เมื่อโบ๋ตั๋น องุ่น และหลินหลิน สามสาวผู้ที่ติดซีรี่ส์เป็นชีวิตจิตใจ ได้นัดกันบินลัดฟ้าไปเที่ยวตามรอยซีรี่ส์และไปหาผัวเอ้ยไปส่องผู้ชาย หวังให้หัวใจดวงน้อยๆได้กระชุ่มกระชวย แต่ต้องมีอันซวยเมื่อตื่นมา...
View Moreณ สนามบินแห่งหนึ่งในประเทศไทย
"เมื่อไหร่ไอ้โบตั๋นจะมาสักที รอนานแล้วเนี่ย เก้าโมงไม่มีจริงสินะ" เสียงบ่นของสายสวยที่ชื่อว่าองุ่น ผู้มีใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก ผิวขาวและตัวเล็ก ราวกับหลุดออกมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นพูดขึ้น "โธ่ ไอ้องุ่น แกจะบ่นทำไมวะ ฉันบอกแล้วให้นัดไอ้โบตั๋นก่อนสองชั่วโมงแกก็ไม่เชื่อ" หลินหลินผู้ที่มีตาชั้นเดียวแต่เฉี่ยว ทำให้ดูเป็นสาวเปรี้ยว ผิวขาว รูปร่างสมส่วนพูดพร้อมตบบ่าองุ่นและทำหน้าเหมือนว่าให้ทำใจเสียเถอะ "เหอะ...ลำไย" องุ่นบ่นแล้วนั่งทำหน้าเซ็งๆ "มาแล้วค่า~ คุณเพื่อนขา~" โบตั๋นผู้ที่มีใบหน้าสวยหวาน ผิวขาว อกเป็นอก เอวเป็นเอว ตูดเป็นตูดหรือที่เรียกกันว่าหุ่นนาฬิกาทรายพูดด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อยและวิ่งเข้ามาหาเพื่อนๆที่นั่งรออยู่ราวกับอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ แต่พอเห็นหน้าขององุ่นที่ทำหน้าตาบึ้งตึงจึงรีบไปกอดแขนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆว่า "องุ่นคนดี อย่าโกรธโบตั๋นสุดสวยเลยน้า~" พูดจบก็ยื่นหน้าไปหอมแก้มองุ่น "อี๋~ ไม่ใช่ผู้ชายอย่ามาง้อฉันอย่างนี้" องุ่นดันใบหน้าของโบตั๋นออกและรีบลุกมาหลบอยู่ข้างหลังหลินหลิน "ไม่โกรธมันแล้วใช่ป่ะ" หลินหลินหันไปถามองุ่น "ไม่โกรธแล้วๆ ไปกันเถอะ ฉันเหม็นน้ำลายมัน" องุ่นรีบพูดแล้วรีบลากกระเป๋าไปเช็คอิน โบตั๋นจึงหัวเราะแล้วหันมาขยิบตาให้ฉัน "ปิ๊ง" "ทำไมวันนี้มาสายล่ะ" หลินหลินหันไปถามด้วยความสงสัยเพราะปกติแม้จะสายบ้างแต่ก็ไม่เคยสายเกือบชั่วโมงอย่างนี้ "คิกๆ ฉันมาสายเพราะเตรียมของไว้ให้พวกแกไง" โบตั๋นหัวเราะพร้อมทำท่าทางมีลับลมคมใน "อะไรวะ" ฉันถาม "ความลับ" โบตั๋นพูดพร้อมเอานิ้วชี้มาแตะที่ริมฝีปากตนอย่างสวยๆ จากนั้นก็ลากกระเป๋าตามองุ่นไป "อะไรของมันวะ" หลินหลินทำหน้างงแล้วลากกระเป๋าตามเพื่อนทั้งสองคนไป หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว พวกเราก็นั่งรอขึ้นเครื่อง ระหว่างที่รอก็เม้ามอยถึงซีรี่ส์จีนหลายๆเรื่องจนกระทั่งได้ขึ้นเครื่องบินและนั่งตรงที่นั่งของตัวเอง โดยที่องุ่นนั่งริมหน้าต่าง หลินหลินนั่งกลาง โบตั๋นนั่งริมฝั่งทางเดิน "ตื่นเต้นจังเลยอ่ะ" หลินหลินพูดขึ้น "ฉันก็เหมือนกัน อีกนิดเดียวก็จะได้สูดอากาศเดียวกันกับผู้ชายของฉันแล้ว" โบตั๋นทำหน้าฟิน "โอ๊ย อยากให้ถึงเร็วๆจัง"องุ่นพูดขึ้น แล้วทั้งสามก็นั่งซุบซิบกันเบาๆเนื่องจากเกรงใจผู้โดยสารคนอื่น คุยไปคุยมาก็ถึงที่หมายแล้ว เมื่อลงจากเครื่องและได้กระเป๋าเดินทางมาแล้ว ทั้งสามก็เดินออกจากสนามบิน โบตั๋นหยุดยืนแล้วกางแขนทั้งสองข้างออกพร้อมหลับตาแล้วพูดว่า "นี่สินะ กลิ่นประเทศของผัว หึหึ สูด~" พูดจบก็สูดอากาศเข้าไปเต็มปอด "อุแหวะ...แค่กๆ แค่กๆ....ทำไมอากาศมันเหม็นวะ" โบตั๋นลืมตาขึ้นมาทั้งไอทั้งสำลักจนหน้าดำหน้าแดง จะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนทั้งสองคนพวกมันก็ไม่อยู่ ได้ยินเสียงแต่เสียงหัวเราะดังมาจากที่ไกลๆ"ฮ่าๆ ฮ่าๆ" "จะไม่เหม็นได้ไงวะ แกไปสูดอากาศตรงนั้นน่ะ ไม่เห็นเหรอว่ามันมีขี้หมา ฮ่าๆ" องุ่นหัวเราะลั่น "ทำไมพวกแกไม่บอกฉันวะ ขมคอเลยเนี่ย แหวะ" โบตั๋นบ่นแล้วรีบลากกระเป๋าเดินเข้ามาหาเพื่อนของตน "ฮ่าๆ สมน้ำหน้า แกชอบทำท่าทางประหลาดดีนัก ฉันกับไอ้องุ่นอายคนเลยรีบเดินหนีแกอ่ะ" หลินหลินหัวเราะ "ยัยเพื่อนทรยศ...แล้วยัยคนนั้นน่ะจะหยุดหัวเราะได้ยัง เดี๋ยวก็ขาดอากาศหายใจตายหรอก" โบตั๋นพูดอย่างเคืองๆก่อนจะหันไปมององุ่นที่ยังหัวเราะอยู่ (눈‸눈) "เออๆ หยุดหัวเราะแล้ว อุ๊บส์ ฮ่าๆๆๆ" องุ่นพูดขึ้นพร้อมกับเอามือปิดปากตัวเองแต่ก็กลั้นขำไม่ไหวหัวเราะลั่นอีกครั้ง "ยัยองุ่นมันโดนตัวไหนมาวะเนี่ย ขำไรขนาดนั้นอ่ะ=_=" หลินหลินบ่นพึมพำ เมื่อรอองุ่นหัวเราะจนเสร็จ แล้วก็พากันเดินลากกระเป๋าไปขึ้นแท็กซี่ "ไปโรมแรงxxxค่ะ" "ครับ" ทั้งสามคนนั่งแท็กซี่มาราวๆชั่วโมงกว่าก็ถึงที่หมาย "ถึงสักที" โบตั๋นเดินลงจากรถแล้วมายืนยืดเส้นยืดสาย "นอนก่อนนะ ค่อยออกไปหาอะไรกินกัน" หลินหลินหันไปบอกเพื่อนทั้งสองคน "ได้ๆ แต่ตอนนี้พวกเราเข้าไปเช็คอินที่โรงแรมกันก่อนเถอะ" องุ่นพูดแล้วลากกระเป๋าเดินนำหน้า "ว้าว~ มีบรรยากาศจีนๆอยู่แฮะ" โบตั๋นชี้การตกแต่งของโรงแรมที่มีโคมไฟสีแดงห้อยอยู่ตรงตามชั้นต่างๆของโรมแรม บนฝาผนังมีรูปมังกรวาดอยู่บนผนัง จากนั้นจึงพูดว่า "พวกแกๆ สิบนาฬิกา" "ขวับ" องุ่นกับหลินหลินรีบหันไปมองทางด้านขวามือก็เจอหนุ่มจีนหน้าตาดียืนอยู่หนึ่งกลุ่ม ในกลุ่มมีประมาณ5-6คน "พวกแกนี่ อย่าหันไปแบบนี้สิเขาก็รู้ตัวกันพอดี" โบตั๋นส่ายหน้าอย่างเอือมๆ "โอ๊ย ผู้ที่นี่งานดีมากค่ะแม่ สาธุ ขอบคุณแม่ที่ทำให้ลูกเกิดมา" องุ่นพูดพร้อมทำท่าพนมมือไหว้ด้วยใบหน้าที่ซาบซึ้ง "ใจเย็นๆค่ะเพื่อน อย่าให้เกินงาม เดี๋ยวผู้ชายกลัว เข้าใจแล้วใช่ไหม" โบตั๋นหันมาบอกหลินหลินกับองุ่น ทั้งสองคนจึงพยักหน้า "ฮาย~ ซ่วยเกอ หนี่เมินเสี่ยงเหย้าเหล่าผอมา? (ฮาย~ คนหล่อ พวกคุณต้องการภรรยาไหม?)" โบตั๋นหันไปโบกไม้โบกมือทักทายพร้อมขยิบตา "ไอ้บ้า!!! องุ่นพูด "โอ๊ย หัวจะปวด" หลินหลินพูด "ฮ่าๆ" ผู้ชายกลุ่มนั้นหัวเราะ จากนั้นจึงมีผู้ชายในกลุ่มนั้นเดินมาขอเพิ่มเพื่อนในแชทเพื่อเอาไว้ติดต่อคุยกัน "บ๊ายๆ ไว้จะทักไปนะคะ" โบตั๋นโบกมือไม้โบกมือแล้วยิ้มหวานหยดย้อย ผู้ชายกลุ่มนั้นก็เดินออกจากโรมแรมไป "นี่แกกล้าทำแบบนี้ได้ไงเนี่ย" องุ่นบ่น "คติประจำใจของโบตั๋นคนนี้ก็คือ...ด้านได้อายอดค่ะ แล้วที่บ่นเนี่ย ดีหรือไม่ดีคะคุณองุ่น" "ดีสิ คิกๆ ฉันขอผู้ชายเสื้อดำนะ" องุ่นหัวเราะคิกคักแล้วชูนิ้วโป้งให้โบตั๋น "งั้นฉันขอคนใส่แว่น" หลินหลินพูด ทั้งสามจึงมองหน้ากันแล้วหัวเราะ แต่หัวเราะได้ไม่นานก็มีข่าวร้ายจากพนักงานว่าห้องเต็ม หลังจากพูดคุยกันแล้วก็ทราบว่าปัญหาคือพวกเราจองโรงแรมผ่านแอพxxxซึ่งเป็นตัวกลางในการจอง แต่โรงแรมได้ยกเลิกการให้จองโรงแรมผ่านแอพxxxแล้ว แต่แอพxxxไม่ยอมลบโรงแรมนี้ออก จึงทำให้ผู้ที่พักยังคงเห็นโรงแรมนี้อยู่ พูดง่ายๆก็คือซวย แต่ก็ยังดีที่พวกเราเลือกจ่ายเงินในวันพักจึงยังไม่ต้องเสียเงินสักบาท "งั้นจองโรงแรมหนึ่งห้อง 3เตียงค่ะ" หลินหลินพูดกับพนักงานโรงแรม "เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะคุณลูกค้า เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น ที่พักของโรงแรมจึงเต็มหมดเลยค่ะ" พนักงานสาวพูดขึ้น "แล้วโรมแรมแถวนี้ล่ะคะ ช่วยติดต่อสอบถามให้หน่อยได้ไหมคะ" โบตั๋นพูด "ได้ค่ะ สักครู่นะคะ" พนักงานสาวรับคำแล้วเดินไปปรึกษากับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งดูแล้วท่าทางจะเป็นหัว หน้า จากนั้นพนักงานสาวจึงกดโทรศัพท์เพื่อติดต่อหาโรงแรมให้พวกเรา แต่โทรไปเป็นสิบๆโรงแรมก็เต็มหมด พนักงานผู้ชายที่เป็นหัวหน้าจึงพูดว่า "อันที่จริง ญาติผมมีที่ที่พักอยู่ แต่ห่างจากใจกลางเมืองไป30กิโล ถ้าพวกคุณตกลงผมจะเรียกรถให้ไปส่งที่บ้านพักทันทีครับ" "ฉันจะรู้ได้ไง ว่าคุณไม่หลอกพวกเรา" หลินหลินทำท่าทางไม่ไว้ใจ "นี่บัตรพนักงานของผมครับ พวกคุณเก็บไว้ก่อนก็ได้" พนักงานพูดอย่างจริงใจ พร้อมยื่นบัตรพนักงานให้ "ที่พักของญาติคุณราคาเท่าไหร่คะ?" องุ่นถามขึ้นแต่ไม่ได้รับบัตรมา "คืนละ600บาทครับ" "ขอดูรูปห้องพักหน่อยค่ะ" โบตั๋นทำท่าทางสนใจ พนักงานชายจึงหยิบรูปจากโทรศัพท์ให้ดู ทั้งสามคนจึงชะโงกหน้าเข้าไปดูมือถือ ก็เห็นว่าเป็นบ้านพักสไตล์จีนโบราณ "ถูกแบบแปลกๆนะแก" หลินหลินพูด "ถูกก็ดีแล้วนี่นา" องุ่นพูด "ฉันก็ว่าดี องุ่นก็ว่าดี มีสองเสียง เพราะฉะนั้นพวกเราพักที่นี่นะ ไกลหน่อยแต่ดีกว่าไม่มีที่นอน" โบตั๋นพูด หลินหลินที่ลังเลอยู่โดนเพื่อนทั้งสองรบเร้าจึงตอบตกลงด้วยความจำใจ "พวกคุณไปซื้อของกินมาตุนก่อนก็ได้นะครับ แถวนั้นร้านค้าปิดไว" พนักงานชายบอก "ค่ะ" ทั้งสามตอบรับแล้วเดินเข้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่ด้านข้างโรมแรม "เดี๋ยว...