Share

ตอนที่๖

last update Terakhir Diperbarui: 2025-07-05 09:37:40

ตอนที่ ๖

เสียงเกือกม้าศึกนับร้อยกระทบพื้นถนนดังก้องสะท้อนทั่วตลาดตะวันตก ทุกสรรพสิ่งพลันเงียบงันราวต้องมนตร์ ผู้คนที่เพิ่งแตกตื่นต่างเบียดตัวถอยจนชิดแนวกั้น ทหารที่จัดเตรียมไว้ยืนเรียงแถวแน่นขนัด สายตาทุกคู่เต็มไปด้วยความหวาดเกรง จนแม้แต่เสียงหายใจก็อึดอัดหนักอึ้ง

รถม้าคันใหญ่หรูหราที่มีอักษร หาน สีทองอร่ามประดับเด่น ชัดเจนในสายตาค่อย ๆ ชะลอหยุดลง ทหารองครักษ์ในเกราะดำสองแถวรั้งบังเหียนอาชาเรียงแถวราวกำแพงเหล็ก หน้าขบวนปักธงผ้าสีแดงเข้มลายกิเลนเพลิงเหยียบเมฆซึ่งเป็นธงประจำกองทัพอวี้หลินที่ชินอ๋องควบคุมอยู่ ทหารทุกนายจับด้ามกระบี่ประจำเอวแน่น ไม่มีใครกล้าไหวติง

บัดนั้นเอง เสียงตวาดกังวานดุจอสนีพลันปะทุจากองครักษ์ร่างใหญ่บนหลังม้าสีน้ำตาลแดง เจ้าของนาม ฉีเหล่ย ผู้เป็นหัวหน้าขบวนและหัวหน้าองครักษ์เงาคุ้มกันชินอ๋องแห่งต้าหรง

“เป็นผู้ใดบังอาจมาขวางรถม้าของชินอ๋องจนเสียขบวน?!”

เสียงเย็นจัดเสียจนผู้คนพากันก้มหน้า ใจคิดตรงกันว่านี่แค่เสียงองครักษ์นำขบวนยังน่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ หากเป็นชินอ๋องตัวจริง…จะน่ากลัวเพียงใด

ไม่ทันสิ้นความคิด ม่านแพรสีดำปักลายกิเลนหน้ารถม้าแผ่วไหว มือเรียวยาวเลิกม่านขึ้น เผยใบหน้าคมสันหล่อเหลาเย็นเยียบ ดวงตาสีหมึกสงบนิ่งราวศิลาน้ำแข็งหมื่นปี เพียงสบตา ทุกคนก็ผงะถอย ใจสะท้านเกินจะต่อต้าน

ไป๋อี้หาน คือนามชินอ๋องผู้เกรียงไกร บุตรชายคนเล็กของจ้านไทเฮา น้องชายเพียงคนเดียวของจักรพรรดิหย่งหมิง ผู้บัญชาการศึกตั้งแต่อายุสิบสามหนาว

สายตาเฉียบคมกวาดมองเพียงครู่เดียว ก่อนหยุดนิ่งตรงกลุ่มคนหน้าร้านขายผ้า สตรีวัยสามสิบกว่าปีประคองร่างเด็กสาวจมกองเลือดบนตัก เด็กชายหญิงสองคนยืนข้างกัน ใบหน้าซีดเผือด น้ำตาคลอเบ้า ฝูงชนรอบข้างยืนนิ่งงัน บ้างยกมือปิดปาก บ้างก้มหน้าไม่อาจทนมอง

แค่เพียงปราดเดียว เขาก็รู้ทันทีว่านี่มิใช่คนธรรมดา อาภรณ์บ่งบอกฐานะสูงศักดิ์ รายล้อมด้วยบ่าวไพร่และคุ้มกันฝีมือดี ผู้ที่เคยผ่านสมรภูมิมาตั้งแต่เยาว์วัยอย่างเขามองทะลุได้ในพริบตา

