Share

บทที่ 8

Author: Karawek House
last update Last Updated: 2025-08-19 19:19:48

เมื่อเทียบกับท่านจ้าวหุบเขาผู้ดูจะมีความสุขกับการเดินทอดน่องชมทิวทัศน์ยามค่ำแล้ว คนที่ใส่เกียร์โกยแน่บหนีความหนาวเหน็บกลับเรือนพักอย่างอาจูย่อมกลับมาถึงเร็วกว่าเขาเป็นเท่าตัว

            ทันทีที่กลับมาถึง อาจูก็ต้องตื่นตาตื่นใจเพราะหีบบรรจุเสื้อผ้าแพรพรรณชั้นดีและข้าวของเครื่องใช้สตรีแบบโบราณของแท้และดั้งเดิมที่วางเรียงกันอยู่บนลานเล็กๆ ด้านหน้าเรือนพัก เมื่อใช้สมองของศีรษะอันน่ารักจิ้มลิ้มชั่งตวงวัดแล้วเห็นว่าที่นี่ไม่มีสตรีอื่นใดนอกจากจวี๋ฮวา มิหนำซ้ำที่แห่งนี้ยังเป็นเรือนพักของนาง เจ้าของเรือนก็รีบกุลีกุจอขนถ่ายหีบ “สมบัติ” ทั้งสามใบเข้าไปเก็บในเรือนนอน อาการเหน็ดเหนื่อยปวดเมื่อยแขน ขา และเอวทั้งหลาย คล้ายจะหายไปชั่วขณะ

หลังจัดเก็บทุกอย่างไว้ที่มุมห้อง คนเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองกำลังหนาวก็รีบออกไปจุดไฟใส่กระถางไฟใบเล็กอันสะดวกแก่การขนย้าย แล้วค่อยๆ ยกมันเข้ามา จากนั้นก็เปลี่ยนมาสวมชุดผ้าไหมเนื้อดีสีเหลืองนวลซึ่งสุ่มหยิบมาจากบรรดาเสื้อผ้าสตรีหลากสีสันในหีบ โดยไม่ลืมเอาเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มของท่านจ้าวหุบเขาและเสื้อผ้าชุดเก่าของตัวเองไปตากไว้ที่ราวไม้เพื่อป้องกันกลิ่นอับชื้นที่ยากจะกำจัด

พอลองได้มีเวลามายืนสังเกตดูแล้ว อาจูก็พบว่าเสื้อผ้าของท่านจ้าวหุบเขาใหญ่กว่าเสื้อผ้าที่ร่างน้อยๆ ร่างนี้สวมใส่เป็นเท่าตัวเลยทีเดียว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเธอและเขามายืนเทียบกันจริงๆ เขาซึ่งเป็นชายโตเต็มวัยและจวี๋ฮวาซึ่งเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มจะดูแตกต่างกันสักแค่ไหน

จะว่าไปแล้ว...ท่านจ้าวหุบเขาที่ใครต่อใครเล่าลือกันว่า ‘ชั่วโฉดโหดเหี้ยม’ ผู้นี้อายุเท่าไหร่กัน? ที่สำคัญกว่านั้น สุดท้ายแล้วผู้ชายที่เข้มงวดและทำตัวเงียบขรึมไว้ท่าทีเหมือนตาแก่ตลอดเวลาอย่างนั้นโกรธเธอมากหรือเปล่า?

นอกจากนี้...หลังจากที่แสดงออกออกไปแบบนั้น ด้วยอุปนิสัยของเขาและภาพลักษณ์อันซื่อใสไร้เดียงสาน่าสงสารของจวี๋ฮวา เธอควรจะแสดงออก แบบไหน?

