LOGINตอนที่พ่อแม่โทรมาบอกว่า ให้ฉันไปดูหน้าคู่ดูตัวของเพื่อนสมัยเด็กที่บ้านของเขานั้น เจ้าเพื่อนสมัยเด็กคนนี้กำลังนอนหลับสนิทอยู่ข้างกายฉัน ฉันนึกว่าเป็นเรื่องล้อเล่น จึงกระซิบพูดเบาๆ ว่า "สวี่ซิงเหอ พวกเขาบอกว่าจะหาคู่ดูตัวให้นายด้วยล่ะ" เขาครางรับ "อืม" ในลำคออย่างงัวเงีย ก่อนจะรวบตัวฉันเข้าไปกอด "ซินซินเด็กดี เดี๋ยวเธอช่วยหาชุดให้ฉันสักชุดนะ แล้วก็ช่วยเซ็ตผมให้ฉันด้วย" พอเห็นฉันตัวแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อน สวี่ซิงเหอก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับแค่นหัวเราะ: "เดี๋ยวนะ เป็นอะไรไป? เราสองคนก็เป็นแค่คู่นอนกันไม่ใช่เหรอ เธอคงไม่ได้คิดว่าฉันจะแต่งงานกับเธอจริงๆ หรอกนะ?"
View More"เราเคยคุยกันเรื่องแต่งงานไม่ใช่เหรอ?” "เธอลืมไปแล้วเหรอ? เราเป็นเพื่อนรักที่โตมาด้วยกันนะ สัญญาว่าจะแต่งงานกันตอนโต ตอนเล่นพ่อแม่ลูก เธอก็เป็นแม่ ฉันเป็นพ่อ...” "แถมเรายังคบกันเกือบปี ช่วงเวลานั้น เรา... มีความสุขกันมากไม่ใช่เหรอ..."ความเย่อหยิ่งจองหองที่มีเมื่อครู่พังทลายลงจนหมดสิ้น สวี่ซิงเหอเริ่มมีน้ำเสียงสะอื้น: "พวกเรา... เกือบจะได้แต่งงานกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” "ครั้งนี้เธอต้องแกล้งพูดประชดเหมือนคราวที่แล้วแน่ๆ ใช่ไหม?"พ่อตบโต๊ะดังปัง ลุกขึ้นยืนทันที: "นี่แกหมายความว่าซินซินโกหกแกงั้นเรอะ? จะบอกว่าพวกเราทั้งบ้านรวมหัวกันหลอกแกหรือไง?” "ฉีเหยียนน่ะเป็นคนดีมาก ให้เกียรติพวกเราเสมอ ถึงแม้ซินซินจะเพิ่งตอบตกลงคบหากับเขา แต่พวกเราทั้งบ้านก็เชื่อมั่นว่า สองคนนี้จะคบกันไปจนถึงขั้นแต่งงานแน่นอน..."ฉันกลัวพ่อจะโกรธจนล้มป่วย เลยรีบเข้าไปลูบหน้าอกพ่อเบาๆ ให้ใจเย็นลง: "สวี่ซิงเหอ ต่อไปอย่าได้เอาเรื่องสัญญาหมั้นหมายวัยเด็กมาพูดอีกเลย" "มันก็แค่เรื่องล้อเล่นในวงเหล้าของผู้ใหญ่ ถือเป็นจริงเป็นจังไม่ได้" "นายเป็นคนพูดเองนะ ลืมไปแล้วหรือไง?"สุดท้ายงานเลี้ยงก็จบลงอย่างไม่น่าอ
"ส่วนความรู้สึกที่ฉันมีให้เธอ มันคือ...""สวี่ซิงเหอ" ฉันพูดแทรกด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังคุยกับคนแปลกหน้าที่บังเอิญผ่านมา "เราเป็นแค่ 'คู่หู' กันไม่ใช่เหรอ?” "ขอให้นายเจอคู่หูที่เข้าขากันได้ดีกว่านี้ก็แล้วกัน"ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะ สุดท้ายฉันก็พูดทิ้งท้ายว่า: "เลิกติดต่อฉันได้แล้ว ตอนที่นายลบเพื่อนฉัน นายทำแบบไม่ลังเลเลยนี่ ตอนนี้จะมาตามตื๊อทำไมอีก"ฉันนึกขึ้นได้ เลยเสริมไปอีกคำ: "น่ารำคาญ"ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้เกษียณ หรือเพราะอากาศที่นี่ดีต่อสุขภาพจริงๆ สีหน้าพ่อกับแม่ดูสดใสขึ้นมาก ถ้าไม่ใช่เพราะต้องกลับไปจัดการเรื่องโอนบ้านช่วงตรุษจีน พวกท่านคงไม่อยากกลับไปแล้ว"งั้นหนูกลับไปจัดการเองก็ได้" ฉันพูดพลางก้มดูเอกสารในมือ "หนูจัดการได้น่า"พ่อกับแม่หันมองหน้ากัน "ช่างเถอะ พ่อกับแม่ไม่วางใจ อีกอย่างบ้านสวี่เขาชวนไปกินข้าววันไหว้ส่งเจ้าด้วย กินเลี้ยงเสร็จแล้วเราค่อยกลับมาฉลองวันส่งท้ายปีเก่าที่นี่ เวลากำลังพอดีเลย"ฉันไม่ได้เจอสวี่ซิงเหอมาเกือบครึ่งปีแล้ว ที่แท้ คนที่ฉันเคยคิดว่าขาดเขาไม่ได้ ก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น"ซินซินมาแล้วเหรอจ๊ะ! สวยขึ้นเป็นกองเลย!" น้าสวี
