เจี่ยนอันอันลงจากเตียงด้วยความโมโหแล้วเดินไปทางประตูฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันเดินออกไปก็พลิกตัวลงจากเตียงเช่นกันเวลานี้บรรดาสาวใช้กำลังหุงหาอาหาร ส่วนสมาชิกในบ้านคนอื่นๆ ก็ออกมานั่งตากลมเย็นข้างนอกอากาศวันนี้มีสายลมพัดคลอเบาๆ ไม่ได้ร้อนอบอ้าวเหมือนที่ผ่านมาเจี่ยนอันอันไปที่โรงเก็บของด้านหลัง นางลงไปที่ชั้นใต้ดิน เห็นว่าบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านในกำลังนอนกันเกลื่อนกลาดพวกเขาพากันลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงครั้นเห็นว่าเป็นเจี่ยนอันอันก็ลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อคืนนี้พวกเขาต่างก็เป็นกังวลกับเรื่องที่ตัวเองจะถูกตัดหัวคิดไว้ว่าหากได้เจอเจี่ยนอันอันแล้วจะขอร้องนางให้ปล่อยพวกเขาไปบ่าวรับใช้ที่อาวุโสมากที่สุดเข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้าเจี่ยนอันอันทันทีที่เห็นนาง“แม่นาง พวกข้าสำนึกผิดไปแล้ว แม่นางโปรดเมตตาปล่อยพวกข้าไปเถิด”บ่าวรับใช้คนอื่นๆ คุกเข่าวิงวอนขอให้เจี่ยนอันอันปล่อยตัวเองไปเช่นกันเจี่ยนอันอันแสยะยิ้มพลางว่า “มาขอร้องเอาป่านนี้ ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่”“พวกเจ้าเป็นบ่าวรับใช้ของบ้านแม่สามีอวี้เฟิ่ง คอยช่วยพวกเขาก่อกรรมทำชั่ว”“หากข้าปล่อยพวกเจ้าไป เกรงว่าสวรรค์คงไม่ยินยอม”
พวกบ่าวรับใช้คุกเข่าดัง ‘ตุบ’“ใต้เท้าให้พวกข้าไปห้องปลดทุกข์เถิด พวกข้าจะไม่ไหวกันแล้ว”“พวกข้าจะไม่หนีแน่นอน แค่อยากปลดทุกข์ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น”พวกบ่าวรับใช้พากันอ้อนวอน ทว่าฉู่จวินสิงยังคงไม่ไหวติงตอนนี้พวกเขามีความคิดถึงขั้นว่าอยากตายเจี่ยนอันอันไม่อยากได้กลิ่นเหม็นระหว่างทานอาหารซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความอยากอาหารนางพูดกับพ่อบ้านหลิว “พ่อบ้านหลิว ท่านพาพวกเขาไปปลดทุกข์เถิด”พ่อบ้านหลิวขานตอบว่า “ขอรับ” จากนั้นลากโซ่พาพวกบ่าวรับใช้ไปปลดทุกข์พวกบ่าวรับใช้ลุกขึ้นขอบคุณเจี่ยนอันอันซ้ำไปมาเจี่ยนอันอันปัดมือด้วยความรำคาญ ไม่อยากสนใจพวกเขาอีกกระทั่งทุกคนกินข้าวกันเสร็จ พ่อบ้านหลิวถึงค่อยพาพวกบ่าวรับใช้เดินกลับมาพ่อบ้านหลิวมอบโซ่เหล็กให้ฉู่จวินสิง จากนั้นแยกตัวไปกินข้าวที่โต๊ะของบ่าวใช้คนเดียวเจี่ยนอันอันสังเกตเห็นว่าโต๊ะที่เขานั่งอยู่เหลือกับข้าวอยู่แค่นิดเดียวนางรู้สึกว่าคำแนะนำของตัวเองทำให้พ่อบ้านหลิวเสียเวลาเรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกผิด ด้วยเหตุนี้จึงซื้อเนื้อวัวเครื่องเทศชิ้นหนึ่งจากร้านค้าช่องมิติจากนั้นไปที่ห้องครัว หั่นเนื้อวัวให้เรียบร้อยแล้วยกมาให้พ่อบ้า
