ตอนที่ 9
หมู่บ้านแปลกประหลาด
สองวันผ่านมา หลิวซือนัวได้สติขึ้นอีกครั้งในสถานที่ซึ่งนางไม่คุ้นตา นางถูกช่วยเอาไว้จากคนผู้หนึ่ง เขาบอกนางว่าตัวเองเป็นหมอและบังเอิญช่วยนางที่ไม่ได้สติเอาไว้ที่ริมลำธารด้านข้างของเรือนพักของเขา
"ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้" นางเอ่ยขอบคุณท่านหมอพร้อมกับโค้งคำนับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม
"ข้าเป็นหมอ ช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องของข้าอยู่แล้ว โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไรมาก เพียงร่างกายอ่อนล้าเท่านั้น พักผ่อนให้มากก็ไม่เป็นอันใดแล้ว"
"ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยยังมีเรื่องอยากจะขอสอบถามท่านหมออีกเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะ"
"แม่นางเชิญถามมาได้เลย"
"นอกจากข้า ท่านหมอยังช่วยใครเอาไว้อีกหรือไม่เจ้าคะ คือ ตัวข้ากับสหายพลัดตกลงมาด้วยกันเจ้าค่ะ ถ้าท่านหมอพบข้าก็น่าจะพบและช่วยเขาเอาไว้ด้วยเช่นกัน"
"ข้าเองกำลังจะถามแม่นางอยู่เช่นเดียวกัน ไม่ผิดข้าช่วยเหลือบุรุษผู้หนึ่งเอาไว้ได้อีกคนหนึ่งเช่นกัน"
"เขา ข้าหมายถึงบุรุษผู้นั้นน่ะเจ้าค่ะ เขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมค่ะ"
"แน่นอนว่าเขายังมีชีวิต แต่ชีวิตของเขาข้าก็ไม่แน่ใจนักว่าจะยื้อเอาไว้ได้นานเท่าใดกัน"
"เป็นเพราะพิษในกายของเขาใช่หรือไม่เจ้าคะ ท่านหมอพอจะมีทางช่วยชีวิตเขาบ้างหรือไม่เจ้าคะ"
"ตัวข้าแม้จะเป็นหมอ แต่ก็ยังต้องศึกษาวิชาแพทย์อีกมาก ลำพังความรู้ที่ข้ามีในยามนี้แค่ยื้อชีวิตของเขาเอาไว้ได้ถึงตอนนี้ก็ถือว่าสุดความสามารถแล้ว" หมอหนุ่มเอ่ยตอบออกไปตามตรง
"เช่นนั้นท่านหมอหมายความว่าสุดท้ายสหายข้าผู้นี้อย่างไรก็คงต้องจบชีวิตลงเช่นนั้นหรือ" หลิวซือนัวเอ่ยขึ้น ในใจยามนี้นึกสงสารเจ้าของร่างซูบผอมที่บุกป่าฝ่าดงด้วยกันมา
"ท้ายที่สุดอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าเขาสามารถอดทนรอจนกระทั่งอาจารย์ของข้ากลับมาจากบนเขาได้ก็อาจจะยังพอมีทางรอดชีวิตได้อยู่"
"อาจารย์ของท่านจะกลับมาเมื่อไหร่หรือเจ้าคะ เร็วที่สุดไม่เกินอีกเจ็ดวัน ช้าที่สุดก็คงไม่เกิดสิบวัน"
หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่านหมอหลงอยู่นาน นางจึงได้รู้ว่าเวลานี้นางกับคุณชายอวี้นั้นหลังจากที่ตกลงมาจากน้ำตกแล้วน้ำก็พลัดมาจนถึงบริเวณท้ายหมู่บ้านตู๋ซือ
จากการบอกเล่าของท่านหมอหลงนางจึงได้รู้ว่าหมู่บ้านตู๋ซือนี้เป็นหมู่บ้านที่อยู่ลึกลับภายในป่าทุกคนภายในหมู่บ้านแยกตัวจากโลกภายนอกชัดเจน ทุกคนใช้ชีวิตอยู่แค่บริเวณหมู่บ้านและหุบเขาลึกภายในป่ากว้างนี้เท่านั้น
