Home / รักโบราณ / ปริศนาชะตาชายารัก / บทที่2 พระราชโองการโยกย้ายจวน

Share

บทที่2 พระราชโองการโยกย้ายจวน

last update Last Updated: 2025-12-19 12:00:49

เมื่อเวลาผ่านไปเจ็ดวัน เหยาหลิงเจินก็ฟื้นคืนสติ นับว่าสวรรค์เมตตาแล้ว

ครอบครัวสกุลเหยารีบกรูกันเข้ามาด้วยความดีใจ รวมถึงกัวรั่วชิงที่กระโดดเข้าไปจับมือสหายอย่างดีใจจนน้ำตาไหล แต่ความปีติยินดีนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยความตกตะลึงและความโศกเศร้าในเวลาต่อมา

เหยาหลิงเจินมองทุกคนด้วยดวงตาที่ว่างเปล่าราวกับดวงแก้วใสที่ไม่มีจิตวิญญาณ นางไม่พูดจา ไม่ตอบสนองเมื่อมีคนเรียกชื่อ ไม่ยิ้ม ไม่ร้องไห้... ราวกับจิตวิญญาณได้ถูกทิ้งไว้ในสระน้ำเย็นจัดนั้นแล้ว

ร่างกายยังอยู่ แต่สติปัญญานั้นได้หายไป

กระทั่งหมอหลวงที่ถูกเชิญมายังยืนยันว่าอาการของนางเข้าข่าย ‘สติปัญญาเสื่อมถอย’ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ‘คนเขลาเบาปัญญา’

“นาง... นางไม่เป็นไรใช่หรือไม่” เหอเหมียวลี่ถามหมอหลวงด้วยเสียงสั่นเครือ ไม่กล้าจะยอมรับความจริง

เหยาจิ้นทงทรุดตัวลงข้างเตียงบุตรสาว น้ำตาไหลอาบแก้มบุรุษผู้แข็งแกร่ง

“เจินเอ๋อร์... ลูกพ่อ... ลองเรียกท่านพ่อดูสิ”

เหยาหลิงเจินยังคงจ้องมองไปที่เพดาน ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

กัวรั่วชิงมองสหายรักด้วยความสับสน ตามด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส นางกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างรุนแรง ร่างเล็กๆ ทรุดฮวบลงข้างเตียง พร่ำเรียกชื่อเหยาหลิงเจินซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ

วันนั้น... ทุกคนในจวนเจิ้นหนิงโหวต่างจมอยู่ในความเงียบงันและน้ำตาที่ท่วมท้น เหยาหมิงที่ปกติเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว ถึงกับขว้างปาข้าวของในเรือนด้วยความโกรธที่ไม่อาจยอมรับชะตากรรมของน้องสาวที่เขารักที่สุดได้

ความรู้สึกผิดของกัวรั่วชิงนั้นกลายเป็นรอยแผลที่ฝังลึกอยู่ในใจของเด็กหญิง นางสัญญาว่าจะดูแลเหยาหลิงเจินตลอดไปเพื่อชดเชยสิ่งที่เกิดขึ้น...

เรื่องราวความโชคร้ายของบุตรีจวนเจิ้นหนิงโหว กลายเป็นประเด็นซุบซิบนินทาไปทั่วเมืองหลวงในเวลาอันรวดเร็ว

“บุตรีคนรองของตระกูลเหยา... เสียสติไปแล้ว”

“น่าสงสารท่านโหว ได้ยินว่าเดิมทีคุณหนูสี่เป็นเด็กที่ฉลาดน่ารักยิ่งนัก”

“นั่นแหละคือโชคร้าย ตระกูลใหญ่เช่นนี้กลับมีบุตรีปัญญาอ่อน... ดูแล้วคงต้องเก็บซ่อนไว้ในจวนชั่วชีวิต”