สายตาเยือกเย็นคู่นั้นหรี่ลง

“ฉงหลิน สิงอวิ๋น” เสียงทุ้มต่ำราวคมมีดดังขึ้นเรียบเย็น

“ไปถามมา…พวกนางเป็นใคร ฮูหยินจวนใด ถึงปล่อยให้บุตรหลานมาขวางขบวนเสด็จของเปิ่นหวางเช่นนี้”

“พ่ะย่ะค่ะ!” สององครักษ์ค้อมศีรษะ รีบกระโดดลงจากหลังม้า เสียงกระบี่กระทบชุดเกราะดังแผ่ว ทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียด คนทั้งตลาดกลั้นหายใจ

ไม่นาน ทั้งสองกลับมาประสานมือ รายงานเสียงเคร่งขรึม

“ทูลหวางเยี่ย เป็นสวีฮูหยิน กับคุณหนูและคุณชายสวี จากจวนจวิ้นอันโหวพ่ะย่ะค่ะ”

“จวนจวิ้นอันโหว?”

สุ้มเสียงต่ำลึกแฝงแรงอำนาจราวโซ่เหล็กบีบคอ ใครฟังยังต้องสะท้าน ทั้งฉงหลินกับสิงอวิ๋นที่ผ่านศึกมานับไม่ถ้วนยังต้องหลบตา ลอบสูดลมหายใจระงับความอึดอัด

ประกายตาที่เคยนิ่งเฉยวูบไหวชั่วครู่

จวิ้นอันโหว…ขุนนางบู๊ผู้ได้รับเกียรติจากฮ่องเต้สองรัชสมัย แม้อายุเพียงต้นสี่สิบ ก็ครองกองกำลังหลงหู่ถึงสามแสนนาย

ปลายนิ้วเรียวยาวเกร็งเล็กน้อย ก่อนกลับนิ่งราวเดิม

“…แล้วพวกนางเจตนาหรือไม่?” เสียงเรียบต่ำแผ่วเย็นราวกระแสน้ำแข็งไหลเข้าหัวใจผู้ฟัง

“ดูคล้าย…มิได้ตั้งใจพ่ะย่ะค่ะ หวางเยี่ย”ฉงหลินตอบเสียงหนัก ขณะประสานมือคำนับ สายตาไม่กล้าเงยขึ้นสบ

“แล้วเหตุใดนางจึงมาขวางได้?”

เสียงทุ้มต่ำราบเรียบ แต่แฝงแรงกดดันจนรอบข้างเย็นวูบ เหตุการณ์แบบนี้ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น แต่ก่อนบรรดาคุณหนูที่หลงตัวกล้าขวางทางเพียงเพื่อเรียกร้องความสนใจเขาก็เคยพบ จนต้องประหารจนสิ้นเป็นเยี่ยงอย่างไปสามครั้ง จึงไม่มีใครบังอาจอีก…จนวันนี้

สิงอวิ๋นเร่งก้าวมาประสานมือ รายงานเสียงขรึมแผ่ว

“ทูลหวางเยี่ย…ก่อนหน้านั้นมีเด็กน้อยสองพี่น้องวิ่งตามสัตว์เลี้ยงลงถนน เกือบถูกรถม้าเว่ยจงจะพุ่งเข้าชน…ทุกคนแตกตื่นมิกล้าเข้าไปช่วย…มิคาดคุณหนูสวีกลับก้าวออกไป…ผลักเด็กทั้งสองพ้นทางได้ แต่นาง…กลับรับเคราะห์แทนพ่ะย่ะค่ะ”

ประโยคสุดท้ายขาดห้วง คล้ายไม่อยากเอ่ยให้ชัดเจน ริมฝีปากบางเฉียบของไป๋อี้หานเม้มแน่น สายตาเย็นชาหยุดนิ่งราวแช่แข็งไปชั่ววูบ

