สองวันถัดมา
“พระสนมเพคะ มีคนมาเข้าเฝ้าเพคะ”
“อาจู ผู้ใดมางั้นหรือ”
“องค์หญิง ฮือ…”
“มี่อิน!! เจ้ามาแล้ว”
มี่อินน้ำตาอาบสองแก้มพร้อมกับทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าหลินเย่ทันทีเมื่อเห็นนางปลอดภัยดี
“มี่อินผิดต่อองค์หญิง มี่อิน….”
“ช่างเถอะ เจ้าปลอดภัยก็พอแล้ว”
“พระสนม กระหม่อมทำตามคำสั่งท่านอ๋อง พานางมาส่ง ขอทูลลา”
“ขอบคุณท่านมากหลงอี้”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าลุกขึ้นมาก่อนมี่อิน เป็นอย่างไรบ้าง ตลอดเวลาเดือนกว่านี้เจ้าคงลำบากน่าดูเลยเจ้าไปยู่ที่ใดมา”
มี่อินหันมองซ้ายขวาซึ่งบัดนี้ไม่มีผู้ใดอยู่แล้วนางจึงกระซิบบอก
“องค์หญิง หม่อมฉันไม่ได้ถูกขังและไม่ได้ถูกทรมานอะไรเลยเพคะ ท่านอ๋องให้หม่อมฉันไปอยู่เรือนท้ายสวน มีองครักษ์คอยเฝ้าอยู่เท่านั้น และยังสามารถเดินออกไปตลาดเพื่อซื้อของกินของใช้ได้ ท่านอ๋องให้คนดูแลหม่อมฉันอย่างดีเพียงแค่ไม่อนุญาตให้มาพบองค์หญิงเท่านั้นเพคะ”
“เหตุใดเขาทำเช่นนั้น”
“หม่อมฉันก็ไม่ทราบเพคะ องค์หญิง หรือว่าเราจะเข้าใจท่านอ๋องผู้นี้ผิด”
หลินเย่ถอนหายใจยาวพร้อมกับเดินออกไปดู นางพบว่าไม่มีผู้ใดคอยเฝ้าอยู่ นางจึงหันกลับมานั่งคุยกับมี่อินถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตำหนักอ๋องแห่งนี้
“เช่นนั้น….พวกเราก็แก้แค้นผิดคนสิเพคะ”
“ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ ท่านพี่อยู่ชายแดนแท้ๆแต่กลับยังไม่ได้ข่าว เกรงว่าเรื่องนี้คงจะเร่งด่วนจริงๆพวกเราถึงไม่รู้ และช่วงที่เขากำจัดหยวนซื่ออ๋องไปก็คือช่วงที่เราอยู่ระหว่างทางที่จะมาที่นี่”
“แย่แล้วพระสนม หากว่าพวกเขาทราบว่าพวกเรา….ไม่ใช่องค์หญิง”
“นี่คือสิ่งที่ข้ากำลังคิดอยู่ พวกเราต้องหาทางหนีออกไป”
“หนีงั้นหรือเพคะ แต่ตำหนักแน่นหนาเพียงนี้ จะหนีออกไปเช่นไร”
“มี่อิน ระหว่างที่เจ้าอยู่ข้างนอก เจ้า..รู้จักเส้นทางดีแล้วใช่หรือไม่”
“ใช่เพคะ หม่อมฉันรู้จักดี รวมถึงพวกแม่ค้าในตลาดด้วยเพคะ แต่กว่าจะออกจากตำหนักอ๋องนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะเพคะ”
“นอกจากจะต้องวางแผนกันใหม่”
“มีวิธีหรือไม่เพคะ”
“แผนเอาน้ำเย็นเข้าลูบ”
“พระสนม พระองค์กับท่านอ๋องเกลียดกันเสียขนาดนั้น แล้วท่านอ๋องจะเชื่อใจท่านหรือเพคะ”
“หากเขาจะฆ่าข้า คงทำไปนานแล้ว เป้าหมายของเขาไม่ได้อยากฆ่าข้า แต่ว่าเป็น…แก้แค้นให้คนรักของเขา”
