ตอนที่ 6 เมียขัดดอก!!
ฉันที่ได้เห็นเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบในจังหวะที่กำลังจะเอ่ยปากบอกสำทับให้เขาฟังอีกครั้ง...ถึงเรื่องที่ฉันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรในเรื่องนี้แล้ว และอีกอย่างในเมื่อเขาหาคนที่เป็นลูกหนี้มาได้แล้ว บริษัทก็ยกใช้หนี้ให้ไปแล้วก็สมควรแก่เวลาที่เขาควรจะต้องปล่อยฉันให้กลับบ้านไปได้สักที และในจังหวะที่ฉันกำลังจะเปิดปากพูดออกไปนั้น เขาที่เหมือนกับจะรู้ทันในความคิดของฉันก็ได้เอ่ยปากพูดสวนออกมาทันที
“นี่เป็นแค่เฉพาะเงินต้นที่มึงเอาไป...แล้วดอกเบี้ยอีก 100 ล้านล่ะมึงจะหาคืนกูได้ยังไง” สิ้นเสียงประโยคที่เหมือนกับการขูดเลือดเอากับปู ก็ทำให้ฉันถึงกับอ้าปากค้างตกตะลึงในความอำมหิตใจจืดใจดำของเขาอย่างเสียไม่ได้
(โอ้แม่เจ้า!! ดอกร้อยล้าน ต้นร้อยล้าน นี่มันขูดเลือดขูดเนื้อกันชัด ๆ) ฉันที่ถึงกับตะลึงพึงพรืดกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน และถึงแม้ว่าฉันจะรู้สึกสยองในใจ และอดไม่ได้ที่จะสงสารผู้ชายที่อยู่ด้านข้าง แต่ทุกอย่าง ณ เวลานี้มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันอีกแล้วเพราะฉะนั้น...รีบปล่อยฉันไปสักทีซิไอ้บ้านี่!!
ส่วนคนที่เป็นลูกหนี้ที่นั่งอยู่ด้านข้างของฉัน เขาเองก็ดูจะตกใจไม่ต่างกันถึงกับเอ่ยปากสั่นละล่ำละลักพูดไม่เป็นภาษา
“ห๊ะ...ดะ...ดอกร้อยล้าน ปะ...เป็นไปได้ยังไง...นะ...ในสัญญามันไม่มีนี่...ระ...หรือว่า...มึงโกงกูงั้นเหรอ” ผู้ชายด้านข้างของฉันถึงกับอึ้งไปไม่เป็น ก่อนจะคว้าสัญญามาดูด้วยความตื่นตระหนกอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
แต่แล้วรายละเอียดทุกอย่างในนั้นมันก็ทำให้เขาถึงกับอึ้งกิมกี่ไปไม่เป็นจริง ๆ เมื่อดอกจันเล็ก ๆ ที่อยู่ในเอกสารสัญญาตรงด้านล่างสุดได้บอกว่า ‘ดอกเบี้ย จะเท่ากับเงินต้นเมื่อผิดสัญญาตามที่ตกลงกันไว้'
และด้วยประโยคที่ระบุอยู่ในเอกสารแบบนั้น ก็ทำให้ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างของฉันถึงกับหน้าถอดสีสายตาเหม่อลอยทันที เพราะความจริงที่เหมือนกับโดนกลั่นแกล้งกันซึ่ง ๆ หน้า ได้ทำให้ชายที่เพิ่งจะสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะเพิ่งเซ็นยกบริษัทให้กับเจ้าหนี้ไปถึงกับบันดาลโทสะคำรามลั่นเตรียมพุ่งตัวออกไปอย่างลืมกลัว
“ไอ้เวรนี่!! นี่มึงโกงกูนี่หว่า แม่งเอ๊ย...” เขาพูดพร้อมกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อีกทั้งยังพยายามที่จะพุ่งตัวทะยานเข้าใส่ผู้ชายหน้าเลือดที่นั่งไขว่ห้างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอย่างเอาเรื่อง
แต่ทว่า...มีหรือที่คนที่ไร้ซึ่งอำนาจการต่อสู้ทั้งทางธุรกิจและทางกายอย่างผู้ชายที่อยู่ด้านข้างฉันเขาจะสามารถเข้าประชิดตัวเพื่อทำร้ายร่างกายคนที่ทำให้เขาเจ็บแค้นได้ เพราะเพียงแค่เขาคิดจะขยับตัวเตรียมที่จะพุ่งตัวทำร้ายคนตรงหน้าเพื่อระบายความแค้น ก็ต้องเจอกับสิ่งที่สวนกลับมาด้วยความรวดเร็วและแรงจนฉันเองยังมองตามไม่ทัน...