“...เสื้อคลุมท่านตัวใหญ่มากจริงๆ” อาจูพึมพำพลางไล้ปลายนิ้วไปตามชายแขนเสื้อ ท่ามกลางแสงไฟสุกสว่างจากกระถางไฟและโคมสัมฤทธิ์ฉลุลาย ร่างอ้อนแอ้นในเสื้อผ้าเนื้อโปร่งบางชุดใหม่ยิ่งดูเปล่งประกายบริสุทธิ์อ่อนหวานขึ้นหลายส่วน

ตอนนั้นเอง อาจูได้ยินเสียงพื้นไม้ลั่นเอี้ยดขึ้นครั้งหนึ่ง

แม้จะเพียงแผ่วเบา แต่ก็เดาได้ว่าน่าจะมีใครกำลังเดินมาทางนี้

ก่อนหน้านี้เธอเผลอพูดจาน่าหมั่นไส้โดยไม่รู้ว่ามีคนเดินเข้าใกล้ จนทำตัวเองภาพพจน์ติดลบมาแล้วหนหนึ่ง หลังจากย้ายเข้าที่พักใหม่ก็เลยตั้งใจว่าจะสร้างสัญญาณเตือนภัยเล็กๆ น้อยๆ

หึหึ...

ต้องขอบคุณที่แผ่นไม้ปูพื้นหน้าเรือนนี้เก่าแก่สึกหรอมากกว่าบริเวณไหนๆ เพียงแค่ใช้ท่อนฟืนออกแรงงัดแผ่นไม้บางแผ่นนิดๆ หน่อยๆ ยามเดินเหินก็เกิดเสียงเอี้ยดอ้าดง่ายดายเสียจนแน่ใจได้ว่าแม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธหน้าไหน หากเดินไม่ระวัง ย่อมต้องทิ้งสัญญาณเสียงบอกใบ้ให้รู้ว่ามาเยือน...

ไวเท่าความคิด เจ้าของเรือนใช้มืออีกข้างที่วางแนบลำตัวลอบสะบัดชายกระโปรงไปทางกระถางไฟ อาศัยลมหนาวช่วยพัดส่ง ขณะเดียวกันก็แสร้งทำสีหน้าซับซ้อน สับสน

“ข้า...ข้าจะทำยังไงดี...ความรู้สึกแบบนี้มัน...” จวี๋ฮวายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับคนคิดไม่ตก

ทว่าไม่นานนักกลิ่นเหม็นไหม้ก็ทำให้เจ้าตัวได้สติ

ร่างเล็กๆ เหลียวมองหาต้นตอของกลิ่นสีหน้าหวาดหวั่น เมื่อเห็นว่าชายเสื้อตัวเองกำลังติดไฟลุกไหม้ คนเพิ่งหลุดจากอาการคล้ายเหม่อลอยก็ถึงขั้นหวีดร้องเสียงหลง

นางรีบหมุนตัวกลับหลังหันโดยสัญชาตญาณ แต่นอกจากกิริยานั้นจะ

ไม่ช่วยอะไรแล้ว มันกลับทำให้เปลวไฟบนชายกระโปรงยิ่งลุกลามใหญ่โต

ประตูบานไม้ถูกผลักเข้ามาอย่างรุนแรงในชั่วอึดใจ ร่างสง่างามซึ่งสวมเพียงเสื้อสีขาวตัวในพุ่งเข้ามาฉวยข้อมือดึงเธอเข้าหา ช่วยกระชากเสื้อผ้าติดไฟออกจากร่าง

หลังฟาดลงพื้นและกระทืบด้วยลมปราณเพียงหนึ่งครั้ง ไฟที่ลุกลามอย่างรวดเร็วก็ดับลง ทิ้งไว้เพียงร่องรอยอันน่าหวาดหวั่น

“ซือฝุ...ซือฝุ!”