แกจะเหมาทั้งร้านเลยเหรอไงฮะไอ้หลินหลิน" โบตั๋นทักหลินหลิน ที่เดินผ่านขนมอันไหนก็แทบจะหยิบมาใส่ตะกร้าทุกชิ้น "ถ้ามีเงินเยอะก็อยากเหมาอยู่ แกก็รู้สิ่งที่ฉันไม่ชอบที่สุดคือการหิว ถ้าไม่ได้กินฉันได้เป็นลมพอดี" หลินหลินตอบโบตั๋น "เป็นลมก็ดีสิจะได้เย็นๆ คิกๆ" องุ่นหัวเราะให้กับมุกของตน ".........." หลินหลินกับโบตั๋นมองหน้ากัน พร้อมส่งสายตาเกี่ยงกันว่า 'ยัยองุ่นเป็นเพื่อนของเธอไม่ใช่ของฉัน'=_= หลังจากนั้นทั้งสามก็หอบของพะรุงพะรังออกจากร้านสะดวกซื้อ ยืนรอรถอยู่ที่ด้านหน้าโรงแรม ข้าวของเยอะจนคนอื่นต้องคิดว่าย้ายบ้านแน่ๆ แต่ความจริงแล้วมาเที่ยวแค่หนึ่งอาทิตย์ เนื่องจากว่ากว่าทั้งสามจะหาเวลาตรงกันได้ค่อยข้างยาก "บรื้น~" รถยนต์สีดำขับเข้ามาจอด คนขับรถเดินลงมาแล้วพูดว่า "ใช่คนที่จองบ้านพักหลังนี้หรือเปล่าครับ" พูดจบก็ยื่นรูปบ้านให้ดู "ใช่ค่ะ" ทั้งสามตอบ คนขับรถจึงรีบมาช่วยยกกระเป๋าใส่ไว้ที่หลังรถ เมื่อเสร็จจึงออกเดินทาง แต่รถค่อนข้างติดกว่าจะถึงก็เกือบหนึ่งชั่วโมง มาถึงบ้านพักฟ้าก็มืดแล้ว "เดินเข้าไปได้เลยครับ มีพนักงานต้อนรับอยู่" หลังจากที่ขนของลงจากรถให้ คนขับรถจึงพูดขึ้น พวกเราสำรวจรอบบริเวณก็พบว่าบ้านหลังนี้ตั้งตระหง่านอยู่ท้ายซอย สองข้างทางเป็นต้นไม้ ต้องเดินเกือบหนึ่งโลจึงจะเจอร้านค้าสักร้าน "บ้านอะไรวะเนี่ย ตั้งอยู่ซะไกลเลย" องุ่นพูดขึ้นพร้อมแหงนมองบ้านพัก มีป้ายตัวอักษรสีทองอยู่หน้าทางเข้าบ้านจึงอ่านออกเสียง "จี๋เสียงหยูอี้" "สมหวังในโชคชะตา" โบตั๋นพูดคำแปล จากนั้นจึงจับมือมาประกบกันแล้วทำหน้าเคลิ้มฝันแล้วพูดต่อว่า "ชื่อที่พักนี้ดีมากเลยอ่ะ แสดงว่าฉันจะเจอเนื้อคู่แล้วใช่ไหม คิกๆ" "ขอคนหล่อๆ รวยๆ มีอำนาจนะ คิกๆ" โบตั๋นพูดขึ้นอีกครั้งแล้วทำท่าเหมือนอธิษฐานขอพร "มีอำนาจขนาดไหนล่ะ" จู่ๆเสียงของชายชราก็ดังขึ้น สามสาวตกใจกรีดร้องเสียงดังพร้อมกอดกันกลม "เข้าบ้านมาสิ มาพักที่นี่ไม่ใช่เหรอ" เสียงชายชราดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งสาวคนจึงค่อยๆหรี่ตามอง ก็พบว่าชายชราคนนั้นเป็นคนเหมือนกันจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก "ฟู่วววว" "คุณปู่เป็นคนดูแลที่เหรอคะ" โบตั๋นเดินเข้าไปทักพร้อมยิ้มแย้มแจ่มใส และที่เรียกว่าคุณปู่เพราะเขามีผมยาวสีขาว หนวดสีขาว ผิวหนังเหี่ยวย่น "ใช่" "งั้นพวกหนูไปพักกันได้แล้วใช่ไหมคะ" โบตั๋นถามชายชราอีกครั้ง แล้วคิดในใจ 'ที่นี่เริ่ดนะ ขนาดคนดูแลยังต้องใส่ชุดจีนโบราณเพื่อให้เข้ากับสถานที่อีกด้วย' "ยัง...