ป๊าบ...
“อ๊ากกกกก ~~”
แรงที่อัดเข้ากลางลำตัวอย่างเต็มแรงจากหน้าแข้งของลูกน้องของคนที่นั่งไขว่ห้าง ที่ยืนตั้งท่ารอปกป้องผู้เป็นนายของตนอยู่ก่อนแล้ว ส่งผลทำให้คนโดนถึงกับร้องเสียงหลงล้มลงไปนอนตัวงอกุมท้องร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดทันที
(OoO) ฉันที่ตกใจเบิกตาโพล่งอ้าปากค้าง ตัวแข็งทื่อ ให้กับภาพตรงหน้า พร้อมกับลำคอที่พยายามกลืนน้ำลายลงไปอย่างยากลำบาก ก่อนความคิดที่ไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นได้ผุดขึ้นมาในหัวอย่างเลี่ยงไม่ได้
(เอ๊ะ...!! ถ้าหากไอ้ปีศาจหน้าเลือดเกิดเพี้ยน หันมาทวงดอกเบี้ย 100 ล้านเอากับฉันแทนเข้าล่ะ...แล้วทีนี้ฉันจะทำยังไงดีล่ะเนี้ย...) ฉันคิดพลางขนลุกไปพลาง...บรึ๊ยยยย...
แต่แล้ว...อาจจะเป็นเพราะว่ามันคงถึงคราวซวยของฉันเข้าแล้วจริง ๆ เมื่อความคิดที่เพิ่งจะผุดขึ้นมาในหัวของฉัน ดูท่าจะส่งไปเชื่อมจิตเข้าให้กับเขาคนนั้นคนที่ฉันกำลังหวาดหวั่นในอำนาจที่ฉันเพิ่งประจักษ์เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
“กูรักษาคำพูดอยู่แล้ว ในเมื่อเงินต้นกูได้จากมึงแล้ว ส่วนดอกเบี้ยกูจะเอากับคนค้ำของมึงก่อนก็แล้วกัน...แล้วถ้ามึงมีมาจ่ายเมื่อไรมึงค่อยมาเอาตัวเมียมึงกลับไป...หึหึ” ใบหน้าคมเข้มที่ดูร้ายกาจเหลือเกินเอ่ยพูดกับคนที่นอนกองอยู่กับพื้นเพราะความจุกและปวดร้าวที่กลางลำตัว ก่อนที่สายตาทรงเสน่ห์ที่บัดนี้ดูยากหยั่งถึงจะปรายตามองมาที่ฉัน จนทำให้ฉันถึงกับเหงื่อกาฬผุดแตกเต็มกรอบหน้าสวย
ทันทีที่เขาพูดจบประโยค ฉันก็ถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ พร้อมกับสายตาที่ส่งไปสอดประสานเข้ากับชายที่นอนตัวงออยู่ด้านข้างอย่างไม่เข้าใจ เพราะไม่ใช่แค่ความรู้สึกแปลกใจที่ฉายขึ้นบนใบหน้าสวยของฉันเท่านั้น แต่ทว่า...คนด้านข้างของฉันเขาเองก็แสดงสีหน้าที่สับสนไม่แพ้กัน
นั่นก็เพราะต่างฝ่ายต่างกำลังนึกขึ้นมาในใจว่า...ผู้ชายคนนี้ / ผู้หญิงคนนี้ เป็นใครกัน...
