หน้าหลัก / รักโบราณ / บ่าวหญิงของศิษย์รัก / บทที่ 71 : ข้ายังมีแผนสำรอง

แชร์

บทที่ 71 : ข้ายังมีแผนสำรอง

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-18 20:10:29

เช้าตรู่ของวันใหม่ ลมหนาวกรรโชกแรงเหนือแนวหุบเขาอู่ฮุ่ย สายหมอกคลี่คลุมผืนหญ้าเย็นชื้น ขับเน้นแสงเช้าสีส้มอ่อนที่ลอดผ่านแนวเขาให้ยิ่งดูคล้ายภาพฝัน แต่อาจไม่ใช่ฝันดีเท่าไรนัก เมื่อเสียงฝีเท้าของเหล่าผู้ถืออาวุธกำลังย่างกรายเข้ามา

เบื้องหน้าแนวหน้าผาสูงชัน ณ ที่ซึ่งถูกเรียกว่าปากทางสู่ประตูเงามาร พวกมารห้าคนยืนเรียงรายกันอย่างมาดมั่น เซี่ยหงประมุขพรรคมาร เสวียนชางผู้ใช้กระบี่และฝีเท้าที่ว่องไว จวินเลี่ยจอมพลังผู้ใช้กระบองคู่ เหอหลงชายชราผู้ใช้โซ่ติดลูกตุ้มเหล็ก และ ฉีเฟิงผู้ใช้เพลงเตะกับใบมีดที่รองเท้า พลังที่แผ่ออกมาจากร่างแต่ละคนเข้มข้นราวพายุคลั่ง สะท้อนถึงไอพลังปราณจากชีวิตสมุนที่พวกเขากลืนกินมาเมื่อคืน

ทว่ายังไม่ถึงประตูดี เบื้องหน้าพวกเขา กลับปรากฏร่างของชายสามคนที่ยืนขวางไว้ก่อนแล้ว

จ้าวหยางควงพลองเหล็กคู่ของเขาเบา ๆ แววตาทอประกายเด็ดเดี่ยว อู๋เป่ยถือกระบี่ยืนนิ่ง ดวงตาเยือกเย็นราวผิวน้ำแข็งที่กำลังรอแตกกระจาย และเฉินอี้ที่ยืนตรงกลาง ภายใต้ชุดบ่าวเรียบง่ายนั้น กลับมีร่างเปล่งประกายด้วยไอพลังปราณสีขาวหมุนวนรอบตัว ดวงตาแสดงความมุ่งมั่นของคนที่เล

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 73 : ข้าจะพยายามทำในสิ่งที่ข้าทำได้

    เสียงกระบองฟาดกระทบพลองเหล็กดังก้องทั่วแนวเขาอู่ฮุ่ย จ้าวหยางกับจวินเลี่ยยังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ปะทะกันไม่หยุด นับร้อยเพลงอาวุธ จนจากมีกระบวนท่าเริ่มกลายเป็นการฟาดฟันแบบดิบเถื่อน เมื่อทั้งสองต่างผลักพลังใส่กันสุดกำลังจนในที่สุดเสียงพลองเหล็กของจ้าวหยางกับกระบองของจวินเลี่ยกระเด็นหลุดจากมือทั้งคู่ ลอยไปตกอยู่ไกลเกินเอื้อม ถึงคราวใช้เพียงมือเปล่าล้วน ๆ!“มาต่อกันเถอะ!” จวินเลี่ยคำรามเสียงต่ำ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่จ้าวหยางด้วยหมัดใหญ่พอกับชามข้าว จ้าวหยางยกแขนขึ้นรับเต็มแรง เสียงกระแทกกระทั้นดังเป็นจังหวะราวกลองรบ หมัดซ้าย หมัดขวา ศอก เข่า ประเคนเข้าใส่จ้าวหยางที่ได้แต่ป้องกัน หากวัดกันที่กำลังหรือความเร็วแล้ว เขาด้อยกว่าจวินเลี่ยที่ดูดกลืนพลังของพวกตนเองอย่างเห็นได้ชัดจวินเลี่ยซัดเข้าอย่างไม่หยุดยั้ง การป้องกันเริ่มปัดป้องได้ไม่หมด จนเลือดเริ่มซึมจากมุมปากของชายหน้าเหลี่ยม ร่างกายจ้าวหยางบางส่วนเริ่มเต็มไปด้วยรอยช้ำ และบาดแผล เลือดเริ่มไหลออกจากร่าง ถึงเช่นนั้นจวินเลี่ยก็ประหลาดใจ เพราะแรงของจวินเลี่ยมหาศาล เขาตอนนี้สามารถบดขยี้วัวใหญ่ด้วยหมัดเปล่า แต่ถ

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 72 : ข้าพลาดที่เป็นห่วงเขามากไปหน่อย