เหยาจิ้นทงพยายามใช้ตำแหน่งและอำนาจของตนอธิบายว่าบุตรสาวเพียงแค่ป่วยหนักเท่านั้น ไม่ได้เสียสติจริงๆ เสียหน่อย แต่ก็ไม่มีใครสนใจสิ่งที่เขาพูดเลย สายตาที่ผู้คนมองมาเต็มไปด้วยความสงสารระคนดูถูก สร้างความเจ็บปวดให้แก่คนสกุลเหยาเป็นอย่างมาก

เหยาจิ้นทงผู้รักครอบครัวเป็นที่สุด รู้สึกอับอายและซึมเซาอย่างหนัก เขาไม่อาจทนให้ภรรยาและบุตรสาวต้องทนรับสายตาเหยียดหยามเหล่านี้ได้อีกต่อไป

เมื่อฮ่องเต้ทรงทราบสถานการณ์ ทรงเห็นพระทัยในความซึมเซาของเจิ้นหนิงโหวและคนสกุลเหยา กอปรกับเจ้าเมืองฉางซาคนปัจจุบันส่งหนังสือมาขอปลดเกษียณพอดี พระองค์จึงเห็นหนทางในการช่วยปลอบประโลมจิตใจของคนในจวนเจิ้นหนิงโหว

เหยาจิ้นทงถูกเรียกเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ในห้องทรงอักษร บรรยากาศเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ต่างจากความเคร่งครัดและวุ่นวายของท้องพระโรง

“เจิ้นหนิงโหว… เจ้าจงเงยหน้าขึ้นเถิด” สุรเสียงของฮ่องเต้แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนและเห็นใจ

เหยาจิ้นทงคุกเข่าก้มหน้าต่ำ น้ำตาคลอหน่วย “กระหม่อมไม่อาจปกป้องธิดาและครอบครัวให้พ้นจากคำนินทาได้ เป็นความผิดของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านโหวอย่าโทษตนเองเลย อุบัติเหตุนั้นไม่มีใครอยากให้เกิด เรื่องราวในจวนของท่าน ข้าทราบดีทั้งหมด” พระองค์ทรงถอนหายใจยาว “คำพูดของผู้คนนั้นคมยิ่งกว่าดาบ นับตั้งแต่บุตรีของเจ้าล้มป่วย ใบหน้าของเหอฮูหยินก็ดูซูบซีดลงไปมาก แม้แต่เจ้าเองก็ดูเหน็ดเหนื่อยไม่ต่างกัน”

“กระหม่อม… เพียงแต่ไม่อาจทนให้ผู้อื่นวิภาควิจารณ์บุตรสาว และมองนางด้วยสายตาดูถูกอีกต่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เหยาจิ้นทงกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ฮ่องเต้ทรงพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เดิมทีข้ากำลังมองหาผู้มีความสามารถและซื่อสัตย์ไปดูแลเมืองฉางซา เพราะเจ้าเมืองเพิ่งขอปลดเกษียณ เมืองฉางซาเป็นเมืองใหญ่อยู่ทางทิศใต้ บรรยากาศสงบ เหมาะกับการพักฟื้นร่างกายและจิตใจ”

พระองค์ทรงยื่นพระหัตถ์ไปหยิบเอกสารบางอย่างบนโต๊ะ “นอกจากนี้ ข้ายังได้ยินมาว่า ที่เมืองฉางซามีหมอเทวดาแซ่จาง อาศัยอยู่แถบชานเมือง ฝีมือของเขาล้ำเลิศยิ่งนัก สามารถรักษาโรคประหลาดที่แพทย์หลวงไม่อาจรักษาได้ ข้าจะส่งจดหมายแนะนำตัวไปให้เจ้า” พระองค์ทรงมองใบหน้าซูบตอบของเจิ้นหนิงโหวอย่างพิจารณา ก่อนจะตรัสถามอย่างตรงไปตรงมา “เจ้าอยากจะพาครอบครัวไปพักผ่อนที่นั่นสักระยะหนึ่งหรือไม่? ไปในนามของเจ้าเมืองฉางซา เพื่อให้เจ้ามีเวลาดูแลรักษาอาการบุตรีของเจ้าอย่างเต็มที่ และหลีกหนีจากลมปากในเมืองหลวงเสีย”