จากนั้นฉันที่ตั้งสติได้ก่อน ก็ขมวดคิ้วรีบส่ายหัวไปมาอย่างไม่ยินยอม นั่นก็เพราะคนที่อยู่ด้านข้างของฉันนั้น ฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อนด้วยซ้ำ แล้วจะมาให้ฉันใช้หนี้แทนได้ยังไงกัน และทันทีที่สมองไตร่ตรองได้อย่างนั้นฉันก็รีบโพล่งบอกออกไปอย่างลืมกลัว
“เดี๋ยวนะ...ฉันไม่รู้จักผู้ชายคนนี้เลยสักนิด ละ...แล้วจะให้ฉันมารับผิดชอบใช้หนี้แทนเขาได้ยังไงกันล่ะ” ฉันรีบบอกออกไปด้วยความสัตย์จริง พร้อมกับสีหน้าที่เหลอหลาสับสนงงงวยไปหมด
“หึ...นี่มึงยังไม่ยอมรับอีกเหรอ หลักฐานก็ออกจะทนโท่ ลายเซ็นนี้ก็ลายเซ็นของมึงเอง มึงก็เป็นคนยอมรับเองด้วย” หลังจากที่ฉันพูดจบ ผู้ชายที่หล่อแค่หน้าแต่นิสัยน่ายี้ รีบตอบฉันกลับมาด้วยความรู้สึกได้ใจ
แต่คำพูดของเขากลับไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวอะไรกับท่าทางเอาเรื่องของเขาตอนนี้ เพราะว่าความรู้สึกโมโหที่ฉันมีมันมากจนกลบความรู้สึกเหล่านั้นไปจนหมดสิ้น
“เอ๊ะ!! นายนี่พูดไม่รู้เรื่องหรือไงกัน ก็ฉันบอกอยู่นี่ไงว่ามันเกิดจากการผิดพลาด ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเซ็นเอกสารฉบับนี้ แล้วอีกอย่างผู้ชายคนนี้ฉันก็ไม่รู้จัก...ใช่ไหมคุณ เราไม่รู้จักกันใช่ไหมคะ” ฉันเถียงออกไปอย่างเหลืออด ก่อนจะหันไปหาผู้ชายที่ยังคงนอนกุมท้องตัวงออย่างต้องการให้เขาช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ของฉัน
แต่ใครมันจะไปคาดคิดว่า...สันดานของมนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง ในเมื่อคนด้านข้างที่ไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อน จะกลับมาทำกันได้ลงคอเพียงเพื่อการอยู่รอดของตัวเอง
ผู้ชายที่วินาทีนี้ฉันไม่อยากเรียกหรือยกเกียรติให้เขาเป็นผู้ชายด้วยซ้ำ รีบเสหน้าหลบสายตาขอความช่วยเหลือจากฉันทันที หลังจากที่ฉันเอ่ยปากขอให้เขาช่วยยืนยันให้ว่าฉันไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ก็นั่นแหละเพราะการที่อยู่ดี ๆ แล้วมีคนมารับผิดชอบหนี้ 100 ล้านแทนให้แบบสบาย ๆ นั้น มันช่างทำใจได้ยากเหลือเกินที่จะปฏิเสธโชคหล่นทับแบบนี้...