“พระสนม แต่ว่าท่านกับท่านอ๋อง แต่งงานร่วมหอกันแล้วนะเพคะ”
"ข้า…ไม่นึกสนใจพรหมจรรย์และเรื่องครั้งแรกอะไรนั่นหรอก เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ เรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ชีวิตทั้งชีวิตเราสำคัญกว่า”
“หลงอี้บอกหม่อมฉันว่า ท่านอ๋องผู้นี้หลังจากรับท่านเป็นพระสนมก็มิได้รับผู้ใดเข้ามาในตำหนักอีก หรือว่าท่านอ๋องอาจจะไม่ได้คิดแก้แค้นพระองค์เพคะ”
“ไม่ได้รับผู้ใด หึ แต่มีสตรีเข้าหาไม่หยุดหย่อนทั้งบุตรขุนนางและน้องสาวคนรักเก่าและที่ข้ายังไม่เห็นอีกเล่า เจ้าอย่าได้หลงเชื่อคำพวกเขา องครักษ์ของเขาก็ไม่ต่างกันหรอก”
“ไม่นะเพคะ หลงอี้คอยช่วยข้าตลอดเวลาที่ข้าอยู่ที่นอกเมืองนั่น เขาคอยบอกข้าว่าให้รอพระองค์ อย่าทำให้ตัวเองป่วยหม่อมฉันก็เลยเชื่อเขา สุดท้ายเขาก็ทำตามสัญญา”
หลินเย่หันไปมองหน้าสาวใช้ที่หน้าแดงนิดๆเมื่อพูดถึงองครักษ์หนุ่มเมืองฉีโจวของเฟิ่งอ๋อง นี่ไม่ใช่ว่านางหลงรักหลงอี้เข้าแล้วสินะ
“เอาเถอะ เรื่องนี้เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลัง ตอนนี้ที่นี่คนที่พอจะไว้ใจได้คืออาจู นางคอยดูแลข้าตลอดตอนอยู่ที่นี่ แต่เจ้าจำเอาไว้ เรื่องใดที่ไม่ควรพูดเราก็อย่าพูด”
“เพคะพระสนม หม่อมฉันระวังให้มากเพคะ”
ห้องทรงงานท่านอ๋อง
หลินเย่พร้อมกับอาจูที่ยกของบางอย่างเข้ามาเมื่อเขาได้ยินองครักษ์มาแจ้งว่าพระสนมมาขอเข้าเฝ้าเขาจึงยอมอนุญาต แต่ไม่คิดว่านางจะนำของบางอย่างมาด้วย
“นี่คืออะไร”
“น้ำแกงเพคะ หม่อมฉันทำมาถวายพระองค์”
“พระสนมคงไม่ใส่ยาพิษให้ข้าหรอกใช่หรือไม่”
“หึ หม่อมฉันเป็นคนทำอะไรเปิดเผย เรื่องชั่วอย่างใส่ยาพิษในอาหารให้คนกินไม่ใช่วิธีที่หม่อมฉันใช้เพคะ”
“ดูเหมือนว่าเจ้าอยู่ในวังนี้นานมากพอที่จะเรียนรู้มารยาทในการพูดได้ดีขึ้นแล้วนี่ ยกเข้ามาสิ”
อาจูยกน้ำแกงนั้นวางบนโต๊ะ นางกำลังจะเปิดและตักใส่ชามแต่ถูกท่านอ๋องห้ามเอาไว้
“เจ้าออกไปเถอะ ไม่ต้องตัก”
หลินเย่หันมามองหน้าเขาด้วยความแปลกใจ นี่เขาคงไม่คิดระแวงถึงขนาดจะสั่งคนตรวจพิษก่อนที่จะกินหรอกใช่หรือไม่
“ท่านอ๋องคงไม่คิดว่าหม่อมฉันจะใส่ยาพิษลงไปจริงๆใช่หรือไม่เพคะ”
“เปล่า ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย”
“แล้วเหตุใดพระองค์ถึงไม่ให้อาจูตักถวายเล่าเพคะ”
“เพราะนั่น…คือหน้าที่ของเจ้าอย่างไรเล่าพระสนม”
“ท่านว่าอะไรนะ”
เขาพูดและเดินหันหลังไปนั่งที่โต๊ทรงงานเพื่อรอให้นางตักน้ำแกงให้