เหยาจิ้นทงเงยหน้าขึ้นมองพระพักตร์ฮ่องเต้ด้วยความตกตะลึงระคนซาบซึ้ง พระเมตตานี้มิใช่การลงทัณฑ์ แต่คือการให้โอกาสชีวิตใหม่ชัด ๆ ความหวังเรื่องบุตรีพลันสว่างวาบขึ้นมาในใจ

“ฝ่าบาท… กระหม่อม… กระหม่อมยินดีพ่ะย่ะค่ะ หากกระหม่อมและครอบครัวได้รับโอกาสเช่นนี้… กระหม่อมจะไม่มีวันลืมพระมหากรุณาธิคุณนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้ทรงโบกพระหัตถ์ “เมื่อเป็นความประสงค์ของเจ้า ก็จงไปเถิด”

หลังจากนั้นไม่นานก็มีพระราชโองการลงมา ให้เหยาจิ้นทง เจิ้นหนิงโหว พ้นจากตำแหน่งในราชสำนักเมืองหลวง และให้ไปดำรงตำแหน่งเป็น เจ้าเมืองฉางซา โดยให้คงไว้ซึ่งบรรดาศักดิ์และเกียรติยศแห่งเจิ้นหนิงโหว

สำหรับคนนอก นี่คือการลดตำแหน่ง และเนรเทศอย่างชัดเจน

แต่สำหรับสกุลเหยา นี่คือการได้รับโอกาสหายใจ

เหยาจิ้นทงยอมรับพระบัญชาอย่างน้อมน้อม เขาสั่งให้บ่าวไพร่เก็บข้าวของและเตรียมตัวย้ายจวนไปฉางซาอย่างเงียบๆ โดยไม่จัดงานเลี้ยงอำลาใดๆ เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาผู้คน

“ลี่เอ๋อร์... ไปอยู่ฉางซา เราจะหาหมอเทวดาที่นั่นมารักษาเจินเอ๋อร์ให้หายดีให้ได้” เหยาจิ้นทงกุมมือภรรยาอย่างให้กำลังใจ

เหอเหมียวลี่พยักหน้าน้ำตาคลอเบ้า “เจ้าค่ะ ท่านโหว ที่นั่นไม่มีใครรู้จักเจินเอ๋อร์ จะไม่มีใครมาดูถูกลูกของเรา”

ด้วยเหตุนี้ สกุลเหยาจึงย้ายออกจากเมืองหลวงไปในฤดูใบไม้ผลิปีถัดมาอย่างโดดเดี่ยว ทิ้งจวนบรรพบุรุษไว้เบื้องหลัง เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองฉางซาอันห่างไกล โดยหวังว่าความสงบสุขจะนำปาฏิหาริย์มาสู่บุตรีคนรองของพวกเขาได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่10 ก้าวแรกสู่การเป็นคุณหนูจวนโหว

