LOGINปาร์ตี้ริมสระน้ำยามค่ำคืน
หลังจากการเก็บของและพักผ่อนช่วงสั้น ๆ ทีมงานก็มารวมตัวกันที่บริเวณสระน้ำส่วนกลางของรีสอร์ทเพื่อรับประทานอาหารเย็นและจัดงานปาร์ตี้ต้อนรับเล็กๆบรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงเพลงเบา ๆ
จารวีเลือกสวมชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าสีขาวเรียบ ๆ เพื่อให้ดูสุภาพที่สุด ทว่าสรีระที่เย้ายวน ของเธอก็ยังคงโดดเด่นท่ามกลางแสงไฟสลัว
เมฆินทร์ มาถึงปาร์ตี้ในชุดเสื้อโปโลสีดำเข้ารูปและกางเกงสีขาว เขาดูผ่อนคลายแต่ก็ยังคงมีออร่าของผู้นำ เขานั่งอยู่ตรงโต๊ะยาวที่ถูกจัดไว้สำหรับผู้บริหาร
เขาเก็บอาการได้ดี พยายามพูดคุยกับพนักงานและดูเป็นกันเองตามปกติ แต่ดวงตาของเขาตามติดหญิงสาวอยู่ตลอดเวลา
เธอพยายามนั่งใกล้ๆกับพนักงานหญิงคนอื่น ๆ แต่ก็ไม่วายถูกเมฆินทร์เรียกใช้งาน
"คุณจารวีครับ! รบกวนช่วย หยิบไวน์ขาว ขวดนั้นมาให้ผมหน่อยครับ"
เมฆินทร์สั่งด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่เป็นการสั่งให้เธอต้องเดินผ่านโต๊ะของเขาไป
ขณะที่หญิงสาวเดินผ่าน เขาก็จงใจยื่นขาออกมาเล็กน้อย ทำให้เธอต้องชะงักและเอนตัวเข้ามาใกล้เขา อย่างไม่ได้ตั้งใจ
"ขอโทษครับ" เมฆินทร์กระซิบเบาๆ พลางใช้สายตาสำรวจ ร่างกายเธอจากด้านบนลงด้านล่างอย่างเปิดเผย
เธอรีบถอยห่างออกมาแล้วเดินไปที่ตู้แช่ไวน์อย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น เบียร์ก็เดินเข้ามาในงานปาร์ตี้ในชุดเสื้อฮาวายและกางเกงขาสั้น ดูสดใสและเป็นกันเองยิ่งกว่าเดิม
เบียร์เห็นจารวีกำลังลังเลอยู่หน้าตู้แช่ไวน์ เขาก็เดินตรงเข้ามาหาเธอทันที
"อ้าว! คุณจี๊ด ยังเลือกไม่ถูกเลยเหรอครับ? ให้ผมแนะนำไหม? ที่นี่ไวน์ขาวตัวนี้ดีที่สุดครับ"
เบียร์ยิ้มอย่างเป็นมิตร แล้วเอื้อมมือไปแตะที่ข้อศอกของจี๊ดเบาๆเพื่อนำทางเธอไปยังขวดไวน์
"ขอบคุณค่ะคุณเบียร์"
จารวีตอบอย่างโล่งใจที่ได้รับความช่วยเหลือ
เบียร์ยิ้มกว้าง สายตาของเขาแสดงความสนใจในตัวเธออย่างชัดเจน
"ไม่ต้องเรียกคุณเบียร์หรอกครับ...เรียกพี่เบียร์ ก็ได้ครับ"
เมฆินทร์ที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ ใบหน้าของเขาแข็งทื่อไปชั่วขณะ แต่เขาก็ระงับอารมณ์เอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว
เขาลุกขึ้นยืนช้าๆแล้วเดินตรงไปยังทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มที่เป็นทางการ
"ขอบคุณเบียร์มากครับที่ช่วยเลือกไวน์" เมฆินทร์พูดด้วยน้ำเสียง นิ่งและสุภาพแล้วคว้าขวดไวน์ จากมือของหญิงสาวไปถือไว้เอง
"แต่เรื่องการบริการ... ให้ทีมงานของผมจัดการเองดีกว่าครับ"
เมฆินทร์ยืนข้างจารวีโดยเว้นระยะห่างเล็กน้อย แต่สายตาของเขากลับจ้องเบียร์อย่างไม่วางตา
เบียร์ยิ้มอย่างท้าทาย "ครับคุณเมฆินทร์... ผมก็หวังว่าจะได้มีโอกาสดูแลคุณจี๊ดบ้าง ในฐานะเจ้าของสถานที่... เพื่อให้เธอได้รับความสะดวกสบายสูงสุด"
เบียร์ยื่นแก้วค็อกเทลสีสวยให้กับหญิงสาว "อันนี้สำหรับคุณจี๊ดนะครับ..."