ก่อนจะไปพักต้องมาเลือกของก่อน" ชายชรากวักมือเรียก "หืม อะไรเหรอคะ" หลินหลินถามด้วยความอยากรู้ ชายชรายิ้มมุมปากแล้วเดินนำเข้าไปในห้องเล็กๆห้องหนึ่งแม้จะดูเก่าแต่ก็สะอาดสะอ้านเหมือนว่าได้รับการดูแลอย่างดี ชายชราเดินไปเปิดผ้าคลุมสีเทาทึบออก ก็ปรากฎตู้กระจกที่ภายในมีสิ่งของโบราณต่างๆอยู่ภายใน ไม่ว่าจะเป็นพัด แหวน ป้ายหยก ดาบ มีดสั้น ฯลฯ "เชิญเลือก" ชายชราผายมือ "ทำไมพวกหนูต้องเลือกด้วยคะ?" องุ่นรู้สึกระแวงแปลกๆ จึงมองชายชราตาเขม็ง "เป็นของกำนัลจากที่พักแห่งนี้ ให้ฟรีไม่คิดเงิน" ชายชราพูด เมื่อทั้งสามได้ยินคำว่า "ฟรี" จึงสลัดความคิดระแวงทิ้งไป และต่างคนก็ต่างเลือกสิ่งของที่ตัวเองชื่นชอบ "หนูเลือกอันนี้ค่ะ" องุ่นบอกชายชราแล้วชี้ไปที่ป้ายหยกจีน ชายชรายิ้มแล้วพูดว่า "นี่เป็นป้ายหยกห้อยเอวของแม่ทัพจางเหว่ย" "แม่ทัพเหรอ...อย่างนี้ซิคแพคต้องแน่นน่ะสิ หูย~" องุ่นหัวเราะพลางนึกถึงซีรี่ส์เรื่องโปรดที่พระเอกในดวงใจของเธอแสดงเป็นแม่ทัพ "หนูก็เอาป้ายหยกอันนี้ค่ะ" หลินหลินชี้ไปป้ายหยกห้อยเอว ชายชรามองแล้วพูดว่า "นี่เป็นป้ายหยกห้อยเอวของท่านอ๋องเซียวหรง "ท่านอ๋องเหรอ ขอคนที่มีอำนาจแล้วกัน ไม่เอาพวกเหยาะแหยะนะ" หลินหลินพูด "หนูเอาอันนี้ด้วย ป้ายหยกลายมังกร" โบตั๋นชี้ไปที่ป้ายหยก ชายชราจึงถามว่า "มังกรคือสัญลักษณ์ของฮ่องเต้" "หนูรู้ค่ะ...เพราะหนูเนี่ยแหละที่เหมาะกับตำแหน่งฮองเฮา" โบตั๋นพูดอย่างมั่นใจ "ทำไมแกถึงคิดว่าเหมาะ" องุ่นถาม "ก็ฉันเป็นสวย ฉันเลยต้องเป็นฮองเฮา" โบตั๋นพูด "ตรรกะอะไรของมันวะ=_=" องุ่นทำหน้างง "สวยอย่างเดียวไม่พอต้องฉลาดด้วย" หลินหลินพูด โบตั๋นจึงพูดด้วยความมั่นใจว่า "ฉันสวย" พูดจบก็สะบัดผม แต่สักพักก็ทำหน้าหงอยแล้วพูดว่า "แต่นอกจากความสวย ฉันก็ไม่มีอะไรดีแล้วอ่ะ ฮือๆ พระเจ้าประทานความสวยแต่ไม่ยอมประทานสมองให้หนู" โบตั๋นรำพึงรำพัน "หมอประทานให้แกจ้า ไม่ใช่พระเจ้า" องุ่นพูด โบตั๋นจึงหยุดเล่นละครแล้วพูดว่า "เออก็จริงว่ะ หน้าทำที่เกาหลี นมที่ยัดมา500ซีซี ไหนจะสะโพก ไหนจะเอว แต่ยังไงก็สวยเพอร์เฟคล่ะวะ" "มั่นหน้า" หลินหลินกับองุ่นพูดพร้อมกัน ทั้งสามคนจึงหัวเราะออกมา จากนั้นชายชราจึงหยิบหยกให้ทั้งสามแล้วพูดยิ้มๆว่า "ขอให้นอนหลับฝันดีนะ...