อีกเรื่องที่นางยังไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินเท่าไหร่นักก็คือเรื่องที่ท่านหมอหลงบอกว่าทุกคนในหมู่บ้านตู๋ซือนี้ล้วนแล้วแต่มีร่างกายเช่นเดียวกันกับคุณชายอวี้ทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นชาย หญิงหรือว่าเด็กทุกคนล้วนแล้วแต่ผอมจนเหลือแต่กระดูก ไม่มีใครในหมู่บ้านมีเนื้อหนัง ท่านหมอหลงยังกล่าวอีกว่า หากมีใครมีเนื้อหนังมากจนเกินไปก็จะต้องเฉือนเนื้อส่วนเกินนั้นออกไป ไม่เช่นนั้นพวกคนเหล่านั้นจะถูกบูชายัญเพราะถือว่าเป็นการผิดกฎของหมู่บ้านและเป็นการล่วงเกินเทพเจ้า
ท่านหมอหลงย้ำเตือนนางหลายครั้งว่าห้ามไม่ให้นางออกจากเรือนหมอแห่งนี้ไปโดยเด็ดขาด อีกทั้งห้ามไม่ให้เหล่าคนในหมู่บ้านพบเห็นนางโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจุดจบของนางอาจจะถึงชีวิตได้
แน่นอนว่าหลิวซือนัวรู้ว่าถ้านางบังเอิญไปเจอคนในหมู่บ้านเข้า ตัวนางที่ปกติก็อวบอิ่มไปทั้งเนื้อทั้งตัวคงไม่พ้นจะถูกบังคับให้แล่เนื้อเฉือนหนังตัวเองออก อีกทั้งนางยังเป็นคนจากภายนอกที่หลงเข้ามาในหมู่บ้าน หากมีใครพบเห็นจุดจบนางก็คงไม่อาจหนีพ้นความตายได้โดยง่าย
การเชื่อฟังท่านหมอหลงจึงเป็นทางเดียวที่นางและคุณชายอวี้จะสามารถรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้
เนื่องด้วยท่านหมอหลงผู้นี้ไม่ได้มีรูปร่างผอมบางเหลือแต่กระดูกอย่างที่เขาได้บอกว่าคนที่หมู่บ้านนี้ต้องมีรูปร่างเช่นนั้นทุกคน นางเองก็ได้ถามไปแล้วว่าเพราะเหตุใดท่านหมอหลงจึงสามารถอยู่ที่นี่ได้
คำตอบที่ได้ ก็คือเขาและท่านอาจารย์ก็เป็นผู้ที่พลัดตกลงมาจากน้ำตกนั่นเช่นเดียวกัน ต่างกันเพียงแค่ตอนนั้นพวกเขาศิษย์อาจารย์โดนจับไปขังเอาไว้ และเตรียมจะถูกบูชายัญแก่เทพแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นเทพที่ชาวบ้านที่นี่นับถือ กราบไหว้บูชา
โชคดีที่เวลานั้นผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ส่วนใหญ่ล้มป่วยลง หัวหน้าหมู่บ้านเองก็ป่วยหนักเช่นเดียวกัน พวกเขาศิษย์อาจารย์จึงขอลองรักษาดู
จนในที่สุดก็สามารถช่วยหัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านเอาไว้ได้ พวกเขาจึงสามารถรอดชีวิตจากการถูกบูชายัญไปได้ อีกทั้งพวกเขายังยินดีจะช่วยส่งพวกตนศิษย์อาจารย์ออกไปจากหมู่บ้านอย่างปลอดภัยเพื่อเป็นการตอบแทนอีกด้วย
แต่พวกเขากลับขออยู่ที่หมู่บ้านนี้ต่อเพื่อศึกษาสมุนไพรแปลก ๆ ที่มีอยู่ที่นี่อีกทั้งอาจารย์ของเขายังรับบุตรสาวหัวหน้าหมู่บ้านเป็นลูกศิษย์อีกด้วย เพื่อที่วันหนึ่งหากพวกตนออกไปจากหมู่บ้านแล้ว จะมีคนที่รู้วิชาแพทย์ค่อยรักษาคนในหมู่บ้านต่อไป