เจี่ยนอันอันกำลังจะพูดแต่ถูกเจี่ยนอันอันยกมือห้ามไว้“ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเข้าใจว่าหญิงชราหมายถึงอะไร ตอนนี้ข้าอยากคิดบัญชีกับนาง”ท่านปู่เฉินยังไม่รู้ว่าเมื่อคืนแม่ของจางต้าส่งคนไปสร้างปัญหาที่บ้านของเจี่ยนอันอันเช่นกันเขามองเจี่ยนอันอันเดินผ่านข้างกายด้วยความงุนงงเจี่ยนอันอันมาถึงเบื้องหน้าแม่ของจางต้าแล้วตบหน้านางเต็มแรงจนอีกฝ่ายล้มลงกับพื้นแม่ของจางต้ากุมหน้าที่บวมของตัวเองพลางถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน “เจ้ากล้าตบหน้าข้างั้นรึ ไม่มีขื่อไม่มีแปแล้วจริงๆ”“ข้าจะแจ้งที่ว่าการอำเภอ ให้นายอำเภอจับเจ้าเข้าคุก!”เจี่ยนอันอันมองลงไปที่หญิงชราแล้วแสยะยิ้มว่า “ไปแจ้งเลย จะได้ดูว่านายอำเภอจะช่วยข้าหรือว่าช่วยเจ้า”“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องที่เจ้าส่งคนมาก่อความไม่สงบที่บ้านข้าเมื่อคืนนะ”“ตอนนี้พวกเขาถูกข้าจับไว้หมดแล้ว อยากเห็นเหมือนกันว่าเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก”แม่ของจางต้าลอบสบถในใจเมื่อได้ยินดังนี้“พวกสวะนี่ เลี้ยงมาตั้งหลายปีแต่เสียข้าวสุกกันหมด”“แค่งานง่ายๆ อย่างวางเพลิงยังทำไม่สำเร็จ ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”เจี่ยนอันอันลากให้แม่ของจางต้าลุกขึ้นโดยไม่รอให้นางแก้ตัว“ไปเถอะ
จนถึงตอนนี้ บ่าวรับใช้ที่ออกไปเมื่อคืนนี้ก็ยังไม่กลับมาส่วนตอนนี้ เจ้านายก็มาถูกจับ นี่ยิ่งทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเจี่ยนอันอันหันไปถลึงตาใส่บ่าวรับใช้สามคนนั้น “ยังไม่รีบตามมาอีก อยากให้ข้าจับหรืออย่างไร!”ทั้งสามคนตัวสั่นเทิ้มกับสายตาของเจี่ยนอันอันชีวิตนี้พวกเขาไม่เคยกลัวผู้ใด ทว่าสายตาของเจี่ยนอันอันกลับเย็นยะเยียบผิดปกติ ทั้งสามคนสบตากันด้วยอาการขนหัวลุก จากนั้นโยนไม้กระบองทิ้งแล้วตามเจี่ยนอันอันไปตอนแรกเจี่ยนอันอันคิดว่าจะต้องออกแรงเพื่อจัดการเรื่องนี้เสียอีกนึกไม่ถึงว่าจะแก้ไขได้รวดเร็วปานนี้นางลากร่างของแม่จางต้าขึ้นไปบนรถม้า ตามด้วยให้ฉู่จวินสิงรออยู่ที่นี่เสร็จแล้วเข้าบ้านไปดึงโซ่ที่ล่ามบ่าวรับใช้แปดคนนั้นและพาพวกเขาออกมาเหยียนเซ่าได้ยินว่าพวกนางจะไปที่ว่าการอำเภอก็ขอตามมาด้วยฉู่จวินสิงมองรถม้าแล้วพูดเสียงทุ้ม “เจ้าไม่ต้องไปหรอก รถม้าจุคนได้ไม่เยอะขนาดนั้น”“ที่ว่าการอำเภอมีพี่เซิ่งอยู่ ข้ากับอันอันจะไม่เป็นอะไร”เหยียนเซ่าขานรับแล้วไม่ได้ตามขึ้นรถม้าเจี่ยนอันอันนำเชือกมามัดบ่าวรับใช้สามคนนั้นเพิ่มรอจนพวกเขาขึ้นรถม้ากันแล้วใช้เท้าเตะบ่าวรั
