นั่นจึงทำให้ชุนเถาต้องแอบชะเง้อออกมาจากทางด้านหลัง จึงได้เห็นเฟิงอ๋องนั่งนิ่งอยู่บนเตียงของฉินเจียวเยี่ยน
ใบหน้าคมคายที่ล้อมรอบด้วยเส้นผมสีดำถูกปล่อยสยายยาว ร่างกำยำในชุดอาภรณ์สีขาวชั้นในเพียงชุดเดียว อีกทั้งยังแหวกสาบเสื้อออก จนเห็นแผ่นอกหนาแน่นได้อย่างชัดเจน
โอย ข้ารู้สึกเหมือนเลือดกำเดาจะไหล
มุมปากของเซียวชิงเฟิงยกขึ้นสูง ยิ่งได้เห็นท่าทางของฉินเจียวเยี่ยนที่แสร้งเงยหน้า เพื่อหยุดเลือดกำเดาที่ไม่มีจริง มือเล็กสะบัดพัดวีไปมา เพิ่มความเย็นให้แก่ร่างกายอย่างรวดเร็ว
เปิดโอกาสให้เซียวชิงเฟิงเหลือบสายตามองสองสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ชุนเถาและชุนหลิ่วสะดุ้งสุดตัวกับไอสังหารที่แผ่มาอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะเข้าใจความหมาย ทั้งสองต่างรีบยอบกายถวายความเคารพแล้วล่าถอยออกจากเรือนอย่างรวดเร็ว
“ไปไหว้พระที่อารามไป๋อวิ๋นเป็นอย่างไร?” เซียวชิงเฟิงเอ่ยถามเสียงเรียบ ดวงตาดอกท้อทอประกายวิบวับ ไอสังหารเมื่อครู่เก็บกลับไปอย่างรวดเร็ว เขายกสองมือกางออกราวกับเชื้อเชิญให้ฉินเจียวเยี่ยนก้าวเข้าไปสู่กับดักเสน่หาที่เขาวางไว้อย่างยั่วยวน
ท่าน
หลี่ชิงหง… ไม่สิ ตอนนี้เหลือเพียงเสี่ยวหงแล้วเสี่ยวหงเดินมุ่งหน้าไปทางตำหนักข้าง เพื่อเฝ้าดูแลฉินเยี่ยนฟางตามแผนการเดิมที่วางไว้เซียวชิงเฟิงจึงได้เดินเข้ามาช่วยประคองฉินเจียวเยี่ยนไว้ในอ้อมแขน แล้วพานางเดินออกมา“ท่านได้ยินหมดแล้วใช่หรือไม่เพคะ?” ฉินเจียวเยี่ยนเงยหน้าถามด้วยดวงตาไร้เดียงสาเซียวชิงเฟิงครางในลำคอเบา ๆ “อืม”ฉินเจียวเยี่ยนเอียงคอ “ท่านไม่สงสัย หรืออยากถามสิ่งใดเลยหรือเพคะ?”“แล้วเจ้าอยากให้ข้าถามสิ่งใด?” มุมปากของเซียวชิงเฟิงยกสูง ดวงตาคมทอประกาย“ก็... พวกเจ้าคุยสิ่งใดกัน? มาจากที่ใด? ประมาณนี้เพคะ”“คนทุกคนย่อมมีความลับเป็นของตัวเอง หากสะดวกใจที่จะบอก เจ้าก็คงบอกข้าเอง แต่หากเจ้าไม่เต็มใจจะบอก ข้าก็จะช่วยเจ้าปิดจนสุดความสามารถ”ฉินเจียวเยี่ยน “???”เหตุใดจึงรู้สึกว่า ประโยคนี้ มันคุ้น ๆ หูกันนะ?เซียวชิงเฟิงยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยกมือไปแตะปลายจมูกโด่งนั้นเบา ๆ อย่างเอ็นดู “เจ้าเป็นคนพูดน
