Share

๒ ความทรงจำร่างเดิม

last update Huling Na-update: 2025-10-25 00:55:18

ณ สกุลเซียว

ไป๋หว่านชิงเป็นเพียงบุตรสาวของตระกูลพ่อค้าที่ทำการค้าเปิดกิจการขายเครื่องปั้นเคลือบอยู่ในตลาด แม้เป็นเพียงสกุลพาณิชเล็กๆ หาได้มีเกียรติสูงส่งดังตระกูลขุนนางใหญ่ แต่ทว่าสวรรค์กลับประทานรูปโฉมอันงดงามให้ ที่ไม่ว่าผู้ใดที่เดินผ่านไปแล้วล้วนต้องเหลียวหลังหวนมอง

อีกทั้งยังมีวาทศิลป์การพูดจาละเมียดละไมอ่อนหวานจับใจ สามารถโน้มน้าวใจผู้คนให้ซื้อหาสินค้าได้โดยง่าย

ดังนั้น กิจการเครื่องปั้นเคลือบของสกุลไป๋จึงขายดิบขายดี มิใช่เพราะคุณภาพเพียงอย่างเดียว หากแต่ด้วยเสน่ห์การเจรจาของไป๋หว่านชิงเป็นสำคัญ

กระทั่งวันหนึ่ง…ในขณะที่ไป๋หว่านชิงเฝ้าร้านอยู่กับเหล่าคนงาน กลับถูกกลุ่มอันธพาลบุกเข้ามาก่อกวน หาได้หมายจะปล้นเครื่องปั้นราคาแพงไม่แต่กลับหมายจะฉุดนางไปเป็นภรรยาแทน!

ทว่าสวรรค์เหมือนกำหนดไว้ เมื่อบุตรชายคนรองของสกุลเซียว…คุณชายเซียวจิ้งอวิ๋นผ่านมาพอดีและได้ช่วยเหลือนางเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด

วันนั้นจึงเป็นวันที่ทั้งสองพบพานกันครั้งแรกและกลายเป็นรักแรกพบของทั้งสองฝ่าย

และไม่นานหลังจากนั้น คุณชายเซียวก็สร้างเรื่องอื้อฉาวไปทั่วเมือง หักหน้าสกุลเฟิ่งด้วยการประกาศยกเลิกการหมั้นหมายกับ เฟิ่งจิงหรงที่มีพันธะสัญญาไว้ แล้วหันไปยกแม่สื่อไปสู่ขอคุณหนูไป๋แทน!

เรื่องนี้ผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรงแต่ผู้คนกลับแบ่งออกเป็นสองฝ่าย

ฝ่ายหนึ่งเอ่ยชมไป๋หว่านชิงว่ามีรูปโฉมงดงาม กิริยาวาจาอ่อนหวาน อ่อนช้อย มีมารยาทใครเล่าจะไม่ปรารถนาเป็นภรรยาแต่อีกฝ่ายกลับเห็นใจเฟิ่งจิงหรง แม้จะเป็นสตรีเอาแต่ใจและแข็งกร้าวเพียงใด ก็หาใช่เหตุผลที่จะถูกคู่หมั้นหักหน้ากลางเช่นนี้!

ทว่าเซียวจิ้งอวิ๋นกลับหาได้สนใจเสียงครหาไม่ ยิ่งเร่งรัดงานแต่งงานให้เร็วขึ้น ส่งสินสอดไปยังสกุลไป๋โดยไม่คิดเหลียวแลสตรีอีกคนเลยแม้แต่น้อย

เดิมทีเฟิ่งจิ่หรงก็มีนิสัยเอาแต่ใจ เติบโตมาท่ามกลางความรักและการตามใจของบิดา เมื่อถูกหยามเกียรติถึงเพียงนี้ นางย่อมไม่ยอมทน ทำทุกวิถีทาง แม้แต่การกระโดดแม่น้ำประชดชีวิต หวังเพียงจะให้คุณชายเซียวหันกลับมามอง แต่สิ่งที่ได้รับกลับคือความเฉยชาเย็นชา ยิ่งทำให้งานแต่งระหว่างอีกฝ่ายกับไป๋หว่านชิงถูกเร่งเร้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเสียอีก!

