Masukเช้าวันต่อมานาเดียอ่านข้อความตอบกลับจากซูจิน แล้วก็พิมพ์ตอบอีกครู่ใหญ่ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ
ซูจินบอกว่าสำนักข่าวให้ความสนใจในการตีแผ่ข่าวบริษัทของพวกเธอ และช่วยเหลือในการหาสำนักกฎหมายให้ด้วย บรรดาแฟนคลับต่างก็รวมตัวกันแท็กข้อความให้กำลังใจพวกเธอและบอกว่าจะอยู่เคียงข้างเสมอ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้รับรู้ว่าเธอบาดเจ็บจากการพยายามช่วยเพื่อนร่วมวง จึงยังไม่สามารถเดินทางกลับเกาหลีได้ในตอนนี้ และต่างก็แท็กขอให้เธอหายเร็วๆ ด้วยเช่นกัน แม้ยังมีแฟนคลับไม่มากนักแต่สิ่งที่เห็นก็ทำให้รู้สึกดีและอุ่นใจไม่น้อยจนถึงกับน้ำตาซึมหลังจากนาเดียเข้าไปอ่านแท็กนั้น
มีค่ายติดต่อเข้ามาสองสามค่ายเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาแต่ซูจินกับพี่ๆ ในวงอยากคุยกันในตอนที่เธออยู่ด้วย จึงขอเวลาจัดการเรื่องการฟ้องร้องให้เรียบร้อยเสียก่อน
สาวร่างเล็กลงไปข้างล่างก็พบกับคนที่เพิ่งวิ่งออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมกำลังจะกลับเข้าห้องของเขา
“วันนี้เราจะไปที่ทำงานของผม”
ชายหนุ่มบอกทันทีที่เห็นเธอ แต่แม้นาเดียจะทำหน้าแปลกใจเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรนอกจากเอ่ยสั่ง
“กินอาหารเช้าให้เรียบร้อยเสีย”
พูดจบเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนตัดสีดำเปียกจนมองเห็นมัดกล้ามกับกางเกงผ้าร่มก็ผละจากไป
และเป็นอีกครั้งที่นาเดียได้แต่มองตามร่างกำยำกล้ามแน่นไปด้วยอาการปากค้างจนต้องงับปากตัวเองเมื่อรู้สึกตัว แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างอ่อนใจที่เธอชักจะเป็นเอามากขึ้นทุกวัน เพียงแค่เห็นเจ้าของร่างสูงใหญ่เมื่อไรใจก็สะดุดทุกที
ที่ทำงานของชายหนุ่มคือศูนย์ขนาดใหญ่ดูแลรถอย่างครบวงจร เธอเห็นว่ามีรถที่เหมือนเป็นรถแข่งอยู่ในศูนย์ตอนที่ชายหนุ่มเอารถของเขาเข้ามาจอดด้วย นั่นทำให้รู้สึกได้ว่าที่นี่น่าจะมีชื่อเสียงไม่เบา ที่สำคัญติดกับโรงจอดรถมีสนามขับรถอยู่ด้วย
อีกอย่าง นี่คือข้อพิสูจน์ว่า นามบัตรที่ชายหนุ่มให้มาคือของจริง
“ผมถอดให้ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เธอส่ายหน้าเมื่อชายหนุ่มหันมาถามหลังเธอก้าวลงจากสองล้อคันโต นาเดียใส่หมวกกันน็อกเองได้อย่างถูกต้องแล้ว และตอนนี้เธอก็ไม่อยากเป็นภาระให้เขาต้องมาถอดให้ด้วย