ฉินเจียวเยี่ยนนั่งยิ้ม นึกถึงเงินทองที่กำลังจะไหลเข้ากระเป๋าแล้วก็ยิ้มไม่หุบ ต่างจากอีกคนที่ยิ้มไม่ออก แม้ว่า เครื่องสำอางในมิติของหลี่ชิงหงจะมีเพิ่มเติมขึ้นมาอัตโนมัติ โดยที่เธอเองก็ไม่ได้เสียหายอะไรแต่อย่างไร ก็ไม่ชอบความรู้สึกที่ถูกหลอกใช้ หรือต้องทำงานฟรี ๆ แบบนี้อีกแล้วชาติที่แล้ว ก็แต่งหน้าใช้หนี้บุญคุณตากวงหัวล้าน ข้ามมิติมาเกิดใหม่ ยังต้องเป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางให้ยัยดาราโนเนมนี่อีก...หลี่ชิงหงแสดงความรู้สึกผ่านทางสีหน้าอย่างชัดเจน ทำให้ฉินเจียวเยี่ยนหลุดขำออกมาฉินเจียวเยี่ยนที่มีความใฝ่ฝัน อยากทำสิ่งใดด้วยตนเองมาโดยตลอด เหตุใดนางจึงไม่เข้าใจความคิดน้อยใจของหลี่ชิงหง? เพียงแต่ฉินเจียวเยี่ยนอยากเอาคืนหลี่ชิงหงบ้างก็เท่านั้น“เธอสนใจอยากเป็นหุ้นส่วนกับฉันไหมล่ะ?”หลี่ชิงหงเงยหน้าขึ้นมองหน้าฉินเจียวเยี่ยนทันที “เธอจะให้ฉันเป็นหุ้นส่วนเหรอ?”“ถ้าเธอไม่สนใจ ก็ไม่ปะ...”“สนสิ สน สน ฉันอยากเป็นหุ้นส่วนด้วย” หลี่ชิงหงพยักหน้าหงึกหงักราวกับลูกเจี๊ยบจิกข้าวเปลือกหากได
ฉินเจียวเยี่ยนก้มหน้ามองต่ำไปที่หลี่ชิงหง ซึ่งนั่งหมดท่าอยู่บนพื้นเย็น ความหวาดกลัวที่มีต่อเซียวชิงเฟิงยังคงฉายแววเด่นชัดในดวงตาเอาเถอะ จะกลัวก็ไม่แปลก ท่าทางของเฟิงอ๋องก็สมกับที่เป็นแม่ทัพหน้ากากเหล็กนั่นแหละนะคิ้วของเซียวชิงเฟิงขมวดมุ่น นี่ เขาทำให้นางกลัวไปด้วยหรือนี่?“ละ แล้วเธอจะเอายังไง? ฉันก็เล่าให้ฟังไปหมดแล้ว” หลี่ชิงหงแผดเสียงออกมาเมื่อครู่ เธอตกใจกลัวแทบตาย พระเอกของเรื่องนี่ โหดใช่ย่อยหลี่ชิงหงลืมไปเสียสนิทว่า เซียวชิงเฟิง คือ คนในยุคโบราณการฆ่าคนไม่ใช่เรื่องยาก ที่นี่ใช้ดาบจริงที่คมกริบ แตกต่างจากดาบปลอมพลาสติกเหมือนในกองถ่ายละครอาจจะเป็นเพราะเธออยู่กับฉินเยี่ยนฟาง นางเอกผู้ใจดีในจวนซ่านเต๋อโหวที่มีอำนาจเพียงแต่เปลือก ไม่ได้ซ่องสุมกำลังใด ๆ เป็นขุนนางที่สะอาดหมดจด จึงทำให้หลี่ชิงหงรู้สึกเหมือนได้ใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน เพียงแต่ลดสถานะทางสังคมลงก็เท่านั้นแต่พอมาวันนี้ วันที่ได้เจอแม่ทัพที่ออกรบในสงครามขึ้นมาจริง ๆ รังสีอำมหิตแผ่ซ่าน จนคนธรรมดาแบบเธอตกใจจนขวัญอ่อน ไม่มีเรี่
“เมื่อได้เวลา ฉันก็จะไปตามทุกคนมาเจอสภาพเฟิงอ๋องกับฉินเยี่ยนฟาง” หลี่ชิงหงยกยิ้ม “ถึงเวลานั้น เฟิงอ๋องก็ต้องรับฉินเยี่ยนฟางเป็นพระชายารองอย่างแน่นอน”ฉินเจียวเยี่ยนเลิกคิ้วอย่างท้าทาย “เธอมั่นใจได้ยังไงว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่เธอว่า?”หลี่ชิงหงหรี่ตา “เธอหมายความว่ายังไง?”“หลี่ชิงหง เธอเองก็อยู่ในกองละครตั้งแต่ต้นจนจบไม่ใช่เหรอ?” ฉินเจียวเยี่ยนเอียงคอถามด้วยดวงตาเปล่งประกาย เมื่อเจอช่องโหว่ของแผนการร้ายของคนตรงหน้าได้ “เธอไม่รู้หรือไง ว่า เฟิงอ๋องมีวิทยายุทธ์นะ กำยานแค่นั้น ปลุกเร้าเขาไม่ขึ้นหรอก”“ทำไม? ของเขาใช้การไม่ได้หรือไง?”ฉินเจียวเยี่ยนกลอกตามองบนใช้การไม่ได้อะไรล่ะ? ใช้การไม่หยุดหย่อนต่างหาก!!“ถ้ากำยานนั้นใช้การได้ คืนวันเกิดซ่านเต๋อโหว เฟิงอ๋องจะหนีไปได้หรือไง?”หลี่ชิงหง “!!!”บัดซบ!! เธอลืมไปเสียสนิทต้องบอกก่อนว่า เธออยู่ในกองละคร ตั้งแต่เริ่มเรื่องก็จริง แต่ด้วยความจำย