นายท่านเฟิ่ง…บิดาที่รักใคร่บุตรสาวดุจไข่ในหิน เมื่อเห็นสภาพของบุตรสาวที่คลุ้มคลั่งเสียใจก็มิอาจทนได้อีกต่อไป จึงบุกไปถึงจวนสกุลเซียวโดยไม่สนมารยาท

ทว่าเพียงแค่ยกเท้าก้าวยังไม่พ้นธรณีประตู กลับได้ยินเสียงหัวเราะเจื้อยแจ๋วของสตรีดังลอดออกมาจากในเรือน เสียงนั้นใสราวกระดิ่งน้ำค้าง ทว่ากลับทำให้หนังตากระตุกถี่ มือใหญ่กำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน ฟันขบกรอดด้วยโทสะที่เดือดพล่าน

เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังสนั่นจนสะท้อนก้องไปตามทางเดิน นายท่านเฟิ่งเดินนำฝ่าประตูจวนเข้ามาอย่างไร้มารยาท ท่ามกลางเสียงร้องห้ามปรามของบ่าวไพร่ที่เฝ้าประตู ใบหน้าแดงก่ำด้วยโทสะ ดวงตาคมกริบดุจเพลิงไฟที่พร้อมเผาทุกสิ่งให้วอด

เหล่าสาวใช้ในจวนต่างหันมองด้วยความตื่นตระหนก บ้างก็รีบหลีกทางราวกับเกรงว่าจะถูกแรงโทสะเผาไหม้ไปด้วย

“เรียกคุณชายรองออกมา! วันนี้ข้าจะถามว่าเหตุใดจึงกล้าทำให้บุตรสาวข้าต้องอับอายเพราะความเห็นแก่ตัว!” เสียงตวาดดังสะท้อนกึกก้องไปทั้งเรือน

“นายท่าน…นายท่านใจเย็นก่อนเถอะเจ้าค่ะ”

แม่บ้านวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าเงยหน้ามอง นางยอบกลายคารวะอย่างนอบน้อม

ท่านเฟิ่งแค่นเสียงฮึดฮัดในลำคอ ตวัดสายตามองก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น “ไปตามคุณชายรองมาพบข้า บัดเดี๋ยวนี้!”

“เจ้าค่ะ! เจ้าค่ะ!” แม่บ้านสะดุ้งเฮือกใหญ่ รีบถอยห่างและออกไปเรียกคุณชายรองทันที

ไม่นานนักเซียวจิ้งอวิ๋นผู้เป็นต้นเหตุของเรื่องก็ปรากฏตัวในอาภรณ์หรูหรา ใบหน้าหล่อเหล่าเรียบเฉยสงบ ดวงตาเพียงเหลือบมองนายท่านเฟิ่งอย่างเฉยชา ริมฝีปากยกยิ้มบางราวกับเย้ยหยัน ก่อนจะประสานคารวะตามมารยาทอย่างไม่เต็มใจ

“นายท่านเฟิ่ง บุตรสาวของท่านหาได้ถูกบังคับไม่ นางเป็นผู้เลือกเองว่าจะกระโดดลงน้ำ” น้ำเสียงทุ้มราบเรียบ แฝงความเย็นชาจนทำให้เส้นเลือดบนขมับของนายท่านเฟิ่งปูดโปนยิ่งกว่าเดิม

วันนั้นเมื่อตอนเช้า เขาพาไป๋หว่านชิงไปตัดชุดแต่งงานแต่ระหว่างทางกลับพบเฟิ่งจิงหรงที่แอบตามมาดักหาเรื่อง ครานี้นางหาได้พูดพร่ำมากความ เพียงข่มขู่ว่า หากเขาไม่ยกเลิกงานแต่งก็จะกระโดดน้ำตาย

เขาจำเป็นต้องสนใจด้วยหรือ!?

