LOGINหลังจากฟังเรื่องราวของเจ้าของร่างนี้ผ่านสาวใช้ของนางแล้ว หลิวหรงผิงก็เอาแต่นั่งพิงหัวเตียงอยู่อย่างนั้นเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยาม[1] แล้ว
สาวใช้คนสนิททั้งสองที่เห็นว่านางหายจากสติฟั่นเฟือนแล้วจริงๆ นั้นต่างก็ดีใจกระโดดโลดเต้นกันยกใหญ่ เพราะนอกจากว่าพวกนางจะได้ชีวิตของผู้เป็นนายกลับมาดังเดิมแล้วก็ดูเหมือนว่าหลิวหรงผิงพระชายาของพวกนางผู้นี้จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
จากสตรีร้ายกาจเอาแต่ด่าทอทุบตีพวกนางก็เปลี่ยนเป็นใจเย็นขึ้นและไม่มีทีท่าจะสนใจจวิ้นอ๋องอีกเลย
ทั้งคู่บอกว่าจะไปเก็บผลไม้ที่ครั้งหนึ่งเจ้าของร่างนี้ชอบกินเป็นอย่างมากมาต้อนรับการกลับมาของนาง
แม้หลิวหรงผิงจะคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระแต่พอคิดๆ ไปแล้วที่นางมาอาศัยร่างนี้ได้เพราะนายสาวของพวกนางได้ตายจากไปแล้วจึงอดสงสารสตรีทั้งสองไม่ได้นั่นเอง
“เฮ้ออ...”
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวไม่รู้เลยว่าตนเองนั้นทะลุมิติมาที่แห่งนี้ได้อย่างไรแล้วควรทำอย่างไรต่อไป นางยกแขนขึ้นก่ายหน้าผากแล้วถลาตัวลงนอนราบกับเตียงนอนนั้นไปอีกครั้ง
[ระบบกำลังแสกนยืนยันตัวตน กรุณาอยู่กับที่งดการขยับกาย]
“หืม นั่นเสียงอะไร”
หลิวหรงผิงคิดว่าตนนั้นน่าจะหูฟาดนางลืมตาตื่นขึ้นก่อนทำท่าลุกขึ้นเพื่อมองหาต้นตอของเสียง
[ขอย้ำอีกครั้ง! ระบบกำลังสแกนร่างกายเพื่อยืนยันตัวตน งดทำกิจกรรมใดๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อระบบ]
ทันใดนั้นก็มีเสียงติ้ดๆ และลำแสงสีขาวผ่านร่างของนางไปอย่างรวดเร็ว หลิวหรงผิงเบิกตากว้างตื่นตกใจกับภาพตรงหน้าที่เห็น
หน้าจอที่เหมือนระบบคอมพิวเตอร์ในยุคที่นางจากมา แม้จะมีเพียงจอสี่เหลี่ยมแต่นางดูออกว่ามันไม่ปกติ!
“อะ อะไรกันเนี่ย!”
[ระบบยืนยันตัวตนเรียบร้อยพร้อมต่อการใช้งานแล้ว]
[ขอแจ้งให้ทราบว่าระบบมีของวิเศษจากโลกอนาคตที่ไม่ว่าเจ้าของระบบต้องการสิ่งใดล้วนจัดหาให้ได้ทุกสิ่ง]
“จริงหรือ”
[หากข้องใจสิ่งใดเจ้าของระบบสามารถอ่านในใบชี้แจงที่ขึ้นในหน้าจอตรงหน้านี้ได้]
ชี้แจงจบก็แสดงข้อมูลขึ้นปรากฎสู่สายตาของนาง
“วิเศษอะไรเช่นนี้ข้ามมิติมาอย่างน้อยก็มีตัวช่วย ไม่อดตายแล้วเรา”
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป[2] หลิวหรงผิงนั่งสำรวจระบบวิเศษที่มีทั้งคลังอาหารและคลังยาเวชภัณฑ์ต่างๆ มากมายแต่ระบบนั้นกลับไม่ได้ไร้ขีดจำกัดดังที่นางคิด
นางต้องปฎิบัติภารกิจเพื่อเปิดคลังอาหารและยานี้ให้ได้มิเช่นนั้นก็เท่ากับว่าเป็นเพียงอากาศไม่สามารถคว้ามาใช้งานได้นั่นเอง
‘ใช้งานยากเย็นเพียงนี้ข้าไม่เอาด้วยแล้ว’
[ระบบตรวจพบความขี้เกียจของเจ้าของระบบ ขอเพิ่มกุญแจเปิดคลังยาอีกจำนวนหนึ่งดอก]
“เฮ้ย! ไม่ได้สิข้าแค่คิดไม่ได้จะทำจริงเสียหน่อย”
[คิดก็ไม่ได้เจ้าค่ะ]
“อะไรกันเนี่ยข้าอยากจะบ้าตาย”
[ภายในเวลาสิบสองชั่วยาม[3] โฮสต์ต้องทำการรักษาคนหรือสัตว์ต่างๆ ด้วยเครื่องมือที่ระบบจัดหาให้]
หน้าจอแสดงผ้าพันแผลและแอลกอฮอล์หนึ่งขวดใหญ่ออกมา พร้อมทั้งเบตาดีนสำหรับใส่แผลอีกสองขวด
“จะมีใครตายงั้นหรือให้มาเสียเยอะเชียว”
[ระบบตรวจพบ…]
“พอ! ข้าแค่คิดหากว่าเจ้ายังกล้าเพิ่มกุญแจให้ข้าอีกข้าได้ทุบระบบของเจ้าทิ้งแน่”
[ขออภัยเวลานี้ระบบขัดข้องต้องทำการซ่อมบำรุงด่วน ขอให้เจ้าของระบบโชคดีไว้พบกันใหม่หลังภารกิจเสร็จสิ้น]
ระบบวิเศษพูดเองเออเองพร้อมทั้งโยนอุปกรณ์ทำแผลให้นางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะปิดหน้าจอหายไปดื้อๆ เหมือนกลัวว่านางจะทุบทำลายระบบของมันไปจริงๆ อย่างไรอย่างนั้น
“เจ้าระบบบ้า”
นางถอนหายใจพลางเบ้ปากออกมาเล็กน้อยคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เพราะเรื่องราวของเจ้าของร่างนี้ไม่น่าใช่แค่เรื่องเล็กๆ ในครอบครัวเท่านั้นแต่น่าจะเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ที่มีส่วนทำให้ชีวิตของนางจบสิ้นลงได้ทุกเวลา
'อยากให้เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝันเสียจริง เฮ้อ...'
“พระชายาบ่าวเข้าไปนะเพคะ”
“อืม”
สิ้นคำของนาง เสี่ยวเถาก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับตะกร้าผลไม้ที่มีผลสีแดงอยู่เต็มตะกร้า
“นั่นอะไร”
“ผลอิงเถาเพคะ ที่ท้ายเรือนของเราขึ้นเต็มเลย”
“ผลอิงเถางั้นหรือ”
“ใช่แล้วเพคะ”
'ชื่อผลไม้พานให้คิดถึงสหายในยุคที่จากมาเสียจริง ผลของมันก็สีแดงฉ่ำน่ากินเหลือเกินแต่รสชาตินั้น...'
“อ่ะ เดี๋ยวสิเพคะให้บ่าวล้างก่อนอาจมีดินหรือแมลงเกาะอยู่ก็เป็นได้"
นางพูดจบก็ฉวยเอาผลไม้ในมือของหลิวหรงผิงไปล้างในถังน้ำที่ซิ่วอิงแบกตามเข้ามาทีหลัง
"ข้าแค่จะหยิบมาดูก็เท่านั้น ...ทำอย่างกับฉีดยาฆ่าแมลงด้วยอย่างนั้นล่ะ"
ท้ายประโยคนางพึมพำกับตนเองเบาๆ แต่เสี่ยวเถานั้นกลับหูดีเกินคาด
"พระชายาพูดว่าอะไรนะเพคะ"
"ไม่มีอะไรหรอกน่าอย่าสนใจเลย"
"เสร็จแล้วกินได้แล้วเพคะ" เสี่ยวเถายื่นผลไม้นั้นมาตรงหน้านาง หลิวหรงผิงเอาแต่ขมวดคิ้วไม่ยอมหยิบไปเสียที
“มันเปรี้ยวข้าไม่ชอบ”
แม้ปากบอกไม่ชอบแต่สายตากลับเอาแต่จ้องมองไม่วางตาเสียอย่างนั้น
“เปรี้ยวที่ไหนกันเพคะ หวานกรอบอร่อยจะตายไป”
“หวานอย่างไรกันที่ข้าเคยกินมัน..”