ฉินเจียวเยี่ยน “...”“ทำไมเธอถึงมองฉันอย่างนั้นล่ะ?” หลี่ชิงหงย้อนถาม “ลองเธอมาเป็นสาวใช้ของนางเอกแบบฉันไหมล่ะ? ชีวิตสาวใช้ บทเจ้านายจะตีตาย ก็ตายได้ง่าย ๆ โดยไม่รู้ตัว ยิ่งถ้าได้รู้ว่า ในอนาคต ฉินเยี่ยนฟางจะได้เป็นฮองเฮาแล้วด้วย เป็นเธอ เธอจะไม่ทำหรือไง”“จ้า จ้า แม่คนเก่ง” ฉินเจียวเยี่ยนฝืนชม “เล่าต่อสิ”หลังจากนั้น หลี่ชิงหงจึงสังเกตฉินเจียวเยี่ยนเป็นพิเศษ เพราะช่วงเวลาหนึ่งปีที่เธออยู่ที่นี่ ทำให้ได้เห็นพฤติกรรมเลวร้าย เอาแต่ใจ โง่เขลา ไร้คุณธรรมอย่างสิ้นเชิงของคุณหนูรองแห่งจวนโหวคนนี้เมื่อย้อนคิดถึงวันที่ไปเดินชมเทศกาล ที่ฉินเจียวเยี่ยนมาชวนฉินเยี่ยนฟางไปเที่ยวงานอย่างเป็นมิตร ทุกอย่างก็ยิ่งทำให้หลี่ชิงหงมั่นใจว่า ฉินเจียวเยี่ยนคือคนที่ข้ามมิติมาดังนั้น หลี่ชิงหงจึงจัดการฉินเจียวเยี่ยนตามเนื้อหาของละคร เริ่มจากปล่อยข่าวลือ สร้างความเสียหายให้แก่ฉินเจียวเยี่ยน หวังใจให้เซียวชิงเฟิงยกเลิกการสู่ขอนี่ซะแต่กลับกลายเป็นว่า เซียวชิงเฟิงมาถึงจวน เพื่อยืนยันการสู่ขอ พร้อมผลการตรวจดวง
“เรื่องอะไรล่ะ?” หลี่ชิงหงถามเสียงเบา“เริ่มตั้งแต่ที่เธอข้ามมิติมาเลย”หลี่ชิงหงจึงได้เริ่มเล่าเรื่องตั้งแต่ต้น...หลี่ชิงหงที่กำลังนั่งดูพวกเธอถ่ายละครในฉากสุดท้ายที่ผู้กำกับกวงกำหนดไว้ เป็นฉากที่ฉินเจียวเยี่ยนกำลังผลัดตกน้ำตามบท เพียงเธอกะพริบตา เธอก็ลืมตามาเห็นเรือนฉางเอ๋อของฉินเยี่ยนฟางฉินเยี่ยนฟางที่กำลังนั่งปักผ้าอยู่บนเก้าอี้ในเรือนเอ่ยเรียกขึ้น ‘เสี่ยวหง’เมื่อเห็นว่า เธอยังไม่ขยับ ฉินเยี่ยนฟางจึงเอ่ยเรียกอีกครั้ง ‘เสี่ยวหง...’หลี่ชิงหงที่กำลังมึนงง กลับถูกเสี่ยวชิงตีไหล่เบา ๆ เป็นการเรียกสติ ‘คุณหนูเรียกแล้ว เหตุใดเจ้าจึงไม่เข้าไปเล่า?’หลี่ชิงหงก้มหน้าเสื้อผ้าและผิวพรรณของตัวเอง จึงได้รับรู้ว่า ตัวตนตอนนี้ มันไม่ใช่ของเธอ ยิ่งเมื่อก้าวเท้าเข้ามาในเรือน ได้เห็นเงาตัวเองบนกระจกก็ยิ่งรู้ได้อย่างชัดเจนว่า เธอได้ข้ามมิติมาเป็นสาวใช้ของฉินเยี่ยนฟางเสียแล้วสาเหตุที่เธอไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร ก็เป็นเพราะละครเรื่องนี้เองก็เป็นเรื่องของตัวเอกที่ข้ามมิติมาเช่นกัน นอกจา