“อุ๊บ!! แหวะ!!” ชิงเหลียนตั้งสติได้ก็รีบคายเนื้อปลารสหวานในปากทิ้งทันที นางทรุดตัวลงจากเก้าอี้ ใช้มือล้วงปาก หวังคายรสหวานที่ค้างอยู่ในปากออกมาจนหมด ไร้การวางมาดใด ๆ ของนางโลมสวยงามอีกต่อไป “แหวะ! แหวะ! แค่ก! แค่ก!”
ทุกการกระทำของชิงเหลียนล้วนแต่ตกอยู่ในสายตาของฉินเจียวเยี่ยน เมิ่งลี่ และกู้เหวย ทั้งสามสบตากันอย่างมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตน แต่เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต พวกนางยังคงต้องแสดงละครต่อไป
“อ่า แม่นางชิงเหลียน เจ้าคายอาหารอร่อยของข้าทิ้งด้วยเหตุใด? เอิ้ก” ฉินเจียวเยี่ยนแสร้งโมโห ขึ้นเสียง ตบโต๊ะอย่างไม่พอใจ
ชิงเหลียนหันมามองด้วยดวงตาที่คลอน้ำตาจากการล้วงคอเพื่อให้อาเจียนเมื่อครู่ นางจึงตระหนักได้ว่า นางเสียอาการไปไม่น้อยเสียแล้ว “เอ่อ คุณชายเย่ ข้าน้อยแพ้เนื้อปลาเจ้าค่ะ หากทานเข้าไปแล้ว อาจจะเกิดอาการแพ้จนถึงชีวิตได้”
“อึก อ้าวเหรอ อ่อ อ่อ” ฉินเจียวเยี่ยนพยักหน้าเข้าใจหงึกหงัก ทำให้ชิงเหลียนพรูลมหายใจที่สามารถกลบเกลื่อนพิรุธไปได้ “เช่นนั้น ก็มาลิ้มรสไก่ตุ๋นนี่แทนสิ เอิ้ก”
ชิงเหลียน “!!!”
“เอ่อ ข้าน้อยก็แพ้ไก่ด้วยเจ้าค่ะ กิ... กินแล้วจะมีผื
เซียวชิงเฟิงและฉินเจียวเยี่ยนได้แต่ตกตะลึงกับคำกล่าวนั้นของกู้เหวยด้วยสถานะของกู้เหวยคือบุตรชายคนโตสายตรงของจวนเจิ้นหย่วนโหว ได้รับตำแหน่งกู้ซื่อจื่อ ตั้งแต่วัยเยาว์ เรื่องการแต่งงานของซื่อจื่อแห่งจวนเจิ้นหย่วนโหวจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและพิถีพิถันเป็นอย่างมากเพราะตระกูลที่จะมาเกี่ยวดองกับตระกูลแม่ทัพอย่างตระกูลกู้ย่อมต้องสามารถเกื้อกูลและสนับสนุนกู้เหวยในราชสำนักได้ นอกจากนี้ บุตรชายของกู้เหวยยังมีโอกาสที่จะได้เป็นกู้ซื่อจื่อ ขึ้นรับตำแหน่งครอบครองจวนเจิ้นหย่วนโหวต่อไปอีกด้วยแต่การที่กู้เหวยกล่าวว่า ตนไม่ต้องการจะแต่งงานนั้น กลับเป็นเหมือนการฉีกกระชากความหวังของคนทั้งตระกูลให้พังภินท์ หากซื่อจื่อสายตรงไร้ทายาทสืบทอด ตระกูลกู้มิต้องไปหวังพึ่งอนาคต เพื่อเชิดหน้าชูตากับตระกูลสายรองหรอกหรือ?นั่นมิเป็นการหมิ่นเกียรติตระกูลแม่ทัพที่มีอายุมานับร้อยปีหรือ?“ดะ เดี๋ยวก่อน...” ฉินเจียวเยี่ยนยกมือห้าม ความคิดของนางมึนงงสับสนไปหมด “ข้าเพียงแต่ให้ท่านรับผิดชอบลี่เอ๋อร์เพียงเท่านั้น นี่ท่านรังเกียจนางจนถึงขั้นปฏิเสธที่จะแต่งงานทั้งชีวิตเลยหรือ?”“ไม่ใช