จวี๋ฮวาคล้ายโดนเหตุการณ์ไม่คาดฝันทำร้ายจนสติสัมปชัญญะเลือนหาย ร่างอ้อนแอ้นดูบอบบางในสภาพล่อแหลมผวาเข้าซบแผงอกแกร่ง มือน้อยๆ สวมกอดท่านจ้าวหุบเขาแนบแน่น เนื้อตัวสั่นเทาราวกับกระต่ายน้อยเสียขวัญ

เสียงร้องของจวี๋ฮวาดังไปถึงโถงรับแขกเรือนใหญ่เช่นกัน แม้จะไม่กล้าขยับตัวมายุ่มย่าม แต่เหล่าบุรุษจากสำนักคุ้มภัยตระกูลซุนยังอดขยับออกมาสอดส่ายสายตาไม่ได้

เรือนทิศใต้แห่งนี้ตั้งอยู่ทางทิศใต้สมชื่ออีกทั้งคฤหาสน์หลังนี้ก็ไม่ได้มีเส้นทางสลับซับซ้อนหรือมีต้นไม้รกครึ้มสักเท่าใด หากเลือกมุมดีๆ แล้ว ยังพอที่จะมองเห็นเรือนพักของจวี๋ฮวาได้ชัดเจน ดังนั้น เหล่าแขกตาดีตามประสาผู้ฝึกยุทธจึงพลอยมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น และสิ่งที่คนตาไวที่สุดทันเห็นก็คือภาพบุรุษผู้เย็นชาอย่างร้ายกาจดึงร่างดรุณีน้อยพิลาศล้ำที่ปากก็บอกว่าเป็นลูกศิษย์เข้าหาตัว...แล้วกระชากเสื้อผ้านางออกจากร่างในครั้งเดียว!

คล้ายจ้าวหุบเขาผู้นั้นจะสัมผัสได้ถึงสายตาคนนอก หรือไม่ก็ไม่ต้องการให้ผู้ใดรบกวนเหตุการณ์หลังจากนั้น เขาสะบัดมือเพียงครั้ง ลมปราณอันทรงพลังก็ผลักประตูและหน้าต่างบานไม้ให้ปิดสนิทแน่น ยากจะสอดส่องเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายใน

นะ...นี่มัน...นี่มันใช่คู่ศิษย์อาจารย์ธรรมดาๆ ที่ไหนกัน!

ชัดเจน...ชัดเจนยิ่งนักว่าข่าวลือทั้งหมดนั่นเป็นความจริง!

อึ๋ย...ที่จริงยิ่งกว่าจริงก็คือจ้าวหุบเขาผู้นี้เป็นผู้หวงของมากเสียด้วย!

เมื่อคิดได้ดังนี้ บรรดาแขกเหรื่อของหุบเขาก็รีบเก็บสายตา ไม่กล้าแม้แต่จะลอบเหลียวดู ไม่กล้าทำตัวสอดรู้อีกต่อไป

แหม่...แต่เสียงร้องหวานๆ กับภาพเหตุการณ์ร้อนแรงเมื่อครู่ก็ช่าง...

เหล่าบุรุษผู้มีคุณธรรมต่างพยายามสลัดจินตนาการหยาบโลนออกจากห้วงคิด ทั้งอย่างนั้น ส่วนลึกในจิตใจก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า ในคืนค่ำย่ำน้ำค้างเช่นนี้ ท่านจ้าวหุบเขาผู้เย็นชาป่าเถื่อน จะเอาโทสะอีกกึ่งหนึ่งไปลงที่แม่นางน้อยผู้นั้นอย่างไรกันบ้างนะ?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 115