อย่างไรก็มีเพียงวาสนาที่ได้พบพานหาได้ครองคู่ หากวันนี้เขาฝืนใจเลือกแต่งกับนาง วันข้างหน้าก็ย่อมเลิกราต่อกันอยู่ดี

เดิมทีเซียวจิ้งอวิ๋นก็ไม่ได้ต้องการหมั้นกับนาง หากมิใช่ถูกบังคับ มิหนำซ้ำด้วยนิสัยเอาแต่ใจที่มากขึ้นทุกวัน ชีวิตของเขาก็คงกลืนฝืนราวกับถูกกลบฝังดินทั้งเป็นแน่!

เซียวจิ้งอวิ๋นยิ่งหาได้สนใจสิ่งใด เขาจึงพาไป๋หว่านชิงไปร้านตัดผ้าตามนัดหมายดังเดิม

ทว่าในระหว่างนั้น กลับสาวใช้วิ่งเข้ามาแจ้งว่า เฟิ่งจิงหรง กระโดดน้ำจริง แต่แล้วอย่างไร…หาใช่ความผิดของเขาที่บอกให้นางกระโจนลงน้ำ

“สารเลว! หากมิใช่เพราะเจ้าหักหน้านาง ทำให้บุตรสาวข้าต้องเสียหน้าและถูกหัวเราะเยาะ ยังจะมีหน้ากล้ามากล่าวว่าไม่ใช่ความผิดของเจ้าอีกหรือ!” เสียงตวาดนั้นดังสะท้อนไปทั่ว จนทั้งจวนสั่นสะเทือนด้วยความโกรธของนายท่านเฟิ่ง

ใบหน้าของนายท่านเฟิ่งบิดเบี้ยว เขียวคล้ำด้วยความโกรธ ความแค้นคับแน่นพลุ่งพุ่งอยู่เต็มอก ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายกดดันรุนแรง

ทว่าเซียวจิ้งอวิ๋นกลับหาได้หวาดหวั่นหรือรู้สึกกลัว ใบหน้าของหล่อเหลายังคงปรากฏรอยยิ้มจางๆ

“แล้วนางเป็นอย่างไรบ้างขอรับ...ตายหรือไม่” เขาเอ่ยถาม

“นี่เป็นความผิดของข้าเอง” น้ำเสียงหวานสั่นเครือเจือด้วยความรู้สึกผิดของไป๋หว่านชิงดังขึ้น

ไป๋หว่านชิงเดินออกมาจากด้านในจวนพร้อมนายท่านเซียวที่มีสีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธไม่แพ้กัน

“นายท่านเฟิ่งอย่าลืมว่านี่คือจวนสกุลเซียว มิใช่ที่ที่ให้ท่านมาโวยวายอาละวาดได้ หากบุตรชายของข้าไม่รัก และไม่ปรารถนาจะเกี่ยวดองกับบุตรสาวท่าน จะบังคับฝืนใจไปทำไมกัน” น้ำเสียงของนายท่านเซียวเข้มขรึม แฝงความเด็ดขาดราวกับท้าทาย

นายท่านเฟิ่งกำมือแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยโทสะ พลางแค่นเสียงรอดไรฟันพูดออกมา “เป็นบุตรชายของท่านกล้ากระทำเช่นนี้กับบุตรสาวข้า! กล้าหยามเกียรตินางต่อหน้าผู้คน!”

เสียงทุ้มคำรามดังสะท้อนก้อง เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบๆ ด้วยความโกรธเกรี้ยวและเดือดดางอย่างถึงที่สุด

เซียวจิ้งอวิ๋นยังคงยืนสงบนิ่ง รอยยิ้มบางยังคงประดับบนใบหน้า “นายท่านเฟิ่ง…ข้าหาได้กระทำผิดประการใด เป็นบุตรสาวของท่านเลือกเองจะกระโดดน้ำเอง ข้าจะไปขัดใจทำไมกัน”

เขาสวนกลับราบเรียบ แฝงความเย็นชา ทำให้ความโกรธของนายท่านเฟิ่งพลุ่งพล่านขึ้นเป็นเท่าทวี

ไป๋หว่านชิงก้าวมาขวางไว้ระหว่างกลาง น้ำเสียงหวานสั่นเครือ “นายท่าน…นี่มิใช่ความผิดของเขา แต่เป็นความผิดของข้า”