    หลังจากการลงโทษสาวใช้ที่ไม่ซื่อสัตย์ผ่านไป จวนเจิ้นหนิงโหวก็กลับคืนสู่ความสงบ แต่ไม่ใช่ความสงบเงียบเหงาแบบเก่า หากแต่เป็นความสงบที่เต็มไปด้วยความใส่ใจและความรักที่ตื่นขึ้นมาอย่างท่วมท้น ท่านโหวเหยาจิ้นทงและฮูหยินเหอเหมียวลี่แทบจะสลับกันเข้ามาดูแลบุตรสาวคนเล็กด้วยตนเองทุกวันทุกอย่างในเรือนของคุณหนูสี่ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ผ้าปูที่นอนถูกเปลี่ยนเป็นผ้าไหมเนื้อดีจากซูโจว เครื่องเรือนเก่าๆ ถูกยกออกไปและแทนที่ด้วยของใหม่ที่หรูหรา และที่สำคัญที่สุดคือ กลิ่นเหม็นอับชื้นที่เคยปกคลุมเรือนก็หายไปอย่างสิ้นเชิงท่านหมอจางยังคงเข้ามาตรวจชีพจรของเหยาหลิงเจินวันละสองครั้ง ใบหน้าของท่านหมอเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ เพราะชีพจรของคุณหนูสี่ไม่เพียงแค่เป็นปกติเท่านั้น แต่ยังแข็งแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ ท่านหมอสั่งยาบำรุงหายาก เช่น รังนกหิมะและโสมอายุพันปี ให้นำมาปรุงเป็นอาหารอ่อนๆ ทุกวันเพื่อเร่งการฟื้นฟูร่างกายที่บอบช้ำมานานเหยาปิง ในตำแหน่งสาวใช้คนสนิทและหัวหน้าสาวใช้ส่วนตัว ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นางจัดการเรื่องในเรือนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย สาวใช้ที่ถูกคัดเลือกเข้ามาใหม่ก็ตั้งใจทำงา

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่9 จุดจบของสาวใช้ตัวดี

    เหยาจิ้นทงหันมาให้ความสนใจกับเรื่องที่ค้างคา ซึ่งสร้างความมัวหมองให้กับเรือนคุณหนูสี่ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าบุตรสาวของเขาแทบไม่มีแรงจะยืน แล้วจะลุกขึ้นมาทำเรือนเละเทะได้ยังไง“เหยาซาน เหยาซื่อ ไหนบอกว่าคุณหนูสี่อาละวาดทำร้ายคนไง” เขามองไปยังสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่สองคนด้วยสายตาเย็นชา “พวกเจ้าสารภาพมาตามตรงดีกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เห็นอยู่ว่าบุตรสาวของข้าไม่มีทางลุกขึ้นมาทำร้ายพวกเจ้า หรือทำให้เรือนสกปรกเยี่ยงนี้ได้”เหยาซานและเหยาซื่อก้มศีรษะลงต่ำติดพื้น พวกนางร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญ“ท่านโหว พวกบ่าวไม่กล้าโกหกหรอกเจ้าค่ะ บ่าวสาบานว่าจู่ๆ คุณหนูก็ฟื้นขึ้นมาเล่นงานพวกบ่าว นางไม่ใช่คุณหนูสี่คนเดิมแล้วเจ้าค่ะ นางต้องโดนผีเข้าแน่ๆ” เหยาซื่อตะโกนด้วยความกลัว นางยังจำสายตาเคียดแค้นของเหยาหลิงเจินได้ดีความเชื่อเรื่องผีสางและปีศาจ รวมไปถึงสัตว์ในตำนานเป็นสิ่งที่คนในแคว้นนี้เชื่อถือกัน ทำให้ท่านโหวและฮูหยินเริ่มแสดงสีหน้าหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเห็นว่าบุตรสาวฟื้นคืนสติ และดูสงบดีก็ตามแต่ถ้าที่นางฟื้นเป็นเพราะถูกปีศาจครอบงำเล่า แล้วพวกเขาจะทำยังไงกันดี“ท่านพี่ เราต้องไปเชิญนักพรตมาตรวจสอบหรื

