LOGINอรุณีมาลาเข้าห้องน้ำเมื่อออกมาพบศิวัชยืนรออยู่
“ออ พี่อยากขอเวลาคุยด้วย”
หญิงสาวมองนาฬิกา
“เรื่องอะไรคะ”อเธอถามสีหน้าไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ใด
“เรื่องลูกกับเรื่องของเรา” ชายหนุ่มตอบตรงๆ
“วันนี้ดึกแล้วฉันไม่อยากคุย แต่ถ้าคุณจะคุยคุณก็มาที่นี่พรุ่งนี้เช้า ฉันจะอยู่ที่นี่จนถึงเที่ยง” อรุณีมาลาตัดสินใจทำตามที่อิงควัตบอก คุยกันให้รู้เรื่องสักทีก็ดีเหมือนกัน
ศิวัชหน้าตาแจ่มใสขึ้นทันที
“ได้ครับออ พรุ่งนี้พี่จะมาแต่เช้าขอบคุณออมาก” ชายหนุ่มจับมือเธอกุมไว้ แต่อรุณีมาลาสลัดทิ้งทันที แววตาเธอบอกชัดเจน 'อย่าแตะต้องตัวฉัน' หญิงสาวเดินกลับเข้างานเร็วๆ ชายหนุ่มรีบเดินตาม
“พี่ขอโทษ ออกับลูกจะขึ้นห้องเลยไหมเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่ต้องค่ะ”
หญิงสาวเดินมาถึงโต๊ะพอดี อรุณประภารออยู่เธอถามน้องสาวฝาแฝด
“ออพาเด็กขึ้นไปนอนเลยไหม เดี๋ยวพี่ช่วยแล้วจะออกไปข้างนอกกับพี่แทน”
“พิณออกไปเลยก็ได้ ออพาลูกขึ้นเองได้” หญิงสาวพูดให้พี่สาวสบายใจ
“ไม่เป็นไรครับแม่พิณ เดี๋ยวพ่อไปส่งต้นกล้าเอง” เด็กชายพูดอย่างมั่นใจ เพราะพ่อบอกไว้ว่าจะไปส่งแล้วพรุ่งนี้จะมาหา
ศิวัชอุ้มเด็กหญิงต้นข้าวที่เริ่มงอแงเพราะง่วงนอน คุณศิตาเดินมาทักก่อนกลับ
“อากลับก่อนนะจ๊ะหนูออ แล้วพบกันวันหลังนะลูก พาเด็กๆ ไปทานขนมที่บ้านกัน”
หญิงสาวพนมมือไหว้เป็นการลาผู้แก่วัยกว่า
“ค่ะคุณอา ออขอตัวก่อนนะคะ”
ท่านยิ้มรับ หันไปคุยกับลูกชาย
“วัชจะไปส่งลูกๆ ก่อนใช่ไหม งั้นแม่กลับก่อนนะ” ท่านให้คนขับรถที่บ้านมารอรับแล้ว เพราะไม่แน่ใจว่าลูกชายจะจัดการธุระเสร็จเมื่อไหร่
“ครับแม่ เดี๋ยวผมตามกลับไป”
คุณศิตาก้มลงหอมแก้มต้นกล้าและต้นข้าวที่พ่ออุ้มอยู่
“วันหลังไปเล่นบ้านย่านะลูก”
“ครับ” เด็กชายพูดเสียงใสไม่มีวี่แววง่วงผิดกับน้องสาว
เมื่อแยกย้ายกันหมดแล้ว อรุณีมาลาเดินจูงมือเด็กชายไปในโซนห้องพักที่แบ่งส่วนชัดเจนกับห้องจัดเลี้ยง มีลิฟท์ขึ้นคนละตัว ศิวัชเดินตามมีเด็กหญิงซบบนบ่าอย่างง่วงเต็มที
เธอหยุดที่หน้าลิฟท์
“ส่งแค่นี้พอค่ะ ตรงนี้เป็นส่วนที่พักของลูกค้าโรงแรม คุณไม่ใช่คนเข้าพักไม่ควรขึ้นไป”
ศิวัชยอมทำตามที่เธอบอกแต่โดยดี ส่งตัวเด็กหญิงให้เธอต้นข้าวสลึมสลือส่งเสียงประท้วงนิดหน่อยแต่ก็เงียบลงไปเมื่อมารดาลูบหลังให้นอนต่อ
ต้นกล้ากดลิฟท์อย่างคุ้นเคย เด็กชายหันมามองศิวัช