แต่คำพูดนั้นกลับยิ่งจุดไฟโทสะของนายท่านเฟิ่งให้พวยพุ่ง

“นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า! ไป๋หว่านชิง!” เซียวจิ้งอวิ๋นสวนกลับทันที พร้อมดึงร่างบางของนางไว้ใกล้ตัว

“เดิมทีระหว่างข้าและเฟิ่งจิงหรงก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนอยู่แล้ว แต่ผู้ใดจะคิดเล่าว่าเพียงแค่การเดินผ่านของข้าจะไปต้องตาถูกใจจนทำให้นางพาบิดามาบังคับสกุลเซียวต้องหมั้นหมายกับนางโดยไร้ทางเลือก”

เซียวจิ้งอวิ๋นกล่าวขึ้นน้ำเสียงหนักแน่น “หากต้องให้ข้าเป็นสามีของนาง…มิสู่กระโดดลงหน้าผาไม่ง่ายกว่าหรือ!”

ณ จวนสกุลเฟิ่ง

เฟิ่งจิงหรงยังคงนั่งหอบอยู่บนเตียง มือเรียวกุมขึ้นกอบอก ใบหน้าคนซีดเผือด นัยน์ตาคู่งามเต็มไปด้วยความสับสน ความทรงจำจากโลกปัจจุบันไหลทะลักเข้ามาปะปนพร้อมกับความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมที่ราวกับกระแสน้ำป่าที่ไม่อาจห้าม

ภาพเลือด แสงไฟวาบวับ ความเจ็บปวดแสนสั้น และหัวใจที่หยุดเต้นชั่วขณะก่อนจะดับวูบไป…

นางลืมตาขึ้นอีกครั้งแต่ครั้งนี้…นางไม่ได้อยู่ในร่างเดิม

หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงด้วยความปั่นป่วนและความสับสน ความกลั และความโกรธที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น

“นี่…ฉัน…ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของคนนี้จริงหรือ” น้ำเสียงหวานพึมพึพูดถามตัวเองเบาๆ สั่นเครือ

ทุกความทรงจำของร่างเดิมและเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในโลกนิยายประสานรวมกัน

นัยน์ตาเมล็ดซิ่งฉายประกายวาววับ ตวัดไปมองสาวใช้ทันที ถ้อยคำพูดเมื่อครู่ยังดังสะท้อนก้องอยู่ในโสตประสาทของนางพร้อมกับความขึ้นหนึ่งที่ผุดขึ้นในหัว “น่าสมเพช!...บุรุษสารเลวผู้นั้นไม่สมควรได้รับความรักจากนางสักนิด!”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Mga Comments (1)
goodnovel comment avatar
Inari Ing April
ยืดเยื้อตั้งแต่เริ่ม...
Tignan lahat ng Komento

Pinakabagong kabanata

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๒๕ พระรองผู้นี้เป็นของข้า

    บรรยากาศภายในห้องโถงอาหารเงียบกริบลงชั่วขณะเมื่อคำถามของนายท่านเฟิ่งหลุดออกมา สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมองไปยังคุณชายจ้าวด้วยความคาดหวัง…ไม่เว้นแม้แต่เฟิ่งจิงหรงนางลอบเหล่หางตามองบุรุษข้างกาย หาได้หันไปสบตาเขาโดยตรง ริมฝีปากเม้มแน่น ก่อนจะหันไปมองบิดาราวกับห้ามปราม“ท่านพ่อ” น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้น พลางถอนหายใจหนักอึ้งออกมาเฮือกหนึ่ง นางหาได้ต้องการบีบบังคับให้จ้าวอวี้หมิงต้องรู้สึกกดดัน อึดอัดหรือลำบากใจอันใด“กินข้าวกันเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะเย็นชืดแล้วไม่อร่อยได้”เฟิ่งฮูหยินเข้าใจได้ว่าบุตรสาวคงรู้สึกลำบากใจใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะปรายไปมองบุรุษหนุ่มตรงหน้า “นายท่านเฟิ่งเพียงแค่หยอกล้อเท่านั้น คุณชายจ้าวอย่าได้กังวลไปเจ้าค่ะ”พอสิ้นคำ จ้าวอวี้หมิงนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าเคร่งขรึมฉายแววครุ่นคิดอย่างชัดเจน มุมปากหนาผุดรอยยิ้มจางๆ น้ำเสียงทุ้มเอ่ยราบเรียบก่อนจะยกตะเกียบคีบอาหารวางลงชามให้สตรีข้างกายราวกับเป็นสิ่งที่ควรทำ หาใช่เรื่องแปลก“คุณหนูเฟิ่งงดงามไม่น้อย ข้าว่าบุรุษใดที่เห็นแล้วก็ต้องหันกลับมามองทั้งสิ้น”ถ้อยคำเรียบง่ายกลับหนักแน่นดั่งหินผา ดังก้องสะท้อนอยู่ในห้องโถงร