    เสียงฟาดกระบองยักษ์ของเทวรูปมารแหวกอากาศลงมาอย่างรวดเร็ว เฉินอี้พยายามหลบด้วยปทุมยาตรา ทว่าถูกคลื่นพลังอันรุนแรงบดขยี้เข้ามาจนเสียหลักไม่ทันได้ก้าวต่อ! แต่ทันใดนั้นแสงสีขาวเจิดจ้าก็ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าเฉินอี้เสียก่อน!ตูมมม!!เสียงกระแทกสะท้านเขาอู่ฮุ่ย ทั้งฝุ่นผงและหินแตกกระจายไปทั่ว กระบองของเทวรูปมารที่กำลังจะทุบเฉินอี้ ถูกยันต์ที่สร้างขึ้นจากพลังปราณขวางไว้ได้พอดี พร้อมกับร่างของหญิงสองคนที่เพิ่งปรากฏกลางสมรภูมิ! เฉินอี้เบิกตากว้างเมื่อเห็นเสี่ยวซุ่ยอยู่ตรงหน้าพร้อมกับ ซูหรง ที่ยกมือสร้างเกราะยันต์พลังปราณสีเงินป้องกันกระบองยักษ์นั่นไว้“นายหญิงซูหรง เสี่ยวซุ่ย ทำไมถึง...”“เสี่ยวซุ่ยเหรอ...” ลั่วชิงเอ่ยเบา ๆ ก่อนมองร่างตัวเองและพบว่ามันเปลี่ยนเป็นร่างเด็กสาวบ่าวหญิงอีกครั้ง ก่อนที่นางจะทรุดตัวลงเล็กน้อย ใบหน้าแสดงความเจ็บปวด เพราะพลังของเซียนในร่างเสี่ยวซุ่ยดูเหมือนจะอ่อนแรงลงอย่างกะทันหัน ความห่วงใยที่มีต่อเฉินอี้ทำให้นางจิตใจไม่สงบพอ จนกลับร่างเป็นบ่าวหญิงอีกครั้งกลางสมรภูมิเสียอย่างนั้น“พาเสี่ยวซุ่ยออกไปให้พ้นจากที่นี่ก่อน!”

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 71 : ข้ายังมีแผนสำรอง

    เช้าตรู่ของวันใหม่ ลมหนาวกรรโชกแรงเหนือแนวหุบเขาอู่ฮุ่ย สายหมอกคลี่คลุมผืนหญ้าเย็นชื้น ขับเน้นแสงเช้าสีส้มอ่อนที่ลอดผ่านแนวเขาให้ยิ่งดูคล้ายภาพฝัน แต่อาจไม่ใช่ฝันดีเท่าไรนัก เมื่อเสียงฝีเท้าของเหล่าผู้ถืออาวุธกำลังย่างกรายเข้ามาเบื้องหน้าแนวหน้าผาสูงชัน ณ ที่ซึ่งถูกเรียกว่าปากทางสู่ประตูเงามาร พวกมารห้าคนยืนเรียงรายกันอย่างมาดมั่น เซี่ยหงประมุขพรรคมาร เสวียนชางผู้ใช้กระบี่และฝีเท้าที่ว่องไว จวินเลี่ยจอมพลังผู้ใช้กระบองคู่ เหอหลงชายชราผู้ใช้โซ่ติดลูกตุ้มเหล็ก และ ฉีเฟิงผู้ใช้เพลงเตะกับใบมีดที่รองเท้า พลังที่แผ่ออกมาจากร่างแต่ละคนเข้มข้นราวพายุคลั่ง สะท้อนถึงไอพลังปราณจากชีวิตสมุนที่พวกเขากลืนกินมาเมื่อคืนทว่ายังไม่ถึงประตูดี เบื้องหน้าพวกเขา กลับปรากฏร่างของชายสามคนที่ยืนขวางไว้ก่อนแล้วจ้าวหยางควงพลองเหล็กคู่ของเขาเบา ๆ แววตาทอประกายเด็ดเดี่ยว อู๋เป่ยถือกระบี่ยืนนิ่ง ดวงตาเยือกเย็นราวผิวน้ำแข็งที่กำลังรอแตกกระจาย และเฉินอี้ที่ยืนตรงกลาง ภายใต้ชุดบ่าวเรียบง่ายนั้น กลับมีร่างเปล่งประกายด้วยไอพลังปราณสีขาวหมุนวนรอบตัว ดวงตาแสดงความมุ่งมั่นของคนที่เล

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 70 : ข้าต้องสงบสติเสียหน่อย