เขาหรี่ตาลง เรือนกายสูงใหญ่ขยับคล้ายจะลุก สีหน้าเรียบไร้อารมณ์ แต่แววตาลึกกลับคล้ายมีรอยขุ่นเล็ก ๆ

เขาย่อมรู้ดี ทุกครั้งก่อนรถม้าเสด็จผ่าน ทหารองครักษ์จะเก็บกวาดถนนจนสะอาดปราศจากผู้คน เหตุการณ์ครั้งนี้…อาจมิใช่ความบังเอิญ

ร่างสูงสง่าเยื้องก้าวลงจากรถม้าดำตัดทองอย่างสงบ มือเรียวยาวปัดชายเสื้อคลุมปักมังกรห้าเล็บ เสียงเสื้อผ้าสะบัดแผ่ว ๆ ดังขึ้นพร้อมแรงกดดันแผ่ไปทั่ว บรรยากาศพลันหนาวเหน็บราวเหมันต์มาเยือน

องครักษ์ทั้งหก เว่ยจง ฉงหลิน สิงอวิ๋น สืออวี่ ฉีเหล่ย ฮ่าวหลง รีบแบ่งหน้าที่ฉับไว สองคนเปิดทาง สองคนคุ้มกัน อีกสองคนเฝ้ารถม้า สายตาทุกคู่ตึงเครียดพร้อมรับเหตุไม่คาดฝัน

ก้าวเพียงไม่กี่อึดใจ ไป๋อี้หานก็หยุดตรงหน้าสี่แม่ลูกสวี สายตาคมล้ำกวาดช้า ๆ ก่อนหยุดนิ่งที่ร่างบอบบางชุ่มเลือดในอ้อมแขนผู้เป็นมารดา

…สตรีผู้นี้

หลายปีมาแล้วที่ไม่มีผู้ใดกล้าท้าทายขบวนเสด็จ หากนางมิใช่บุตรจวิ้นอันโหว ป่านนี้เขาคงสั่งประหารไปแล้ว

เพียงเขาขยับกาย ความเงียบงันก็ตกครอบงำทั้งตลาด องครักษ์รอบกายต่างก้มหน้าลงแทบพร้อมกัน หวาดเกรงจะล่วงรู้ความคิดของผู้เป็นนาย

สายลมแรงพัดผ่าน ชายเสื้อคลุมสีดำปักมังกรสะบัดข้างลำตัว ความสงบนิ่งแผ่แรงกดดันจนใคร ๆ ไม่อาจยกหน้าขึ้นมอง

เสียงสะอื้นปนความตื่นตระหนกดังแผ่วเบาจากมารดาที่ห่วงไยบุตรสุดบรรยาย ผสานเสียงพูดเรียกสติคนในอ้อมแขน

“ต้าหลัว…ต้าหลัวของข้า…ใครก็ได้…รีบ…รีบเรียกท่านหมอที…”

สวีฮูหยินก้มหน้ากอดร่างลูกสาวแน่น น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงเปื้อนใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากสั่นจนไร้สี มือเรียวสั่นจนแทบทรงกายไม่อยู่ หัวใจร้อนรนจนแทบขาดลมหายใจ หลังจากสวีเจียงหลัวฟื้นคืนกลับมาชั่วครู่แล้วหมดสติลงไปอีก

ไป๋อี้หานหยุดยืนตรงหน้า แววตาสีหมึกทอดมองใบหน้านั้นอย่างเงียบงัน ใบหน้าขาวนวลดุจดอกโบตั๋นแม้เปรอะฝุ่นและเลือดก็ยังงามสะพรั่งจนยากละสายตา ปลายเส้นผมยุ่งเหยิงเปื้อนเลือดเกาะผิวแก้มเกอะกรัง ลมหายใจของนางดูแล้วรวยรินแทบสิ้น

บาดเจ็บสาหัสทีเดียว...

หัวใจที่เคยนิ่งเย็น…พลันสั่นไหวเขาไม่ทันรู้ตัวว่าปลายนิ้วเรียวยาวกำสาบเสื้อแน่นชั่วครู่ ก่อนค่อย ๆ คลายลง

‘ในยามปกตินางจะงดงามเพียงใดกัน?’