อ้อ ป้ายหยกนี้อย่าลืมวางไว้ตรงหัวเตียงล่ะ" "ค่ะ" ทั้งสามคนขอบคุณชายชรา แล้วพากันลากกระเป๋าเข้าไปเลือกห้องนอน โดยทั้งสามเลือกที่จะนอนห้องเดียวกันแต่คนละเตียง เมื่อจัดของเสร็จจึงมานั่งกินขนมและพูดคุยกัน "แกว่าพวกเราจะทะลุมิติเหมือนในซีรีส์ป่ะ" โบตั๋นทำหน้าทะเล้นแล้วถามเพื่อนทั้งสอง "โอ๊ย ใครก็ได้เอาไอ้โบตั๋นไปเก็บที ดูซีรีส์จนเพ้อเจ้อไปหมดแล้ว นี่มันชีวิตจริงไม่ใช่ละคร มาทะลุมิติบ้าบออะไร" องุ่นเขกหัวโบตั๋นเบาๆ "สมน้ำหน้า เพ้อเจ้อดีนัก ฮ่าๆ" หลินหลินหัวเราะ โบตนจึงมองค้อนเพื่อนทีเล่นทีจริง แล้วลุกไปหยิบย่ามเล็กๆในกระเป๋ายื่นให้เพื่อนคนละใบ "นี่อะไรเหรอ" หลินหลินถาม "อ๊ะ อย่าเพิ่งแกะ ไว้แกะวันกลับบ้าน" โบตั๋นรีบร้องห้ามแล้วหยิบของไปไว้บนเตียงนอนของเพื่อนทั้งสองคนและถามว่า"พวกแกซื้อเหล้ามาใช่ป่ะ มาดื่มกันหน่อย ไม่เมาไม่หลับค่า~" "ดีค่า~" หลินหลินพูด "เริ่ดค่า~" องุ่นพูด หลังจากนั้นทั้งสามก็นั่งดื่มเหล้าจนถึงตีสาม ต่างคนก็ต่างเดินซวนเซไปนอนที่เตียงของตน โดยหารู้ไม่ว่าชีวิตของตนจะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล...ครึ่งปีต่อมา ราษฎรต่างพากันเดินทางมายังชายแดนของแต่ละแคว้น เนื่องจากในวันนี้จะมีการลงนามสัญญาสงบศึกของทั้งสามแคว้น ซึ่งเริ่มจากแคว้นหลงที่ฮ่องเต้เฟยหรงส่งพระราชสาส์นมายังฮ่องเต้ของแคว้นเว่ยต้าและแคว้นซีฮัน โดยเนื้อหาสำคัญก็คือการที่ราษฎรของทั้งสามแคว้นอยู่เป็นสุข ไม่ต้องรับความเดือดร้อนใดๆจากสงครามระหว่างแคว้นอีกต่อไปแล้ว "ไฮ~" โบตั๋นโบกไม้โบกมือให้ราษฎรที่มารอชมฉากสำคัญของประวัติศาสตร์ระหว่างสามแคว้น โดยตอนนี้ฮ่องเต้เฟยหรงและโบตั๋นยืนอยู่ตรงรอยต่อระหว่างแคว้น แค่ก้าวมาอีกก้าวเดียวก็จะเป็นแคว้นเว่ยต้ากับแคว้นซีฮันแล้ว"โบกมือเป็นนางงามเลยนะแก คิกๆ" หลินหลินที่ยืนอยู่กับท่านอ๋องเซียวหรงอยู่ที่ด้านหลังฮ่องเต้พูดแล้วหัวเราะเบาๆกับท่าทางของเพื่อน"คิกๆ" องุ่นที่ยืนอยู่กับแม่ทัพจางเหว่ย และยืนอยู่ด้านหลังฮ่องเต้แคว้นซีฮันหัวเราะเพื่อนทั้งสองเบาๆ "เริ่มพิธี" เสียงขันทีแคว้นหลงประกาศ ฮ่องเต้เฟยหรงจึงก้าวข้ามเขตแดนของตนมายืนอยู่ในเขตแดนของทั้งสองแคว้น ฮ่องเต้ทั้งสองเห็นอย่างนั้นจึงก้าวข้ามเขตแดนของตนด้วย ทั้งสามแคว้นหยุดอยู่ตรงกลางซึ่งเป็นทางเชื่อมระหว่างแคว้นทั้งสาม ก่อนจะทำการจุดธู
หลังจากกลับวัง พวกเราก็รีบเข้าห้องมาอาบน้ำ ฉันอาบก่อนแล้วให้เขาอาบทีหลัง โดยฉันไปค้นกระเป๋าแล้วหยิบดิลโด้ที่พกมาด้วยมาเตรียมไว้ จากนั้นจึงแต่งหน้าด้วยความรวดเร็ว ปล่อยผมยาวสยาย แล้วเอาถุงน่องตาข่ายสีดำมาสวมครึ่งขา ก่อนจะมานอนอยู่บนเตียงเพื่อรอเขา "ฝ่าบาทเพคะ~" ฉันร้องเรียกเขาแล้วนอนโพสท่าราวกับนางแบบในนิตยสาร18+ โดยนอนตะแคงข้างพร้อมโชว์ก้นขาวจั๊วแล้วทำสีหน้ายั่วยวน เขาเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับกลืนน้ำลายลงหนึ่งอีก แล้วพูดว่า "เจ้ายั่วยวนเราเก่งนัก" เขาพูดจบก็ใช้มือบีบก้นฉันเบาๆ "ฝ่าบาทเคยเห็นสิ่งนี้ไหมเพคะ" ฉันหยิบดิลโด้ขึ้นมาพร้อมเปิดสั่น"อย่าเพิ่งสิเพคะ...