เมื่อมาถึงห้องพิจารณาคดี เซิ่งฟางก็ไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้นายอำเภอเขาตบไม้เรียกสติและพูดเสียงดัง “ทุกคนในห้องโถง เหตุใดพบข้าแล้วจึงไม่คุกเข่า?”สิ้นเสียงของเซิ่งฟาง เหล่าเจ้าหน้าที่ทางการในห้องโถงก็เคาะไม้พลองน้ำไฟ[1]พวกเขาตะโกนว่า “เวย...อู่!”พวกบ่าวรับใช้หวาดกลัวจนหน้าซีดและรีบคุกเข่าพ่อของจางต้าไม่กล้าหยาบคาย รีบคุกเข่าลงเช่นกันส่วนเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงยืนนิ่งอยู่กับที่บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการไม่กล้าส่งเสียงต่อ พวกเขายืนขนาบทั้งสองด้าน สายตามองตรงไปข้างหน้าเซิ่งฟางย่อมไม่ให้พวกเขาคุกเข่าอยู่แล้ว เขาตบไม้เรียกสติอีกครั้งและพูดเสียงดังกับพ่อของจางต้า“คนในห้องโถง เจ้าทำความผิดอะไร?”เจี่ยนอันอันยังไม่ทันตอบ พ่อของจางต้าก็ชิงพูดก่อนว่า “เหตุใดสองคนนี้ไม่คุกเข่า ข้าไม่ยอม!”แม้เซิ่งฟางจะไม่รู้ว่าชายชราผู้นี้เป็นผู้ใดแต่ในเมื่อตกอยู่ในกำมือของเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิง เช่นนั้นก็ต้องกระทำความผิดอะไรแน่นอนเซิ่งฟางตวาดลั่น “บังอาจ! ที่นี่ใช่ที่ที่เจ้าจะทำตัวหยาบคายได้หรือ”“หากยังกล้าก่อความไม่สงบในห้องพิจารณาคดีอีก ข้าจะสั่งโบยเจ้าห้าสิบไม้!”พ่อของจางต้าได้ยินว่าจะถ
พ่อของจางต้าโมโหเสียจนเลือดลมพลุ่งพล่าน เขาส่งเสียง “อั่ก!” ดังขึ้น ก่อนจะกระอักเลือดออกมาหลังจากที่พ่อของจางต้ากระอักเลือดออกมาแล้ว ก็ล้มลงนอนบนพื้น จับหน้าอกแล้วส่งเสียงร้องครวญครางดังมาไม่หยุดเซิ่งฟางถามออกมา “ที่พวกเจ้าพูดออกมาทั้งหมดนั้น มีหลักฐานหรือไม่?”เด็กรับใช้ที่ทำงานมานานกว่าหนึ่งปี รีบหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อของเขาออกทันทีเขายกกระดาษแผ่นนั้นเอาไว้ด้วยมือทั้งสอง แล้วพูดกับเซิ่งฟาง“ท่านนายอำเภอ นี่คือเรื่องเลวร้ายที่พวกเราทำมาทั้งหมด ข้าล้วนแต่เขียนเอาไว้ในกระดาษหมดแล้ว”“ข้ากลัวก็เพียงแต่ว่าวันหน้าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ข้าจะได้มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าตัวเองถูกเจ้านายบีบบังคับ”เซิ่งฟางเหลือบมองเจ้าหน้าที่ทางการที่ยืนอยู่ด้านข้าง เจ้าหน้าที่ทางการรีบเดินเข้ามา แล้วมอบกระดาษนั้นให้กับเซิ่งฟางเซิ่งฟางเปิดออกมา บนนั้นเขียนเอาไว้ถึงเรื่องเลวร้ายต่างๆ ที่ครอบครัวของจางต้าส่งพวกเขาไปทำมาหลายปีเซิ่งฟางตบกระดาษแผ่นนั้นบนโต๊ะ แล้วพูดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว“ใครก็ได้ ลากชายชรานี่ไปตัดหัวเสีย ส่วนเด็กรับใช้พวกนี้เอาไปขังคุกรับโทษเสีย”พ่อของจางต้าเมื่อ