เมฆินทร์มองแก้วค็อกเทลในมือจารวี แล้วมองเบียร์ด้วยรอยยิ้มที่ฝืนเอาไว้
เธอรู้สึกได้ถึงกระแสไฟฟ้าความตึงเครียดที่มองไม่เห็นระหว่างผู้ชายสองคน
"ขอบคุณมากครับคุณเบียร์"
เมฆินทร์พูดเสียงเรียบ
"คืนนี้สนุกมากครับ!"
เมฆินทร์หันไปมองจารวี สายตาของเขาเย็นชาลงทันที
"คุณจารวี... คุณมากับผม... ผมต้องการดูเอกสารสำคัญของพรุ่งนี้ที่ห้องผมเดี๋ยวนี้" เขาไม่ถาม แต่เป็นคำสั่งที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ
เมฆินทร์เดินนำเธอออกจากวงปาร์ตี้ทันที โดยไม่รอให้เธอตอบ ทิ้งให้เบียร์ยืนมองตามด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจว่าเขาได้กระตุ้นอารมณ์บางอย่างของผู้อำนวยการคนนี้เข้าแล้ว...
ที่ห้องพักส่วนตัว
จารวีเดินตามเมฆินทร์มาอย่างรวดเร็ว เธอถือแฟ้มเอกสารที่แทบจะว่างเปล่ามาด้วย เมื่อเข้ามาในห้อง Executive Suite ที่หรูหราของเมฆินทร์ เขาก็ปิดประตูลงอย่างแรง!
<ปัง!>
เมฆินทร์เดินตรงไปที่ตู้เย็น หยิบไวน์ขาวที่เขาเพิ่งให้เธอไปเอามาเทใส่แก้ว แล้วกระดกมันลงคออย่างรวดเร็วเพื่อดับไฟอารมณ์ที่กำลังเผาไหม้เขาอยู่
"เอกสารอยู่ไหน" เมฆินทร์ถามเสียงต่ำ
จารวียื่นแฟ้มให้เขาอย่างสั่น ๆ "อยู่ที่แฟ้มด้านบน... จี๊ดทำสรุปคร่าวๆไว้แล้วค่ะ"
เขาปัดแฟ้มนั้นทิ้งไปบนโซฟาอย่างไม่ไยดี เดินตรงเข้ามาหาเธอทันที!
"เธอคิดว่า พี่เรียกเธอมาดูเอกสารตอนสี่ทุ่มกว่าๆที่รีสอร์ทนี่จริงๆเหรอ...!"
"พี่ไม่ได้ต้องการดูเอกสาร! พี่ต้องการให้เธอหยุดยิ้มให้ ไอ้เบียร์เดี๋ยวนี้!"
เมฆินทร์ยอมรับความรู้สึกหึงหวงออกมาอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรกโดยไม่รู้ตัว!
"พี่เมฆ! พี่ไม่มีสิทธิ์สั่งจี๊ดนะคะ! เขาเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ! เขาดูสุภาพกว่าพี่เป็นร้อยเท่า!" จารวีเงยหน้าขึ้นเถียงอย่างกล้าหาญ
เมฆินทร์ยิ้มอย่างเจ็บปวด "สุภาพเหรอ? สุภาพที่เขาใช้คำพูดทำท่าจีบเธออย่างเปิดเผยต่อหน้าทุกคนนี่นะ! สิทธิ์เหรอ? สิทธิ์ที่เธอทิ้งค่าบ้าๆ ไว้บนหัวเตียงคืนนั้น... หรือสิทธิ์ที่พี่...รู้จักทุกส่วนของร่างกายเธอดีกว่าไอ้หน้าอ่อนนั่นน่ะ!"
เขาดึงเธอเข้าหาตัวอย่างรุนแรง... จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
"พี่ไม่สนว่าเขาจะเป็นใคร...ทุกส่วนของเธอเป็นของพี่เข้าใจไหม! และเธอจะต้องอยู่กับพี่ในห้องนี้... จนกว่าพี่จะพอใจ!"