เห็นว่าที่อาจารย์ของท่านหมอหลงขึ้นเขาไปนั้นก็มีศิษย์น้องของเขาผู้เป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าตามไปด้วย เห็นว่าแม้นางจะเป็นลูกสาวหัวหน้าเผ่าแต่ก็มีจิตใจดีมาก ไม่หัวโบราณคร่ำครึ หากลงเขามาแล้วเจอเข้ากับนางที่เป็นคนต่างถิ่นก็คงไม่เป็นอะไร
หรือถ้าเกิดสิ่งใดขึ้นตามมาท่านหมอหลงกับอาจารย์ของเขาก็จะเป็นผู้ออกหน้าให้พวกนางเอง อย่างน้อยในฐานะอาจารย์และศิษย์พี่ หากขอร้อง อีกฝ่ายจะต้องยอมแน่
ในเมื่อต้องรอไปอีกไม่ต่ำกว่าเจ็ดวันสิบวัน สิ่งที่ท่านหมอหลงพอจะใช้ระงับพิษของคุณชายอวี้ได้มีเพียงสูตรยาระงับพิษที่ปรุงกับสมุนไพรถึงสิบสองชนิด ท่านหมอหลงยังเอ่ยอีกว่ามีสมุนไพรที่หายากถึงสามชนิดด้วยกัน ด้วยสามชนิดนี้มีแค่ที่หมู่บ้านตู๋ชือนี้เท่านั้น อีกทั้งสมุนไพรทั้งสามตัวนี้ก็ดูเหมือนจะใช้กับคุณชายอวี้ได้ดีทีเดียว
"มาเถอะกินข้าวเสีย อีกเดียวท่านหมอหลงนำยามาให้จะได้รีบดื่มตอนยังร้อน ๆ " นางเอ่ยขึ้นกับบุรุษที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่เตียง บนศีรษะของเขายังมีผ้าพันแผลพันเอาไว้เช่นเดิม ที่ดวงตาเองก็มีผ้าผูกเอาไว้เช่นเดิมเหมือนกัน
"ข้าทานเองได้แล้ว หลายวันนี้รบกวนคุณหนูหลิวแล้ว" เจ้าของดวงตาบาดเจ็บเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่กับมีพลัง เขาเอ่ยเสร็จก็ยื่นมือออกไปเตรียมรับชามข้าวมาถือเอาไว้เอง
หลายวันมานี้ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองยังไม่ตาย ทั้งยังได้พบกับคุณหนูหลิวผู้นี้
ยิ่งไปกว่านั้นยังได้พบกับท่านหมอที่บอกว่าพิษที่เขาได้รับพอที่จะมีทางรักษาได้ เขาที่ใช้เวลากว่าหนึ่งปีในการเดินทางเสาะหาหมอมาทั่วทั้งแดนใต้ จนหมดสิ้นความหวังที่จะรักษาไปแล้ว กลับมามีความหวังขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง
"ข้าไม่ถือว่าเป็นการรบกวนอันใดหรอก คุณชายอวี้ก็อย่าได้คิดมากเลย เอาไว้ท่านหายป่วยแล้วค่อยตอบแทนข้าก็ได้" นางเอ่ยก่อนจะยืนยันอีกครั้งที่จะป้อนอาหารให้เขา
"ข้าอวี้หนานไห่ จะจดจำน้ำใจนี้ตลอดไป"
"เช่นนั้นก็รีบกินเข้าเถิด น้ำใจของข้าท่านก็ต้องรับไปให้มากๆหน่อยเล่า" เจ้าของเสียงหวานเอ่ยอย่างขบขัน นางป้อนอาหารคนป่วยได้เยอะทีเดียว
ท่านหมอหลงยามเมื่อนำยาเข้ามาให้ยังเอ่ยชมเลยมาคุณชายอวี้นั้นทานอาหารได้มากขึ้นแล้ว แม้ว่าจะดูหน่อยยิ่งกว่านางกินไปมากแต่สำหรับร่างกายเขาแล้ว กินอาหารได้เพิ่มเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าดีมากแล้ว