“เยี่ยนเยี่ยน เหตุใดเจ้าจึงให้พวกข้านำอาหารและสุราเหล่านี้กลับมาด้วยเล่า?” เมิ่งลี่เอ่ยถามขึ้น เมื่อทุกคนขึ้นมาบนรถม้าของตำหนักบูรพากันครบแล้ว “สุราอาหารเหล่านี้ล้วนแต่มียาผสม ทานไม่ได้มิใช่รึ?”เมิ่งลี่และกู้เหวยต่างวางจานอาหารลงบนที่นั่งข้างตัว โดยที่กู้เหวยไม่ลืมที่จะรีบถอดเสื้อชั้นนอกกลับไปคลุมไหล่เปลือยของเมิ่งลี่อีกครั้ง นางทำได้เพียงก้มศีรษะขอบคุณ แล้วหันกลับไปมองสหายรักอย่างสงสัยเช่นเดียวกับทุกคน“ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจนำมาให้ผู้ใดทาน เพียงแต่ต้องการนำกลับไปให้หมอหลวงของไท่จื่อตรวจดู เพื่อจะสามารถคิดค้นยาถอนขึ้นมาได้ต่างหากเล่า” ฉินเจียวเยี่ยนกล่าวพลางเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจในตนเอง ยกมือขึ้นเท้าเอว หันไปสบตาพระสวามีอย่างรอคำชม‘ชมหม่อมฉันสิเพคะ ว่าไท่จื่อเฟยของท่านพี่ปราดเปรื่องมากนัก...’มุมปากของเซียวชิงเฟิงกระตุกแผ่วเบาก่อเรื่องถึงเพียงนี้ ยังต้องการคำชมจากเขาอีกหรือ?“สร้างเรื่องจนเกิดข่าวลือว่า ไท่จื่อเสด็จไปหอนางโลม หากเสด็จพ่อมากล่าวโทษข้า ข้าจะบอกว่าเป็นเพราะเจ้า”ฉินเจียวเยี่ยน “...”‘แหน่ ไม่ชม แล้วยัง
“แล้วพวกเราจะออกไปอย่างไรดีเพคะ? เพื่อไม่ให้พวกเขาไหวตัวทัน” ฉินเจียวเยี่ยนถามขึ้น “เดิมที ตอนที่พวกข้าเข้ามา ทั้งข้าและลี่เอ๋อร์ต่างใส่ชุดบุรุษ แต่เมื่อกู้ซื่อจื่อหนีเข้ามาสมทบเช่นนี้ เขาจึงต้องสวมรอยเป็นลี่เอ๋อร์แทน ส่วนลี่เอ๋อร์จึงต้องกลายเป็นนางโลมต่างแดนของหออวี่หลิน”นี่ เจ้าเล่นพิเรนทร์สิ่งใด? ถึงกล้าให้คุณหนูรองเมิ่งแต่งตัวเป็นนางโลมหากเมิ่งหลี่ปู้ซ่างซูรู้เข้า ทั้งเจ้าและสหายได้โดนโทษโบยกันหลังลายเป็นแน่...เซียวชิงเฟิงยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้ว “ในเมื่อคุณหนูรองเมิ่งกลายเป็นนางโลมแล้ว ก็คงต้องออกไปเช่นนี้”ทั้งสามคนในห้องได้แต่สบตากัน แต่ยังไม่ทันได้ถามสิ่งใด เซียวชิงเฟิงก็ส่งสัญญาณเรียกหยางเซิงให้เข้ามา“ไปตามผู้ดูแลหออวี่หลินมา”“พ่ะย่ะค่ะ”หลังจากนั้น เซียวชิงเฟิงจึงหันไปมองเมิ่งลี่ ฉินเจียวเยี่ยนพอจะเดาแผนการของสวามีได้ลาง ๆ จึงรีบร้องบอก “ลี่เอ๋อร์ถอดชุดเจ้าให้กู้ซื่อจื่อใส่แทนเจ้าไป”“อา...” เมิ่งลี่ที่ยังมึนงง ประเดี๋ยวถูกคลุมด้วยชุดบุรุษ ประเดี๋ยวถอดชุดให้เหลือเพียงนางโลม แต่สองมือก็ว่องไว เปลื้องเสื้อชั้นนอกส่ง
“ข้าเจอสหายของข้าแล้ว พวกเจ้าออกไปเถิด” เซียวชิงเฟิงเอ่ยตัดบทด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หากแต่เต็มไปด้วยอำนาจที่ไม่อาจขัดขืน แล้วหันไปส่งสัญญาณให้หยางเซิงและตงไฮ่ปิดประตู ยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้นร่างสูงสง่าที่เพิ่งเข้ามาใหม่สาวเท้าย่างสามขุมเข้าไปใกล้ร่างแม่นางน้อยในชุดบุรุษอย่างคุกคาม โดยที่ฉินเจียวเยี่ยนก้าวถอยหลังจนแผ่นหลังพิงแอบไปกับหน้าต่างบานใหญ่มือหนาเอื้อมไปรั้งเอวบางเข้ามาแนบชิด ก้มใบหน้าคมคายเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มชืด “เอาล่ะ ไหนเจ้าลองเล่ามาสิว่า เหตุใดเจ้าจึงได้มาอยู่ที่นี่?”ฉินเจียวเยี่ยนกลืนน้ำลายลงคออย่างช้า ๆ ริมฝีปากเม้มแน่น‘แล้วข้าจะเริ่มเล่าอย่างไรดี?’‘จะบอกว่า ข้ามาที่นี่ เพื่อเรียนรู้ท่าทางยั่วยวนของนางโลมจากต่างแดนไปสอนนางโลมของเราอย่างนั้นรึ?’‘ท่านพี่ได้ตีข้าตายแน่…’มุมปากของไท่จื่อกระตุกรัว เมื่อรู้ว่าไท่จื่อเฟยคิดจะล้วงความลับทางการค้าของผู้อื่น และอีกอย่างที่นางคิดผิดคือ เขาไม่เคยคิดที่จะตีนางจนตาย แต่ถ้าหากเป็นทำอย่างอื่นกับน