พูดจบก็เขาช้อนร่างหญิงสาวขึ้นอุ้มอย่างง่ายดาย แล้ว เดินตรงไปยังเตียง ขนาดคิงไซส์ที่อยู่กลางห้องอย่างไม่ลังเล
"พี่เมฆ! อย่าทำแบบนี้! นี่มันที่ทำงานนะ!" หญิงสาวหวาดกลัวอย่างที่สุด เธอพยายามทุบตีไหล่เขา แต่ก็ไร้ผล
เมฆินทร์วางเธอลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล แต่ท่าทางของเขากลับเต็มไปด้วยความรุนแรง เขาตามขึ้นมาคร่อมร่างเธอไว้ทันที ไม่ให้เธอมีโอกาสหนี เงาร่างสูงใหญ่ของเขาทาบทับร่างเพรียวบางของเธอไว้จนมิด
"ที่ทำงานเหรอ? ที่นี่คือห้องของพี่!"
เมฆินทร์กระซิบชิดใบหูของเธอ
"และคืนนี้... เธอจะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ... เพราะพี่จะใช้สิทธิ์ของพี่!"
สิ้นคำพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เมฆินทร์ก็ไม่เปิดโอกาสให้จารวีได้ตอบโต้อีกต่อไป
เขาใช้มือข้างที่ว่างเชยคางของเธอขึ้นอย่างรุนแรง แล้วก้มลงบดขยี้ริมฝีปากของเธอด้วยความโกรธและหิวกระหาย การจูบครั้งนี้ รุนแรงและเอาแต่ใจยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ราวกับต้องการลงโทษ เธอที่กล้าไปยิ้มและรับแก้วเครื่องดื่มจากผู้ชายคนอื่น
ขณะที่ริมฝีปากยังคงบดเบียดกันอย่างดุดัน มือใหญ่ของเขาก็เลื่อนลงไปโอบเอวของเธอไว้แน่น แล้วยกเธอขึ้นมากอดรัด จนร่างทั้งสองแนบชิดกันอย่างสมบูรณ์
เมฆินทร์ผละริมฝีปากออกไป ซับจูบลงบนซอกคอหอมกรุ่นของเธออย่างหิวกระหาย ก่อนจะกดร่างเธอให้นอนราบลงบนที่นอนอย่างรวดเร็ว
"พ...พี่เมฆ...ปล่อยจี๊ด!" เธอพยายามผลักร่างเขาออกอย่างสุดแรง
มือของเขาเริ่ม กระชากชุดกระโปรงของเธอออกอย่างรุนแรงจนเนื้อผ้าลื่นไถล มากองปิดแค่ช่วงล่าง เผยให้เห็นเพียงเสื้อในลูกไม้สีอ่อนตัวจิ๋ว ที่ปกปิดเนินอวบอิ่มทั้งสองข้างไว้
เมฆินทร์จ้องมองเรือนร่างที่อยู่เบื้องล่างด้วยความหลงใหลจนตาพร่า เขาใช้สายตาสำรวจ ทรวงอกภายใต้บราตัวเล็กๆนั้นอย่างเชื่องช้า ก่อนจะก้มลงดูดเนินอวบอย่างแรงจนเกิดรอยแดง
"อ๊าย... พี่เมฆ... อย่าทำแบบนี้นะ!" เธอร้องขอด้วยเสียงสั่นเครือ
"ทำไม พี่จะทำไม่ได้...!" เมฆินทร์เงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ร้าย เขาไม่สนการร้องขอ ปากของเขาเลื่อนลงมาจูบที่หน้าท้องแบนราบของเธอ ลิ้นสากของเขาละเลียดวนรอบสะดืออย่างยั่วยวน
ขณะเดียวกัน มือของเขาก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกอย่างช้าๆ แล้วโยนเสื้อทิ้งไป ส่วนอีกมือยังคงขย้ำหน้าอก ที่มีเสื้อในปกปิดอยู่ราวกับเป็นสมบัติส่วนตัว
เมฆินทร์เหยียดกายขึ้นเต็มตัว กล้ามเนื้อแน่นๆ ของเขาสะท้อนแสงไฟสลัว พร้อมกับมือที่ ปลดเข็มขัดออกอย่างเร่งรีบ ตามด้วยกางเกงทั้งตัวในและตัวนอก
สายตาของเขาลากเลื่อนจ้องมองเรื่อนร่างสวยงาม กับหน้าท้องที่แบนราบขึ้นมาจนถึงเนินอกขาว ที่สั่นไหวตามลมหายใจที่กำลังหอบและถี่แล้วเลื่อนมองตรงมาที่ใบหน้าหวานของเธอ พร้อมกับคำพูดที่แฝงความเป็นเจ้าของ
"คิดว่ามาถึงที่นี่ พี่จะปล่อยให้เธอหลุดมือเหรอ หื้ม?... พี่พาเธอมาที่นี่ ไม่ได้เพื่อจะให้ใครมาจ้องมองของที่เป็นของพี่!"