“พ่อรีบมานะพรุ่งนี้ ต้นกล้าจะรอ”
“ครับลูก” ศิวัชรับปาก อรุณีมาลาพาลูกก้าวเข้าลิฟท์ เธอไม่พูดอะไรอีก ชายหนุ่มมองจนประตูลิฟท์ปิดลงจึงหันหลังกลับเตรียมตัวจะกลับบ้าน
“วัชคะ ทำไมคุณฉีกหน้าลินขนาดนี้ ลินจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน” เสียงหนึ่งตัดพ้อจากด้านหลัง ศิวัชหันไปมอง
“ผมทำอะไรคุณเหรอลิน” ดร.หนุ่มเหนื่อยหน่ายใจ เห็นทีเขาต้องพูดตรงๆ กับญาติสาวคนนี้สักที
“ใครๆ เขาก็รู้ว่าเราเป็นแฟนกัน ทำไมวัชเดินตามยายนั่นกับลูกมันทั้งคืน” เกวลินเสียงดัง
“ยายนั่นที่คุณว่าน่ะเมียผม ลูกมันที่คุณพูดถึงก็ลูกผม ส่วนคุณที่บอกว่าเป็นแฟนผมนั่นคุณคิดเอาเองทั้งนั้น ผมไม่เคยไปไหนมาไหนกับคุณ ไม่เคยจีบ ไม่เคยทำอะไรให้คุณคิดไปไกลกว่าความเป็นญาติเลยนะลิน”
“วัช!....”
“ถ้าคุณไม่หยุดระราน ไม่หยุดเอาเมียกับลูกผมไปพูดให้เสียหาย ผมจะให้ครอบครัวคุณย้ายออกจากเกาะรังนก เกาะอาจจะต้องมีผจก.คนใหม่สักที จะได้เคลียร์อะไรที่มันคาราคาซังหลายๆ อย่างไปด้วย”
“ไม่นะคะ พ่อลินเป็นผู้จัดการเกาะมานาน วัชจะให้ย้ายไปไหน”
“เป็นมานานและอิ่มมานาน อย่าคิดนะลินว่าคนอื่นไม่รู้ว่าพวกคุณทำอะไรอย่าให้ต้องเอาตรงนี้มาพูดกัน คุณน่าจะรู้ว่าผมไม่ใช่คนชอบพูดมาก”
ชายหนุ่มพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้น
อรุณีมาลาเปิดประตูห้องพัก ต้นกล้าวิ่งเข้าไปกระโดดขึ้นที่นอน หญิงสาววางลูกลงบนเตียงของต้นข้าว ที่เป็นเตียงเด็กขนาดสามฟุตครึ่ง
ห้องนี้เป็นห้องพักส่วนตัวของเธอซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม และไม่ได้เปิดให้แขกพัก หญิงสาวมีแผนจะแยกห้องนอนให้ลูกฝาแฝดเมื่อเด็กๆ อายุครบห้าขวบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
“คุณแม่ที่นี่จะแยกห้องนอนให้ต้นกล้าไหมคับ” เด็กชายถาม
“แยกสิลูก หรือต้นกล้าไม่กล้านอนคนเดียวไปนอนกับแม่ได้นะ” เธอตอบขณะที่เตรียมชุดนอนให้ต้นกล้า ส่วนต้นข้าวน่าจะไม่ต้องได้ใช้เพราะหลับไปแล้ว
เด็กชายชี้มือเข้าหาตนเอง “กล้าชื่อต้นกล้าก็ต้องกล้านอนสิคับ”
หญิงสาวมองลูกอย่างเอ็นดู ยังไม่อธิบายว่าต้นกล้าไม่ได้แปลว่ากล้าหาญ เพราะเห็นว่าลูกยังเด็ก เด็กชายพูดเจื้อยแจ้วต่อ
“มีคนบอกว่ากล้าเป็นลูกไม่มีพ่อด้วยล่ะคุณแม่”
หญิงสาวตกใจ เรื่องถูกนินทาเธอรู้อยู่แต่ไม่คิดว่าจะมีใครพูดให้เด็กชายได้ยิน
“ใครพูดลูก”
“ยายป้าปากแดงกับเพื่อนๆ” เด็กชายหมายถึงเกวลินและเพื่อน และไล่เรียงต่อ