ฉู่จวินสิง “อ้อ” ดังขึ้นออกมาในตอนท้าย“หากพี่เซิ่งสะดวกพูดออกมาให้ฟังดู”เซิ่งฟางพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันมานี้เมื่อวานนี้เมื่อเขามาถึงยังที่ว่าการอำเภอ ก็แสดงหนังสืออนุมัติจากท่านเจ้าเมืองออกมาเจ้าหน้าที่ทางการต่างก็ไม่เชื่อว่าหนังสืออนุมัตินี่เป็นของจริง พวกเขาต่างก็ทยอยนำอาวุธออกมา แล้วฟาดลงมายังทางด้านเซิ่งฟางแล้วเซิ่งฟางจะทำลายพวกเขาได้อย่างไรกันหลังจากการต่อสู้กันอยู่หลายครั้ง เจ้าหน้าที่ทางการเหล่านั้นที่เดิมก็ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ทั้งหมดก็ถูกเซิ่งฟางทุบตีจนล้มลงไปเซิ่งฟางเตือนพวกเขาออกมาว่า หากยังไม่ยอมเชื่อฟังอีก พวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกฆ่าไปแน่แน่นอนว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการย่อมมีใจไม่ยินยอม มีเจ้าหน้าที่ทางการคนหนึ่งสบถด่าเซิ่งฟางออกมาว่าเป็นคนชั้นต่ำขายเมืองเพื่อแลกความรุ่งโรจน์ของตนเมื่อเซิ่งฟางกรุ่นโกรธขึ้นมา ก็ตัดหัวเจ้าหน้าที่ทางการคนนั้นเสียเจ้าหน้าที่ทางการคนอื่นๆ เมื่อเห็นเข้า ต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียววิธีการเชือดไก่ให้ลิงดูของเซิ่งฟาง ทำให้ในใจของเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาไม่ว่าจะอย่างไรพวกเขาเองก็เป็นเพียงแ
เมื่อเอาชนะใจของเจ้าหน้าที่ทางการเหล่านี้ได้แล้ว เรื่องต่างๆ ที่เซิ่งฟางจะทำก็กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมา ช่วงบ่ายของเมื่อวาน มีชาวบ้านวิ่งมาตีกลองร้องทุกข์เซิ่งฟางในฐานะที่เป็นนายอำเภอคนใหม่ แน่นอนว่าย่อมต้องตัดสินคดีความอย่างยุติธรรม ชาวบ้านเหล่านั้นเองก็ไม่คิดว่า นายอำเภอในตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นเซิ่งฟางเขายังคิดว่าเซิ่งฟางจะเป็นเหมือนกันกับนายอำเภอคนเก่า ที่จะคิดค่าตัดสินคดีจากพวกเขาแต่กลับไม่คิดเลยว่า เซิ่งฟางจะไม่คิดเงินพวกเขาแม้แต่อีแปะเดียว ก็ตัดสินคดีให้พวกเขาจนเสร็จทัศนคติที่ชาวบ้านเหล่านั้นมีต่อเซิ่งฟาง ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อได้ฟังเรื่องราวของเซิ่งฟางแล้ว เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเองต่างก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้มองคนผิดไปเจี่ยนอันอันพูดกับเซิ่งฟางออกมา “พี่เซิ่งทำได้ดีมาก”“คิดว่าภายหน้าชาวบ้านเหล่านี้ จะต้องค่อยๆ เปลี่ยนความเป็นศัตรูที่มีต่อท่าน”เซิ่งฟางส่ายศีรษะออกมา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ“ความโกรธแค้นที่ชาวบ้านมีต่อข้านั้นได้ฝังรากลึกแล้ว คิดอยากจะเปลี่ยนความคิดของพวกเขา เกรงว่าคงจะยากยิ่ง”เจี่ยนอันอันพูดแนะนำออกมา “เรื่องในปีนั้นเดิมก็ไม่