    อาจูเอนร่างพิงขอบบ่อ ทำตัวประหนึ่งกำลังนอนแช่สระสปา ปล่อยให้ชิ้นส่วนสมุนไพรแห้งทำหน้าที่ต่าง “ตัวอักษรศีลธรรม” ตัวหนังสือตัวโตๆ ที่พวกคนทำหนังสือการ์ตูนในบ้านเมืองอันเคร่งครัดในหลักศีลธรรมจรรยาชอบใช้ปิดทับภาพโป๊อล่างฉ่าง เพื่อลดระดับความโป๊เปลือยให้เหลือแค่ระดับกำลังวาบหวิว ไม่ชวนให้คนอ่านรู้สึกสยิวในอารมณ์เกินพอดีท่ามกลางเสียงน้ำหยดลงกระทบผิวน้ำเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ร่างอ้อนแอ้นในบ่อเหลียวมองเจ้างูเผด็จการที่ขดตัวอยู่ชิดผนังถ้ำ ภาพงูร่างใหญ่ขดตัวนิ่งสนิท แถมยังฟุบหัวลงคล้ายกำลังหลับฝันหวาน มองไม่เห็นลูกตา ทำเอาคนเพิ่งทำสมาธิสร้างจุดศูนย์รวมจักระมาทั้งคืนพลันนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้นอนอา...ในเมื่องูอย่างเจ้ายังนอนทำท่าเอื่อยเฉื่อยอยู่ได้ทั้งวัน ข้าแอบงีบสักพัก คงไม่เป็นไรกระมัง?ด้วยตรรกะประเภท “เจ้าทำได้ ข้าก็ต้องทำได้” อาจูจึงถือโอกาสแอบงีบในบ่อน้ำ มันเสียเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียง “ครืด” ยาวๆ ดังขึ้นหนึ่งครั้งพอขยี้ตามองหาอาจารย์กำมะลอ ก็ทันเห็นเพียงปลายหางสีดำสนิทเคลื่อนผ่านช่องประตูที่เธอก็เพิ่งจะรู้นี่แหละว่า

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 114

    หลี่หยางกวาดสายตาคะเนจากมุมสูง ทดลองทิ้งก้อนหินก้อนใหญ่ลงไปแบบเดียวกับหีบไม้เมื่อครู่ เมื่อสังเกตเห็นว่าก้อนหินตกกระทบพุ่มกิ่งไม้ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พุ่มกิ่งไม้อื่นๆ อีกหลายกิ่ง ก็แตะปลายเท้า ไต่ลงไปยังบริเวณนั้นทันทีบนพุ่มกิ่งไม้ไม่มีร่างลูกศิษย์มากปัญหา แต่ยังมีเศษผ้าจากชายกระโปรงนางติดค้างคากิ่งไม้แห้งๆ กิ่งหนึ่งไม่ผิดแน่...ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางพลัดตกลงมาที่นี่ร่างกายนางไม่ได้ติดค้างอยู่บนนี้ ไม่ได้ลอยอยู่ในน้ำ ไม่ได้นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นเย็นชืดด้านล่างเช่นนั้นความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ...นางยังมีชีวิตอยู่แต่เป็นที่ไหน?หลี่หยางดีดปลายเท้าไต่กลับลงไปในหุบเหวอีกครั้งหุบเหวแห่งนี้เป็นสถานที่ปิดตายอย่างแท้จริง แม้กินอาณาเขตกว้างขวางพอใช้ แต่ก็นับเป็นหุบเหวลับที่มีเพียงคนของหุบเขาเดียวดายที่อาจพบเห็น ทั่วทุกทิศไร้ทางออก หากร่วงหล่นลงไปแล้ว เด็กสาวไร้วรยุทธผู้หนึ่งก็มีแต่จะต้องพยายามปีนป่ายกลับขึ้นมาด้วยกำลังของตนเองเท่านั้นวัดจากพละกำลังของร่างกายนั้นและประสบการณ์กา