“เจ้าฟังไม่ผิดหรอก เจ้าน่ะ ตักน้ำแกงมาให้ข้า”
หลินเย่หลับตาข่มอารมณ์โมโหเอาไว้ เขาจงใจจะแกล้งนางสินะ แต่นางตั้งใจต้มน้ำแกงนี่มาเพื่อขอบคุณเขาที่ยอมปล่อยมี่อินออกมา เช่นนั้นนางก็จะยอมทำตามใจเขาสักวัน
นางเดินไปตักน้ำแกงที่ต้มเองกับมือและเดินนำไปวางข้างๆเขาซึ่งตอนนี้กำลังเขียนแผนงานบางอย่างอยู่ที่โต๊ะ ราชกิจของท่านอ๋องดูเหมือนจะยุ่งมากจริงๆ ซึ่งนางก็เข้าใจว่าคงเป็นเพราะเป็นช่วงผลัดเปลี่ยนแผ่นดินที่เปลี่ยนผู้ปกครองเมือง
สายตาของเขายังคงอ่านรายงานอย่างไม่ลดละ ทำเอาผู้ที่แอบมองนั้นรู้สึกชื่นชม ใบหน้าของเขาเมื่อมองด้านข้างเช่นนี้ยิ่งมองก็ยิ่งน่ามองมากจริงๆ
“นี่น้ำแกงของพระองค์เพคะ”
เขาไม่ได้หันมามองหน้านาง เพราะตาของเขายังอ่านรายงานที่ส่งมาในตอนเช้า และพูดสั้นๆอย่างไม่ได้ใส่ใจ
“ป้อนข้าสิ เจ้าอยากขอบคุณข้าเรื่องสาวใช้ของเจ้าสินะ”
“อะไรนะ ป้อน!! นี่ท่าน!!….”
“หากไม่ทำก็ออกไปอย่ามากวนข้าอยู่ตรงนี้”
“แต่ข้า…หม่อมฉันมีเรื่องจะทูลขอ”
“เรื่องอันใด”
“หม่อมฉันอยากออกไปเดินเล่นที่ตลาดข้างนอก”
มือที่เปิดอ่านรายงานอยู่ชะงักลงทันทีพร้อมกับเสียงถอนหายใจ เขาคิดเอาไว้แล้ว หากว่านางได้ตัวสาวใช้นางคืน แผนต่อไปคงต้องขอออกไปสำรวจเส้นทางเป็นแน่ แต่แค่นึกไม่ถึงว่าจะรวดเร็วเช่นนี้
“เจ้าจะออกไปทำไม”
“ข้า…หม่อมฉันเบื่อเพคะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาอยู่แต่ในตำหนักตลอด ไม่เคยออกไปพบผู้คนข้างนอกเลย ไม่รู้ว่าฉีโจวงดงามเพียงใด แต่หากว่าท่านอ๋องคิดว่าหม่อมฉันขอมากไปก็ไม่เป็นไรเพคะ”
“ป้อนข้าสิ”
“ท่านอ๋องตรัสว่าอะไรนะเพคะ”
“ป้อนน้ำแกงนั่นก่อนแล้วค่อยมานั่งคุยกัน”
“พระองค์จะอนุญาต?”
“เปล่า แค่จะลองไตร่ตรองดูเท่านั้น”
หลินเย่ถอนหายใจยาวจนเขาได้ยิน นางคงโกรธเขาจนหูตาลายแล้วกระมังที่เขายั่วโมโหนางเช่นนี้ แต่เขาก็อยากวัดความอดทนของบุตรสาวแม่ทัพใหญ่เสียหน่อยว่านางจะอดทนได้ถึงขนาดไหน
มือนั้นหยิบน้ำแกงขึ้นมาตัก กลิ่นนั้นหอมชวนให้เขาหิวเสียจริงๆแม้ว่ายังไม่ได้ลองชิมก็รู้ว่าอร่อย นางตักขึ้นมาพร้อมกับเป่าให้หายร้อน เขาลอบกลืนน้ำลายลงคอเบาๆเมื่อเหลือบไปมอง ไม่รู้ว่าคนหรือน้ำแกงที่น่ากินกว่ากัน
“น้ำแกงเพคะ”
ท่านอ๋องหันไปกินน้ำแกงนั้น เขาคิดไม่ผิด น้ำแกงนี้ทั้งหอมและหวานน้ำต้มกระดูก นางมีฝีมืออยู่ไม่น้อยหากว่านางเป็นผู้ลงมือทำเองอย่างที่นางพูดจริง
“เป็นอย่างไร…..บ้าง….เพคะ”
“อืม ก็ดี”
“เช่นนั้นก็..”