“แล้วก็มีคนที่เสริฟน้ำในงาน เขาก็พูดกันกับลุงแก่ๆ ต้นกล้าไม่รู้จัก”
“ยายป้าปากแดง ใครกันลูกทำไมลูกไปเรียกเขาแบบนั้น ไม่น่ารักเลย” มารดาถาม
“เขาไม่น่ารักกับแม่กับต้นกล้าก่อน ผู้ใหญ่ไม่น่ารักเด็กก็ไม่เห็นจะต้องน่ารักเลยคุณแม่” เด็กชายพูดหน้าตาบูดบึ้ง
“ต้นกล้าครับ คนอื่นทำไม่ดีกับเราตัวเขาก็ดูไม่ดี แต่ถ้าเราทำไม่ดีตอบ ตัวเราก็จะเป็นคนไม่ดีเหมือนเขา ต้นกล้าอยากเป็นแบบเขาเหรอ” หญิงสาวสอนลูก
ต้นกล้ามองแม่ แต่เขาก็เห็นพ่อว่ายายพวกนั้นไปหลายคำ แล้วพ่อเป็นคนไม่ดีด้วยรึเปล่า คิดไปคิดมาสมองเล็กๆ ลงความเห็นว่าแม่ใจดีเกินไป ต่อไปเรื่องนี้เขาต้องบอกพ่อคนเดียว แต่ปากเด็กชายก็รับคำแม่ ลูกผู้ชายจะต้องทำให้ผู้หญิงสบายใจ
“ต้นกล้าจะไม่ทำแล้วคับแม่”
“แล้วต้นกล้าเสียใจไหมคับ ที่มีคนว่าลูกไม่มีพ่อ” หญิงสาวถามลูกจริงจัง
“เสียใจทำไมคุณแม่ ก็ต้นกล้ามีพ่อแต่เขาไม่รู้กันเองต่างหาก” เด็กชายพูดทันควัน
“แล้วตกลงยายป้าปากแดงคือใครคะ” อรุณีมาลายังสงสัยอยู่
“ก็....คนที่มากอดแขนพ่อในงานไงคุณแม่ แล้วสักพักต้นกล้าเห็นเขาไปคุยกับคุณย่า คงจะฟ้องที่พ่อว่าเขา” ต้นกล้าพูด ทำให้อรุณีมาลาตกใจ
“ไม่เอานะลูกทีหลังลูกอย่าพูดเอง เขาคุยอะไรกับใครถ้าเราไม่ได้ยินกับหู จะไปว่าเขาไม่ได้ค่ะ”
“งั้นทีหลังต้นกล้าจะไปฟังใกล้ๆ เลยคับ ต้นกล้าง่วงแล้ว” เด็กชายเริ่มไม่สนุกกับการซักไซ่ไล่เรียงของแม่
หญิงสาวมองลูกอย่างรู้ทัน แต่ไม่ว่าอะไร เธอมองลูกชายอย่างหนักใจต้นกล้าฉลาดขึ้นทุกวัน แถมกล้าพูดกล้าแสดงออก อีกหน่อยเธอคงรับมือลูกชายไม่ไหวแน่
“งั้นก็ไปอาบน้ำนอน แม่เตรียมชุดให้แล้วเดี๋ยวแม่อาบน้ำให้” หญิงสาวพูดแต่เด็กชายส่ายหน้า
“ต้นกล้าโตแล้ว ลูกผู้ชายต้องอาบน้ำเองฮะ”
หญิงสาวขำ “ลูกผู้ชายอายุสี่ขวบครึ่งเหรอลูก เอ้า..ลูกผู้ชายก็ลูกผู้ชาย”
สิบสองปีต่อมา ณ เกาะพยาม อธิปหรือต้นกล้ายืนมองทะเลไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เขาเพิ่งกลับจากการไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่สหรัฐอเมริกา ชายหนุ่มเรียนจบแล้วและตั้งใจจะมาอยู่ที่นี่สักพัก ก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อปริญญาโทแต่วันนี้บ้านพักที่เคยสงบกลับเต็มไปด้วยผู้คนเพราะเป็นงานวันเกิดของนายหัวภาคย์ คุณปู่ของเขาเอง