Masukเมื่อหลายวันก่อน...
มือบางชื้นเหงื่อกำแล้วคลายบ่อยครั้ง ดวงหน้าภายใต้ฮูดก้มต่ำและเหลือบขึ้นมองเป็นระยะขณะยืนรอคนที่นัดเอาไว้อยู่ตรงมุมข้างตึกห่างจากโรงแรมขนาดเล็กไปสองล็อก เลยเวลานัดไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ขณะที่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรระหว่างกลับหรือรอต่ออีกสักหน่อย ร่างเล็กกะทัดรัดไล่เลี่ยกันก็ปรากฏตัวขึ้น อีกฝ่ายกำลังตรงมาทางเธอ ด้วยความรู้จักคุ้นเคยกันมามากกว่าสิบปี หญิงสาวจึงรู้ว่าผู้ที่เดินมาเป็นคนที่ตนนัด
“ซูจิน”
เธอเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา ทำให้ร่างบางรีบเร่งมากขึ้น
“นาเดีย”
ฝ่ายตรงข้ามเอ่ยเสียงเครียดเมื่อมาถึง
“ไปคุยกันทางโน้นดีกว่า”
มือเย็นเฉียบจับมือเธอดึงเบาๆ
“ไปไหน”
“ตรงโน้น อยู่ตรงนี้ไม่ปลอดภัย เผื่อมีคนออกมาข้างนอก”
ซูจินหันหน้าไปทางฝั่งตรงข้ามที่เป็นสวนสาธารณะเล็กๆ
“เธอแค่เอาพาสปอร์ตมาเราก็ไปกันได้เลยนี่”
นาเดียกระซิบ มองซ้ายมองขวาอย่างไม่สบายใจ คิดว่าไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปคุยที่อื่นเพราะเธออยากรีบไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
ใบหน้าขาวของอีกฝ่ายที่เห็นจากแสงไฟสาดส่องทำให้คนมองเริ่มขมวดคิ้ว ซูจินดูอึกอัก คิ้วขมวดมุ่น ปากเม้มเข้าหากัน
“ทำไม เธอไม่ได้เอามาเหรอ”
ความรู้สึกของเธอบอกอย่างนั้น และเมื่อซูจินพยักหน้าเบาๆ หน้านาเดียก็หน้าเสีย
“ฉันถึงบอกว่าเราต้องคุยกันไง”
เมื่อเพื่อนบอกมาอย่างนั้นนาเดียก็เริ่มวิตก เธอไม่อยากอยู่ใกล้ๆ แถวนี้นานนัก
“มาทางนี้เถอะ”
“หมายความว่ายังไง เธอจะไม่ไปกับฉันใช่ไหมซูจิน”
ขณะที่กำลังจะซักไซ้ซูจินกลับดึงมือเธอให้วิ่งข้ามฝั่งไปยังสวนสาธารณะ นาเดียพยายามก้มหน้าดึงฮูดให้ต่ำลงไปอีก
เพื่อนสาวพาเธอมานั่งที่ก้าวอี้ยาวภายในสวน ขณะที่นาเดียทั้งตระหนกและกระวนกระวายแทบไม่อยากนั่งแม้แต่น้อย
“ถ้าเธอไม่ได้เอามา ฉันก็จะไปแล้ว เอาไว้ค่อยนัดกันใหม่อีกที เราควรจะหนีจากวงจรอุบาทนั่นให้เร็วที่สุด”
“มันเป็นไปไม่ได้หรอกนาเดีย เราเซ็นสัญญากับเขาไปแล้วนะ ถ้าเราไม่ทำต้องโดนฟ้อง”
“ฉันจะพูดทุกอย่างกับสื่อ”
“แล้วอนาคตของเราล่ะ ถึงสื่อรู้คนทั้งประเทศรู้ พวกเขาถูกแฉ แต่เราล่ะ เราก็จะไม่เงินไม่มีกิน ดีไม่ดีอาจไม่มีงานทำ ถ้าหาค่ายใหม่ไม่ได้ ทุกวันนี้เรายังไม่ได้เงินเลยด้วยซ้ำ”
นาเดียเงียบไป แย้งไม่ออก แน่นอนว่าวงที่เพิ่งเดบิวต์ได้ไม่ถึงปีย่อมยังหารายได้ชดเชยค่ากินค่าฝึกคืนบริษัทไม่ครบ สื่อจึงเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากสัญญาทาสของบริษัท เพราะจะให้เธอทนอยู่ต่อ แล้วถูกพามาขายเป็นเพื่อนเที่ยวเพื่อนกิน หรือกระทั่งเพื่อนนอนของพวกเศรษฐีเธอไม่อาจทำได้
“แต่ยังไงฉันก็จะไม่อยู่ต่อแน่นอน”
นาเดียพูดอย่างมาดมั่น
ทว่ายังไม่ทันที่จะคุยอะไรกันต่อเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นพร้อมเสียงเดินตรงมาใกล้
“ฉันคิดอยู่แล้วว่าถ้าซูจินออกมาข้างนอกค่ำๆ ผิดเวลาแบบนี้ ต้องมาเจอเธอ”
ร่างล่ำสันก้าวมายืนใต้แสงไฟจากเสาไฟ ทำให้เห็นว่าเขาเป็นใคร นาเดียลุกพรวดรีบถอยจากเก้าอี้ในทันที
“เธอหนีไม่พ้นหรอกนาเดีย อย่าพยายามเลย”
อีกฝ่ายเสียงเข้มขึ้น เมื่อร่างบางหันหลังก้าวพรวดหนีไป ขณะที่เขารีบวิ่งตาม
“ผู้จัดการ”
ซูจินพยายามจะคว้าแขนรั้งชายหนุ่มเอาไว้ ทว่าเขาสะบัดเธอออก แล้วรีบตามเพื่อนของเธอไป
ร่างเล็กวิ่งไปในความมืดสลับสว่างจากเสาไฟที่ตั้งอยู่เป็นระยะภายในสวนสาธารณะชนิดที่ไม่หันหลังกลับไปมองซ้ำ หากก็รู้ว่ามีคนวิ่งตามเธอมา กระทั่งมาถึงมุมมืดระหว่างต้นไม้ใหญ่ที่มีทางแยก เธอต้องการออกไปยังถนนเพื่อหารถแท็กซี่ แต่ไม่แน่ใจว่าต้องวิ่งไปทางไหน ขณะที่กำลังลังเลอยู่ก็มีใครคนหนึ่งคว้าหมับที่มือเธอแล้วกระชากอย่างรวดเร็วดึงไปหลังต้นไม้ใหญ่
นาเดียยังไม่ทันกรีดร้องก็ถูกตะปบปิดปากเอาไว้ ที่สำคัญอีกฝ่ายพาเธอล้มลงไปบนพื้นหญ้าแล้วกลิ้งหลบไปใต้พุ่มไม้หนา
“อื้อ”
“เงียบแล้วอยู่นิ่งๆ ถ้าเธอไม่อยากถูกจับได้”
เสียงกระซิบทุ้มเป็นภาษาอังกฤษดังอยู่เหนือหัว ร่างหนาใหญ่แข็งแกร่งคร่อมกักขังเธอเอาไว้ทั้งตัว นาเดียรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายตัวโตกว่าเธอมากแม้แทบมองไม่เห็นเขาก็ตาม
ความตระหนกแล่นจับขั้วหัวใจดวงน้อย คิดว่าตนเองช่างดวงซวยเหลือเกินที่หนีมาเจอเข้ากับใครก็ไม่รู้ อาจเป็นคนพเนจร หรืออาจเป็นคนที่ดักรอปล้นคนเดินผ่านไปมา จะอย่างไรเธอก็ยากที่จะหนีหลุดรอดจากเงื้อมมืออีกฝ่ายไปได้ เขาล็อกตัวเธอแน่นไว้ใต้ร่าง แม้แต่ขาก็ถูกเข่าแข็งแรงกดเอาไว้ เวลานี้นาเดียรู้สึกอยากให้ผู้จัดการวิ่งตามมาทางด้านนี้และหาเธอเจอด้วยซ้ำ เพราะอาจมีทางรอดอยู่บ้าง
หญิงสาวพยายามตั้งสติเงี่ยหูรอเสียงฝีเท้า หากมีคนเข้ามาใกล้เธอจะดิ้นรนและส่งเสียงเท่าที่จะสามารถทำได้ แต่ตอนนี้ที่ยังยอมนิ่งอยู่เพราะเกรงว่าหากอีกฝ่ายมีอาวุธเขาอาจฆ่าเธอในทันทีที่เธอพยายามขัดขืนก่อนที่จะมีโอกาสขอความช่วยเหลือ
ไอร้อนจากลมหายใจอีกฝ่ายเป่ารดหน้าผากหมายความว่าหน้าเขาอยู่ใกล้เธอมาก ร่างกายแกร่งหนาหนักให้ความรู้สึกคุกคามอันตราย นาเดียหวาดหวั่นที่สุดในชีวิต ตัวสั่นใจสั่น เหงื่อผุดพรายทั้งที่อากาศเย็น ถ้าเขาหวังมากกว่าเงินทองเธออาจสูญเสียทั้งตัวและไม่เหลือแม้แต่ชีวิต
“ทำไมคุณต้องหนีผู้ชายคนนั้น”
เสียงเข้มกระซิบแผ่วเบาราวลมพัดและเพราะอยู่ใกล้กันมากนาเดียจึงได้ยิน
“คุณทำงานกับเขาใช่ไหม”
เขาถามมาอีก และก็ยังปิดปากเธอไว้แน่นสนิทแทบไม่ปล่อยโอกาสให้เธอได้ส่งเสียง
“ที่หนีเพราะไม่อยากทำงานกับเขาแล้ว?”
อีกฝ่ายคาดการณ์ได้เป็นฉากๆ ทำเอานาเดียตาโตขึ้นอย่างคาดไม่ถึงแต่ก็รู้ว่าเขามองไม่เห็นและเธอก็โต้ตอบไม่ได้
“ถ้าใช่ พยักหน้า”
นาเดียนิ่งงันไป ตกใจที่คนในความมืดคนนี้รู้ทันความคิดเธอ หากหญิงสาวก็กลัวและสับสนเกินกว่าจะตัดสินใจได้ว่าควรตอบอีกฝ่ายหรือไม่
ระหว่างนาเดียไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรนั้น เสียงฝีเท้าก็ดังใกล้เข้ามา สัญชาตญาณเอาตัวรอดสั่งให้พยายามส่งเสียงและดิ้นอย่างเต็มที่
“อื้อ อื้อ”
มือบางที่ถูกกดไว้พยายามฝืนทุบร่างใหญ่หนักๆ ให้มีเสียงดังเท่าที่จะทำได้
อีกฝ่ายสบถเบาๆ ราวรำคาญแล้วอยู่ๆ เขาก็ปล่อยมือจากปากเธอ ขยับตัวออกจากร่างเธอทั้งยังพลิกตัวหายไปในความมืดอย่างรวดเร็ว ทว่าเวลานั้นนาเดียไม่ได้สนใจ เมื่อเขายอมปล่อยแล้วถอยห่างไป เธอก็ตะเกียกตะกายคลานออกจากพุ่มไม้ในทันที ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าจะโดนกิ่งไม้เล็กๆ เกี่ยวตามเนื้อตัว
ร่างบางพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล พอพุ่งออกไปก็ชนเข้ากับคนที่กำลังเดินมาทางนี้พอดี
“โอ๊ย!”