บุรุษที่เติบโตมากับสนามรบ ไม่เคยสะท้านไหวต่อสตรีใด แม้กระทั่งคู่หมั้นเก่าที่จากไป…แต่ครานี้ เพียงชั่วลมหายใจ เขากลับสะดุดอย่างไม่อาจห้าม

เขาเงียบไปนาน ก่อนหันออกคำสั่งเสียงแผ่วทุ้ม

“สิงอวิ๋น”

เสียงเรียบต่ำเอ่ยช้า หากทรงอำนาจนัก

“อาชาของเจ้ารวดเร็วที่สุด ไปแจ้งหัวหน้าหมอหลวงกู้ ให้เตรียมรับคนเจ็บไปที่ตำหนักกวางผิง และสั่งฉวีกงกงจัดการทุกอย่าง ประเดี๋ยวเปิ่นหวางจะพาคนกลับเอง”

“พ่ะย่ะค่ะ หวางเยี่ย!” สิงอวิ๋นขานเสียงหนัก รีบควบม้าจากไปในพริบตา

สวีฮูหยินยกมือที่เปื้อนเลือดเช็ดน้ำตา สั่นสะท้านทั้งร่าง สุดท้ายฝืนประสานมือคำนับทั้งที่เสียงสะอื้นติดคอ

“หม่อมฉัน…โจวซื่อ…คารวะ…ชินอ๋อง…เพคะ…”

ไป๋อี้หานยืนสูงสง่าเพียงก้าวเดียวตรงหน้า ม่านตาสีหมึกนิ่งดุจอากาศเย็นเฉียบไม่เคยเปลี่ยน ทว่าเมื่อมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของมารดาที่กอดร่างบุตรสาวแน่น สายตาคมล้ำกลับสั่นไหววูบหนึ่งเขายกมือเรียวยาวขึ้นโบกช้า ๆ เสียงเอ่ยต่ำสงบ แต่แฝงแรงกดทับจนหัวใจผู้ฟังบีบรัด

“มิต้องมากพิธี…ช่วยคนสำคัญกว่า”

ปลายเสียงแผ่วเบา หากผู้ใดฟังให้ถี่ถ้วน จะสัมผัสได้ถึงน้ำหนักบางอย่างที่อัดแน่นอยู่ในนั้น

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง สูดลมหายใจแผ่วต่ำ ก่อนทอดเสียงราบเรียบ

“…ท่านปล่อยนางให้เปิ่นหวางเถิด ส่วนท่าน รีบกลับไปแจ้งเหตุนี้กับจวิ้นอันโหว…อย่าให้เขารู้จากปากผู้อื่นประเดี๋ยวเขาจะเสียขวัญไปกันใหญ่”

เสียงประโยคสุดท้ายยังคงเรียบนิ่ง หากเด็ดขาดยิ่งกว่าคมดาบ สายตาสีหมึกสบประสานเข้ากับดวงตาที่สั่นระริกของสวีฮูหยินเพียงแวบเดียว แค่เท่านั้น นางก็สะท้านจนหัวใจหายวาบ

ริมฝีปากซีดของนางขยับคล้ายจะค้าน ความเป็นแม่บีบรัดใจจนแทบคลั่ง ไม่อยากปล่อยมือลูกสาวให้กับผู้ที่อาจพรากลมหายใจของสวีเจียงหลัวไปได้ทุกเมื่อ แต่เพียงสบตาคมล้ำเย็นจัดที่ไม่อาจโต้แย้ง แรงคิดค้านทั้งมวลก็ราวถูกสลายไปในลมหายใจเดียว

“…ลำบาก…ชินอ๋องแล้ว…เพคะ…”

เสียงนางสั่นพร่าราวจะขาดใจ

ไป๋อี้หานเงียบอยู่อึดใจ ลมหายใจที่พ่นออกแผ่วช้า ดวงตาสีหมึกมืดครึ้มจนอ่านไม่ออก ก่อนจะหลุบตาลงช้า ๆ

“…สวีฮูหยิน…ฉลาดล้ำ…สมดังคำร่ำลือจริงด้วย หึ หึ หึ”

เสียงทุ้มต่ำคล้ายเอ่ยชมแต่สุดท้ายกลับแค่นหัวเราะที่เจือแววเย้ยหยันและเท่าทันออกมาอย่างยากอธิบาย

เขาก้าวเข้ามาใกล้ ทุกย่างเท้าอากาศรอบข้างก็เย็นลงราวถูกแช่แข็ง ร่างสูงใหญ่โน้มตัวช้า ๆ เสื้อคลุมดำปักมังกรสะบัดแผ่วปกคลุมร่างสองแม่ลูก ราวกับอาณาเขตที่ไม่มีผู้ใดล่วงล้ำได้

ปลายนิ้วยาวจับบ่าเล็กที่เปื้อนเลือด ก่อนช้อนร่างอ่อนนุ่มขึ้นจากตักมารดา ชั่วขณะร่างบอบบางแนบอก กลิ่นหอมเจือคาวเลือดแตะปลายจมูก…หัวใจที่เคยว่างเปล่า พลันสั่นสะเทือนอีกครั้ง

เขาข่มลมหายใจ ดวงตาคมทอดมองใบหน้าซีดราวกระดาษบนแขน เพียงเสี้ยวอึดใจ แววอ่อนลึกบางอย่างแลบขึ้น…แล้วก็จางหายรวดเร็ว

“กลับวังหลวง”

เสียงแผ่วต่ำเรียบเย็น แต่ทุกคนในตลาดล้วนขนลุกโดยไม่รู้ตัว

องครักษ์สองนายเร่งเปิดทางทันควัน รถม้าสีดำหรูหราเคลื่อนจากไปกลางความเงียบงัน ทิ้งกลิ่นคาวเลือดและฝุ่นอวลอยู่ในอากาศ

ผู้คนที่มุงดู ยังคงยืนนิ่งงัน ราวถูกสะกดวิญญาณ…จนเงารถม้าลับสายตา ความหวาดเกรงจึงค่อยคลายทีละน้อย

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   บทส่งท้าย

    บทส่งท้ายส่วนเจียงหลัวและไป๋อี้หาน…ชีวิตคู่ของทั้งสองหาใช่ว่ามีเพียงความสุขราบเรียบ หากกลับเต็มไปด้วยทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไปตามสัจธรรมของโลกมนุษย์ บางคราย่อมมีเสียงหัวเราะกังวานสะท้อนทั้งตำหนัก แต่ก็ใช่ว่าจะปราศจากเสียงทะเลาะถกเถียงตามประสาสามีภรรยาที่ครองคู่ร่วมชีวิตกันยาวนานทว่า กาลเวลาอันยืนยาวนับสิบ ๆ ปี พิสูจน์ชัดว่า ไม่มีพายุใดใหญ่หลวงพอจะพรากทั้งสองจากกันได้ ไม่ว่าลมฝนจะถาโถมแรงเพียงใด ไม่ว่าภัยร้ายจากภายนอกหรือความขัดแย้งเล็กน้อยจากภายใน ต่างก็ไม่อาจทำให้มือที่จับกันมั่นคงต้องปล่อยแยกยามราตรีสงัด แสงจันทร์ขาวนวลสาดต้องเรือนผมหงอกขาวโพลนของทั้งคู่ ร่างกายแม้ชรา แต่เมื่อดวงตาของทั้งสองสบประสาน แววประกายอ่อนโยนก็ยังส่องสว่าง ราวกับวันแรกที่ได้ร่วมชีวิต ไม่พร่อง ไม่เสื่อมคลายไปตามกาลเวลาเรื่องราวแห่งรักและแค้นบนแผ่นดินต้าหรง จึงปิดฉากลงด้วยความสงบสุขที่แท้จริง สวีเจียงหลัวหลุดพ้นจากวิบากกรรมที่ติดพันมาหลายภพหลายชาติ คำสาบานต่อท่านพญายมก็ได้ถูกปลดเปลื้องแม้เขานางจะเสียดายอยู่บ้างต่อความทรงจำที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง แต่คำไหนก็คือคำไหน ชะตาต้องหมุนเวียนต่อไปนางได้รับโอกาสเวียนว่า

