ฉินเจียวเยี่ยนพินิจพิจารณามองดูคนตรงหน้าที่นิ่งสงบ ไม่โวยวายสิ่งใด ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ตาม
ขณะที่เซียวชิงเฟิงมาสู่ขอนาง ฉินเยี่ยนฟางก็นิ่งเงียบ เพียงกล่าวคำยินดี แล้วก็อยู่เงียบ ๆ ที่เรือนของตน ครั้นมีข่าวลือที่ว่านางทำร้ายฉินเจียวเยี่ยน ก็ยินยอมให้บิดากักบริเวณตนเองภายในเรือน ไม่ออกนอกจวนไปที่ใด
หรือว่า ฉินเยี่ยนฟางจะเป็นคนดีจริง ๆ ตามแบบฉบับของนางเอก?
“เยี่ยนเอ๋อร์?” ฉินเยี่ยนฟางอุทานด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นน้องสาวต่างมารดา ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ แล้วเริ่มจุดธูปเทียน กล่าวอธิษฐาน ถวายเครื่องสักการะ และเผากระดาษเงินกระดาษทองที่นางแอบเตรียมมาด้วยเช่นกัน
“ท่านแม่ของพี่หญิงก็เป็นท่านแม่ใหญ่ของข้าด้วยเช่นกัน”
สองพี่น้องส่งยิ้มให้แก่กันเล็กน้อย ฉินเจียวเยี่ยนรู้สึกว่า รอยยิ้มของฉินเยี่ยนฟางในยามนี้ ดูบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา จนทำให้นางไม่คาดคิดว่า สตรีปริศนานางนั้นจะเป็นฉินเยี่ยนฟางได้เลย
“คุณหนูเจ้าคะ ไปนั่งพักทานขนมตรงต้นไม้ตรงนั้นดีหรือไม่เจ้าคะ?” เสี่ยวหงเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ
“ก็ดีนะ” ฉินเยี่ยน
ฉินเจียวเยี่ยนพินิจพิจารณามองดูคนตรงหน้าที่นิ่งสงบ ไม่โวยวายสิ่งใด ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ตามขณะที่เซียวชิงเฟิงมาสู่ขอนาง ฉินเยี่ยนฟางก็นิ่งเงียบ เพียงกล่าวคำยินดี แล้วก็อยู่เงียบ ๆ ที่เรือนของตน ครั้นมีข่าวลือที่ว่านางทำร้ายฉินเจียวเยี่ยน ก็ยินยอมให้บิดากักบริเวณตนเองภายในเรือน ไม่ออกนอกจวนไปที่ใดหรือว่า ฉินเยี่ยนฟางจะเป็นคนดีจริง ๆ ตามแบบฉบับของนางเอก?“เยี่ยนเอ๋อร์?” ฉินเยี่ยนฟางอุทานด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นน้องสาวต่างมารดา ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ แล้วเริ่มจุดธูปเทียน กล่าวอธิษฐาน ถวายเครื่องสักการะ และเผากระดาษเงินกระดาษทองที่นางแอบเตรียมมาด้วยเช่นกัน“ท่านแม่ของพี่หญิงก็เป็นท่านแม่ใหญ่ของข้าด้วยเช่นกัน”สองพี่น้องส่งยิ้มให้แก่กันเล็กน้อย ฉินเจียวเยี่ยนรู้สึกว่า รอยยิ้มของฉินเยี่ยนฟางในยามนี้ ดูบริสุทธิ์ ไร้เดียงสา จนทำให้นางไม่คาดคิดว่า สตรีปริศนานางนั้นจะเป็นฉินเยี่ยนฟางได้เลย“คุณหนูเจ้าคะ ไปนั่งพักทานขนมตรงต้นไม้ตรงนั้นดีหรือไม่เจ้าคะ?” เสี่ยวหงเอ่ยขึ้นขัดจังหวะ“ก็ดีนะ” ฉินเยี่ยน