ก่อนออกนาเดียนึกขึ้นมาได้ว่าเขามาเซฟเฮาส์ด้วยแท็กซี่กับเธอแล้วทำไมถึงมีรถมอเตอร์ไซค์คันโตขับได้ อีกฝ่ายก็ตอบง่ายๆ อย่างขำๆ พร้อมยักไหล่
‘ผมขี่มาจอดไว้ก่อนไปรับคุณ ถ้าพาออกจากโรงพยาบาลด้วยรถคันนี้คงดูอันตรายไปหน่อย’
เขาพูดถูก เพราะหากต้องขี่มอเตอร์ไซค์ทันทีที่ออกจากโรงพยาบาลเธอคงกลัว
กระทั่งตอนนี้นาเดียมั่นใจแล้วว่าคลินตันค่อนข้างเดาความคิดของเธอได้ถูกต้องอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน แม้แต่ซูจิน หญิงสาวอดแปลกใจไม่ได้ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันด้วยซ้ำทว่าชายหนุ่มกลับอ่านเธอออกอย่างง่ายดาย
คลินตันพาเธอเข้าไปจากทางด้านที่เป็นโรงจอดรถ โดยผ่านส่วนที่เป็นอู่และเห็นบรรดาช่างกำลังจัดการกับรถแต่ละคันอย่างแข็งขัน เมื่อมีคนหันมาเห็นชายหนุ่มต่างก็เอ่ยขึ้นตามๆ กันหลังจากคนแรกพูด
“ไฮ หัวหน้า”
ทุกคนต่างก็เรียกคลินตันแบบนั้นแล้วเขาก็พยักหน้ารับ เดินนำเธอโดยไม่พูดอะไร นาเดียเองก็ได้แต่เดินตามร่างสูงใหญ่ไปเงียบๆ เพราะรู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่มองตามเธออย่างสนใจหลังจากทักชายหนุ่มแล้ว เธอชินกับการถูกมองตามเพราะงานที่ทำจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็ไม่กล้าหันไปมองรอบๆ เพราะไม่ใช่ที่คุ้นเคยและพวกเขาก็ไม่ใช่แฟนคลับของเธอ
ชายหนุ่มพาเธอเข้ามาในส่วนของออฟฟิศ ซึ่งมีชายหนุ่มที่ดูมีอายุมากกว่าคลินตันนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน อีกฝ่ายละสายตาจากคอมพิวเตอร์มาทางพวกเธอ แล้วเขาก็ตาโต
“มาได้สักทีนะ”
คนพูดเดินออกมาหาคลินตัน ทว่าแทนที่จะจับมือทักทาย เขากลับพุ่งหมัดเข้ามาตรงหน้าของชายหนุ่ม ทว่าก็ราวกับจะรู้อยู่แล้วเพราะคนถูกจู่โจมเพียงเอียงหน้าเล็กน้อย แล้วส่งหมัดล่างเข้าตรงช่องท้องของฝ่ายตรงข้ามแทน
“แหม เร็วเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยแฮะ ไอ้เสือร้าย”
คนที่ปัดมือคลินตันออกไม่ทันถูกหมัดเข้าให้ แม้จะไม่แรงนักเพราะเขางอตัวรับ ทว่าก็ทำเอานิ่วหน้าไปเหมือนกัน
“อย่ามาโทษฉัน นายมันอ่อนเอง”
คลินตันยักไหล่ ขณะที่ชายคนนั้นก็ดูจะไม่ใส่ใจนัก เพราะเขาหันมาสนใจเธอแทน
“ไปหลอกเด็กที่ไหนมาล่ะเนี่ย”
นาเดียถึงกับขมวดคิ้วเมื่อถูกเรียกอย่างนั้น คลินตันเองก็เหลือบมามองเธอเล็กน้อยก่อนจะโคลงศีรษะ
“ญาติผู้น้องของพี่ชายน่ะ มาดูที่เรียน”
“เหรอ?”
ผู้ชายคนนั้นทำเสียงแปลกใจ ไม่ใช่แค่เขาหรอก นาเดียเองก็ยังอดเคืองไม่ได้ เธอไม่ได้เด็กขนาดนั้นเสียหน่อย
“มาดูที่เรียน? แล้วเกี่ยวอะไรกับนาย”
“ตอนนี้ไม่มีใครว่างก็เลยฝากฉันไว้”
เมื่อคลินตันตอบอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เธอก็หันมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ ทว่าชายหนุ่มพยักพเยิดบอกเธอให้ทักทายเพื่อนเขาอย่างไม่สนใจท่าทางของเธอ
“นี่แอรอน เพื่อนรุ่นพี่ฉันแล้วก็หุ้นส่วน”
ชายหนุ่มแนะนำแล้วหันไปหาเพื่อนของตน
“เธอชื่อนาเดีย”
ผู้ชายชื่อแอรอนยื่นมือมาให้เธอก่อนนาเดียจึงจำต้องยื่นมือไปจับพร้อมส่งยิ้มบางให้
“ยินดีที่ได้รู้จักนาเดีย”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
พอทักทายกันเสร็จเสียงประตูก็เปิดขึ้น นาเดียหันมองก็เห็นสาวสวยหน้าอกหน้าใจแทบจะล้นเสื้อกล้ามที่ใส่อยู่ เพราะอีกฝ่ายอยู่ในชุดที่เหมือนใส่แข่งรถแต่ส่วนแขนถูกผูกเอาไว้ตรงเอวแทน เธอเปิดยิ้มกว้างตรงเข้ามาหาคลินตัน แล้วโผเข้าหาชายหนุ่มทั้งตัว
“คลิน...คุณหายไปนาน ฉันคิดถึงจะแย่”
คลินตันกอดตอบหญิงสาวครั้งหนึ่งแล้วปล่อย อีกฝ่ายจึงถอยออกแล้วส่งยิ้มหวานให้เขา
นาเดียมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกเบาหวิวแปลกๆ ตากลมโตสั่นไหวนิดๆ เพราะประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง
และก็เป็นเวลาเดียวกับที่คลินตันสบตาเธอ ชายหนุ่มหรี่ตาคมลงเล็กน้อยแล้วคลายออก ทว่าไม่พูดอะไร
เหมือนหญิงสาวที่เข้ามาใหม่จะเพิ่งเห็นเธออยู่ในห้องด้วยก็ตอนนี้เอง อีกฝ่ายมองเธออย่างสนใจแต่เป็นสายตาที่เคลือบแฝงความสงสัย
“นี่ใครเหรอ”
“เด็กของคลินมัน”
แอรอนเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ทว่าคนได้ยินขมวดคิ้วจ้องเธอนิ่งในทันที
“พูดเป็นเล่น”
คลินตันเอ่ยพร้อมส่ายหน้าเหมือนเป็นเรื่องไร้สาระที่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ก่อนจะตรงไปนั่งที่หลังโต๊ะทำงาน
“สกอตต์จะเข้ามาลองรถวันนี้ใช่ไหม”
เขาถามพร้อมพิมพ์บางรัวลงไปอย่างในคอมพิวเตอร์ แอรอนจึงตอบพร้อมพยักหน้ารับ สองหนุ่มหันไปสนใจงานแล้ว เหลือเพียงสองสาวที่ได้แต่มองกันเองเงียบๆ
=====