นาเดียล้มก้นกระแทกพื้นขณะเงยหน้ามองคนที่ชนแล้วก็เห็นว่าเป็นผู้จัดการที่ตนหนีมา อีกฝ่ายมองเธอแล้วรีบจับแขนเอาไว้ก่อนเธอจะทันถอยหนี
“ไม่มีประโยชน์หรอกนาเดีย ยิ่งหนีเธอก็จะยิ่งลำบาก กลับไปกับฉันเถอะ ที่นี่ไม่ใช่เกาหลี ไม่มีที่ให้เธอไป”
นาเดียกัดริมฝีปากตัวเอง มองคนที่จับแขนเธอบีบแน่นจนเจ็บด้วยสายตาไม่ยอมแพ้ แต่เขาก็พูดถูก เธอไม่มีทางไปไหนได้ อย่างไรเสียเธอก็ต้องกลับเกาหลี กำหนดกลับและเที่ยวบินถูกจองเอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนมาที่นี่แล้ว หากเธอไม่กลับกับพวกเขาก็ต้องกลับหลังจากนั้นอยู่ดีไม่อย่างนั้นเธอจะอยู่อย่างผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่ยอมอยู่เป็นเครื่องมือของพวกเขาแน่
=====
เสียงเล็กสั่นตะกุกตะกัก ตัวเธอเกร็งจนต้องหยุดหายใจไปด้วย สัมผัสจากปากกระด้างไม่เพียงนาบลงมา เข้ายังเม้มผิวเนื้ออ่อน ทั้งยังส่งลิ้นเย็นชื้นออกมาแตะสลับอีกด้วย รอยจูบปะพรมไปทั่วคอข้างหนึ่งของเธอ ทำเอานาเดียสะดุ้งน้อยๆ เป็นระยะ งอตัวหดคอหนีแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขายังสามารถเปลี่ยนมาซุกไซ้อีกด้านได้อีก นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวขนลุกไปทั้งท้ายทอย“หยะ...อย่า”เธอพยายามห้าม ทว่าก็ไม่เป็นผล แขนกำยำข้างหนึ่งโอบรอบเอวของเธอ ร่างหนาเบียดกดให้เธอชิดผนังยิ่งขึ้นจนแทบขยับไม่ได้ ริมฝีปากร้อนเล็มสลับไล้เลียแล้วไล่ระเรื่อยลงต่ำผ่านเสื้อยืด ฝังปากกับจมูกสูดดมซุกเบียดทรวงงาม มืออีกข้างวางเกาะหมับบนก้อนเนื้ออวบอิ่มเต็มกำมือ ก่อนจะเคล้นเบาๆ ทำเอาร่างเล็กถึงกับผวาขึ้น ทว่าก็ราวกับนำเสนอตัวเองให้ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้นไปด้วยแม้มีเสื้อผ้าขวางกั้นแต่การแตะต้องของอีกฝ่ายก็ทำให้นาเดียร้อนไปทั้งตัว ขาอ่อนแรงอย่างไม่เคยเป็น ทว่าก่อนจะทรุดลงเข่าแข็งแกร่งก็แทรกเข้ามาระหว่างหน้าขาขวางไม่ให้ตัวเธอต่ำลง“อื้อ”หญิงสาวอดที่จะปล่อยเสียงสั่นแปลกๆ ออกมาได้ ความรู้สึกบางอย่างพลุ่งขึ้นจากสัมผัสแปลกใหม่กลางร่าง ทั้งยังรับรู้ได้ถึงมือ
คลินตันเงียบตั้งแต่มาขึ้นมอเตอร์ไซค์กระทั่งมาถึงเซฟเฮาส์ วันนี้ชายหนุ่มไม่ได้ให้คีย์การ์ดกับเธอ นาเดียจึงต้องยืนรออีกฝ่ายอยู่หน้าบ้าน เขากลับมาหลังจอดรถที่ส่วนจอดรถและเก็บหมวกเรียบร้อย บ้านหลังนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้เธอทึ่ง ที่จอดรถแยกเป็นสัดส่วน มีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกายมีเครื่องเล่นหลายชนิดติดกระจกอยู่ริมสระว่ายน้ำ ประตูก็สามารถใช้คีย์การ์ดหรือกดรหัสก็ได้ ทว่านาเดียไม่รู้รหัสจึงต้องรอชายหนุ่มเมื่อเปิดประตูบ้านแล้วนาเดียก็เข้ามาก่อน แม้ปกติคลินตันจะพูดน้อยอยู่แล้วทว่าตอนนี้เธอกลับรู้สึกถึงความอึมครึมกดดันแปลกๆ จึงคิดว่าเลี่ยงไปก่อนน่าจะดีกว่า ทว่าอยู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้น“แปลกนะ ทั้งที่กลัวเวลาซ้อนมอเตอร์ไซค์ผม แต่คุณกลับอยากขึ้นรถแข่งซูเปอร์คาร์”หญิงสาวชะงักเท้า ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ตามเธอเข้ามา ชายหนุ่มจ้องเธอด้วยแววตาเย็นชาทว่ากลับดูเชือดเฉือนผิดปกติ“ฉันก็แค่อยากลองดู”เธอไม่รู้จะพูดอะไร เพราะจะปฏิเสธว่าไม่อยากลองนั่งมันก็ขัดกับสิ่งที่ทำไปแล้ว“ทำไม เพราะซูเปอร์คาร์มันแพง แรงเร้าใจกว่าอย่างนั้นเหรอ”คิ้วเรียวสวยขมวดกับคำพูดกวนชวนหาเรื่องของชายหนุ่ม“ค
“ว่าไงนะ”“นาเดียอยากลองนั่งซูเปอร์คาร์กับเจมมี่น่ะ”ไมลี่ตอบหลังคลินตันถามย้ำพวกเธอมายังโรงรถแล้วก็เห็นคลินตันกับช่างสามคนกำลังตรวจเช็กรถแข่งคันหรูอยู่ ทั้งหมดเดินเข้าไปแล้วเจมมี่ก็ถามเกี่ยวกับรถของตนว่าเรียบร้อยหรือไม่จะได้ลองขับเลย พอคลินตันตอบว่าตามสบาย เจมมี่บอกต่อทันที‘งั้นฉันขอพาสาวน้อยคนนี้ไปลองรถด้วยก็แล้วกันนะ’คลินตันถึงกับหันมองหนุ่มหล่ออีกคนในทันที คิ้วเข้มขมวดพร้อมถามซ้ำไมลี่จึงเป็นฝ่ายตอบ ทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายมายังเธอแทน นาเดียอึกอักขยับปากจะพูดแต่ไมลี่ก็แทรกขึ้นอีกครั้ง“แหม อย่ามองน้องเขาด้วยสายตาแบบนั้นสิคลิน ดุแบบนี้ใครจะไปกล้าตอบล่ะ เอางี้ ฉันเองก็อยากรู้ว่ารถปรับแต่งเครื่องใหม่ของเจมมี่จะแรงดีสักแค่ไหนเหมือนกัน งั้นเรามาแข่งกับเขาดีไหม นาเดียไปกับเจมมี่ ฉันจะไปกับคุณเอง”หญิงสาวจัดการเองเสร็จสรรพ ซึ่งนาเดียรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายน่าจะอยากหาโอกาสอยู่ใกล้กับคลินตัน และอยากให้เธอสนับสนุน เพราะไมลี่เหลือบมาทางด้วยสายตาขอร้อง เธอจึงได้แต่กระอักกระอ่วนใจแล้วพึมพำเสียงเบา“เอ่อ...ก็...น่าสนใจเหมือนกันนะคะ”คำพูดของเธอทำให้คลินตันตาวาววับ แววตาคมดุฉายออกมาอย่างชัดเ
นาเดียมองตอบสาวสวยด้วยสายตามึนงงว่างเปล่า ไม่รู้ต้องทำอย่างไรในสถานการณ์กระอักกระอ่วนแบบนี้เพราะรับรู้ได้ถึงไอบางอย่างแผ่จากแววตาหญิงสาวอีกคนเมื่อได้ยินว่าเธอเป็นใคร แม้จะลำบากใจแต่เธอก็ไม่รู้จะเริ่มพูดกับอีกฝ่ายอย่างไร จะแก้ตัวก็คงแปลกๆ เหมือนเธอร้อนตัวอาจจะเพราะเห็นสีหน้าไม่สบายใจและอึดอัดของเธอ สุดท้ายคนที่พูดขึ้นมาก่อนก็เป็นอีกฝ่าย“ไฮ ฉันไมลี่”“นาเดียค่ะ”ไมลี่ส่งยิ้มให้เธอ ก่อนจะหันไปบอกสองหนุ่มที่คุยกันเรื่องงานด้วยสีหน้าจริงจัง“พวกคุณทำงาน ให้นาเดียไปกับฉันดีกว่า รออยู่ในนี้เธอคงเบื่อ”“จะไปไหน”คลินตันหันมาถาม ใบหน้าคมนิ่งแต่มีรังสีดุจากแววตา เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แล้วกลับไปจ้องเอาคำตอบจากไมลี่“ฉันจะพาเธอนั่งเล่นกินขนมกับน้ำที่คาเฟ่ข้างหน้านี่แหละ”“อืม ไปเถอะ”เมื่อรู้พิกัดแล้วเขาก็พยักหน้ารับง่ายๆ แล้วกลับไปสนใจเรื่องงานต่อนาเดียเดินตามไมลี่ออกไปอย่างไม่คิดมากเช่นกันเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้มีปัญหาอะไร นั่นน่าจะหมายความว่าปลอดภัยสำหรับเธอ“เธอรู้จักกับคลินได้ยังไงเหรอ”หลังจากสั่งเครื่องดื่มกับเค้กของทั้งสองคนเรียบร้อย ไมลี่ก็ถามขึ้นทันที นาเดียเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายต
เช้าวันต่อมานาเดียอ่านข้อความตอบกลับจากซูจิน แล้วก็พิมพ์ตอบอีกครู่ใหญ่ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำซูจินบอกว่าสำนักข่าวให้ความสนใจในการตีแผ่ข่าวบริษัทของพวกเธอ และช่วยเหลือในการหาสำนักกฎหมายให้ด้วย บรรดาแฟนคลับต่างก็รวมตัวกันแท็กข้อความให้กำลังใจพวกเธอและบอกว่าจะอยู่เคียงข้างเสมอ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้รับรู้ว่าเธอบาดเจ็บจากการพยายามช่วยเพื่อนร่วมวง จึงยังไม่สามารถเดินทางกลับเกาหลีได้ในตอนนี้ และต่างก็แท็กขอให้เธอหายเร็วๆ ด้วยเช่นกัน แม้ยังมีแฟนคลับไม่มากนักแต่สิ่งที่เห็นก็ทำให้รู้สึกดีและอุ่นใจไม่น้อยจนถึงกับน้ำตาซึมหลังจากนาเดียเข้าไปอ่านแท็กนั้นมีค่ายติดต่อเข้ามาสองสามค่ายเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาแต่ซูจินกับพี่ๆ ในวงอยากคุยกันในตอนที่เธออยู่ด้วย จึงขอเวลาจัดการเรื่องการฟ้องร้องให้เรียบร้อยเสียก่อนสาวร่างเล็กลงไปข้างล่างก็พบกับคนที่เพิ่งวิ่งออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมกำลังจะกลับเข้าห้องของเขา“วันนี้เราจะไปที่ทำงานของผม”ชายหนุ่มบอกทันทีที่เห็นเธอ แต่แม้นาเดียจะทำหน้าแปลกใจเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรนอกจากเอ่ยสั่ง“กินอาหารเช้าให้เรียบร้อยเสีย”พูดจบเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนตัดสีดำเปียกจ
คลินตันกลับมาอีกครั้งในลุคที่นาเดียต้องนึกอ่อนใจกับตัวเอง เพียงแค่ชายหนุ่มใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มตัวเดิมเธอก็คิดว่าอีกฝ่ายดูเซ็กซี่อย่างไม่น่าให้อภัยแล้ว หญิงสาวเหลือบมองร่างสูงใหญ่เพียงนิดแล้วปอกมันฝรั่งในมือต่อ ไม่ต้องการให้ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าจิตใจเธอไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเลยแม้แต่น้อยคงเพราะได้เห็นกล้ามแน่นๆ ของอีกฝ่าย โดยไม่เคยได้เห็นของจริงเต็มๆ มาก่อนนั่นแหละ เธอจึงสติฟุ้งซ่านแบบนี้ไม่แฟร์เลยสักนิด ทั้งที่เขาไม่ให้เธอใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นออกนอกห้อง แต่ตัวเองกลับถอดเสื้อเดินไปเดินมาเสียอย่างนั้นหญิงสาวคิดขณะมองชายหนุ่มล้างชิ้นปลาที่แพ็คมา และราวกับรู้ว่าเธอมองคลินตันเองก็หันมาทางเธอเช่นกัน เขาเหลือบมองมันฝรั่งก่อนจะพูดขึ้น“หั่นเสร็จแล้วก็เตรียมจานเตรียมซอส ผมทอดเอง”“มีซอสเหรอคะ”“ใช่ ผมซื้อสำเร็จรูปมาแล้ว อยู่ในตู้เย็นนั่นแหละ”เธอพยักหน้าเข้าใจ“งั้นฉันทำสลัดเพิ่มด้วยดีกว่า”“เยี่ยม”คลินตันยกนิ้วให้นาเดียจึงยิ้มตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาตินาเดียหั่นมันฝรั่งในขนาดที่คิดว่าพอดี แล้วก็เอาผักในตู้เย็นที่พอทำสลัดได้มาล้างหั่นเสร็จก็โรยเกลือ พริกไทย และน้ำมันมะกอก