ฝ่าบาทดูนี่เสียก่อน" "มันคืออะไร" เขาถามดวยความสงสัย "ฝ่าบาทว่า...สิ่งนี้มันดูเหมือนอะไรหรือเพคะ" ฉันถามยิ้มๆ "Banana ของเรา" "คิกๆ ใช่เพคะ" ฉันหัวเราะ ก่อนหันหน้ามาแยกขาออกกว้างแล้วใช้ดิลโด้ถูไถกลีบกุกลาบ "อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ" ฉันครางพร้อมทำหน้ายั่วยวน ก่อนจับนิ้วมือเขามาดูดเลีย "เจ้า" เขาพูดได้แค่นั้นก็ยิ้มมุมปากมองฉันอย่างชอบใจ แล้วจับใบหน้าฉันให้หันมาจูบเขา เข้าใช้ลิ้นสอดเข้ามาดูดรักพันเกี่ยวอย่างเร่าร้อน "จ๊วบๆ จ๊วบ" จากนั้
สองวันต่อมา วันนี้เป็นวันที่เดินทางไปชายแดน โดยการเดินทางครั้งนี้ไปแบบลับๆ มีผู้ติดตามเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ในระหว่างทางฝ่าบาทก็จะคอยสอบถามความเป็นอยู่ของชาวบ้านว่าเป็นอย่างไรบ้าง โดยไม่ได้บอกว่าตนเป็นผู้ใด เพียงบอกว่ามาจากพระราชวังเท่านั้น "เราอยากให้สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสามแคว้นสิ้นสุดลงสักที" เขาเอ่ยด้วยเสียงกลัดกลุ้ม เนื่องจากตลอดทางที่มาแม้จะพูดถึงเรื่องภัยธรรมชาติ แต่ส่วนใหญ่แล้วพูดถึงสถานการณ์ของสามแคว้น "แล้วฝ่าบาทคิดจะทำเช่นใดเพคะ" "ถ้าเป็นไปได้เราก็อยากจะสงบศึก...จะมีอะไรสำคัญไปกว่าราษฎรของเราอีกล่ะ" "ฝ่าบาทก็ทำให้เป็นจริงสิเพคะ ไม่แน่ว่าแคว้นอื่นๆก็อาจจะเช่นเดียวกับฝ่าบาท" ฉันยื่นมือไปกุมมือเขา "หากเป็นเช่นนั้นจริงๆก็ดียิ่ง เราจะเป็นผู้เริ่มส่งหนังสือสัญญาสงบศึกก่อน" "ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง" ฉันยิ้มกว้างและเกาะแขนเขาอย่างออดอ้อน หกวันต่อมา เดินทางมาหลายวันในที่สุดพวกเราก็มาถึงชายแดน วังของฝ่าบาทที่ชายแดนก็ยังคงงดงามวิจิตดังเช่นพระราชในเมืองหลวงเพียงแต่เล็กกว่าเท่านั้น ยังมีความสะดวกสบายอยู่เช่นเดิม สิ่งแรกที่ฉันทำคืออาบน้ำเพราะในระหว่างเดินทางได้อาบน้ำไม่กี่ครั
วันต่อมา ยามอู่ (11.00 - 12.59 น.) ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ก็แฝงไปด้วยความฟิน บอกตรงๆว่าคิดไม่ผิดที่เลือกเขา>..จากนั้นฉันก็อาบน้ำ แต่งตัว และกินข้าว ก่อนจะเดินออกจากตำหนักของฝ่าบาทและไปตำหนักฮองเฮา ในระหว่างทางที่เดินก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังตะโกนโห่ร้อง"นั่นเสียงอะไรน่ะ" ฉันถามหมิงจู "น่าจะเป็นเสียงฝึกยิงธนูของราชองครักษ์เพคะ หม่อมฉันได้ยินว่าฝ่าบาททรงเสด็จไปทอดพระเนตรด้วยเพคะ" "ยิงธนูเหรอ...น่าสนุกแฮะ" ฉันยิ้มกว้าง จากนั้นจึงเดินไปตามเสียง ก็มาถึงลานกว้าง ที่รอบด้านทำเป็นที่นั่งล้อมรอบเหมือนอัฒจันทร์ มีเป้าธนูขนาดกลางวางเร