เสียงเล็กสั่นตะกุกตะกัก ตัวเธอเกร็งจนต้องหยุดหายใจไปด้วย สัมผัสจากปากกระด้างไม่เพียงนาบลงมา เข้ายังเม้มผิวเนื้ออ่อน ทั้งยังส่งลิ้นเย็นชื้นออกมาแตะสลับอีกด้วย รอยจูบปะพรมไปทั่วคอข้างหนึ่งของเธอ ทำเอานาเดียสะดุ้งน้อยๆ เป็นระยะ งอตัวหดคอหนีแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะเขายังสามารถเปลี่ยนมาซุกไซ้อีกด้านได้อีก นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวขนลุกไปทั้งท้ายทอย“หยะ...อย่า”เธอพยายามห้าม ทว่าก็ไม่เป็นผล แขนกำยำข้างหนึ่งโอบรอบเอวของเธอ ร่างหนาเบียดกดให้เธอชิดผนังยิ่งขึ้นจนแทบขยับไม่ได้ ริมฝีปากร้อนเล็มสลับไล้เลียแล้วไล่ระเรื่อยลงต่ำผ่านเสื้อยืด ฝังปากกับจมูกสูดดมซุกเบียดทรวงงาม มืออีกข้างวางเกาะหมับบนก้อนเนื้ออวบอิ่มเต็มกำมือ ก่อนจะเคล้นเบาๆ ทำเอาร่างเล็กถึงกับผวาขึ้น ทว่าก็ราวกับนำเสนอตัวเองให้ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้นไปด้วยแม้มีเสื้อผ้าขวางกั้นแต่การแตะต้องของอีกฝ่ายก็ทำให้นาเดียร้อนไปทั้งตัว ขาอ่อนแรงอย่างไม่เคยเป็น ทว่าก่อนจะทรุดลงเข่าแข็งแกร่งก็แทรกเข้ามาระหว่างหน้าขาขวางไม่ให้ตัวเธอต่ำลง“อื้อ”หญิงสาวอดที่จะปล่อยเสียงสั่นแปลกๆ ออกมาได้ ความรู้สึกบางอย่างพลุ่งขึ้นจากสัมผัสแปลกใหม่กลางร่าง ทั้งยังรับรู้ได้ถึงมือ
คลินตันเงียบตั้งแต่มาขึ้นมอเตอร์ไซค์กระทั่งมาถึงเซฟเฮาส์ วันนี้ชายหนุ่มไม่ได้ให้คีย์การ์ดกับเธอ นาเดียจึงต้องยืนรออีกฝ่ายอยู่หน้าบ้าน เขากลับมาหลังจอดรถที่ส่วนจอดรถและเก็บหมวกเรียบร้อย บ้านหลังนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้เธอทึ่ง ที่จอดรถแยกเป็นสัดส่วน มีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกายมีเครื่องเล่นหลายชนิดติดกระจกอยู่ริมสระว่ายน้ำ ประตูก็สามารถใช้คีย์การ์ดหรือกดรหัสก็ได้ ทว่านาเดียไม่รู้รหัสจึงต้องรอชายหนุ่มเมื่อเปิดประตูบ้านแล้วนาเดียก็เข้ามาก่อน แม้ปกติคลินตันจะพูดน้อยอยู่แล้วทว่าตอนนี้เธอกลับรู้สึกถึงความอึมครึมกดดันแปลกๆ จึงคิดว่าเลี่ยงไปก่อนน่าจะดีกว่า ทว่าอยู่ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้น“แปลกนะ ทั้งที่กลัวเวลาซ้อนมอเตอร์ไซค์ผม แต่คุณกลับอยากขึ้นรถแข่งซูเปอร์คาร์”หญิงสาวชะงักเท้า ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ตามเธอเข้ามา ชายหนุ่มจ้องเธอด้วยแววตาเย็นชาทว่ากลับดูเชือดเฉือนผิดปกติ“ฉันก็แค่อยากลองดู”เธอไม่รู้จะพูดอะไร เพราะจะปฏิเสธว่าไม่อยากลองนั่งมันก็ขัดกับสิ่งที่ทำไปแล้ว“ทำไม เพราะซูเปอร์คาร์มันแพง แรงเร้าใจกว่าอย่างนั้นเหรอ”คิ้วเรียวสวยขมวดกับคำพูดกวนชวนหาเรื่องของชายหนุ่ม“ค