“ป้อนให้หมด”
“แต่ว่า…”
“พระสนมคงไม่อยากออกไปนอกวังแล้วสินะ”
งานอภิเษกองค์หญิงจินลั่วเฟยงานอภิเษกยิ่งใหญ่ดังคำประกาศที่ฝ่าบาทได้แจ้งเอาไว้จริงๆ บัดนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงของชุนฮัวต่างพากันตกแต่งซุ้มดอกไม้และประดับธงมงคลทั่วทุกบ้าน และทางวังหลวงยังจัดให้มีขบวนรถม้าเพื่อแห่ขบวนคู่บ่าวสาวของราชวงศ์ตามธรรมเนียมของชุนฮัวด้วยเช่นกันบ่าวสาวในชุดสีขาวบริสุทธ์ปักด้วยเพชรและทองทั้งตัวจากช่างฝีมือดีของในวังที่เพียรตัดชุดนี้ขึ้นมาอย่างประณีต องค์ชายฟงเจ้าหนานจับมือองค์หญิงจินลั่วเฟยขึ้นรถม้าที่ประดับด้วยดอกไม้พร้อมกับรับตะกร้ามาจากสาวใช้ ในนั้นบรรจุแผ่นทองเต็มสองตะกร้า เพื่อให้ทั้งคู่โปรยแจกราษฎรในเมืองหลวงระหว่างที่ขบวนแห่เริ่มออกจากวังหลวง“ข้าน่าจะมาแต่งที่ชุนฮัวบ้างนะ พิธีการของที่นี่ช่างน่าสนใจยิ่งนัก”“พระองค์อยากแต่งที่ชุนฮัวหรืออยากได้พระสนมที่ชุนฮัวเพิ่มเพคะ”“เปล่านะๆ ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าอย่าเข้าใจข้าผิด เจ้าดูสิ พวกเขานั่งรถม้าโบกมือให้ประชาชนที่มารอร่วมยินดีกับพวกเขาทั้งสองข้างทาง ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่งนัก ในฉีโจวเราไม่มีพิธีแบบนี้เกิดขึ้นเลยสักครั้ง”“ชุนฮัวเป็นเช่นนี้มานานแล้วเพคะ เพียงแต่ว่านานๆถึงจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เหล
แคว้นชุนฮัว“หลินเย่ ถึงแล้ว”“จื่อหลิง เหตุใดจึงหนาวเช่นนี้เพคะ”“ตอนนี้ชุนฮัวคงเริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว มาเถอะ ข้าจะสวมเสื้อคลุมกับถุงมือให้”“ขอบพระทัยเพคะ”“หลินเย่ พี่เฟิ่งพวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง”“อ้อ เจ้าหนานหลินเย่คงไม่ค่อยชินเท่าไหร่น่ะ เห็นบ่นว่าหนาวลั่วเฟยล่ะ”“พานางไปดื่มชาร้อนด้านในก่อนเถอะ ลั่วเฟยบอกให้กข้ามารับพวกท่านเข้าไปด้านในก่อน อีกห้าสิบลี้กว่าจะถึงชุนฮัว ต้องพักที่นี่ก่อน”“ได้สิ อีกเดี๋ยวข้าจะตามเข้าไป แล้วเนี่ยฝานกับลั่วเจินเล่า”“พวกเขาเข้าไปแล้วขอรับ”“ได้ เช่นนั้นข้าจะรีบพาหลินเย่ตามเข้าไป”“ได้ขอรับ”“หลินเย่ ไหวหรือไม่”“จื่อหลิง หนาวจังเลยเพคะ หม่อมฉันไม่อยากออกไปเลย”“มาเถอะ ข้าพยุงเจ้าไปเองนะ ลั่วเฟยให้เจ้าหนานมาตามเราเข้าไปด้านใน อยู่ตรงนี้จะหนาวนะ ไปเถอะหลินเย่ค่อยๆเดินออกมาด้านนอกรถม้าที่จอดอยู่หน้าโรงเตี๊ยมก่อนถึงแคว้นชุนฮัว นางเดินลงจากรถม้าและรีบโผเข้ากอดเฟิ่งอ๋องทันทีเพราะความหนาวเย็นเขาพยุงนางและพาเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่คนที่เหลือนั่งดื่มชารออยู่ ลั่วเฟยเมื่อเห็นหลินเย่เดินเข้ามาจึงรีบนำเตาอุ่นมือวิ่งเอาไปให้นาง“หลินเย่ นี่เตาอุ่นมื่อ เจ้าอุ้มเอ