"ยาที่ข้าปรุงจะช่วยระงับพิษได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นเพื่อให้เจ้าทนรอได้ถึงยามที่อาจารย์ของข้ากลับมาได้ ยาที่ข้าปรุงเจ้าจะต้องกินวันละสามเวลาอย่าได้ขาด ยานี้พอจะทำให้เจ้าทานอาหารได้บ้าง มิใช่กินไม่ได้เลยอย่างแต่ก่อน"
"ขอบคุณท่านหมอมากขอรับ"
"แล้วก็แม่นางหลิว ที่เรือนไม้ไผ่ด้านหลังมีห้องหนังสืออยู่ แม่นางเลือกหนังสือจากที่นั้นมาอ่านได้ เอาล่ะพวกท่าน ข้าขอตัวไปเตรียมสมุนไพรก่อน"
หลังจากท่านหมอหลงไปแล้ว นางจึงช่วยคุณชายอวี้จัดเตียง เพื่อให้เขานอนพักผ่อนต่อไป ส่วนนางก็ออกจากห้องพักของเขาไปที่ห้องหนังสือ
หนังสือที่นี่มีไม่น้อยทีเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรต่าง ๆ เรื่องพิษเรื่องการฝังเข็มบ้าง แน่นอนว่านางคงอ่านเรื่องพวกนี้ได้ไม่เข้าใจแน่ ยังดีที่ยังพอมีหนังสือเกี่ยวการดูแลส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นางจึงอยู่อ่านหนังสือที่เรือนหนังสือนี้ได้จนถึงช่วงเย็น
ตกเย็นนางก็แวะไปที่ห้องครัวเพื่อเป็นลูกมือท่านหมอหลงทำอาหารและเตรียมต้มยา
ในอดีตนางในอายุยี่สิบกว่า ๆ ทำอาหารไม่เป็นสักอย่าง ทว่ายามนี้ในมิติใหม่และชีวิตใหม่นี้ มารดาของนางพอจะสอนเข้าครัวบางเล็กน้อย ทำให้นางพอจะหยิบจับข้าวของในครัวคล่องมืออยู่บ้าง
เมื่อมื้อเย็นเสร็จสิ้น เป็นเช่นเดิม หลิวซือนัวยังคงทำตัวประหนึ่งสาวใช้ของคุณชายอวี้ นางช่วยเขาล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า และปรนนิบัติทานอาหารและป้อนยา
ทุกครั้งที่คุณชายอวี้ขัดขืน นางก็จะดื้อดึงเช่นเดิม ยังไงนางก็จะปรนนิบัติเขาให้ได้ เพราะที่เรือนหมอแห่งนี้เรื่องที่พอจะทำให้นางพอจะแก้เบื่อได้บ้างก็คงมีแต่การปรนนิบัติเขาเท่านั้น
จะให้ค่อยไปรบกวนเวลาของท่านหมอที่ศึกษาหาวิชาแพทย์ต่าง ๆ อยู่ก็เกรงว่าจะเป็นการรบกวนเวลาอันมีข้าของอีกฝ่าย ฉะนั้นสามวันมานี้หลิวซือนัวจึงได้แทบจะตัวติดอยู่กับคุณชายแซ่อวี้ผู้นี้ตลอดเวลา
"ข้าเป็นคนเป่ยเจียง จะเดินทางไปหาพี่ชายที่เป่ยจู แล้วเจ้าล่ะจะไปเป่ยจูทำไมกัน ไปหาหมอหรือ"
คืนนี้หลังจากที่นางให้อวี้หนานไห่ดื่มยาเสร็จแล้ว ก่อนจะกลับห้องพักของตัวเองจึงรั้งอยู่พูดคุยกับเขาต่ออีกครู่หนึ่ง
"ข้าเป็นคนเป่ยจูอยู่แต่เดิม ออกเดินทางทั่วแดนใต้กลับไร้หมอที่จะรักษาข้าได้ ครั้งนี้ตั้งใจกลับไปตายที่บ้าน" เขาเล่าเรื่องตัวเองอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน
"เมืองเป่ยจูใหญ่มากใช่หรือไม่ ข้าได้ยินว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแดนใต้ทีเดียว ภายในเมืองคงครึกครื้นน่าดูเชียว"
"เป็นเมืองใหญ่และติดกับทะเลน่ะ เรียกได้ว่าเป็นท่าการค้าขนาดใหญ่ก็ว่าได้ เพราะว่าติดทะเลจึงมีพ่อค้าจากต่างแคว้นต่างถิ่นมากมายทีเดียว"