เมิ่งลี่ “...”กู้เหวย “...”ใช่ พวกเขาลืมความจริงที่สำคัญที่สุดไป บัดนี้ พวกเขาต้องหาทางออกจากหออวี่หลินอย่างปลอดภัยให้ได้เสียก่อนด้วยตัวตนยามที่ฉินเจียวเยี่ยนและเมิ่งลี่เข้ามานั้น ทำให้ฉินเจียวเยี่ยนและกู้เหวยสามารถเดินออกไปได้อย่างไร้ปัญหา หากแต่เมิ่งลี่ในชุดนางโลมนี่สิ จะออกไปได้อย่างไร ไม่ให้ผิดสังเกต กอปรกับการล้อมหออวี่หลินของหลิงอี้ชวนแล้วด้วยจนถึงบัดนี้ พวกเขาทั้งสามคนยังได้ยินเสียงองครักษ์ตระกูลหลิงกระจายกำลัง เพื่อตามหาผู้บุกรุกคนนั้นอยู่เลย แม้ว่าเหตุการณ์จะดูปกติสุข แต่ลึก ๆ แล้ว ในใจของพวกเขาล้วนแต่ประหวั่นพรั่นพรึงด้วยเหตุที่ต่างกันเมิ่งลี่: ข้าจะถูกจับได้หรือไม่นะ? หากถูกจับได้ ข้าก็คงจะหมดโอกาสช่วยท่านอารองแล้วกู้เหวย: หากถูกจับได้ หลิงอี้ชวนก็อาจจะไหวตัวทัน แล้วรีบทำลายหลักฐานเป็นแน่แท้ฉินเจียวเยี่ยน: อืม ข้าถูกจับได้ ความก็จะถึงหูท่านพี่ ไม่แคล้วโดนท่านพี่ลงโทษจนลงจากเตียงไม่ได้อีกแน่ ๆทั้งสามต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง จนกระทั่งได้ยินเสียงร้องอื้ออึงดังขึ้นที่หน้าหออวี่หลินอย่างตื่นเต้นตกใจ
“อุ๊บ!! แหวะ!!” ชิงเหลียนตั้งสติได้ก็รีบคายเนื้อปลารสหวานในปากทิ้งทันที นางทรุดตัวลงจากเก้าอี้ ใช้มือล้วงปาก หวังคายรสหวานที่ค้างอยู่ในปากออกมาจนหมด ไร้การวางมาดใด ๆ ของนางโลมสวยงามอีกต่อไป “แหวะ! แหวะ! แค่ก! แค่ก!”ทุกการกระทำของชิงเหลียนล้วนแต่ตกอยู่ในสายตาของฉินเจียวเยี่ยน เมิ่งลี่ และกู้เหวย ทั้งสามสบตากันอย่างมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตน แต่เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต พวกนางยังคงต้องแสดงละครต่อไป“อ่า แม่นางชิงเหลียน เจ้าคายอาหารอร่อยของข้าทิ้งด้วยเหตุใด? เอิ้ก” ฉินเจียวเยี่ยนแสร้งโมโห ขึ้นเสียง ตบโต๊ะอย่างไม่พอใจชิงเหลียนหันมามองด้วยดวงตาที่คลอน้ำตาจากการล้วงคอเพื่อให้อาเจียนเมื่อครู่ นางจึงตระหนักได้ว่า นางเสียอาการไปไม่น้อยเสียแล้ว “เอ่อ คุณชายเย่ ข้าน้อยแพ้เนื้อปลาเจ้าค่ะ หากทานเข้าไปแล้ว อาจจะเกิดอาการแพ้จนถึงชีวิตได้”“อึก อ้าวเหรอ อ่อ อ่อ” ฉินเจียวเยี่ยนพยักหน้าเข้าใจหงึกหงัก ทำให้ชิงเหลียนพรูลมหายใจที่สามารถกลบเกลื่อนพิรุธไปได้ “เช่นนั้น ก็มาลิ้มรสไก่ตุ๋นนี่แทนสิ เอิ้ก”ชิงเหลียน “!!!”“เอ่อ ข้าน้อยก็แพ้ไก่ด้วยเจ้าค่ะ กิ... กินแล้วจะมีผื