อารามไป๋อวิ๋นบนยอดเขาฮัวซาน เป็นสถานที่ที่เงียบสงบและศักดิ์สิทธิ์ แต่เพราะต้องเดินทางออกจากเมืองหลวงหลายชั่วยาม จึงไม่ค่อยมีผู้คนมาสักการะมากเท่าใดแต่สาเหตุที่ฉินเยี่ยนฟางเลือกมาไหว้พระที่อารามไป๋อวิ๋น เพราะที่นี่เป็นอารามของตระกูลไป๋ ตระกูลมารดาของนางเป็นผู้สร้างขึ้นเพื่อสักการะ อีกทั้งผู้อาวุโสบางรายที่ต้องการความสงบในบั้นปลายชีวิต ก็ล้วนแต่เลือกมาปฏิบัติธรรมที่นี่ฉินเยี่ยนฟางและฉินเจียวเยี่ยนใช้เวลาประมาณหนึ่งเค่อจึงได้เดินขึ้นเขามาถึงหน้าประตูอาราม ทั้งสองได้กลิ่นหอมของธูปและได้ยินเสียงสวดมนต์ที่ดังแว่วลอยลมออกมาชุนเถาและชุนหลิ่วรีบส่งผ้าเช็ดหน้าให้ฉินเจียวเยี่ยนซับเหงื่อบนใบหน้า พลางช่วยจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย โดยเสี่ยวชิงและเสี่ยวหงก็ช่วยจัดเสื้อผ้าให้แก่ฉินเยี่ยนฟางด้วยเช่นกัน“เยี่ยนเอ๋อร์ เราเข้าไปสักการะพระพุทธรูปด้านในกันก่อนเถิด”ฉินเยี่ยนฟางเอ่ยชวน แล้วจึงเดินนำฉินเจียวเยี่ยนเข้าไปในโถงหลัก เตรียมจุดธูปเทียนเพื่อสักการะพระพุทธรูปด้วยความเคารพ ถวายดอกไม้ และกล่าวคำสักการะด้วยน้ำเสียงที่นุ่มละมุนฉินเจียวเยี่ยนเห็นเ
บรรยากาศในรถม้ากลับมาเงียบสงบ ฉินเจียวเยี่ยนจึงได้เอนตัวไปพิงริมหน้าต่าง เมื่อเห็นว่า รถม้าเคลื่อนออกมานอกเมืองหลวงแล้ว จนปรากฏภาพทิวทัศน์ธรรมชาติสองข้างทาง นางจึงได้แหวกม่านผืนหนาออกฉินเจียวเยี่ยนเอามือเท้าคางเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้านึกถึงข่าวสารที่ได้รับเมื่อไม่กี่วันก่อนจากเซียวชิงเฟิงว่า เขาได้สั่งกำลังคนเข้าไปกวาดล้างโจรที่หมู่บ้านฮัวซานเรียบร้อยแล้ว ขอให้นางเดินทางไปไหว้พระที่อารามไป๋อวิ๋นอย่างสบายใจนั่นหมายความว่า โจรเหล่านั้นก็ไม่สามารถลักพาตัวนางได้อีกต่อไปนอกจากนี้ หากสตรีปริศนานางนั้น ยังต้องการลักพาตัวนาง การที่นางไปติดต่อกลุ่มคนของเฟิงอ๋องก็จะเท่ากับเป็นการยอมให้ถูกจับแต่โดยดี โดยที่พวกนางไม่ต้องลงแรงตามหาตัวแต่อย่างใดแต่ผ่านมาจนถึงวันนี้ วันที่นางจะไปไหว้พระที่อารามไป๋อวิ๋นแล้ว เฟิงอ๋องก็ยังไม่มีการส่งข่าวใดมาเพิ่มเติม นั่นหมายความว่า สตรีนางนั้นไม่ได้ติดต่อกลุ่มโจรที่หมู่บ้านเชิงเขา...หรือนางจะไปติดต่อโจรกลุ่มอื่น?ไม่ได้การ คงต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิมฉินเจียวเยี่ยนเลื่อนมือไปลูบมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ในแ
“พี่หญิง!” ฉินเจียวเยี่ยนเอ่ยทักพี่สาวต่างมารดาที่กำลังยืนรอนางอยู่บริเวณหน้าประตูจวนซ่านเต๋อโหว โดยมีเสี่ยวหงและเสี่ยวชิงยืนอยู่ด้านหลังฉินเยี่ยนฟางยกยิ้มบาง เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงละมุน “เยี่ยนเอ๋อร์”“ข้านึกว่า พี่หญิงจะไม่ยอมให้ข้าไปเสียแล้ว” ฉินเจียวเยี่ยนสาวเท้าเข้ามาใกล้ แย้มยิ้มสดใส จนกลายเป็นภาพงดงามอยู่ตรงนั้นชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมาได้แต่หยุดยืนชื่นชมความงามของบุตรีแห่งจวนซ่านเต๋อโหว บุตรสาวคนโตได้รับการแต่งตั้งเป็นท่านหญิง พรั่งพร้อมด้วยความความสามารถและคุณธรรมจนได้รับฉายาไข่มุกแห่งเมืองหลวงส่วนบุตรสาวคนเล็กก็ได้รับการทาบทามสู่ขอ พร้อมพระราชโองการอภิเษกสมรสเข้าจวนเฟิงอ๋อง นับว่า เป็นวาสนาของจวนโหวที่แม้จะไม่มีบุตรชายสืบทอดตำแหน่ง แต่ก็มีบุตรสาวช่วยสร้างเกียรติยศให้“สองคุณหนูจวนซ่านเต๋อโหวช่างงดงามนัก ท่านหญิงหมิ่นดูงดงามราวกับภาพวาด อ่อนหวานละมุน อีกทั้งยังมากความสามารถ ช่วยแก้คดีในราชสำนักได้อีกด้วย”“ส่วนว่าที่พระชายาเฟิงอ๋อง คราวก่อน คงเป็นเพราะข่าวลือเป็นแน่ จึงได้เข้าใจผ
“อย่านะเพคะ หม่อมฉันเพิ่งหายปวดเอวไปเองนะเพคะ” ฉินเจียวเยี่ยนรีบจับมือซุกซนของอีกฝ่าย แม้ว่า เสื้อชุดนอกที่เริ่มหลุดลุ่ยไปบ้างแล้วก็ตามเซียวชิงเฟิงหรี่ตามอง เอ่ยเสียงต่ำ “เสี่ยวเยี่ยนดื้อเช่นนี้ ข้าคงต้องลงโทษบ้างแล้ว”ไม่ทันที่ฉินเจียวเยี่ยนจะเข้าใจสิ่งใด เซียวชิงเฟิงรวบข้อมือเล็กไปวางไว้เหนือศีรษะเล็ก หยิบเข็มขัดของนางมามัดข้อมือนางไว้ อีกปลายด้านหนึ่งก็ผูกกับเสาเตียง พันธนาการนางไม่ให้ปฏิเสธเขาอีก“ท่านอ๋อง!!”หัวใจของฉินเจียวเยี่ยนเต้นระรัว เพราะไม่คาดคิดว่า ว่าที่สวามีตรงหน้าจะเริ่มใช้อุปกรณ์ในการร่วมอภิรมย์กับนางโซ่ แส้ กุญแจมือ ต้องมีแล้วโซ่ แส้ กุญแจมือ?โซ่กับแส้ เขารู้จัก แต่กุญแจมือ... มันคือสิ่งใด? แล้วโซ่กับแส้ใช้ในการร่วมอภิรมย์อย่างไร?ไม่เป็นไร วันหน้าค่อยลองถามนางดู หากนางต้องการ เขาก็พร้อมที่จะตอบสนอง...เซียวชิงเฟิงไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป สองมือสากแหวกสาบเสื้อทั้งตัวนอกและตัวในของฉินเจียวเยี่ยนออกแสงสว่างจากภายนอกสะท้อนเข้ามา ยิ่งขับให้เขามองเห็นเ
ตั้งแต่มีพระชายาคนนี้ในอ้อมแขน เซียวชิงเฟิงรู้สึกว่า ตนมีที่ปรึกษาเพิ่มขึ้นมา เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด แม่นางน้อยคนนี้ก็มักจะวางแผนและคิดเผื่อเขาเสมออย่างเรื่องการค้าเมื่อครู่ เขาได้มาถึงตั้งนานแล้ว เพียงแต่รออยู่ที่หน้าห้อง เพื่อยืนฟังความคิดเห็นของนาง และฉินเจียวเยี่ยนก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังนางวางแผนการค้าได้อย่างเยี่ยมยอด ขยายฐานลูกค้าที่เขาเคยมองแต่บรรดาขุนนางที่ร่ำรวย มาเป็นขุนนางชั้นรองลงมาจนถึงพ่อค้า แม้ว่า แต่เดิม เหล่าขุนนางมักจะดูถูกพ่อค้า ว่า เป็นชนชั้นที่ต่ำศักดิ์แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า พ่อค้าต่ำศักดิ์เหล่านี้ครอบครองความมั่งคั่งมหาศาล ยังไม่นับถึงเส้นสายการค้าที่กว้างขวาง ต่างฝ่ายต่างถือว่า ตนมีดี จึงมักจะเกิดความบาดหมางระหว่างชนชั้นเป็นประจำขุนนางมีอำนาจในมือ ย่อมไม่ลดตัวไปทะเลาะเบาะแว้ง เพียงแต่เอ่ยคำเหยียดหยามและดูหมิ่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง ฝ่ายพ่อค้าที่ร่ำรวยก็อวดความมั่งคั่งด้วยการใช้จ่ายมือเติบต่อหน้าขุนนางนับว่า เป็นความบาดหมางที่หยั่งรากลึกในสังคมมาอย่างช้านานในครั้งแรก เขาก็กังวล หากเปิดให้ขุนนางและพ่อค้ามาใช้