“ก็เมื่อก่อนท่านยังชมอยู่เลยนี่เพคะว่าที่จวนแห่งนี้ปลูกผลอิงเถาได้อร่อยยิ่งนัก ไม่เหมือนที่จวนใต้เท้าหลิวเลยเปรี้ยวมากกว่าหวานเสียอีก”
เสี่ยวเถาที่เอาแต่กัดกินผลไม้ไม่ได้สนใจสีหน้าของหลิวหรงผิงที่แอบกลืนน้ำลายไปหลายอึก
“ไม่เปรี้ยวแน่นะ”
นางหยิบมันขึ้นมาหนึ่งลูกก่อนจะตัดสินใจกัดกินไปหนึ่งคำ ความหวานแทรกซึมละลายไปทีละนิด
“อร่อย”
“ใช่หรือไม่เล่าเพคะ ยังมีอีกเยอะเลยหากท่านต้องการอีกบ่าวจะไปเก็บมาให้”
“เมล็ดของมันน่ะ”
“ทำไมหรือเพคะ”
“เก็บเอาไว้ให้ข้าด้วย”
“จะเก็บไปทำไมกันเพคะ”
“เก็บไว้ปลูกอย่างไรเล่า”
“แต่ว่าที่ท้ายจวน”
“เจ้าคิดว่าข้าจะอยู่ที่จวนอ๋องไปจนตายงั้นหรือ”
“เอ๋ เหตุใดพระชายาถึงได้”
“จวิ้นอ๋องไม่มีทางอยู่กินกับข้านานถึงเพียงนั้น สักวันเขาต้องหาทางเขี่ยข้าออกจากตำแหน่งชายาอย่างแน่นอน ตอนนี้ข้ากำลังแอบเก็บเงินเอาไว้เพื่อพวกเราสามคนจะได้ไม่ลำบาก”
“อะไรนะเพคะ!”
ท่ามกลางความงุนงงของสาวใช้คนสนิทที่เอาแต่อ้าปากค้างนั่งฟังนางพูดไม่ทันมีจังหวะได้ถามนางต่อแต่อย่างใด
“อย่าถามมากน่าทำตามที่ข้าบอกก็พอแล้ว”
“เพคะ/เพคะ”
- - - - - - - - - -
[1] หนึ่งชั่วยาม = 2 ชั่วโมง
[2] หนึ่งก้านธูป = ครึ่งชั่วโมง - 1 ชั่วโมง
[3] สิบสองชั่วยาม = 24 ชั่วโมง
ท่าทีที่เหินห่างของนางก็ยิ่งทำให้เขาปวดใจไม่น้อยอยากที่จะเข้าไปสวมกอดคนตรงหน้าแต่ก็ทำได้เพียงแคยับยั้งใจเอาไว้เท่านั้น“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”“ข้าสบายดี”“ผิงเอ๋ออย่าทำห่างเหินกับข้าเช่นนี้สิ”“ข้ากับท่านในเวลานี้เกี่ยวข้องอันใดกันอย่างนั้นหรือถึงได้ใช้คำว่าห่างเหิน”“เจ้าตั้งครรภ์เหตุใดถึงไม่บอกข้า”“ไม่ใช่ว่าท่านเป็นคนพูดเองหรอกหรือว่าไม่ว่าอย่างไรจะให้สายเลือดของท่านปะปนกับคนสกุลหลิวไม่ได้”“คือว่าข้าไม่ได้….”“จะบอกว่าไม่ได้เป็นคนพูดกระนั้นหรือ ครั้งแรกตอนเข้าหอกับข้าครั้งที่สองตอนอยู่ที่เมืองลี่หนานคิดว่าข้าโง่เขลาถึงกลับจดจำไม่ได้อย่างนั้นหรือ”“อันที่จริงนี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วท่านกับข้าก็ห่างเหินกับคำว่าสามีภรรยาไปแล้ว และท่านเองก็มาอยู่ที่นี่แล้วดังนั้นหนังสือหย่าของข้าได้แล้วหรือยัง”“เจ้าอยากหย่ากับข้ามากกระนั้นหรือ”“ใช่”หลิวหรงผิงตอบเขาไปโดยไม่คิดจะหันหลังกลับไปมองเขาเลยสักเพียงนิด จวิ้นอ๋องกำมือของตนเอาไว้แน่นก่อนจะชายตามองไปยังสองคนที่เหลือในห้องเย่หยุนฟางที่เห็นแววตาเย็นเยือกของเขาจ้องมองมาก็เข้าไปสะกิดเซี่ยเว่ยหมิงในทันที ก่อนที่ชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งฟังบทสนทนาของคนทั้งค
เสียงลากกระบี่ดังขึ้นไปตามทางเดินของจวนนำพาความรู้สึกเย็นยะเยือกรายล้อมไปทั่วทั้งบริเวณนั้น จนบ่าวรับใช้ในจวนไม่มีผู้ใดกล้าโผล่หน้าออกมาดูเลยสักคน ร่างสูงยืนจังก้าจ้องมองเจ้าเมืองฉางอันที่กำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นหน้าเรือนใหญ่“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งบอกมาว่านางอยู่ไหน”“ขะ ข้าไม่รู้เรื่อง”“เจ้าเมืองฉางอัน ท่านคงใช้ชีวิตอยู่มานานมากจนไม่เสียดายชีวิตนี้ของท่านแล้วสินะ”เป็นเยี่ยอ๋องที่พูดขึ้นก่อนจะเข้าไปนั่งยองๆ ใกล้เขา เจ้าเมืองฉางอันที่ถูกซ้อมปางตายในเวลานี้แทบจะพูดอะไรออกมาไม่ได้อยู่แล้วเพราะความละโมบของเขานำพามาซึ่งเหตุการณ์เลวร้ายในครั้งนี้ ก่อนหน้านี้เพราะมีสตรีนางหนึ่งมาขอให้เขากระทำการบางอย่างบอกว่าเป็นพระประสงค์ของพระสนมเสียนเฟยหากว่าเขาทำสำเร็จจะได้รางวัลเป็นทองคำหนึ่งล้านตำลึงและได้แต่งงานกับองค์หญิงห้าหรือก็คือองค์หญิงเพ่ยเพ่ยที่ถึงวัยออกเรือนแล้วนั่นเองแม้จะอายุห่างกับเขาราวพ่อลูกแต่เพราะความหลงใหลในรูปโฉมและเงินทองทำให้เขาไม่สนใจถูกผิด ช่วยเหลือนางโดยการลักพาตัวสตรีนางหนึ่งและเด็กชายอีกคนที่เขาไม่คิดจะสืบที่มาที่ไปของคนทั้งคู่ก่อนเลยสักเพียงนิดมาไว้ที่จวนแห่งนี้
ภายในห้องรับรองนั้นเยี่ยอ๋องที่ยืนกอดอกอยู่ข้างหน้าต่างโดยไม่ยอมขยับกายไปไหนอยู่นั้นก็ได้พูดขึ้นมาว่า“นางดูแปลกๆ ท่านแน่ใจนะว่านางจะช่วยพวกเราได้จริงๆ พี่สี่นี่ได้ยินหรือไม่”เยี่ยอ๋องจ้องมองใบหน้าคมคายของผู้เป็นพี่ชายที่เวลานี้ดูเหมือนว่าเขาจะเอาแต่นั่งเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่และดูท่าว่าจะไม่ได้ฟังที่เขาพูดเมื่อครู่นี้“พี่สี่….องค์รัชทายาท!”