“พี่หญิงข้าจะรีบไปรีบกลับนะเจ้าคะ ท่านอยู่ที่นี่ต้องดูแลตัวเองด้วยนะเจ้าคะ”“ไปเถอะเจ้าไม่ต้องห่วงข้ากับท่านพ่อนะ เที่ยวให้สนุก”“แม่ชีหลาน ไว้พบกันวันขึ้นเขานะ”“ขอบคุณท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”ท่านอ๋องหันไปมองหน้าสหายที่ตะโกนบอกกับหลานผิงอันอยู่ข้างรถม้าของเขา เฟิ่งจื่อหลิงรู้สึกว่าท่าทีของสหายข้างๆแปลกไป หลายวันมานี้เขาขอตัวไปเฝ้าและรับอาสาส่งยาของท่านหมอไปที่จวนสกุลหลานนอกเมืองและมักจะหายไปหลายชั่วยามในแต่ละวัน“เจ้าจะรอจนนางกลับไปบำเพ็ญเพียรก่อนจึงจะยอมบอกความรู้สึกหรืออย่างไร”“ท่านอ๋อง พระองค์ทรงตรัสอะไรพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพียงแต่....”“อย่ามาใช้คำพวกนี้กับข้า เป็นสหายกับเจ้ามาหลายปี มาตอนนี้จะมาเรียกข้าเช่นนี้ บอกข้ามาเจ้ากำลังตกหลุมรักเข้าแล้วสินะ”“จื่อหลิงเจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล ข้าน่ะ...”“พี่ใหญ่ ท่านพี่ พวกท่านคุยอะไรกันอยู่เพคะ”“อ้อ...หลินเย่ข้ามีอะไรจะบอกเจ้าด้วย คือว่า..”“ก็ได้ๆ เฟิ่งจื่อหลิงเจ้าคนเจ้าเล่ห์ ข้ายอมรับ เจ้าอย่าพึ่งบอกหลินเย่นะ นางหวงหลานผิงอันยิ่งกว่าผู้ใดเสียอีก”“เรื่องนี้น้องรองของเจ้าก็รู้สินะ”“ใช่ นางรู้”“แล้วเหตุใดให้หลินเย่รู้ไม่ได้เล่า”“น้องสามไม่เหมื
“หม่อมฉันเองก็มีความสุขมากเพคะ ที่พวกเราอยู่กันพร้อมหน้าเช่นนี้ เสียดายที่ท่านพ่อหลานมาไม่ได้”“ใต้เท้าหลานคงต้องรักษาตัวอีกสักพัก เขาตามไปอยู่ที่วัดกับแม่ชีหลานอาจจะทำให้สภาพจิตใจของเขาดีขึ้นมาก็เป็นได้”“ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเพคะ”พวกเขาเข้ามาร่วมวงสนทนาเป็นวงใหญ่เมื่อท่านอ๋องและพระชายามาร่วมด้วยทำให้กลุ่มของพวกเขาเสียงดังกว่าผู้ใดในงานเลี้ยงจนเป็นที่จับตามอง“องค์ชาย หากว่าท่านกลัวว่าฝ่าบาททของชุนฮัวไม่ยกองค์หญิงให้ เช่นนั้นข้าจะเป็นตัวแทนฝ่ายเจ้าบ่าวไปสู่ขอให้ท่านดีหรือไม่”“ท่านอ๋อง พระองค์ตรัสจริงหรือไม่เรื่องนี้กล่าวเล่นๆไม่ได้นะเพราะข้าจริงจังมาก”“ข้าไม่ได้กล่าวเล่นๆ ในเมื่อช่วยให้พวกท่านสมหวังได้เหตุใดจึงจะช่วยไม่ได้กันเล่า ถือโอกาสพาหลินเย่กลับไปเยี่ยมบ้านด้วย ใช่หรือไม่เนี่ยฝาน”“ดี ยอดเยี่ยม ขบวนรถม้าครั้งนี้คงราวกับคาราวานขนส่งสินค้าข้ามแดนเลยกระมังดูจากผู้ที่ร่วมเดินทางแล้วมีมากเหลือเกิน”“เป็นหน้าที่ท่านกับหลงอี้แล้วล่ะที่ต้องดูแลพวกเราตอนเดินทาง ว่าอย่างไรองค์ชายฟงเจ้ายังกลัวอยู่หรือไม่”“หากว่าท่านอ๋องเอ่ยปากขนาดนี้ มีทุกคนช่วยพูด ข้าเชื่อว่างานนี้ฝ่าบาททไม่ยอมก็ต้