สวี่ซิงเหอมองสำรวจฉันที่ไร้รอยขีดข่วน: "ทำไมเธอถึงไม่เป็นอะไรเลย? อีกอย่าง นิสัยเธอฉันยังไม่รู้อีกเหรอ? ตอนเด็กๆ ก็ห่วงเล่น ลากฉันไปอยู่สวนสนุกจนพ่อแม่ต้องแจ้งตำรวจ สุดท้ายก็เป็นฉันไม่ใช่เหรอที่ต้องคอยตามเช็ดตามล้างให้ตลอด!" "เธอเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น โกรธที่หลินอีแย่งของของเธอไป... เธอเลยทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้!" "ขอโทษหลินอีเดี๋ยวนี้!"สายตาของผู้คนรอบข้างที่มองมาทางฉัน เต็มไปด้วยความสงสัยและดูถูกเหยียดหยามฉันแค่นหัวเราะออกมาหนึ่งที "ได้สิ ฉันจะขอโทษ"สวี่ซิงเหอมีท่าทีอ่อนลง: "เธอก็บอกเองว่าไม่มีแฟน ครั้งที่แล้วเธอก็แค่ประชดว่า...""ฉันขอโทษนะ" ฉันพึมพำเบาๆ ก่อนจะตะโกนลั่น: "ขอโทษพ่อแกสิ!"ฉันง้างมือเล็งไปที่แก้มอีกข้างของหลินอีที่หลบอยู่หลังสวี่ซิงเหอ แล้วตบฉาดลงไปเต็มแรงฉันสะบัดข้อมือเบาๆ: "เดี๋ยวฉันจะส่งคลิปเสียงลงในกลุ่มแชท"ฉันเสยผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยให้เข้าที่ เผยรอยยิ้มการค้าที่เป็นเอกลักษณ์: "เชิญทุกคนรับฟังและพิจารณากันได้ตามสบายเลยก็แล้วกันนะ"คืนนั้นฉันกลับบ้าน ต่อมาฉันก็นัดไปหาอาจารย์เป็นการส่วนตัว เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ความมั่นใจในใจก็เต็มเปี่ยม ฉ
เธอถือโอกาสสอดแขนคล้องแขนสวี่ซิงเหออย่างเป็นธรรมชาติ แล้วยิ้มหวานหยาดเยิ้ม ดูอ่อนหวานนุ่มนวลถึงขีดสุดฉันยิ้มตอบตามมารยาท วางขวดไวน์ในมือลงกับพื้น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็หันกลับไปจดจ่อกับการคุยกับรุ่นพี่ต่อ โดยไม่ทันสังเกตเลยว่า สวี่ซิงเหอที่อยู่ด้านหลังยังคงจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ละไปไหนไม่ได้ฉันดื่มไวน์แดงไปสองแก้ว แต่สติยังครบถ้วนดี ตอนที่ลุกไปเข้าห้องน้ำ ก็ถือโอกาสเติมหน้าไปด้วย เห็นทุกคนคุยกันว่า เดี๋ยวจะพากันไปเยี่ยมอาจารย์ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือผู้หลักผู้ใหญ่ในสมาคมนาฏศิลป์ที่ฉันเคารพ สมัยเรียนท่านเอ็นดูฉันมาก ยังไงฉันก็ต้องไปพอเช็คความเป๊ะของเมคอัพเสร็จ ฉันก็ผลักประตูห้องน้ำออกมา…"จูซิน?" หลินอีในชุดเดรสสีขาวปรากฏตัวขึ้นอย่างเฉิดฉายฉันตอบรับ: "สวัสดีค่ะ"จังหวะที่กำลังจะเดินสวนกัน เธอกลับคว้าข้อมือฉันไว้หมับ ฉันเจ็บจนพยายามจะสะบัดออก แต่กลับพบว่าผู้หญิงที่ดูบอบบางน่าทะนุถนอมคนนี้ แรงเยอะจนน่าตกใจหลินอีมองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าปลอดคน ก็โน้มหน้ามากระซิบข้างหูฉัน: "เธออยู่กินกับสวี่ซิงเหอมาตั้งครึ่งปี พอฉันกลับมาปุ๊บ ทุกอย่างก็พังทลาย เธอคงโกรธมากส