อธิปไม่ชอบคนเยอะเขาจึงปลีกตัวออกมาหาความสงบตามลำพัง“ต้นกล้า” เสียงเรียกของผู้หญิงคนที่เขารักที่สุดดังอยู่ด้านหลัง “คุณแม่” เขาหันกลับไปหาอรุณีมาลา แม่ของเขาในวัยสี่สิบสี่ยังสวยพริ้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ยังทำให้พ่อเขาหึงได้อยู่เสมอ“แม่เดินหาลูกตั้งนาน มาทำอะไรตรงนี้” เธอถามลูกชายที่โตขึ้นผิดหูผิดตา ก่อนที่เขาจะจากไปเรียนต่อในตอนอายุ 17 ปีต้นกล้ายังเป็นวัยรุ่น แขนขายาวเก้งก้างแต่สี่ปีผ่านไปเขากลายเป็นหนุ่มเต็มตัว ตัวสูงกว่าเธอเสียอีก“ผมไม่ค่อยชอบคนเยอะเลยครับแม่ รำคาญ” คำพูดของลูกชายทำให้เธอหัวเราะ“วันนี้มีแต่พี่ๆ น้องๆ ทั้งนั้นเลยลูก” เธอหมายถึงต้นข้าวและต้นน้ำ และบรรดาหลานๆ เช่น ไอย่าลูกสาวของอัญญาและเมฆา อัครินทร์และมุกจันทร์ ลูกชายลูกสาวของอรุณประภาและคิรินทร์
เวลาผ่านล่วงเลยมาสี่ปี เด็กชายต้นกล้าในวัยเก้าขวบเขาบอกมารดาว่า“คุณแม่ ต้นกล้าอยากย้ายไปอยู่กับคุณปู่คับ”อรุณีมาลาเงยหน้าขึ้นมองลูกชาย“ลูกเพิ่งเรียนเกรด 3 เองนะลูก ที่นั่นไม่มีนานาชาติให้ไปต่อนะ”“เปิดเทอมหน้าต้นกล้าก็เรียนเกรด 4 แล้วคุณแม่ ปู่บอกว่าถ้าอยากไป ก็เรียนโรงเรียนประจำที่ภูเก็ตได้ ปิดเทอมกลับไปอยู่กับคุณปู่” เด็กชายพูด“ต้นกล้าไม่อยากอยู่กับแม่แล้วเหรอ” หญิงสาวเริ่มน้อยใจลูกชายนิดๆ ศิวัชเดินเข้ามาในห้องเขาได้ยินพอดี ชายหนุ่มวางมือบนบ่าของเธอเป็นเชิงให้ใจเย็น“ลูกไม่เคยเรียนโรงเรียนประจำจะอยู่ได้เหรอลูก” เขาถามต้นกล้า“ปู่บอกว่าพ่อก็เคยเรียน พ่ออยู่ได้ต้นกล้าก็ต้องอยู่ได้ครับ” เด็กชายตอบหนักแน่นศิวัชหันไปถามต้นข้าว “ต้นข้าวล่ะลูก หนูอยากไปไหม” เด็กหญิงส่ายหน้า “หนูอยากอยู่กับพ่อแม่ค่ะ” “คืนนี้พ่อจะคุยกับคุณปู่อีกที ปิดเทอมนี้ต้นกล้าไปเยี่ยมคุณปู่ตามปกติก่อนแล้วกันลูก” ศิวัชสรุปคืนนั้นศิวัชคุยกับอรุณีมาลา เขารอจนเธอลมหายใจสงบเป็นปกติจากบทรักหนักหน่วง ชายหนุ่มดึงร่างเธอมากอดลูบแผ่นหลังเรียบเนียน“เรื่องต้นกล้า ออคิดยังไง” “ออเป็นห่วงลูกค่ะ ต้นก
หลังจากที่คู่แต่งงานใหม่ใช้เวลาด้วยกันตามลำพังสามวัน คุณปู่คุณย่าก็พาเด็กๆ ตามมาสมทบที่เกาะพยาม และเพราะว่าอยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนของเด็กๆเช้านี้นายหัวภาคย์มีแผนจะพาเด็กๆ ไปชมปะการังโดยขึ้นเรือท้องกระจกขนาดใหญ่ ศิวัชสวมเสื้อชูชีพให้ต้นกล้าและต้นข้าว เด็กชายถามบิดาว่า“แล้วเราจะลงไปดูในทะเลจริงๆ ได้ไหมคับพ่อ”“ได้ลูก