“แต่ว่าแม่ครับ...ได้โปรดอย่าห้ามไม่ให้พี่แดนไปบ้านปู่อีกเลยนะครับ” เด็กชายตรงหน้าพูดเหมือนกับรู้เท่าทันความคิดของฉันที่มีต่อเขาในสถานการณ์ตอนนี้“แต่พี่แดน...ลูก...” ส่วนฉันที่แม้จะปวดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้มา แต่พอเห็นสายตาอ้อนวอนที่แสนจะเด็ดเดี่ยวของลูกชายตัวเองก็ทำได้เพียงแค่เรียกชื่อเขาเบา ๆ ด้วยความเหนื่อยใจ“นะครับแม่...พี่แดนสัญญาว่าพี่แดนจะตั้งใจเรียนศิลปะการป้องกันตัวให้หนักมากขึ้น และพี่แดนขอเรียนพวกการใช้อาวุธด้วยได้ไหมครับ...พี่แดนอยากดูแลตัวเองให้ได้มากกว่านี้”สายตามุ่งมั่นของลูกชายที่ส่งมาทำให้ฉันถึงกับสะท้อนใจ พร้อมกับมองไปที่ลูกชายด้วยความรู้สึกหน่วงในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เด็กชายตรงหน้าที่ฉันไม่รู้ว่าเขาบัดนี้เขาได้เติบโตไปมากกว่าที่ฉันเห็นแค่ไหนแล้ว โดยเฉพาะยามที่เขาเอ่ยพูดด้วยสายตาแน่วแน่ไม่มีความรู้สึกลังเลหรือหวั่นใจเลยแม้แต่น้อยในดวงตาคู่นั้นถึงเรื่องที่อยากจะทำในสิ่งที่เด็กรุ่นเดียวกันไม่คิดจะทำ“พี่แดนไม่กลัวเหรอลูกถ้า...เอ่อ...ต้องกลับไปที่นั่นอีก” ฉันหยั่งเชิงถามลูกชายออกไป แม้ว่าคำตอบจากท่าทางของลูกชายที่มีให้ก่อนหน้านี้จะเป็นคำตอบให้ฉันแล้ว แต่ฉันก็ยังอ
รุ่งเช้า ~~วันนี้ฉันเลือกที่จะไม่เข้าไปบริษัท เพราะอยากจะอยู่รอรับลูกชายที่ไม่เคยห่างกายไปไกลขนาดนี้มาก่อน จนกระทั่งเมื่อสัญญาณการขอลงจอดเครื่องบินดังขึ้น ความรู้สึกหนักอึ้งในใจที่มีมานับตั้งแต่ลูกชายขึ้นเครื่องบินไปบ้านปู่ของเขาก็ได้ทุเลาลง“แม่คร้าบบบ ~~ พี่แดนคิดถึงแม่จังเลยครับ” ฟอด ~~ ฟอด ~~ ลูกชายตัวน้อยที่นับวันใกล้จะสูงเท่าฉันแล้ว วิ่งยิ้มร่าโผเข้ามากอดฉันแน่น พร้อมกับหอมแก้มฉันซ้ายขวาไม่หยุดก่อนที่ผู้ชายอีกคนที่ฉันคิดถึงไม่แพ้กันจะตรงปรี่เข้ามาหาฉันพร้อมกับทำเลียนแบบลูกชายของตัวเอง“พี่ก็คิดถึงลินมากเลยคร้าบบบบ ~~” ฟอด ~~ ฟอด ~~ คนเป็นพ่อที่ไม่ยอมน้อยหน้าลูกตรงถลาเข้ามากอดฉันพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาเหมือนกัน โดยที่ลูกชายฉันได้แต่ดิ้นพล่านเพราะอึดอัดที่ถูกอัดอยู่ตรงระหว่างกลางการกอดกันของพ่อแม่ของเขา“เป็นไงบ้างคะ ทุกอย่างราบรื่นดีไหม” ฉันผละออกจากอ้อมกอดของผู้ชายทั้งสอง แล้วเอ่ยถามด้วยความคิดถึงแต่ทว่า...เสียงและท่าทางเจื่อน ๆ ของผู้เป็นสามีที่ตอบกลับมา ทำฉันอดแปลกใจไม่ได้“ก็ดีจ๊ะ...”“แล้วลูกล่ะครับพี่แดน เป็นไงบ้างสนุกไหมไปบ้านท่านปู่ครั้งแรก” ฉันมองไปยังลูกชายที่แสดงสีหน