    แสงจันทร์เริ่มทอประกายลาง ๆ เมื่อเฉินอี้เดินมายังลานด้านหลังโรงเตี๊ยม เห็นอวี้ไป๋เฉินยืนมองผืนฟ้าอยู่เพียงลำพัง ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้แล้วเอ่ยเบา ๆ“นายท่าน ท่านจะร่วมเดินทางไปที่ประตูเงามารหรือไม่?”อวี้ไป๋เฉินนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถอนหายใจเบา ๆ ดวงตาฉายแววอ่อนล้า แต่ยังคงมีความมั่นคงในจุดยืน“ข้าคงไม่ไป... ข้าเคยอยู่ท่ามกลางสงครามมากพอ... ข้ารู้ดีว่าความวุ่นวายไม่สิ้นสุด และข้าเลือกแล้วว่าจะปกป้องสิ่งเล็ก ๆ ที่เหลืออยู่” เขากล่าวอย่างช้า ๆ ก่อนเหลือบตามองรอบโรงเตี๊ยม“ที่แห่งนี้... ไม่ใช่แค่ที่พักของนักเดินทาง แต่มันคือบ้านของพวกเรา ข้าอยากปกป้องมัน รอซูหรงกลับมา ไม่ใช่เดินไปเสี่ยงตายแล้วต้องหันดาบใส่น้องสาวตัวเองอีกครั้ง”เฉินอี้ได้ฟังก็นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนค้อมศีรษะ“ข้าเข้าใจ ข้าจะเป็นดาบแทนท่านเอง หากใครคิดล้ำเส้นความสงบของที่นี่... ข้าจะเป็นคนหยุดมันแทนท่านเอง เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ท่านรับข้ามาอยู่ที่นี่”“ในเมื่อเขาไม่ไป พวกเราก็ไปกันเถอะ สามคนก็สามคน&rdqu

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 69 : ข้ามีจุดอ่อนใหม่

    ห่างออกไป บนยอดเขาหลิงอวิ๋นในยามราตรี แสงดาวทอประกายระยิบระยับเหนือท้องฟ้าลั่วชิงกำลังนั่งสมาธิ สงบจิตใจในตำหนัก รวบรวมพลังปราณที่มีให้สงบนิ่ง ตอนนี้นางรู้สึกได้ถึงพลังปราณที่กลับมาเต็มเปี่ยม หลังต้องสะกดพลังอยู่ในร่างเสี่ยวซุ่ยมานาน นางรู้สึกได้ว่าตอนนี้พลังของนางเต็มเปี่ยม พร้อมที่จะออกศึกในวันรุ่งขึ้นแล้ว...ถึงเช่นนั้นนางก็อดสงสัยไม่ได้ว่าสถานการณ์ที่ฝั่งพรรคมารและเฉินอี้เป็นอย่างไร นางจึงกลับไปที่กระจกวารีอีกครั้งนางแตะมือบนกระจกวารี พลันผิวน้ำแปรเปลี่ยนไป เป็นภาพเหตุการณ์ ณ ถ้ำศิลาดำ เสียงหยดน้ำจากผนังหินกระทบพื้นเย็นชื้นดังก้องเป็นจังหวะ เหล่าขุนพลพรรคมารที่รอดชีวิตจากศึกโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋น ยืนคุกเข่าเรียงรายตรงหน้าหญิงในชุดดำผู้หนึ่งที่นั่งบนบัลลังก์ ดวงตาของนางตอนนี้เป็นสีม่วงเรืองวาว ข้างกายมีตราประทับเงามารวางอยู่เหนือแท่นศิลาที่สลักด้วยอักขระอันซับซ้อน“ท่านประมุข... เรียกพบพวกเราส่วนตัวด้วยเหตุอันใด” เสียงหนึ่งในขุนพลพรรคมารเอ่ยอย่างยำเกรง ประมุขพรรคมารอวี้เซี่ยหง เหลือบมองพวกเขาอย่างเย็นชา ก่อนกล่าวเสียงแผ่วหากเยือก

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 68 : ข้ารู้สึกว่าเขาไม่ยอมถอดใจง่าย ๆ

    ยามบ่ายคล้อย แสงอาทิตย์อาบไล้ลานศิลาหน้าตำหนักหลักของสำนักหลิงอวิ๋น บรรยากาศยังคงเงียบสงบ แต่ในใจของเหล่าเซียนที่รวมตัวกัน ณ ศาลาระฆังทิพย์หลังพักการประชุมไปครู่ใหญ่ ก็ล้วนปั่นป่วนด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน ไม่มีใครพูดอะไรเมื่อเซียนลั่วชิงกลับเข้ามาอีกครั้ง รัศมีสีเงินของนางเรืองรองยิ่งกว่าเดิม“ท่านทั้งหลาย” ลั่วชิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชัดเจน “เมื่อครู่ ข้าใช้กระจกวารีในตำหนักของข้า ตรวจดูความเคลื่อนไหวของพลังแห่งตราประทับ และพลังปราณของศิษย์บางคนที่เคยสัมผัสมันมาก่อน กระจกวารีสะท้อนให้เห็นภาพที่อยู่ไกลออกไป... ภาพของพรรคมารที่เริ่มรวมกำลังพล เตรียมเคลื่อนไปยังภูเขาอู่ฮุ่ย พวกมันคงหมายใช้ตราประทับเพื่อเปิดประตูเงามารในเวลาอันใกล้ และจากระยะทางที่พวกมันเดินทางอยู่ในตอนนี้... คาดว่า พวกมันจะไปถึงในรุ่งเช้าวันพรุ่งนี้”“ข้าจึงขอให้ท่านทุกสำนัก เตรียมพร้อมเคลื่อนกำลังให้ทันก่อนฟ้าสาง เราจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายแสนลี้ของข้า เปิดประตูผ่านตราประทับที่ผูกไว้กับซูหรง บุกไปยังพื้นที่หน้าประตูเงามารโดยตรง”สิ้นคำกล่าวของนาง เสียง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status