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่8 ปาฏิหาริย์เจ็ดปี

    ไม่นานนัก เหยาจิ้นทงและเหอเหมียวลี่ก็มาถึงหน้าเรือนพำนักของเหยาหลิงเจิน ทั้งสองยืนมองประตูด้วยความรู้หลากหลาย แต่ก็ยังไม่เข้าไป จนกระทั่งเหยาฉีและเหยาหมิงมาถึง “ท่านพ่อ ท่านแม่” เหยาหมิงร้องเรียกบิดามารดา แล้วเดินปรี่เข้ามา “เจินเอ๋อร์ คืนสติแล้วจริงหรือขอรับ”“แม่กับพ่อของเจ้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” เหอเหมียวลี่ตอบบุตรชายเสียงเครือ“ในเมื่อพวกเรามาพร้อมหน้ากันแล้ว ก็เข้าไปดูให้เห็นกับตาเถิดขอรับ” เหยาฉีพูดพลางมองประตูเรือนของน้องสาวคนเล็กอย่างมีความหวังเหยาจิ้นทงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วสั่งให้เหยาปิงไปเปิดประตูเรือน จากนั้นพวกเขาทุกคนก็เดินตามนางเขาไปด้านในด้วยหัวใจระทึกพวกเขาหยุดชะงักที่หน้าประตูทันที เมื่อได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวที่รุนแรงจนน่าคลื่นไส้ แต่ไม่มีใครสนใจกลิ่นนั้นอีกต่อไป เมื่อสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่บุตรสาวคนเล็กของตระกูลเหยาหลิงเจินยังคงนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ นางเงยหน้าขึ้นมองครอบครัวด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวากว่าครั้งใดเหอเหมียวลี่พลันร้องไห้โหออกมาอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ นางทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างบุตรสาว ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความดีใจและห่วงหา“เจินเอ๋

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่7 ในที่สุดคุณหนูสี่ก็ได้สติแล้ว

    หลิวรุ่ยหลินวางกระโถนลงอย่างเชื่องช้า ดวงตาที่เย็นชาของนางกวาดมองไปทั่วห้องที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย จากนั้นนางก็ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงอีกครั้ง เนื่องจากร่างกายของเหยาหลิงเจินในตอนนี้ยังไม่สามารถทนต่อการใช้งานที่หนักหน่วงขนาดนั้นได้นานการลงโทษสาวใช้ตัวดีทั้งสองสำเร็จอย่างงดงาม แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ร่างกายนี้ต้องถูกพวกนางเหยียดหยามมาถึงเจ็ดปีเต็ม สิ่งโสโครกเพียงกระโถนเดียวคงไม่พอให้วิญญาณของเหยาหลิงเจินตัวจริงพอใจแน่เสียงกรีดร้องและเสียงโครมครามที่ดังมาจากห้องนอนด้านใน จนทำให้เหยาปิงที่กำลังจัดข้าวของอยู่ในห้องเก็บของด้านหลังเรือนได้ยิน นางพลันตื่นตระหนก คิดว่าเหยาซานกับเหยาซื่อรังแกคุณหนูอีก นางจึงรีบวิ่งมาที่ห้องของนอนของเหยาหลิงเจินทันทีแต่พอนางเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือเหยาหลิงเจินนั่งอยู่บนเตียงอย่างสงบ แต่สภาพรอบห้องนั้นเลวร้ายอย่างที่สุด กลิ่นฉุนของปัสสาวะและสิ่งปฏิกูลแทบทำให้นางหายใจไม่ออก“คุณหนู ท่านถูกสองคนนั้นรังแกหรือ” เหยาปิงรีบวิ่งเข้ามาดู แต่เนื้อตัวของคุณหนูนั้นสะอาดสะอาด นางจึงมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้ง จนเห็นร่องรอยน้ำเปียกโชกที่ลากเป็นทางออกไปจากห้อง