"เช่นนั้นถ้าไปที่เมืองเป่ยจูก็จะได้เห็นสินค้าแปลกตามากมายใช่หรือไม่"
"แน่นอนย่อมเป็นเช่นนั้น เอาไว้ถ้าเจ้าได้ไปที่เป่ยจูจริง ข้าจะทำหน้าที่เจ้าบ้านต้อนรับคุณหนูหลิวอย่างดีแน่นอน"
"เจ้าสัญญาแล้วนะคุณชายอวี้ หากข้าไปเยือนเมื่อไหร่ท่านจะต้องต้อนรับข้าให้ดีด้วย"
จากตอนแรกจุดหมายของนางคือเมืองเป่ยจูยามนี้กลับมาอยู่ที่หมู่บ้านกลางป่าเขาลึกลับ หากโชคดีออกไปจากที่นี่ได้ก็คงจะต้องเดินทางกลับเป่ยเจียง ไม่อาจตรงไปที่เมืองเป่ยจูได้อีกแล้ว
นางหายไปหายวันขนาดนี้แล้ว เรื่องคงไปถึงพี่ใหญ่นางแล้วว่านางหายตัวไป ไม่รู้ว่ายามนี้เสี่ยวหนิง เสี่ยวชิง แม่นางกู่หรูและคนอื่น ๆ จะยังปลอดภัยหรือไม่ นางได้แต่หวังให้ทุกคนปลอดภัยมีชีวิตรอด
หลิวซือนัวและอวี้หนานไห่เองก็จะต้องรอดปลอดภัยด้วยเช่นกัน รอจนคุณชายอวี้ถอนพิษได้แล้ว พวกนางก็จะรีบออกจากหมู่บ้านนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อกลับไปหาครอบครัวของตน
พวกนางคุยกันต่อ นางถามถึงข้าวของรวมไปถึงอาหารขึ้นชื่อของเป่ยจู เขาเองก็ตอบมาอย่างละเอียด จบจนค่ำมากแล้ว นางจึงจะขอตัวกลับห้องพักของตน
ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูออกจากห้องพักของคุณชายอวี้ ด้านนอกเรือนพักก็มีเสียงคนหลายคนวิ่งเข้ามาที่เรือนหมอเสียก่อน
โชคดีที่นางดับเทียนได้ทัน ภายในห้องพักจึงไม่มีแสงสว่างหลงเหลืออยู่พอที่จะเป็นที่สงสัยของผู้มาใหม่หลายคน
"ท่านหมอหลง อยู่หรือไม่ ป้าจวงอยู่ๆก็หมดสติไป"
"ท่านหมอหลง ท่านหมออยู่ที่ไหนขอรับ
"ท่านหมอหลง ท่านหมอเจ้าคะ"
คนเหล่านี้ร้องเรียกไปด้วยสำรวจตามห้องต่างๆไปด้วย จนหลิวซือนัวอดกลัวไม่ได้ว่าห้องที่นางอยู่อาจจะถูกเปิดออกเมื่อไหร่ก็ได้
นางค่อยๆก้าวเดินจากประตูเพื่อไปรวมกับคุณชายอวี้ที่นอนอยู่บนเตียง
"มีคนมา พวกเขาจะเจอเราหรือไม่" นางกระซิบถามคนบนเตียงเสียงเบา
"อย่าได้กังวนไปเลย เจ้ารีบปีนขึ้นเตียงมาก่อนเถอะ" เขารีบกระซิบตอบกับไป
หลิวซือนัวไม่รอช้า นางปีนข้ามร่างสูงเข้าไปนั่งอยู่ที่เตียงด้านในตามที่เขาบอก
หากประตูถูกเปิดเข้ามาจริงๆอย่างน้อยๆก็ยังมีม่านกันเตียงที่พอจะบังพวกนางเอาไว้ได้
"ท่านหมอหลง ท่านหมอท่านหลับแล้วหรือขอรับ"
เสียงพูดดังขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดนางก็รู้สึกว่าพวกเขามาหยุดลงที่หน้าประตูห้องของพวกเขาแล้ว อีกไม่นานประตูคงถูกเปิดเข้ามาและพวกนางก็คงจะถูกพบเข้า
วินาทีต่อมา ประตูก็ถูกผลักเข้ามาจริงๆ
แอ๊ด