"จี๊ด ไม่ใช่ของของพี่! จี๊ดไม่ใช่สิ่งของ! จี๊ดมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรกับใคร ที่ไหน ก็ได้!" จี๊ดเถียงเสียงสั่นด้วยความคับแค้น
"สิทธิ์น่ะเหรอ!... สิทธิ์นั้นมันหมดไปตั้งแต่ เธอทิ้งเงินสองพันให้พี่แล้ว ยังไม่รู้อีกเหรอ!"
พูดจบเขาก็โยนกางเกงทิ้งไป พร้อมกับดึงชุดกระโปรง ที่กองอยู่ช่วงล่างโยนทิ้งตามไปอีก เหลือไว้แค่เพียงชุดชั้นในที่ปิดบังไม่มิดของเรือนร่างสวยนี้ไว้
"พี่เป็นคนน่ารังเกียจ! ยิ่งรู้จัก พี่ยิ่งเป็นน่ารังเกียจ...!"
"แล้วรู้สึกยังไง... โดนคนน่ารังเกียจเอา... ฮื้อ~"
เขาพูดพร้อมกับใช้แท่งเอนที่แข็งขืนของเขา ฟาดไปที่เนินสาวของเธออย่างเย้ยหยัน
"อ๊าย!" จี๊ดร้องด้วยความตกใจปนรังเกียจ
แล้วเขาก้มจูบบดขยี้ริมฝีปาก พร้อมพยายาม ดูดแลกลิ้น กับเธออย่างบ้าคลั่งจนเกิดเสียง จ๊วบจ๊าบ อย่างน่ารังเกียจ
หญิงสาวพยายามจะผลักร่างเขาออกแต่ก็ยังสู้แรงของเขาไม่ไหว มือของเขาลากลงไปที่แผ่นหลังเพื่อ ปลดตะขอเสื้อในเธอออกและโยนทิ้ง ก่อนจะผละจูบออก
"คงจะทำ...บ่อยจนเคยชินสินะ ถึงได้ชำนาญขนาดนี้!"
"ทำไม...ถ้าบ่อย...หึงพี่ เหรอ! อื้อ~..."
เขา ก้มลงจูบที่หน้าอกของเธออย่างดูดดื่ม ดูดเลียจนเปื้อนคราบน้ำลายเสมือนว่าเธอเป็นของหวานที่เขาต้องรีบครอบครอง
เขาค่อยๆ ซับจูบไล่มาถึงหว่างขา ก่อนจะถอดกางเกงในตัวจิ๋ว โยนทิ้งไป
เมฆินทร์ก้มลงมองกลีบสาวสวยอย่างหลงใหล พร้อมกลับลากสายตามองความงามไปทั่วเรือนร่าง และใบหน้าที่เมินหนีที่กำลังหลับตาปริ่ม
"รังเกียจพี่มากขนาดนั้นเลยเหรอ...!"
เธอไม่ตอบ เอาแต่เมินหน้าหนี ในจังหวะนั้น เธอที่กำลังหลับตาปริ่ม ด้วยความรังเกียจถึงกับ สะดุ้งเมื่ออยู่ดีๆ ก็มีอะไรบางอย่างเข้ามาสัมผัสกับ ร่องรักของเธอ!
จารวี ... สะดุ้ง ลืมตาขึ้นหันมามอง
"พี่... พี่จะทำอะไรอย่า "อ๊าาา!"
ลิ้นสากของเขา เลียร่องรักอย่างนุ่มนวล พร้อมกับค่อยๆ ดันลิ้นเข้าไปในรูรัก ค่อยๆ ตวัดเลียกระดกรัวๆ อย่างชำนาญ... และการครอบครองที่เร่าร้อนได้เริ่มต้นขึ้นในค่ำคืนนี้....
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