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 113

    เหนือหน้าผาสูงชันเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียวอ่อนโปร่งสวย...ร่างในชุดสีน้ำเงินเข้มยืนตระหง่านจ้องมองหีบไม้ใบใหญ่ร่วงลงสู่ก้นเหวลึกสุดหยั่ง สีหน้านิ่งเรียบดูเย็นชา ชวนให้นึกถึงรูปสลักน้ำแข็งพันปีไม่รอจนได้ยินเสียงหีบที่ตนเพิ่งโยนลงไปร่วงลงกระทบผืนน้ำ หลี่หยางดีดปลายเท้ากระโดดลงหน้าผา อาศัยพุ่มไม้และก้อนหินที่ลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ ช่วยพยุง ทุกการเคลื่อนไหวดูคล่องแคล่ว ราวกับเคยทำแบบนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนไม่นานนัก ร่างสง่างามก็ไต่ลงมาถึงก้นเหวเวลานี้หีบไม้ร่วงลงในน้ำเรียบร้อยแล้วดูเหมือนตอนตกกระแทกผิวน้ำจะรุนแรงเกินไป ฝาหีบจึงเปิดอ้า ปลดปล่อยทองคำจำนวนหนึ่งให้ดำดิ่งลงสู้ก้นสระสีมรกตอย่างอิสระเสรี สระน้ำก้นเหวที่มีคราบตะไคร้ขึ้นตามหินก้นสระจนขับให้น้ำสีใสสะท้อนแสงแดดเปล่งประกายสีเขียว พลันดูคล้ายมีประกายสีทองเรืองรองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มองแล้วดูคล้ายอัญมณีที่ส่องประกายใต้แสงแดดหลี่หยางเมินเฉยต่อภาพงดงามนั้น สาวเท้าเข้าหาเนินหินใหญ่โตใต้ผาบริเวณที่แสงสีทองจากสระน้ำส่องกระทบ คุกเข่าลงคำนับสามครั้ง ก่อนปลดขวดน้ำเต้าบรรจุสุราสาลี่ที่เอวออกมารินราดรดด้

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 112

    กระนั้นจ้าวเหว่ยซงก็ไม่คิดว่าบุรุษที่พุ่งทะยานนำหน้าตนจะเป็นผู้คิดอ่านเรียบง่ายเช่นนั้น นอกจากนี้ แม้ตำหนักพันพิษจะเป็นค่ายพรรคมารก็ใช่ว่าจะยินยอมรับงานจากผู้ใดโดยง่าย ยิ่งเรื่องเข้ารับใช้แผ่นดินหนึ่งแผ่นดินใดด้วยแล้ว นับว่าผิดวิสัยพรรคมารอันเย่อหยิ่งที่ก่อร่างสร้างตัวอยู่ในสถานที่ที่รายรอบด้วยทะเลทรายอันแห้งแล้ง ปกครองตนเองเสมือนหนึ่งชนเผ่าอิสระย่อมๆ ชนเผ่าหนึ่งก็ไม่ปานรองแม่ทัพจ้าวสงสัยยิ่งนัก ว่า “กุนซือหวาง” ผู้พุ่งทะยานนำหน้าด้วยแววตามั่นอกมั่นใจถึงเพียงนั้น ไปเอาความเชื่อมั่นเช่นนี้มาจากที่ใดขณะกระโดดข้ามหุบเหวเคียงกัน จ้าวเหว่ยซงอดออกปากถามไม่ได้“กุนซือหวาง...ท่านมีวิธีทำให้ประมุขตำหนักพันพิษยอมช่วยเหลือฝ่ายเราอย่างนั้นรึ?”“เรื่องนั้นยังไม่แน่นอนนัก เพียงแต่ข่าวลือพวกนั้นช่างน่าสนใจยิ่ง” หวางมู่ตอบตามตรงนอกจากข่าวเล่าลือเรื่องลูกศิษย์ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นสตรีของจ้าวหุบเขา กับเรื่องนายน้อยสกุลซุน ยังมีเรื่องที่ประมุขตำหนักพันพิษมาพำนักที่นี่อยู่อีกเรื่องจากข่าวสารที่พวกเขาได้รับ...ก่อนหน้าที่พวกเ