ตอนพิเศษ 1แม่สามีของข้านั้นดียิ่งนักเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่นางแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ใหญ่สกุลอวี้ อวี้หนานไห่มีน้องสาวอยู่หนึ่งคนชื่ออวี้จินเชียง จากที่อวี้หนานไห่เล่าให้ฟังก็คือ อวี้จินเชียงนั้นอยู่ที่บ้านเดิมกับท่านยายของพวกเขาตั้งแต่ยังเยาว์เพราะมีร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง อีกไม่นานอวี้หนานไห่ก็จะพานางไปเยี่ยมท่านตาท่านยายและน้องสาวของเขาเพราะว่าฮูหยินอวี้ไม่ใช่สิ เวลานี้นางควรจะเรียกว่าท่านแม่สามีถึงจะถูก เอ็นดูนางเป็นพิเศษดูแลต้อนรับนางเข้ามาเป็นอีกส่วนหนึ่งของครอบครัวอย่างอบอุ่น เหมือนกับว่านางเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ไม่ใช่เป็นเพียงลูกสะใภ้ ซ้ำยังชอบให้ท้ายนางอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะยกเลิกไม่ต้องให้นางมาคารวะทุกเช้า ให้เปลี่ยนมาเป็นมาทานมือเช้าเป็นเพื่อนนางบ้างก็พอ ยิ่งเป็นเรื่องข้าวของเครื่องประดับหรืออาภรณ์ แน่นอนว่าอาภรณ์ใหม่ ๆ ของนางไม่มีวันขาดแคลนเพราะว่านางเป็นบุตรสาวจากสกุลที่เปิดร้านอาภรณ์ แต่ยิ่งนางมีเสื้อผ้ามากมายเท่าไหร่ ท่านแม่สามีก็ยิ่งจะยื่นเครื่องประดับจำนวนมากมาให้นาง ทั้งของที่ประมูลมา ของที่หาซื้อได้ตามร้านหรือว่าเครื่องประดับที่ต้องสั่งทำจนยามนี่นางมีเครื่องประดั
ตอนที่ 45คำนับฟ้าดิน"หนึ่ง คำนับฟ้าดิน""สอง คำนับบิดามารดา""สาม สามีภรรยาคำนับกันและกัน"หลังจากเสร็จพิธีแล้วเจ้าสาวก็ถูกส่งตัวเข้าหอ ด้านเจ้าบ่าวก็ถูกรั้งตัวเอาไว้ในงานเลี้ยงมงคล เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานดื่มอวยพร เป็นธรรมเนียมปกติที่ในงานมงคลเช่นนี้เจ้าบ่าวจะต้องถูกมอมเหล้าจากแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายรวมไปถึงญาติมิตรต่าง ๆ ที่มาร่วมงานอวี้หนานไห่ไม่ยอมให้ตนต้องตกเป็นเป้าให้ผู้อื่นมอมเหล้านานเกินไป เข้าทักทายแขกที่มาร่วมงานอยู่เกือบหนึ่งชั่วยามก็แอบปลีกตัวออกมาแล้วคืนเข้าหอเวลามีค่าแค่ไหน ไม่ต้องให้ผู้ใดต้องมาบอกเขาก็รู้ดี ทันทีที่เข้าได้ก้าวเข้ามาในเรือนหอของตน บนเตียงก็พบกับภรรยา ใช่แล้วหลิวซือนัวภรรยาของเขา และนางจะเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์หลังจากคืนนี้ไป"อวี้หนานไห่เป็นเจ้าหรือ" เจ้าสาวของเขาซึ่งนั่งคลุมหน้าตัวตรงอยู่บนเตียงเอ่ยถามขึ้น"เป็นข้าเองภรรยารัก เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว" เขาเอ่ยก่อนจะก้าวเข้าไปหานาง และใช้ไม้ตวัดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสดออกจากศีรษะของนางยามเมื่อผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวถูกเปิดออกแล้ว ความงดงามที่แสนตราตรึงในใจเขาก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าของนางในเวลานี้ค่อน