“ข้าเชื่อใจพี่สาวเจ้าเหมือง ท่านบอกว่ามันจะตาย ก็ต้องตายแน่”หลี่หวายชิงกล่าวพลาง ซับน้ำตาที่คลอเบ้าอีกคำรบหนึ่งขณะที่เขายกมือขึ้นนั้น ได้เผยให้เห็นปานเล็กๆ ที่ข้อมือจุดหนึ่งก่อนหน้านี้เพราะมีแขนเสื้อปกปิดไว้ ฉู่จวินสิงจึงไม่ทันสังเกตเห็นปานในจุดนี้เขารีบคว้าข้อมือหลี่หวายชิงเข้าให้ เปิดแขนเสื้อแล้วจ้องมองปานนั้นอย่างเพ่งพินิจ“พี่ชายเจ้าเหมือง ท่านทำอะไรกัน?”หลี่หวายชิงมองหน้าฉู่จวินสิงด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะพลิกดูข้อมือเขาเพื่อหวังสิ่งใด ฉู่จวินสิงวางมือของหลี่หวายชิงลง พลางถามเสียงเบา “ข้าขอถามเจ้า รอยแดงที่ข้อมือนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?”หลี่หวายชิงมองดูข้อมือของตน “มันเป็นปานมาแต่กำเนิด ข้ากับน้องชายต่างมีทั้งคู่ เพียงแต่ของข้าอยู่ที่ข้อมือซ้าย เขาอยู่ข้อมือขวา”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลางมองหน้าหลี่หวายชิงด้วยความเคร่งขรึมเจี่ยนอันอันมองหน้าทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฉู่จวินสิงจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้“ทำไมหรือ มีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?” เจี่ยนอันอันถามด้วยความข้องใจฉู่จวินสิงซักถามหลี่หวายชิงต่ออีก “พ่อเจ้าชื่อหลี่จื่อสือ เคยเป็นแม่ทัพชายแด
นางพยักหน้า “ข้ามีวิธีถอนพิษแล้วจริงๆ พวกเจ้าพักผ่อนอยู่นี่ก่อน ข้าจะไปปรุงยาถอนพิษให้”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงคนงานเหล่าคนงานต่างรออยู่ในเพิงอย่างว่านอนสอนง่าย พวกเขายืนที่หน้าประตู มองตามแผ่นหลังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงไปหลี่หวายชิงซาบซึ้งในบุญคุณช่วยชีวิตของเจี่ยนอันอัน จึงกล่าวต่อหลี่หวายหมิง “เจ้ารออยู่นี่ก่อน ข้าจะไปช่วยพวกเขา”“ข้าขอไปด้วย” หลี่หวายหมิงก็อยากไปช่วยเหลือเช่นกัน แต่ถูกหลี่หวายชิงห้ามไว้“ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว เจ้ากับพี่ซ่งรออยู่นี่ อย่าได้ไปไหน”หลี่หวายชิงกล่าวจบ จึงเดินออกจากเพิงไปฉู่จวินสิงได้ยินเสียงฝีเท้า หันหลังไปจึงเห็นหลี่หวายชิงเดินตามพวกเขาออกมา“หลี่หวายชิงที่เจ้าได้ช่วยไว้ ตามเรามาด้วย”ฉู่จวินสิงเอ่ยปากเตือน เจี่ยนอันอันหันไปมองแวบหนึ่ง ส่วนมือยังคงสาละวนอยู่กับการทำงานหลี่หวายชิงมาได้จังหวะเหมาะ ในเมื่อเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำเพราะถูกพิษดังเช่นคนงานอื่น เจี่ยนอันอันจึงอยากถามเขาว่า เหตุใดเขากับหลี่หวายหมิงจึงไม่ถูกยาพิษทั้งคู่เจี่ยนอันอันนำหม้อต้มยาและสมุนไพรเพื่อการถอนพิษออกมา พร้อมนำกิ่งไม้ที่เมื่อครู่เก็บมา ก่อเป็น
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร