๆ ของเขาก็จะสูญหายไปด้วย ดังนั้นคุณหนูสี่หยุนช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ความซาบซึ้งใจที่เขามีต่อนางประดุจแม่น้ำสายยาวนั่น ไร้ที่สิ้นสุดเซียวถิงเยี่ยนเห็นหวังคุนจับมือของหยุนหลวน เขาจึงกระแอมเบาๆ ทว่าในตากลับแฝงด้วยรังสีตักเตือน หวังคุนสัมผัสได้ถึงสายตาไม่พอใจของท่านอ๋องพลันปล่อยมือออกจากมือของหยุนหลวนด้วยความตกใจ แล้ววิ่งไปด้านข้างไม่กล้าเรียกร้องความสนใจอีกต่อไปหยุนหลวนไม่ทันสังเกตถึงจุดนี้ นางเข้าใกล้เซียวถิงเยี่ยนแล้วตรวจอาการของเขาครู่หนึ่ง หัวใจที่เดิมเกร็งแน่นไปหมดค่อยๆ ผ่อนคลายลงช้าๆเรื่องในวันนี้หวาดเสียวมากจริงๆ หากนางเลือกทางเดินผิดเพียงก้าวเดียว เซียวถิงเยี่ยนอาจถึงตายได้โชคดีที่ทุกย่างก้าวที่นางเลือกเดินนั้นมั่นคงแน่วแน่ตลอด