ตอนที่ 44ความจริงใจของข้า"ดู ๆ ข้าก็คิดอยู่ว่าคุณหนูหลิวเหมือนใคร นางเหมือนฮูหยินหลิวนี่เอง ไม่ไหวหน้าผู้อื่นเช่นนี้ไม่มีผิด""ข้าน่ะหรือไม่ไว้หน้า พวกเจ้าต่างหากที่ไม่ไว้หน้ากันก่อน" ฮูหยินหลิวตอกกลับทันที แม่สื่อพวกนี้นางทนพูดดีด้วยอีกไม่ได้แล้ว"ฮูหยิน ท่านใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ" สาวใช้คนสนิทของฮูหยินหลิวรีบเข้ามาห้ามผู้เป็นนายตน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะย่ำแย่ลงไปทุกทีแล้ว"จะให้ข้าใจเย็นได้อย่าง...." ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยจบประโยค ผู้เฝ้าประตูคนหนึ่งก็รีบร้อนวิ่งเข้าเหมือนมีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่างเสียก่อน"ฮูหยิน ฮูหยินขอรับ""มีอะไร เกิดอะไรขึ้น ถึงได้รีบร้อนขนาดนี้" นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนัก เพราะเรื่องตรงหน้ายังไม่ทันได้สะสางก็ดูท่าว่าจะมีเรื่องใหม่เข้ามาแทรกเสียแล้ว"มีขบวน มีขบวน...ใหญ่ ขบวนใหญ่" อาจจะเป็นเพราะวิ่งมาด้วยความเร็ว ซ้ำยังตื่นเต้นจึงทำให้บ่าวชายผู้นี้พูดออกมาไม่รู้ความจนฮูหยินหลิวต้องเอ่ยถามซ้ำหลายรอบ"ขบวน ขบวนอะไร ขบวนอะไรใหญ่กันแน่""เหมือนว่าจะเป็นขบวนสินสอดสินะ" แม่สื่อคนที่หนึ่งผู้ขึ้น บ่าวชายที่มาแจ้งข่าวก็พยักหน้าเป็นเชิงตอบรับว่าใช่"คงเป็
ตอนที่ 43สู่ขออาจจะเป็นเพราะเดินทางไกลมาหลายวัน และก็ไม่ได้นอนพักดี ๆ มาตลอดทาง วันนี้หลิวซือนัวเลยตื่นสายกว่าปกติถึงหนึ่งชั่วยามด้วยกัน กว่าที่จะแต่งตัวหวีผมเสร็จก็กินเวลาช่วงเช้าไปไม่น้อยแล้ว"คุณหนูเจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่ให้บ่าวมาแจ้งท่านว่า หากคุณหนูแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วให้คุณหนูไปพบฮูหยินใหญ่ที่โถงรับรองด้วยเจ้าค่ะ""ได้ข้าทราบแล้ว เจ้ากลับไปแจ้งท่านแม่นะว่าประเดี๋ยวข้าแต่งตัวเสร็จแล้วจะรีบเข้าไปหาท่าน""เจ้าค่ะคุณหนู"สาวใช้ที่ท่านแม่ให้มาแจ้งข่าวนางจากกลับไปแล้ว เวลานี้จึงเหลือเพียงแค่นาง เสี่ยวหนิง และสาวใช้ในเรือนอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังช่วยพวกนางเลือกเครื่องประดับที่จะใส่ในวันนี้อยู่"เสี่ยวหนิง เจ้าว่าเหตุใดท่านแม่ถึงได้ให้คนมาตามข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ จะมีแขกสำคัญมาหรือไงนะ""บ่าวคิดว่าไม่น่าจะมีแขกนะเจ้าค่ะ ตั้งแต่เช้าไม่เห็นว่าในโรงครัวคึกคักเลย" ผู้เป็นสาวใช้เอ่ยออกมาตามที่นางคิด เพราะถ้าหากในจวนมีแขกสำคัญ ปกติแล้วในครัวก็มักจะคึกคักเป็นพิเศษเพราะต้องมีการเตรียมอาหารเอาไว้รับรองแขก"เช่นนั้นแล้วท่านแม่จะเรียกให้ข้าไปพบที่ห้องโถงทำไมกัน" หลิวซือนัวเอ่ยขึ้นอย่างข้องใจคงมีแต่รีบ