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 111

    ท่ามกลางความเงียบงัน กุนซือหน้าหยกเอ่ยเสียงไม่ดัง ไม่เบา “จ้าวหุบเขาผู้นั้น ดูจะเร่งรีบเกินไปหน่อยหรือไม่...?” หวางมู่ยกมือจับคางตัวเองเบาๆ “เจ้าว่าคนผู้นั้นรีบร้อนถึงเพียงนั้นเพราะเหตุใด เพราะอยากรีบออกตามหาดรุณีน้อยในข่าวลืออย่างนั้นรึ?”ก่อนหน้านี้ ผู้คนในโรงเตี๊ยมใกล้ลานชุมนุมชาวยุทธไม่ไกลจากหุบเขา ล้วนพูดถึงสตรีเยาว์วัยผู้หนึ่งซึ่งจ้าวหุบเขาเดียวดายประกาศไว้ว่า“หากผู้ใดพบเห็นสตรีเช่นที่กล่าวถึงและพาตัวนางกลับมาส่งโดยปลอดภัย หรือแม้จะมีข่าวสารใดมอบให้แม้เพียงนิด ก็จะมอบรางวัลให้อย่างงาม”เมื่อเข้าไปสอบถามจึงพบว่า แม้จะบรรยายรูปลักษณ์และอุปนิสัยตลอดจนกิริยาอาการของนางละเอียดนัก จ้าวหุบเขาผู้นี้กลับไม่ยอมทิ้งภาพเขียนใบหน้านางเอาไว้สักฉบับแม้ต่อมาจะมีชาวบ้านหาของป่าที่เคยพบหน้านางพยายามชี้แนะศิลปินผู้ผ่านทางให้ทดลองวาดภาพจำลองจากความทรงจำ จ้าวหุบเขารู้เข้า ไม่เพียงไม่รู้สึกขอบคุณยังบุกทำลายภาพเขียนเหล่านั้นและสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดวาดรูปนางทั้งสิ้น ผู้คนจึงได้แต่ส่ายหน้าแล้วพูดกันลับหลังว่า "ท่านจ้าวหุบเขาช่างห

  • นางมารน้อยข้ามภพ   บทที่ 110

    “จ้าวหุบเขาช่างเข้าใจพูดจานัก”“ข้าล้วนคิดใคร่ครวญตามถ้อยคำกุนซือหวางทั้งสิ้น”ฝีปากของจ้าวหุบเขาผู้นี้... รองแม่ทัพเห็นท่าจะไม่ดี รีบเอาตัวเข้าแทรกการสนทนาบรรยากาศตึงมึนนี้อย่างทันท่วงที “ที่จ้าวหุบเขาเอ่ยมานั้นชอบแล้ว เมื่อพิจารณาตามถ้อยคำกุนซือหวาง หุบเขาเดียวดายก็ยากจะนับว่าอยู่ในอาณาจักรหนึ่งอาณาจักรใดจริงๆ” เขาประสานมือคารวะเจ้าของสถานที่ กิริยายิ่งกว่านอบน้อมหากคนอื่นๆ ณ ที่นี่ใบหน้าดำคล้ำเหมือนเปื้อนหมึก สีหน้าท่านรองแม่ทัพในยามนี้ก็ดำคล้ำและแข็งเกร็งราวกับแท่งหมึกเลยทีเดียว“ท่านจ้าวหุบเขา” จ้าวเหว่ยซงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม จริงจัง “บิดาข้านั้นเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านยิ่งนัก ตัวข้าเองที่ได้ยินชื่อเสียงท่านมาร่วมสิบปีก็ศรัทธาในตัวท่านเหลือจะกล่าว หากชาตินี้ไม่อาจร่วมรบก็คงได้แต่เสียใจที่ไร้วาสนา...”“รองแม่ทัพช่างเจรจายิ่งนัก เสียแต่ที่เรื่องการทหารดูจะเหลือบ่ากว่าแรงจนเกินไป อีกทั้งตัวข้ายังไม่มีเวลามากพอจะอยู่ฟัง หากพวกท่านมีธุระเท่านี้ เห็นทีจ้าวหุบเขาเช่นข้าต้องขอตัว&rd

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status