“เบาๆ สิเจ้าอยากคนให้แตกตื่นมากนักหรืออย่างไรกัน”“ข้าเรียกท่านนานแล้วแต่ท่านก็เอาแต่เหม่อลอยเป็นอะไรไปอย่าบอกนะว่าสนใจสตรีผู้นั้นขึ้นมาแล้ว” จวิ้นอ๋องหันไปจ้องมองน้องชายของเขาก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก“ข้าว่านะเยี่ยอ๋องพวกเราไม่ต้องส่งคนออกไปตามหาพวกนางหรอก”“ท่านจ้างวานนางไปแล้วมันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วหรือไม่เล่า”“ไม่ใช่เช่นนั้น ตงหยางเจ้าเข้ามาในนี้ที”“ขอรับใต้เท้า” เสียงของตงหยางดังขึ้นหน้าประตูห้องก่อนที่ร่างสูงจะเดินเข้ามาด้านใน“ส่งคนไปสะกดรอยตามเย่หยุนฟางเอาไว้หากมีความคืบหน้าอะไรให้รีบมารายงานข้า”“ขอรับ” เขารับคำสั่งก่อนจะเร่งฝีเท้าออกไปจากห้องรับรองตามมาด้วยเหวินหงที่ถูกเยี่ยอ๋องสั่งการให้ตามเขาไป
-โรงเตี๊ยมเหมยหลัน เมืองฉางอัน-“ข้าก็บอกไปแล้วว่าให้พวกเจ้าพักผ่อนก่อนไม่ต้องรีบมาอย่างไรเล่า”“ข้าไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ข้าทำได้”เมื่อมู่อิงเถายังคงยืนยันหนักแน่นหลิวหรงผิงก็หันไปมองเย่หยุนฟางด้วยความจนใจ“เจ้าบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับพวกข้าเรื่องอะไรงั้นหรือ”“พักนี้มีคนแปลกหน้าเข้ามาในเมืองมากมายนัก”“ไหนเจ้าบอกว่าตรวจสอบดีแล้วอย่างไรเล่า”“ก็ตรวจสอบไปแล้วไม่พบพิรุธอันใดถึงได้มายืนสนทนากับพวกเจ้าได้อย่างไรเล่า”เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ทั้งหมดจะหันไปมองตามมาด้วยร่างอ้วนท้วนของฉางไห่ผู้ดูแลโรงเตี๊ยมโผล่หน้าเข้ามาในห้องรับรองก่อนจะสังเกตเห็นว่าเย่หยุนฟางก็อยู่ในห้องนี้เช่นกัน“นายหญิงท่านก็อยู่ด้วยหรือขอรับ”“วิ่งหน้าตาตื่นมาเช่นนี้มีเรื่องสำคัญอะไร”เย่หยุนฟางหันไปถามคนของตัวเองก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย“มีคนมาขอพบแม่นางหลิวขอรับ”“ใคร/ใคร”ทั้งหลิวหรงผิงและเย่หยุนฟางต่างก็พูดขึ้นพร้อมกัน ฉางไห่ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้นางก่อนจะบอกว่าคนผู้นั้นรอนางอยู่ด้านล่างแล้วเย่หยุนฟางหันไปมองหลิวหรงผิงแววตามีความกังวลอยู่ไม่น้อย หลิวหรงผิงคลี่กระดาษแผ่นนั้นออกอ่านสีหน้าที่วิตกกังวลก่อนหน้
เมืองหลวงแคว้นต้าหยวน-กรมการพระนคร-จวิ้นอ๋องเดินออกมาจากกรมการพระนครด้วยสีหน้าที่ดูเบื่อหน่ายยิ่งนัก หลายปีมานี้เขาต้องเรียนรู้งานในฐานะองค์รัชทายาทที่ถูกฮ่องเต้ยัดเยียดตำแหน่งนี้ให้โดยที่เขาไม่เต็มใจรับเลยสักเพียงนิดชายหนุ่มหมายมั่นจะออกท่องยุทธภพเพื่อตามหาชายาเพียงคนเดียวของเขาที่หายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน แต่เพราะหน้าที่ในตอนนี้จึงทำได้เพียงแค่ส่งองค์รักษ์และเหล่าทหารออกติดตามหานางแทนเขาเท่านั้นน้องชายร่วมสายเลือดที่หายตัวไปตั้งแต่เล็กๆ แม้จะตามหาพบแล้วแต่กลับมีชะตากรรมเดียวกันกับเขาเสียอย่างนั้น“นั่นเจ้าจะไปไหน ต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่ออีกนะ”“ใยข้าต้องไปด้วย”“เจ้าเป็นเจ้ากรมไหนเลยจะละทิ้งหน้าที่กลับไปรายงานผลงานกับพระองค์เดี๋ยวนี้เลยจะมาทิ้งให้ข้ารับผิดชอบแทนเจ้าไม่ได้”“เฮ้อ…ไว้ค่อยรายงานก็ยังได้ นี่พี่สี่พวกเราทำอะไรกันอยู่อย่างนั้นหรือ”“ถามมาได้ว่าทำอะไรไหนเจ้าบอกว่าใกล้ได้ตัวคนร้ายที่เป็นคนลอบทำร้ายเสด็จแม่แล้วอย่างไรเล่า”“ก็ยังไม่รู้ว่านางอยู่ไหน” เยี่ยอ๋องพูดขึ้นพลางเสยผมของเขาด้วยท่วงท่าที่ดูเหนื่อยหน่ายยิ่งนัก จวิ้นอ๋องรู้ดีว่าเวลานี้เขาไม่น่าจะมีกระจิตกระใจในการทำงานอย
“อาเฟยอยู่หรือไม่”เสียงเรียกของหลิวหรงผิงดังแว่วออกมาจากด้านในบ้าน อาเฟยที่กำลังกระโดดโลดเต้นเล่นอยู่หน้าบ้านกับเพื่อนๆ อยู่นั้นก็รีบวิ่งเข้ามาด้านในด้วยความรวดเร็ว“มีอะไรหรือขอรับท่านแม่”“เห็นท่านป้าของเจ้าหรือไม่”“เมื่อครู่ข้าเห็นท่านป้าเดินไปที่สวนไผ่หลังบ้านคงจะไปเดินเล่นกระมังขอรับ”“อย่างนั้นหรือ อาหารเย็นใกล้เสร็จแล้วเจ้ามาช่วยเสี่ยวเถายกไปวางที่โต๊ะอาหารทีแม่จะไปเก็บผักที่แปลงข้างบ้านเสียหน่อย”“ได้ขอรับ”“ล้างมือด้วยเล่า”“ขอรับท่านแม่”เด็กชายรีบวิ่งไปที่ถังใส่น้ำที่ถูกวางเอาไว้บนโต๊ะทำอาหาร เขาปีนเก้าอี้เล็กแล้วยื่นมือน้อยๆ นั้นลงไปล้างในอ่างน้ำทีละส่วนตามที่ผู้เป็นมารดาเคยสอนเอาไว้ หลิวหรงผิงจ้องมองการกระทำนั้นอย่างนึกเอ็นดูก่อนจะหันหลังเดินไปที่สวนผักข้างบ้านในเวลาต่อมา“พี่เสี่ยวเถา”อาเฟยกระโดดลงจากเก้าอี้เล็กนั้นก่อนจะวิ่งเข้าไปหาเสี่ยวเถาที่กำลังจัดเตรียมอาหารสำหรับอาหารมื้อค่ำนี้ นางหันมามองเด็กชายเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า“มีอะไรหรือเจ้าคะคุณชาย”“พี่เสี่ยวเถาอยู่ตรงนี้ไปก่อนนะข้าจะไปดูท่านป้ามู่เสียหน่อย”“แต่ว่าคุณหนูบอกให้คุณชายอยู่ที่นี่เตรียมอาหารสำหรับตั้งโ






![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