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่6 ความโกลาหลครั้งใหญ่

    ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลิวรุ่ยหลินยังคงแสร้งทำเป็นนอนนิ่งและฟื้นฟูร่างกายอย่างลับๆ การไม่มีทางลัดสำหรับการเรียกความแข็งแกร่งกลับคืนสู่กล้ามเนื้อที่อ่อนเปลี้ยของร่างใหม่ มีแต่ต้องอาศัยเวลา และทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปเท่านั้น แม้ตอนนี้พลังปราณภายในจะฟื้นมาเพียงน้อยนิด ทว่าความแข็งแกร่งทางกายที่คืนกลับมาก็เพียงพอให้นางสามารถจัดการกับคนธรรมดาได้แล้วในเมื่อตอนนี้นางสามารถควบคุมร่างกายนี้ได้ดีขึ้นแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเสแสร้งนอนเป็นผักให้ใครมารังแกง่ายๆ อีกต่อไปได้เวลาที่คุณหนูสี่แห่งจวนเจิ้นหนิงโหวจะมีสติ และลุกขึ้นมาแล้วเช้าวันหนึ่ง หลิวรุ่ยหลินยังคงแสร้งทำเป็นนอนนิ่งและแสดงสีหน้าเหม่อลอย รอคอยให้เหยาซานกับเหยาซื่อ สาวใช้ผู้ประพฤติเลินเล่อเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีที่ไม่ใส่ใจเช่นเคย“เช้านี้เจ้าต้องระวังตัวให้ดีนะเหยาซื่อ หากคุณหนูสี่ฉี่รดที่นอนอีกรอบ ข้าจะโยนผ้าทั้งหมดให้เจ้าซักคนเดียว” เหยาซานกล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย“ข้าก็ระวังแล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าคนเขลาไร้สติจะปัสสาวะเมื่อไหร่กันล่ะ” เหยาซื่อตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ นางหยิบชามโจ๊กข้าวต้มจืดชืดเข้ามา พร้อมกับช้อนทองเหลืองท

  • ปริศนาชะตาชายารัก   บทที่5 สาวใช้ผู้มีคุณธรรม

    ขณะที่เหยาซานและเหยาซื่อกำลังจะเดินออกไปจากห้อง พลันมีร่างของสาวใช้อีกคนหนึ่งก้าวเข้ามา นางมีรูปร่างสมส่วน ท่าทางกระฉับกระเฉง และดวงตาที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลคนผู้นั้นคือ เหยาปิงเหยาปิงหยุดนิ่งทันทีเมื่อสายตาของนางกวาดไปเห็นผ้าห่มและสภาพเตียงนอนที่ดูไม่เรียบร้อย กลิ่นเหม็นอับที่คละคลุ้งไปทั่วห้อง นางหันกลับไปเผชิญหน้ากับสาวใช้ทั้งสองด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด“เหยาซาน เหยาซื่อ พวกเจ้ากล้าดียังไง” เหยาปิงตวาดเสียงดัง “ข้าบอกให้พวกเจ้าเปลี่ยนที่ผ้าปูที่นอน และรอทำความสะอาดร่างกายของคุณหนูสี่ให้ดีก่อน ไม่ใช่ทำแค่ถูไถไปวัน ๆ แล้วปล่อยให้คุณหนูนอนจมสิ่งโสโครกของตนเองแบบนี้”เหยาซานเบ้ปากอย่างไม่สะทกสะท้าน “เหยาปิง วันนี้เจ้าใจกล้าขึ้นนี่ พวกเราก็ทำตามหน้าที่แล้วไงเล่า คุณหนูสี่ก็เป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่เห็นจะต่างอะไรกัน”เหยาซื่อเองก็หัวเราะเยาะ “ใช่แล้ว คุณหนูสี่ไม่ได้รับรู้อะไรหรอก ไม่ต้องทำตัวเป็นคนดีมีคุณธรรมนักก็ได้ เจ้านายที่ไร้อนาคตแบบนี้ดูแลไปก็ไม่มีทางได้ดี”เหยาปิงเดินเข้าไปหาเตียงด้วยสีหน้าเจ็บปวด นางมองดูสภาพของเหยาหลิงเจินด้วยความสงสาร ก่อนจะหันกลับไปมองเหยาซานและเหยาซื่อด้วยควา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status