งานแต่งตั้งพระชายาท่านอ๋องชุดสีแดงสลับขาวปักเลื่อมลายนกยูสีทองบนฉลองพระองค์พร้อมกับเครื่องประดับสีทองถูกสวมลงบนเรือนร่างของพระสนมหยางหลินเย่ เมื่อเกี้ยวจอดอยู่หน้าตำหนักเพื่อมารับพระสนมไปที่ท้องพระโรงเพื่อทำพิธีแต่งตั้งพระชายา “เมื่อขึ้นเกี้ยวนี้ไปกลับเข้ามาอีกครั้งต้องเป็นพระชายาแล้วนะหลินเย่ เจ้าต้องจำเอาไว้ว่าภารกิจหลังจากนี้เจ้ากับท่านอ๋องต้องร่วมใจกันทำเพื่อชาวฉีโจว”“เจ้าค่ะพี่รอง พี่ใหญ่เล่าเพคะ”“พวกเขาไปรออยู่ที่ท้องพระโรงแล้ว เหลือข้ากับผิงอันรอส่งเจ้าที่ตำหนัก”“พี่หญิง”“น้องพี่…วันนี้เจ้างดงามมากจริงๆ ใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดีเชื่อใจและมั่นใจในกันและกัน เจ้ากับท่านอ๋องคือคู่ที่สวรรค์ลิขิต ไปได้แล้วข้ากับลั่วเจินจะไปรอเจ้าที่ท้องพระโรง”“เจ้าค่ะ”หยางหลินเย่เดินขึ้นเกี้ยวอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นพระราชพิธีเพื่อแต่งตั้งนางขึ้นเป็นพระชายา ชุดแดงขาวปักนกยูงสีทองยางลากพื้นเมื่อนางเดินถือหนังสือแต่งตั้งสีทองเดินขึ้นยังท้องพระโรงด้านในนั้นมีเฟิ่งอ๋องที่สวมชุดสีเดียวกันกับนางนั่งที่ประทับรออยู่แล้วเพื่อสวมรัดเกล้าพระชายาให้กับพระชายา เมื่อเดินไปยังหน้าพระที่นั่งที่รายล้อมไปด้วยเหล่าข
หลินเย่กลับมาที่ห้องบรรทมอีกครั้งในตอนค่ำเพื่อเสวยมื้อค่ำกับท่านอ๋อง ซึ่งตอนนี้ทำท่านั่งโกรธอยู่ที่โต๊ะเสวยพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉยอย่างที่เขาเคยทำเมื่อเริ่มโกรธ“ท่านอ๋องเพคะ เนื้อไก่นี่อร่อยนะเพคะ พระองค์ลองชิมดูเพคะ”เขาทำเพียงแค่มองและขยับเนื้อไก่นั้นเอาวางไว้ริมชาม คนที่ตักให้ถึงกับขำกับท่าทางของคนตัวโตตรงหน้าที่งอนราวกับเด็กๆพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตากินโดยไม่สนใจนาง“ท่านอ๋อง…..”“จื่อหลิง….”หลินเย่งัดไม้ตายสุดท้ายมาเมื่อนางขยับตัวเข้ามาใกล้เขาและจงใจใช้อกอวบแน่นนั้นบดเบียดแขนของเขาอย่างจงใจจนคนที่ถูกยั่วนั้นใบหูเริ่มแดงขึ้น“ท่านพี่….ไม่สนใจหม่อมฉันจริงหรือเพคะ”คำว่า “ท่านพี่” ของนางเกือบทำให้เขาใจอ่อน แม้ว่าจะรีบยกชามข้าวขึ้นมาบดบังรอยยิ้มนั้นเกือบไม่ทันแต่ไม่นานเขาก็กลับมาตีหน้าเฉยชาอีกครั้ง“ข้าจะกินข้าว”“หม่อมฉันคิดว่าพระองค์อยากจะกิน….อย่างอื่นเสียอีก…เฮ้อ เช่นนั้นก็เชิญพระองค์เสวยไปก่อนเถิดเพคะ หม่อมฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน”“จะ…เจ้าไม่กินหรือ…”เสียงที่เริ่มสะอึกเพราะคำว่า “อาบน้ำ” ที่นางบอกทำให้คนฟังคิดไปไกลจนเตลิดแต่ยังไม่เท่ากับสิ่งที่นางกำลังจะทำ“ใช่เพคะ วันนี้ร้อนอบอ้าว