ตอนที่ 42จากอีกเพียงวันเท่านั้นนางก็จะต้องเดินทางกลับเมืองเป่ยโจวแล้ว ตามกำหนดการเดินทางกลับที่ท่านแม่ของนางได้กำหนดเอาไว้ พี่ใหญ่ของนางหลิงเค่อกับพี่สะใภ้ฉือหนานเองก็จะเดินทางไปส่งนางกลับจวนและถือโอกาสให้พี่ฉือหนานได้กลับไปเยี่ยมบ้านเดิมด้วย หลังจากวันนั้นที่อวี้หนานไห่และนางได้เปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง ความสัมพันธ์ของพวกนางก็มีสถานะเป็นคนรักของกันและกันอย่างเปิดเผย แต่เปิดเผยที่ว่านี้ก็จะมีแค่คนในครอบครัวของพวกนางเท่านั้นที่รู้ ส่วนคนนอกนางและอวี้หนานไห่ก็ไม่ได้สนใจว่าคนเหล่านั้นจะคิดจะพูดถึงพวกนางอย่างไรมีบางครั้งที่นางและอวี้หนานไห่ออกไปเดินเล่นที่ตลาดด้วยกันบ้างก็ไปรับประทานอาหารร่วมกันที่ร้านอาหารต่าง ๆ ในเมือง หลายครั้งก็มีข่าวลือตามมาบ้างทว่าส่วนใหญ่จะลือไปทางที่พวกนางเป็นสหายกันเสียมากกว่า ไม่มีการลือหรือการพูดไปถึงเรื่องเชิงชู้สาวใด ๆ ทั้งสิ้นแน่นอนว่าเรื่องลือเช่นนี้ไม่ถือเป็นผลเสียกับนาง หนำซ้ำยังถือว่าเป็นผลดีต่อร้านสกุลอาภรณ์สกุลหลิวไม่น้อยเช่นกัน เพราะผู้ใดที่อยากสนิทสนมกับหมู่ตึกอวี้ฟางก็จะต้องเข้าหาร้านอาภรณ์สกุลหลิวซึ่งลือกันว่าเป็นสหายกับหมู่ตึกอวี้ฟางเพื่อทำต
ตอนที่ 41รัก"ที่ห้องโถงใหญ่เอะอะอะไรกัน เหตุใดถึงได้เสียงดังมาถึงนี่ เจ้าไปดูหน่อยเถอะ" ฉือหนานเอ่ยขึ้น ก่อนจะสั่งให้สาวใช้คนสนิทของนางออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นในวันมงคลเช่นนี้นอกจากฉือหนานแล้วในห้องรับรองขนาดเล็กซึ่งอยู่ติดกับห้องโถงใหญ่ก็มีหลิวซือนัวน้องสามีของนาง และก็ฉือฮั่วลูกพี่ลูกน้องของนางที่มาเยี่ยมนางจากบ้านเกิดเมื่อสองวันก่อนใครจะคิดเล่าว่าการมาที่นี่ของฉือฮั่วซึ่งอ่อนวัยกว่านางเกือบสี่ปีจะทำให้นางได้เจอกับรักแรกพบที่นี่ หนำซ้ำยังถูกสู่ขออย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า นางและผู้เป็นสามีที่ถือเป็นญาติสนิทจึงต้องรับหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ของฉือฮั่วแทนบิดามารดาของนางที่ไว้ใจฝากฝังบุตรสาวเอาไว้ด้วยเพราะเชื่อมั่นและไว้ใจนางกับสามีด้วยเพราะว่าทั้งฝ่ายสู่ขอและฝ่ายถูกสู่ขอต่างก็มีใจต่อกัน การตัดสินใจจริงเป็นไปอย่างดี ทุกฝ่ายตกลงปลงใจที่จะปลูกเรือนร่วมกันวันนี้แค่แลกหนังสือสินสอดเสร็จสิ้นก็หาวันดีจัดงานแต่งได้เลย ด้านหลิวซือนัวยามนี้นางกำลังวุ่นวายอยู่กับการเลือกผ้าไหมสีแดงเพื่อตัดชุดแต่งงานให้กับฉือฮั่ว สำหรับฉือฮั่วนั้นนางก็เห็นเป็นสหายมาเนิ่นนาน ซ้ำเมื่อพี่ฉือหนานแต่งเข้ามาจวนสกุลหลิวแล้