“ว่าไงนะ”“นาเดียอยากลองนั่งซูเปอร์คาร์กับเจมมี่น่ะ”ไมลี่ตอบหลังคลินตันถามย้ำพวกเธอมายังโรงรถแล้วก็เห็นคลินตันกับช่างสามคนกำลังตรวจเช็กรถแข่งคันหรูอยู่ ทั้งหมดเดินเข้าไปแล้วเจมมี่ก็ถามเกี่ยวกับรถของตนว่าเรียบร้อยหรือไม่จะได้ลองขับเลย พอคลินตันตอบว่าตามสบาย เจมมี่บอกต่อทันที‘งั้นฉันขอพาสาวน้อยคนนี้ไปลองรถด้วยก็แล้วกันนะ’คลินตันถึงกับหันมองหนุ่มหล่ออีกคนในทันที คิ้วเข้มขมวดพร้อมถามซ้ำไมลี่จึงเป็นฝ่ายตอบ ทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายมายังเธอแทน นาเดียอึกอักขยับปากจะพูดแต่ไมลี่ก็แทรกขึ้นอีกครั้ง“แหม อย่ามองน้องเขาด้วยสายตาแบบนั้นสิคลิน ดุแบบนี้ใครจะไปกล้าตอบล่ะ เอางี้ ฉันเองก็อยากรู้ว่ารถปรับแต่งเครื่องใหม่ของเจมมี่จะแรงดีสักแค่ไหนเหมือนกัน งั้นเรามาแข่งกับเขาดีไหม นาเดียไปกับเจมมี่ ฉันจะไปกับคุณเอง”หญิงสาวจัดการเองเสร็จสรรพ ซึ่งนาเดียรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายน่าจะอยากหาโอกาสอยู่ใกล้กับคลินตัน และอยากให้เธอสนับสนุน เพราะไมลี่เหลือบมาทางด้วยสายตาขอร้อง เธอจึงได้แต่กระอักกระอ่วนใจแล้วพึมพำเสียงเบา“เอ่อ...ก็...น่าสนใจเหมือนกันนะคะ”คำพูดของเธอทำให้คลินตันตาวาววับ แววตาคมดุฉายออกมาอย่างชัดเ
นาเดียมองตอบสาวสวยด้วยสายตามึนงงว่างเปล่า ไม่รู้ต้องทำอย่างไรในสถานการณ์กระอักกระอ่วนแบบนี้เพราะรับรู้ได้ถึงไอบางอย่างแผ่จากแววตาหญิงสาวอีกคนเมื่อได้ยินว่าเธอเป็นใคร แม้จะลำบากใจแต่เธอก็ไม่รู้จะเริ่มพูดกับอีกฝ่ายอย่างไร จะแก้ตัวก็คงแปลกๆ เหมือนเธอร้อนตัวอาจจะเพราะเห็นสีหน้าไม่สบายใจและอึดอัดของเธอ สุดท้ายคนที่พูดขึ้นมาก่อนก็เป็นอีกฝ่าย“ไฮ ฉันไมลี่”“นาเดียค่ะ”ไมลี่ส่งยิ้มให้เธอ ก่อนจะหันไปบอกสองหนุ่มที่คุยกันเรื่องงานด้วยสีหน้าจริงจัง“พวกคุณทำงาน ให้นาเดียไปกับฉันดีกว่า รออยู่ในนี้เธอคงเบื่อ”“จะไปไหน”คลินตันหันมาถาม ใบหน้าคมนิ่งแต่มีรังสีดุจากแววตา เขาเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แล้วกลับไปจ้องเอาคำตอบจากไมลี่“ฉันจะพาเธอนั่งเล่นกินขนมกับน้ำที่คาเฟ่ข้างหน้านี่แหละ”“อืม ไปเถอะ”เมื่อรู้พิกัดแล้วเขาก็พยักหน้ารับง่ายๆ แล้วกลับไปสนใจเรื่องงานต่อนาเดียเดินตามไมลี่ออกไปอย่างไม่คิดมากเช่นกันเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้มีปัญหาอะไร นั่นน่าจะหมายความว่าปลอดภัยสำหรับเธอ“เธอรู้จักกับคลินได้ยังไงเหรอ”หลังจากสั่งเครื่องดื่มกับเค้กของทั้งสองคนเรียบร้อย ไมลี่ก็ถามขึ้นทันที นาเดียเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายต
เช้าวันต่อมานาเดียอ่านข้อความตอบกลับจากซูจิน แล้วก็พิมพ์ตอบอีกครู่ใหญ่ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำซูจินบอกว่าสำนักข่าวให้ความสนใจในการตีแผ่ข่าวบริษัทของพวกเธอ และช่วยเหลือในการหาสำนักกฎหมายให้ด้วย บรรดาแฟนคลับต่างก็รวมตัวกันแท็กข้อความให้กำลังใจพวกเธอและบอกว่าจะอยู่เคียงข้างเสมอ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้รับรู้ว่าเธอบาดเจ็บจากการพยายามช่วยเพื่อนร่วมวง จึงยังไม่สามารถเดินทางกลับเกาหลีได้ในตอนนี้ และต่างก็แท็กขอให้เธอหายเร็วๆ ด้วยเช่นกัน แม้ยังมีแฟนคลับไม่มากนักแต่สิ่งที่เห็นก็ทำให้รู้สึกดีและอุ่นใจไม่น้อยจนถึงกับน้ำตาซึมหลังจากนาเดียเข้าไปอ่านแท็กนั้นมีค่ายติดต่อเข้ามาสองสามค่ายเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาแต่ซูจินกับพี่ๆ ในวงอยากคุยกันในตอนที่เธออยู่ด้วย จึงขอเวลาจัดการเรื่องการฟ้องร้องให้เรียบร้อยเสียก่อนสาวร่างเล็กลงไปข้างล่างก็พบกับคนที่เพิ่งวิ่งออกกำลังกายจนเหงื่อท่วมกำลังจะกลับเข้าห้องของเขา“วันนี้เราจะไปที่ทำงานของผม”ชายหนุ่มบอกทันทีที่เห็นเธอ แต่แม้นาเดียจะทำหน้าแปลกใจเขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรนอกจากเอ่ยสั่ง“กินอาหารเช้าให้เรียบร้อยเสีย”พูดจบเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนตัดสีดำเปียกจ
คลินตันกลับมาอีกครั้งในลุคที่นาเดียต้องนึกอ่อนใจกับตัวเอง เพียงแค่ชายหนุ่มใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มตัวเดิมเธอก็คิดว่าอีกฝ่ายดูเซ็กซี่อย่างไม่น่าให้อภัยแล้ว หญิงสาวเหลือบมองร่างสูงใหญ่เพียงนิดแล้วปอกมันฝรั่งในมือต่อ ไม่ต้องการให้ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าจิตใจเธอไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเลยแม้แต่น้อยคงเพราะได้เห็นกล้ามแน่นๆ ของอีกฝ่าย โดยไม่เคยได้เห็นของจริงเต็มๆ มาก่อนนั่นแหละ เธอจึงสติฟุ้งซ่านแบบนี้ไม่แฟร์เลยสักนิด ทั้งที่เขาไม่ให้เธอใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นออกนอกห้อง แต่ตัวเองกลับถอดเสื้อเดินไปเดินมาเสียอย่างนั้นหญิงสาวคิดขณะมองชายหนุ่มล้างชิ้นปลาที่แพ็คมา และราวกับรู้ว่าเธอมองคลินตันเองก็หันมาทางเธอเช่นกัน เขาเหลือบมองมันฝรั่งก่อนจะพูดขึ้น“หั่นเสร็จแล้วก็เตรียมจานเตรียมซอส ผมทอดเอง”“มีซอสเหรอคะ”“ใช่ ผมซื้อสำเร็จรูปมาแล้ว อยู่ในตู้เย็นนั่นแหละ”เธอพยักหน้าเข้าใจ“งั้นฉันทำสลัดเพิ่มด้วยดีกว่า”“เยี่ยม”คลินตันยกนิ้วให้นาเดียจึงยิ้มตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาตินาเดียหั่นมันฝรั่งในขนาดที่คิดว่าพอดี แล้วก็เอาผักในตู้เย็นที่พอทำสลัดได้มาล้างหั่นเสร็จก็โรยเกลือ พริกไทย และน้ำมันมะกอก