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๒๔ ความรักค่อยๆ งอก

    หลายวันผ่านไป หลังงานมงคลใหญ่ระหว่างสกุลเซียวและสกุลไป๋เสร็จสิ้น ทว่าเสียงซุบซิบนินทาก็ยังไม่ยอมจางหาย ข่าวคราวต่างเล่าลือกันไม่หยุด ว่าเจ้าบ่าวหรือคุณชายเซียวหาได้ชืนมื่นหรือมีสีหน้ายินดีไม่ แววตากลับเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมยามได้เห็นอดีตคนรักอย่างคุณหนูเฟิ่งมาร่วมงาน แถมยังเผลอทอดสายตามองด้วยความอาลัยอาวรณ์ ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายถอนหมั้นเสียเองส่วนคุณหนูไป๋ผู้เป็นเจ้าสาว แม้ใบหน้าจะถูกปกปิดด้วยผ้าคลุมผืนบาง แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมากลับขุ่นมัวและหม่นหมอง หาได้เบิกบานแต่อย่างใดเฟิ่งจิงหรงหาได้ใส่ใจคำพูดเหล่านั้นนัก หากคนร้อยคนเอ่ยปากก็เป็นร้อยความหมาย นางไม่อยากเก็บมาใส่ใจว่าเซียวจิ้นอวิ๋นจะยังคงเหลือเยื่อใยหรือไม่…?หรือคุณหนูไป๋จะทุกข์ใจเพียงใด…?เพราะนับจากวันที่นางเอ่ยปากหยอกล้อชักชวนบุรุษผู้นั้นให้มาเยือนจวนเล่นๆ ก็ไม่เคยคาดคิดว่าหลังจากนั้น จ้าวอวี้หมิงจะเริ่มแวะเวียนมาหาบ่อยครั้ง พร้อมข้ออ้างที่ชวนให้หัวเราะอยู่ร่ำไป“ข้าผ่านมาทางนี้พอดี…ในรถม้ามีขนมติดมาจึงนำมาฝาก”หรือไม่ก็ “วันนี้ฝนตกหนักยิ่งนัก ข้าเลยแวะมาดูว่าหลังคาเรือนคุณหนูเฟิ่งรั่วหรือไม่”เฟิ่งจิงหรงถึงกับหัวเราะร่อออกมาจนเ