“ผมไม่ต้องการให้คุณมาเร่งรัดให้แดนไปกับคุณนะครับ โปรดเข้าใจด้วยว่าลูกผมยังเล็ก” คนตัวโตเปิดประเด็นก่อน“ก็แล้วทำไมไปกับฉันจะต้องกลัวอะไร” ส่วนคนสูงวัยที่มีความคิดเป็นของตัวเองเช่นกัน ก็ได้เอ่ยปากออกมาอย่างไม่พอใจ“เพราะผมรู้ไงว่ามันอันตรายยังไง ผมรู้ว่าท่านนะยิ่งใหญ่แต่ใครจะรับประกันให้กับลูกชายของผมได้ล่ะ เพราะฉะนั้นนี่คือข้อตกลงระหว่างเราที่ผมจะยอมให้ได้ นั่นก็คือผมจะขอเวลา 5 ปีเพื่อฝึกให้แดนทันคนและมีวิชาเพื่อป้องกันตัวเวลาที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น หลังจากนั้นผมถึงจะอนุญาตให้เขาไปที่ประเทศของท่านได้ เพื่อที่เขาจะได้รู้ตัวว่าเขายังพอใจที่จะรับตำแหน่งบ้า ๆ นั้นไหม และหลังจากที่เขาอายุครบที่จะเข้าพิธีรับมอบตำแหน่งได้แล้วถึงวันนั้นถ้าแดนยังต้องการที่จะไปกับท่านอยู่ล่ะก็ ผมก็พร้อมที่จะเคารพสิทธิ์ในการตัดสินใจของลูก เพียงแต่ถ้าหากว่าเขาเล็งเห็นแล้วว่าการไปอยู่กับท่านมันไม่ได้ทำให้เขามีความสุขแต่อย่างใด และถ้าหากมันเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็ ต่อให้ใครหน้าไหนมันคิดจะมาฆ่าล้างตระกูลผมก็ตาม ผมจะไม่มีวันปล่อยมันไว้อย่างแน่นอน” คนตัวโตพูดรัวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง โดยไม่มีช่องให้คนที่มีอำน
“พี่แดนอยากไปครับ...ท่านปู่บอกอยากให้พี่แดนไปดูอาณาจักรที่จะเป็นของพี่แดน แต่พี่แดนก็อยากให้แม่คร้าบกับดีแลนไปด้วย แต่ดีแลนคงไม่อยากไป...ท่านปู่บอกแบบนั้น”เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วด้วยแววตาเป็นประกายซุกซน ก่อนจะทำเสียงกระซิบกระซาบในประโยคท้ายยามเอ่ยปากนินทาผู้เป็นพ่อของตน“อย่างงั้นเหรอลูก” ฉันตอบลูกชายตัวน้อยกลับไปเพียงประโยคสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ที่ช่างต่างกับจิตใจที่ร้อนรุ่มเหลือเกินแต่ด้วยแววตาดวงน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยไฟปรารถนาที่อยากจะเห็นโลกกว้าง ทำให้ฉันที่แม้จะอยากปฏิเสธใจแทบขาด แต่จำต้องเก็บความต้องการนั้นเอาไว้แล้วเลือกหาทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้“ถ้าพี่แดนอยากไปแม่ก็จะอนุญาตครับ...เพียงแต่ ณ เวลานี้มันยังเร็วเกินไปที่พี่แดนจะไปบ้านท่านปู่ด้วยเหตุผลแรก แม่เองก็ใกล้ที่จะคลอดน้องแล้วแม่คงจะไปกับพี่แดนด้วยไม่ได้ พี่แดนคงไม่อยากให้แม่ไปคลอดน้องบนฟ้าใช่ไหมครับ” ฉันค่อย ๆ อธิบายให้ลูกชายตัวน้อยฟัง“ส่วนเหตุผลที่สอง แม่อยากให้พี่แดนโตกว่านี้อีกสักหน่อย อยากให้พี่แดนโตจนสามารถดูแลตัวเองได้แม้ในวันที่พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่เคียงข้าง เพราะฉะนั้นถ้าพี่แดนอยากจะไปบ้านท่านปู่จริง พี่แดน