แต่ลูกต้องโตกว่านี้แล้วไปเรียนดำน้ำก่อนครับ” ศิวัชตอบลูกชายที่ตื่นเต้นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่บ้านคุณปู่“ต้นข้าวไม่เห็นอยากลงไปเลย แม่บอกว่าเดี๋ยวตัวดำ” เด็กหญิงพูดขึ้นบ้าง“นี่มันเรื่องของลูกผู้ชาย” ต้นกล้าหันไปพูดกับน้อง เขาจำคำพูดของปู่มาใช้“ไปกันลูกเรียบร้อยแล้ว ห้ามดื้อ ห้ามโผล่หน้าออกนอกเรือ เข้าใจไหมครับ” ดร.หนุ่มบอกลูกแฝดต้นข้าวไม่เท่าไร เขากลัวต้นกล้าจะทำอะไรแผลงๆ มากกว่าเริ่มสายทั้งหมดจึงลงเรือกัน เรือที่ใช้วันนี้เป็นเรือขนาดใหญ่ มีที่ให้เดินหรือนั่งนอนได้ตามสบายตรงกลางท้องเรือเป็นแผ่นกระจกหนาเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2.5 เมตร ทว่า..เด็กชายต้นกล้ากลับไปสนใจมองปะการังนอกตัวเรือ เขาชะโงกหน้าออกไปเรื่อยๆ “ต้นกล้า หยุ
งานแต่งงานของศิวัชและอรุณีมาลาถูกกำหนดขึ้นในอีกสองเดือนหลังจากนั้น ยิ่งช่วงใกล้วันงานทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยิ่งมีเรื่องวุ่นวาย คุณศิตามาอยู่ยาวที่กรุงเทพฯ เพื่อช่วยเตรียมงานล่วงหน้าถึง 1 เดือนงานนี้มีเพื่อนเจ้าสาวเพียงคนเดียวคืออรุณประภา ซึ่งอรุณีมาลาต้องการให้เป็นแบบนั้น เธอถือว่าพวกเธออยู่ด้วยกันตั้งแต่เกิดดังนั้นในวันสำคัญของชีวิต เธอต้องการให้คู่แฝดรับหน้าที่นี้เพียงคนเดียวส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวอรุณีมาลาขอว่าเธอจะเลือกเอง เธอต้องการให้สีหราชซึ่งเคยแนะนำให้เธอกับศิวัชพบกันเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ซึ่งชายหนุ่มก็ยินดีอย่างยิ่งในวันลองชุดของหนุ่มสาวสี่คน ซึ่งเป็นร้านเดียวกันในระหว่างที่สองสาวฝาแฝดอยู่ด้วยกันในห้องแต่งตัว“ออจะไปฮันนีมูนที่ไหนนะ” พี่สาวถาม“จะไปเกาะพยามน่ะ ไปรอบที่แล้วมัวแต่ทะเลาะกัน ไม่ได้ดูอะไรเลย” อรุณีมาลาพูดปนหัวเราะนิดๆ“พิณดีใจด้วยที่ออมีความสุขสักที” อรุณประภาดีใจกับคู่แฝด เธอไม่เห็นอรุณีมาลาหัวเราะได้จริงๆ มานานแล้ว“จะดีกว่านี้ถ้าเราได้แต่งพร้อมกัน” แฝดน้องพูดด้วยน้ำเสียงสดใสพวกเธอออกมาจากห้องแต่งตัว อรุณีมาลาในชุดไทยจักรพรรดิสีงาช้าง ส่วนอรุณประภาสวมชุดไทย