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๒๓ บทสรุปของพระนาง

    ยามเช้าของวันงานแต่ง แม้ว่าบรรยากาศจะอบอวลไปด้วยความเป็นมงคล ทั้งจวนสกุลไป๋และสกุลเซียวต่างเต็มไปด้วยความรื่นเริงยินดี หากแต่ภายใต้ความครึกครื้นนั้นกลับเจือปนด้วยความหม่นหมองของคู่บ่าวสาวไป๋หว่านชิงสวมชุดเจ้าสาวสีแดงฉาน ใบหน้างดงามถูกคลุมด้วยผ้าผืนบางรอคอยให้เจ้าบ่าวเป็นผู้เปิดในคืนเข้าหอ นางกล่าวลามารดาอยู่เพียงสองสามประโยค ก่อนจะขึ้นเกี้ยวรถม้า โดยมีสาวใช้คอยประคองอย่างระมัดระวังอยู่ไม่ห่างว่ากันตามตรงแล้ว ความรู้สึกในยามนี้ของเจ้าสาวควรเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี ทว่าในห้วงความคิดลึกๆ ของไป๋หว่านชิงกลับเต็มไปด้วยความขุ่นมัว ภาพของสตรีผู้นั้นยังคงฉายชัดในความทรงจำ และทุกครั้งที่นึกถึง แววตาของจ้าวอวี้หมิงที่ทอดมองสตรีผู้นั้นก็มักแวบขึ้นมาในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าเสียงฆ้องกลองและขบวนแห่เจ้าสาวดังขึ้นเอิกเกริกผู้คนมากมายต่างออกมายืนเบียดเสียดสองข้างทางเพื่อรอชมงานด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพราะเดิมทีแล้วงานแต่งครั้งนี้ผู้ที่ควรได้เป็นเจ้าสาวคือคุณหนูเฟิ่งหากแต่ชะตากลับพลิกผัน กลายเป็นคุณหนูไป๋ซึ่งเป็นเพียงบุตรสาวตระกูลพ่อค้า กลับได้วาสนาดีแต่งเข้าสกุลขุนนางใหญ่โตขบวนเกี้ยวเคลื่อนไปยังจุดหม

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๒๒ การกระทำอ่อนโยน

    บรรยากาศยามบ่ายคล้อยภายในจวนสกุลเฟิ่งเงียบสงัด มีสายลมเอื่อยเฉื่อยพัดผ่านสวนดอกเหมย กลีบดอกสีแดงสดโปรยปรายร่วงลงบนพื้นหินที่ชื้นเย็น เฟิ่งจิงหรงเพิ่งกลับถึงจวนได้ไม่นานก็พาลอารมณ์เสีย จนเหล่าสาวใช้ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา นางกระทืบเท้าเดินกลับเรือนด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งฉายประกายแข็งกร้าว ทั้งตลอดทางน้ำเสียงหวานยังบ่นพึมพำไม่หยุดด้วยความหงุดหงิด ตั้งแต่ออกจากสกุลจ้าวจนถึงจวน“หึ! สกุลจ้าวหรือจะอดอยากถึงเพียงนั้น ขนมหวานพรรค์นั้นใช่ว่าจะหาซื้อไม่ได้ เพียงแต่ข้าอยากเจอหน้าเขาต่างหาก หาใช่อยากกินสิ่งใดเสียเมื่อไร!” นางบ่นพลางผลักบานประตูเรือนเสียงดัง กระแทกกำแพงจนเหล่าสาวใช้พากันก้มหน้าก้มตาเงียบกริบ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงทว่าไม่นานเสียงฝีเท้าเร่งรีบก็ดังขึ้น สาวใช้คนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามาด้วยความเหน็ดเหนื่อย หอบหายใจแรงพลางรายงานเสียงตะกุกตะกัก “คุณหนูเจ้าคะ! คุณชายจ้าว…มาขอพบเจ้าค่ะ!”เฟิ่งจิงหรงสะดุ้งเล็กน้อย สีหน้าบึ้งตึงคลายลงชั่วขณะ ก่อนเชิดหน้าขึ้น ปั้นสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ราวกับไม่สนใจใยดีทว่าภายในใจกลับลอบยิ้ม เกรงว่าตอนนี้นางคงมีน้ำหนักไม่น้อยในใจบุรุษผู้นั้น เ