--- ดีแลน Talk ---“ที่ท่านพูดเมื่อสักครู่มันหมายความว่ายังไงครับ” ผมเปิดปากถามคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อแม้ว่าผมจะไม่เคยนับว่าเขาเป็นพ่อก็ตาม“แล้วแกคิดว่าไงล่ะ...” ก่อนที่คนเจนสนามอย่างเฒ่าเจ้าเล่ห์จะยักคิ้วพูดหยั่งเชิง“พูดมาตรง ๆ เถอะครับ ผมรู้ว่าการที่คุณเทียวไปเทียวมาแบบนี้คงไม่ได้เป็นเพราะคิดถึง...เอ่อ...หลาน” ผมพูดไปด้วยรู้เจตนาคนตรงหน้าดีแต่อยากได้ความชัดเจน“เฮ้อ...ดีแลนแกพูดอย่างนั้นมันก็ดูจะดูถูกจิตใจฉันเกินไปนะ ฉันน่ะคิดถึงหลานจริง ๆ และอยากเจอเขาด้วย แต่ถ้าจะให้ฉันพูดตรง ๆ ฉันคิดว่าแกคงรู้สถานการณ์ของทางฝั่งตระกูลฉันดี และฉันก็รู้ดีว่าแกไม่โง่ที่จะไม่รู้เจตนารมณ์ของฉัน เพราะแกย่อมรู้ดีที่ฉันทำแบบนี้มันก็เพื่อแกเอง...” คนเป็นพ่อของผมพูดโดยที่มือบรรจงลูบไปที่หัวของลูกชายผมอย่างแผ่วเบา อีกทั้งยังมองดูเด็กน้อยด้วยสายตาอ่อนโยนซึ่งผมไม่เคยได้เห็นมาก่อนจากเขา“เพื่อผมเหรอ ผมว่าท่านทำเพื่อตัวเองมากกว่านะ” ผมแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าอย่างเหลือจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมา“ทำไมแกถึงคิดแบบนั้นกับพ่อได้ล่ะ...” ก่อนที่คนสูงวัยจะเบนสายตาจากหลานชายตัวน้อยมายังบุคคลที่เป็นลูกชายตนเองแทน พร้อมกับมอง
แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คงเหมือนกับที่ท่านชีคได้พูดเอาไว้ ว่าสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนได้นั่นก็คือเขายังคงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านชีคเขาจริง ๆ และยังคงมีสิทธิ์ในตำแหน่งผู้สืบทอดโดยชอบธรรม เพียงแต่เขาที่ไม่ต้องการตำแหน่งนั้นกลับไม่อาจปฏิเสธได้เต็มปากว่าถ้าหากถึงเวลาจวนตัวที่ตำแหน่งท่านชีคว่างขึ้นมาจริง ๆ เขาจะปฏิเสธมันได้อย่างไรเพราะด้วยกฎประหลาดที่ถูกกำหนดขึ้นมาว่าถ้าหากท่านชีคองค์ปัจจุบันไม่อาจมีทายาทสืบทอดตำแหน่งต่อไปได้ ทุกอย่างจำต้องรีเซตใหม่โดยการกำจัดสายเลือดที่เกี่ยวข้องที่ไม่อาจดำรงตำแหน่งผู้สืบทอดได้ให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามหรือเป็นภัยคุกคามในตระกูลต่อไปที่จะได้ขึ้นมาครองตำแหน่งนี้แทนหลังจากที่ฉันได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากปากผู้เป็นสามี ฉันถึงกับหน้าถอดสีทันที ก่อนจะเอ่ยปากถามเขาไปถึงข้อสันนิษฐานในข้อตกลงที่ในวันนี้ท่านชีคชาดีฟคิดจะมาพูดกับพวกเรา“ถ้างั้นพี่ดีนคิดว่าเพราะอะไรท่านชีคถึงมาหาเราที่นี่ค่ะ” ฉันถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล“ก็อย่างแรกข่าวที่เราแต่งงานหลุดออกไปที่ประเทศนั้นในวงศ์ตระกูลของท่านชีคต่างรู้ว่าพี่เป็นลูกของเขา แต่ด้วยอำนาจของเขาที่ยังคงเข้มแข็งอยู่พี่ถึ