ฉันกับองค์หญิงเฟยเจินนั่งรอฝ่าบาทอยู่ในตำหนัก เราต่างก็รู้สึกกังวล กลัวว่าฝ่าบาทจะได้รับบาดเจ็บ เพราะด้านนอกคงมีเสียงของการต่อสู้อยู่"ทำไมเสด็จพี่เฟยฉีต้องคิดก่อกบฏด้วย...ฮือๆ...เสด็จพี่เฟยหรงทรงดีต่อท่านมากแท้ๆ" องค์หญิงเฟยเจินร้องไห้ "เฮ้อ" ฉันถอนหายใจ ไม่รู้ว่าจะปลอบใจอย่างไร จึงได้แต่กอดปลอบองค์หญิงเฟยเจินพร้อมกับลูบหลังเบาๆ "ฮือๆ...ฮือๆ..." สองชั่วยามต่อมา ฝ่าบาทเดินเข้ามาในตำหนักด้วยชุดที่เปื้อนเลือด "เสด็จพี่" องค์หญิงเฟยเจินวิ่งเข้าไปกอดฝ่าบาทพร้อมกับร้องไห้โฮ "เจ้าอย่าร้องไห้เลย พี่ชายอย่างข้าเจ็บปวดหัวใจนัก...องค์หญิงของข้าเหมาะกับรอยยิ้มนะรู้หรือไม่" ฝ่าบาทลูบหัวองค์หญิงเฟยเจินอย่างแผ่วเบา ก่อนจะบอกข้ารับใช้ให้พาตัวองค์หญิงกลับตำหนัก หลังจากที่องค์หญิงเฟยเจินเดินออกไปแล้ว ฉันก็มองสำรวจเขาว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ "ฝ่าบาท..." ฉันเรียกเขาแล้วกอดเขาไว้ ก่อนจะร้องไห้เสียงดัง"หม่อมฉันกลัวว่าพระองค์จะ...ฮือๆ" "เจ้าห่วงใยเราขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน หืม?"เขาถามเสียงเรียบแต่มีแววหยอกล้อในน้ำเสียง "ฮือๆ..." ฉันทุบอกอกเขาแล้วมองเขาด้วยความโกรธแล้วพูดต่อว่า "เมื่อครู่หม
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่สระบัวด้านหลังวัง และกำลังยืนรอใครบางคนอยู่ "เจ้ามาแล้ว" เสียงทุ้มเอ่ยด้วยความดีใจ เขาก็คือองค์ชายเฟยฉีนั่นเอง "ข้าจะลงมือคืนนี้" ฉันยิ้มร้ายๆและมองสบตากับองค์ชายเฟยฉี "ดีมาก...ถ้าหากสำเร็จ...เจ้าก็จะเป็นฮองเฮาของข้า" เขาแสยะยิ้ม ใบหน้าที่ดูอ่อนโยนกลับบิดเบี้ยว รอยยิ้มของเขามันดูโรคจิตราวกับฆาตรในภาพยนตร์ที่เคยดู เล่นซะฉันขนลุกเกรียว "อย่าลืมที่สัญญาล่ะ" ฉันยิ้มกว้าง ก่อนจะมองซ้ายขวาแล้วรีบเดินจากมา วันนี้เป็นงานวันเกิดขององค์ชายเฟยฉี จึงมีการจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองภายในวัง ฉันเห็นพวกนางกำนัลวิ่งวุ่นกันแต่เช้า มองดูแล้วก็รู้สึกเหนื่อยตาม ฉันเดินตามทางไปเรื่อยๆจนมาถึงห้องทรงงานของฝ่าบาทก็พบว่าฝ่าบาทไม่อยู่ "ฝ่าบาทอยู่ที่ใดหรือ" ฉันถามคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอก"เสด็จไปที่สวนพะย่ะค่ะ" เมื่อได้ยินอย่างนั้นฉันจึงออกจากห้องทรงงานแล้วเดินไปที่สวน เห็นฝ่าบาทกำลังนั่งจิบชาในศาลาเก๋งจีนพลางชมดอกไม้ และมีบรรดาพระสนมนั่งและข้ารับใช้นั่งอยู่บนพื้นหญ้าด้านข้าง "ฝ่าบาทเพคะ ชาที่หม่อมฉันชงรสชาติดีหรือไม่เพคะ" เสียงออดอ้อนที่ฉันจำได้ว่าเป็นเสียงของพระสนมฉางดังขึ้
Comments