อรุณีมาลานอนโรงพยาบาลสองวันหมอจึงให้กลับได้ ในเช้าวันที่จะกลับบ้านเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของตัวเองที่แม่บ้านจัดมาให้ ศิวัชเปิดประตูเข้ามาหลังจากที่เขาไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายและรับยามาให้แล้ว“นี่ยานะครับออ” เขาวางถุงยาไว้บนโต๊ะ หญิงสาวเดินมานั่งที่เก้าอี้สำรวจถุงยาว่ามีอะไรบ้าง“ส่วนนี่พี่ซื้อกาแฟมาให้กับขนม” เขาวางกาแฟกับขนมถัดไปจากยา หญิงสาวพึมพำขอบคุณ“ส่วนนี่อีกอย่างครับ แม่พี่ให้มา” เขาวางกล่องกำมะหยี่ลง หญิงสาวมองของแล้วมองหน้าเขาศิวัชนั่งลงกับพื้นตรงหน้าเธอ “วันนี้ออจะได้กลับบ้านที่เป็นบ้านของเรา พี่อยากทำให้ถูกต้อง ไม่อยากให้ใครเอาออไปพูดเสียๆ หายๆ ออแต่งงานกับพี่นะครับ พี่จะได้ดูแลออได้เต็มที่” อรุณีมาลามองหน้าเขา ศิวัชเปิดกล่องแหวนมันเป็นแหวนมรกตน้ำงามล้อมรอบด้วยเพชร“แหวนนี่เป็นแหวนเก่าของท่านตาใช้สวมในท่านยายในวันแต่งงานของท่าน ตกทอดมาถึงคุณแม่ที่เป็นลูกคนเดียวแล้ววันนี้มันจะเป็นของออช่วยรับไว้เก็บไว้ให้ต้นข้าว ในวันแต่งงานของต้นข้าวนะครับ” “แต่งงานเหรอคะ” เธอพึมพำ“ครับ ถ้าออตกลงพ่อกับแม่พี่จะคุยกับคุณอัญ พี่อยากบอกออว่าทั้งหมดที่ผ่านมาพี่รักออ อยากอยู่ใกล้
หญิงสาวตื่นมาอีกทีในตอนเช้าของอีกวัน เวลาเดียวกับที่ศิวัชเปิดประตูห้องน้ำออกมา“พี่ทำออตื่นเหรอเปล่า” เขามองหน้าเธออย่างเป็นห่วง อังมือกับหน้าผากของเธอทำท่าโล่งใจ“ดีนะ ออไม่มีไข้”“กี่โมงแล้วคะ ลูกล่ะ” เธอถาม“ตอนนี้เพิ่งหกโมงเช้าเอง ลูกอยู่กับแม่น่ะออ แม่กับพ่อมาถึงเมื่อคืนตอนเที่ยงคืน ออหลับอยู่พี่เลยไม่ได้ปลุก”“ค่ะ เลยทำคนอื่นลำบากกันไปหมด” “อย่าพูดแบบนั้น ทุกคนที่พูดถึงก็ครอบครัวทั้งนั้น” ศิวัชปลอบ รู้ว่าอรุณีมาลายังกลัวอยู่ “ออย้ายไปอยู่บ้านพี่นะ” ศิวัชบอกเมื่อเห็นเธอพยักหน้าเขาจึงพูดต่อว่า“เดี๋ยวพี่ให้คนไปเก็บของให้ ถ้าออยังกลัวก็ไม่ต้องไปเอง”“อิ๋วด้วยนะคะ ให้มาอยู่ดูแลเด็กๆ ด้วยได้ไหม” อรุณีมาลาห่วงคนของตัวเอง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างโดนทำร้ายอะไรตรงไหนเธอยังไม่ทันได้ดูเลย“ได้จ้ะ พี่ให้คนของออตรวจร่างกายแล้วเมื่อคืน หมอบอกว่าไม่มีอะไรมาก ฟกช้ำนิดหน่อยตรงข้อมือที่ถูกมัด พี่เลยให้ไปอยู่ที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน จะได้อยู่เป็นเพื่อนต้นกล้าต้นข้าวด้วย” ศิวัชพูดเสียงนุ่ม“ขอบคุณค่ะ” อรุณีมาลาสบายใจขึ้นบ้าง“ออหิวไหม อยากกินอะไรรึเปล่าพี่ลงไปซื้อให้นะ” เธอส่ายหน้า “เจ





![ภรรยาซาตาน [PWP] + [SM25+] #จบแล้ว](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