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่ 82 (ตอนจบ)

    ข้างนอก หลัวปัง ถังเหยียน และจิ่งกงกงรีบพังประตูเข้ามา ภาพที่เห็นทำให้ทุกคนตัวสั่นเครือ เลือดนองทั่วพื้นหิน ร่างหนึ่งบ้าคลั่ง อีกหนึ่งใกล้สิ้นสติ“เร็วเข้า! หลัวปัง อุ้มองค์ชายไปวางบนเตียง! ถังเหยียนรีบไปตามหมอหลวง!” จิ่งกงกงตะโกนสั่งเสียงสั่นในที่สุดข่าวก็ส่งไปถึงหย่งหมิงฮ่องเต้ พระองค์รีบโปรดให้หมอหลวงมารักษาชีวิตทั้งสองไว้ เพราะถึงอย่างไร อี้เฉินก็ยังเป็นพระโอรส ส่วนเจียงหลีก็เป็นบุตรสาวของขุนนางเอกทว่าตำหนักเหมันต์คืนนี้...เลือดแดงนองพื้นหินเป็นธาร ความสัมพันธ์ขององค์ชายสามกับเจียงหลี พังทลายจนสิ้นซาก แม้หมอหลวงจะยื้อชีวิตทั้งคู่ไว้ได้ แต่…อี้เฉินสูญสิ้นความเป็นชายไปชั่วชีวิต ส่วนเจียงหลีที่ถูกทุบตีจนแท้งและบอบช้ำทั้งกายใจ ก็กลายเป็นคนเสียสติ ไม่อาจกลับมาเป็นดังเดิมได้อีกต่อไปตำหนักเหมันต์ที่เคยหรูหราสง่างาม บัดนี้กลับกลายเป็นคุกขังมืดหม่น หลังจากถูกปิดตายมาหลายเดือน เพียงสิบกว่าวันหลังเหตุการณ์คืนโลหิต บรรยากาศยิ่งหดหู่และอึมครึมราวถูกคำสาป กลิ่นคาวเลือดแม้จางไปแล้ว แต่ยังแทรกอยู่ในทุกอณูอากาศ ราวจะตอกย้ำให้ผู้ที่อยู่ภายในไม่อาจลืมเหตุการณ์อำมหิตคืนนั้นคืนที่องค์ชายสามทุบตีพ

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่ 82 (1)

    ในขณะที่ด้านนอกนครเสวียนหยางเต็มไปด้วยเสียงระฆังมงคลและรอยยิ้มยินดีภายในตำหนักเหมันต์กลับต่างออกไปประหนึ่งอยู่กันคนละโลกอากาศในเรือนหม่นหมอง อึมครึมราวกับมีเมฆดำบดบังตะวัน ทั้งที่แสงภายนอกสาดส่องเจิดจ้า ทว่าด้านในกลับเหมือนสวรรค์เองก็ไม่ปรารถนาจะทอดมองชะตาของผู้คนที่นี่ ความเงียบขรึมครอบคลุมไปทั่วทุกซอกมุม รั้วสูงและประตูหนาหนักปิดตายไม่ให้ผู้ใดเข้าออก กุญแจเหล็กดอกใหญ่แขวนอยู่ข้างประตูราวสัญลักษณ์ของการถูกกักขัง เสียงโซ่ตรวนเสียดสีกันในยามลมพัดพลันดังก้องสะท้อน ทำให้ทุกค่ำคืนคล้ายเสียงวิญญาณร่ำไห้สวีเจียงหลีถูกจองจำอยู่ในเรือนเล็กแห่งนี้มานานหลายเดือน นางนั่งก้มหน้ากุมหน้าท้องที่เริ่มปรากฏความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน รอยยิ้มที่ควรจะเปี่ยมสุขของสตรีตั้งครรภ์กลับไม่ปรากฏ มีเพียงแววตาหวาดหวั่นและความกังวลใจแผ่กระจายอยู่เต็มใบหน้า ยิ่งนับวันครรภ์นางยิ่งโตขึ้น นางก็ยิ่งแน่ใจว่าตนกำลังตั้งครรภ์จริง ๆหากเป็นสตรีอื่น คงเต็มไปด้วยความยินดี แต่สำหรับเจียงหลี มันคือฝันร้าย เพราะนางรู้อย่างแจ่มชัดว่าหากอี้เฉินรู้ นางจะไม่มีวันรอดพ้นแรกเริ่ม อี้เฉินมิได้เข้มงวดเรื่องยาห้ามครรภ์นัก แต่หลังเขากลั

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่ 81 (ตอนจบ)

    กาลล่วงเลยไปอีกสองเดือน...หลังเหตุการณ์ปราบกบฏและการประหารใหญ่จบสิ้น บ้านเมืองเสวียนหยางกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง ถนนหนทางคลาคล่ำด้วยผู้คน เสียงหาบเร่ของพ่อค้าแม่ค้าดังก้องเป็นสัญญาณแห่งความมั่นคง ผู้คนต่างเอ่ยขอบคุณสวรรค์ที่บัลลังก์มังกรยังตั้งมั่น ปราศจากภัยร้ายคุกคามภายในตำหนักกวางผิง แสงแดดอุ่นส่องลอดผ่านม่านโปร่ง กลีบเหมยสีแดงสดร่วงโปรยแต่งแต้มพื้นหินให้ดูราวภาพวาด ชินอ๋องกับชินหวางเฟยกำลังจัดเตรียมสัมภาระด้วยตนเอง เตรียมเสด็จกลับสู่แคว้นเจียงหนานตามที่ตั้งใจไว้สวีเจียงหลัวนั่งคัดเลือกผ้าผืนงามด้วยดวงตาสงบนิ่ง บ่าวไพร่ขะมักเขม้นยกหีบสมบัติลงเกวียนอย่างขยันขันแข็ง แต่เพียงไม่นาน สีหน้าของนางพลันซีดเผือด ร่างอรชรทรงลงพิงโต๊ะ ข้าวของในมือร่วงกระจาย“ต้าหลัว!” ไป๋อี้หานตวัดกายเข้าประคองทันที แววตาคมดุจเพลิงสะท้อนความตระหนกขันทีรีบส่งเสียงตะโกน “ตามหมอหลวงมาเร็ว!”บรรยากาศทั้งเรือนตึงเครียดในพริบตา สิ่งอวิ๋นกับสืออวี่คุกเข่าหน้าซีดเผือดราวจะขาดใจ รอคอยด้วยลมหายใจอันสั่นไหว เสี่ยวผิงกับเสี่ยวจิ่ววิ่งวุ่นไปมาราวไร้ทิศทาง กระทั่งหมอหลวงผู้เฒ่าเร่งรุดเข้ามา จับชีพจรตรวจอย่างละเอียด

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที่ 81 (1)

    รุ่งอรุณวันใหม่ เสียงกลองยามเช้าและระฆังวังหลวงดังขึ้นพร้อมกัน เจิดจ้าไปด้วยแสงตะวันอุ่นที่สาดส่องเหนือกำแพงวัง ประตูท้องพระโรงเปิดออกทีละชั้น เหล่าขุนนางก้าวเข้าสู่โถงใหญ่ด้วยท่วงท่าสงบเคร่งขรึมเบื้องสูง บัลลังก์มังกรประดับมุขทองตั้งตระหง่าน หย่งหมิงฮ่องเต้ประทับเหนืออาสน์มังกรในอาภรณ์สีทอง พระพักตร์สงบเยือกเย็น หากในพระเนตรลึกเร้นยังมีเงาความเหน็ดเหนื่อยจากหลายปีแห่งการครองราชย์ ทว่าครานี้กลับฉายความปลื้มปีติแผ่วบางอยู่บนพระพักตร์เสียงขันทีขานพระนามก้อง “ชินอ๋องไป๋อี้หาน น้อมถวายรายงานใต้เบื้องพระยุคลบาท!”ร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์เต็มยศสีดำปักดิ้นทองก้าวเข้ามาอย่างองอาจ ทุกย่างเท้าหนักแน่นก้องสะท้อนทั่วพื้นหินหยก ไป๋อี้หานก้าวมาหยุด ณ เบื้องหน้าโถงมังกร คุกเข่าลงโขกศีรษะถวายบังคม“กระหม่อมถวายพระพรฝ่าบาท อายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปี พ่ะย่ะค่ะ”หย่งหมิงฮ่องเต้ทอดพระเนตรลงมา พระสุรเสียงเข้มทุ้มต่ำดังไปทั่วโถง “ลุกขึ้นเถอะ อี้หาน”“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“เป็นเช่นไรบ้าง สถานการณ์ที่หุบเขาอวิ๋นเซิง กบฏเหล่านั้นบัดนี้สิ้นซากแล้วหรือไม่?”ไป๋อี้หานประสานมือขึ้น น้อมกายรายงานเสียงชัดเจน “กราบท

  • นางร้ายเช่นข้าจะเปลี่ยนสามี!   ตอนที 80 (ตอนจบ)

    ยามเขาขยับเร่งเร้า สายน้ำพลันแตกกระจายสูงขึ้นราวฝนซัด นางไม่อาจทรงกายได้อีกต่อไป ต้องโอบรอบแผ่นหลังแข็งแรงไว้แน่น ความอบอุ่นและแรงปรารถนาที่โถมทับเข้ามาทำให้ทุกสิ่งรอบกายเลือนหาย มีเพียงเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นถี่รัวเป็นหนึ่งเดียวเวลาล่วงไปไม่รู้เนิ่นนานเพียงใด กว่าคลื่นน้ำจะสงบ ร่างบางก็อ่อนแรงแทบหมดสิ้น ได้แต่เอนพิงอกกว้าง หอบหายใจถี่แผ่ว ดวงตาคมกริบ ที่มักเย็นเยียบพลันพราวระยับด้วยหยาดน้ำใสไป๋อี้หานประคองเรือนร่างในอ้อมแขน กดจุมพิตเบา ๆ บนหน้าผากชื้นเหงื่อ เสียงทุ้มพร่ากระซิบใกล้หู“ต้าหลัว…มีเพียงเจ้าที่ทำให้ข้าสูญสิ้นการควบคุมเช่นนี้”เจียงหลัวปรือตามองเขาอย่างเหนื่อยอ่อน ใบหน้าขาวนวลแดงซ่าน ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเล็กน้อย ทั้งอับอายทั้งอบอุ่นท่ามกลางไอหมอกขาวและน้ำอุ่นที่คลอเคลีย สองร่างยังโอบกอดกันแนบแน่น กระทั่งเสียงหยดน้ำจากเพดานก็คล้ายกลายเป็นทำนองกล่อมที่ปิดฉากค่ำคืนในอ่างหิน…ปิดฉากอันใดกัน!ยามที่เจียงหลัวถูกอุ้มขึ้นจากอ่าง ร่างของนางช่างเบาราวขนนกในอ้อมแขนกำยำ เสื้อคลุมน้ำตาลอ่อนเพียงพาดหลวม ๆ มิอาจปกปิดผิวขาวผ่องที่เปล่งประกายยามต้องแสงตะเกียง แต่เพียงสบตากับสามี นางก็รู้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status