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๒๑ ยื้อแย่งขนมหวาน

    เฟิ่งจิงหรงสบเข้าตากับไป๋หว่านชิง บรรยากาศในจวนพลันหนักอึ้งจนเหล่าสาวใช้ต่างรู้สึกกระอักกระอ่วนชวนให้อึดอัดอยากวิ่งหนีออกไปเสียให้พ้นจากตรงนี้ หากแต่ก็ไม่ผู้ใดกล้าแม้แต่ขยับตัวเพราะเหตุการณ์ตรงหน้านี้ หาใช่เพียงการยื้อแย่งขนมหวานเท่านั้น แต่ขนมหวานชิ้นนั้นกลับมีความหมายประหนึ่งแทนตัวคุณชายจ้าว มีหรือผู้ใดจะไม่รู้ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างบุรุษกับสตรีนั้น ยากนักที่จะเป็นเพียงสหายโดยไร้ความหมายอื่นปะปน เหล่าสาวใช้ ได้แต่ยืนนิ่งมองเหตุการณ์ตรงหน้าตาปริบๆ ลุ้นระทึกว่าผู้เป็นนายจะตัดสินใจเช่นไร จะขับไล่คุณหนูไป๋ออกไปแล้วรั้งคุณหนูเฟิ่งให้อยู่ร่วมดื่มน้ำชากินขนม พูดคุยอย่างเช่นทุกวัน หรือจะเลือกให้คุณหนูเฟิ่งกลับไปก่อน แล้วเก็บคุณหนูไป๋ไว้ข้างกายดังเช่นที่ผ่านมา เฟิ่งจิงหรงยกมือกอดอก ริมฝีปากคลี่เหยียดยกยิ้มเย้ยหยัน กล่าวว่า “อือ! เช่นนั้นข้าจะจำเอาไว้ ว่าต่อให้เป็นเพียงขนมชิ้นเล็กๆ คุณหนูไป๋ก็ไม่มีน้ำใจแบ่งปันให้ผู้ใดเลย!” ไฉนนางจะไม่เข้าใจว่าคำพูดนี้ของไป๋หว่านชิงแท้จริงแล้วกำลังสื่อถึงสิ่งใดอยู่ หากเปรียบจ้าวอวี้หมิงเป็นขนม ยามนี้นางกำลังหยิบเอาเข้าปากอยู่แล้ว หากคิดจะมาแย่ง เกรงว

  • นางร้ายผู้นี้ขอทวงคืนพระรอง   ๒๐ ความอดทนขาดสะบั้น

    เสียงกรีดร้องเล็กแหลมบาดหูของไป๋หว่านชิงปะทุออกมาพร้อมโทสะที่สุมอยู่ในอกมานานหลายวัน ร่างบางสั่นสะท้านเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด นัยน์ตาเมล็ดซิ่งแดงก่ำราวกับมีเพลิงไฟกำลังลุกโชน เพียงเพราะแค่ได้ยินถ้อยคำเมื่อครู่ก็คล้ายกับว่ามีผู้จุดเชื้อเพลิงลงในกองไฟโทสะให้ลุกท่วมทันทีหมายความว่าอย่างไรกัน!?ที่ให้ต้มน้ำชาร้อน เตรียมขนมไว้เช่นนั้นก็เพื่อเฟิ่งจิงหรงงั้นหรือ!?สตรีผู้นั้นแวะเวียนมาที่นี่ลับหลังโดยที่นางไม่รู้ และไม่มีผู้ใดเอ่ยปากบอกแม้แต่น้อยอย่างงั้นหรือ!ไป๋หว่านชิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อหากแต่ไร้ความรู้สึกเจ็บปวด นางกัดฟันกรอด แค่นถ้อยคำลอดไรฟันด้วยน้ำเสียงหวานที่สั่นเครือเจือด้วยความน้อยใจ ขุ่นเคืองและประชดประชัน “นึกไม่ถึงว่าคุณชายจ้าวและคุณหนูเฟิ่งจะสนิทสนมถึงขั้นไปมาหาสู่กันเช่นนี้นะเจ้าคะ”ริมฝีปากนางคลี่ยกยิ้มเย็นเยียบ ความอดทนที่ยังเหลืออยู่ได้ขาดสะบั้นลงสิ้น ไม่อาจเสแสร้งปั้นหน้ายิ้มเข้าใจอีกต่อไปยามนี้ต่อให้จ้าวอวี้หมิงจะคิดอย่างไร นางก็ไม่ใส่ใจอีกแล้ว ขอเพียงได้ระบายโทสะที่อัดแน่นอยู่ในอกออกมาก่อนเช่นนั้น...เกรงว่าคงได้กระอักเลือดออกมาแทน!ใบหน้าคนงามบิดเบี

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status