LOGINสามสัปดาห์ของการฝึกงานของจารวีดำเนินไปภายใต้ความตึงเครียด เธอทำงานอย่างหนักเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา
แต่เมฆินทร์ก็หาเรื่องเรียกเธอเข้าห้องเพื่อบทเรียนส่วนตัวที่เต็มไปด้วยการคุกคามทางอารมณ์อยู่เสมอ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทำงานในสัปดาห์ที่สาม ทีมงานฝ่ายกลยุทธ์เพิ่งเสร็จสิ้นการประชุมประจำสัปดาห์
การประชุมและโปรเจ็กต์รีสอร์ท
เมฆินทร์นั่งเป็นประธานการประชุมด้วยท่าที สุขุมและเปี่ยมอำนาจ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ดวงตาคมกริบนั้นกลับแอบมองไปที่หญิงสาวเป็นครั้งคราว ซึ่งนั่งก้มหน้าจดบันทึกอย่างตั้งใจอยู่มุมหนึ่งของโต๊ะ
"สรุปคือโครงการที่ทางบริษัทเราจะเข้าไปรีแบรนด์และโปรโมตรีสอร์ทที่เกาะล้าน จะต้องเริ่มลงพื้นที่จริงแล้ว"
เมฆินทร์ประกาศเสียงดังฟังชัด
พนักงานทุกคนเริ่มปรึกษาหารือกันอย่างตื่นเต้น เพราะถือเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ที่ต้องเดินทาง
"โปรเจ็กต์นี้เป็นงานเร่งด่วน ทีมงานหลักจะต้องลงพื้นที่ทันทีในวันจันทร์หน้าและจะต้องค้างคืน ที่รีสอร์ทเพื่อประเมินสถานการณ์จริง" เมฆินทร์กล่าวต่อ
"และในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์... ผมจะลงพื้นที่ด้วยตัวเองทั้งหมด เพื่อกำกับดูแลความเรียบร้อย"
พนักงานพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ การที่เมฆินทร์ลงพื้นที่เองถือเป็นเรื่องใหญ่
เขาทอดสายตาไปที่จารวีที่นั่งเงียบกริบ
"คุณจารวี... ในฐานะนักศึกษาฝึกงานที่รับผิดชอบเอกสารโครงการนี้ทั้งหมด... คุณจะต้องร่วมเดินทางไปด้วย"
จารวีเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ
"คะ? แต่... จี๊ดต้องเรียนด้วยนะคะท่าน ผอ."
"คุณรดาจัดการเรื่องหนังสือขอความอนุญาตไปทางมหาวิทยาลัยของคุณเรียบร้อยแล้วครับ" เมฆินทร์ตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ไม่ได้สื่อถึงความเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย "นี่คือ ส่วนหนึ่งของงานและประสบการณ์จริงของฝ่ายกลยุทธ์"
เขาปิดแฟ้มเอกสารลง "สรุปตามนี้... วันจันทร์หน้าเราจะออกเดินทางไปเกาะล้านพร้อมกันครับ"
วันจันทร์กับการลงพื้นที่ ที่เกาะล้าน
เช้าวันจันทร์ ทีมงานฝ่ายกลยุทธ์เดินทางมาถึงท่าเรือและต่อเรือไปเกาะล้าน จารวีพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับทีมงาน ไม่เข้าไปใกล้เมฆินทร์ที่ดูโดดเด่นอยู่เสมอในเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงขายาวอย่างมีสไตล์
เมื่อเรือเทียบท่า... ทีมงานก็ถูกรถกอล์ฟของรีสอร์ทมารับไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นรีสอร์ทหรูที่ตั้งอยู่บนเนินเขาที่มองเห็นวิวทะเลสวยงาม
ทันทีที่รถกอล์ฟจอด... ชายหนุ่มผิวแทน รูปร่างสมส่วนและดูเป็นกันเอง ก็เดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างอบอุ่น
"สวัสดีครับทุกคน! ยินดีต้อนรับสู่ BB Oasis ครับ ผมเบียร์ ผู้จัดการรีสอร์ท และเป็นลูกชายเจ้าของรีสอร์ทที่ดูแลในส่วนนี้ ยินดีที่ได้ร่วมงานกับ MKN นะครับ"
เมฆินทร์ยื่นมือออกไปจับมือกับเบียร์อย่างเป็นทางการ "เมฆินทร์ครับ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ"
เบียร์มองเมฆินทร์ด้วยความชื่นชม ก่อนจะหันไปทักทายทีมงานคนอื่นๆ อย่างเป็นกันเอง แล้ว สายตาของเขาก็หยุดลงที่จารวีทันที เธอที่สวมเสื้อยืดสีเรียบและกางเกงผ้าที่เธอตั้งใจให้ดูมิดชิดที่สุด แต่สรีระของเธอก็ยังดึงดูดสายตาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เบียร์เดินตรงมาหาจารวี โดยไม่สนใจว่าเธอเป็นนักศึกษาฝึกงาน
"สวัสดีครับ! ผมไม่เคยเห็นหน้าเลย... คุณเป็นน้องใหม่ของทีมหรือครับ?"
เบียร์ถามจารวีด้วยรอยยิ้มที่สดใส
"ผม เบียร์ ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"
หญิงสาวรู้สึกประหม่าเมื่อถูกจับจ้อง เธอยื่นมือไปจับกับเบียร์อย่างสุภาพ
"จี๊ด... จารวีค่ะ เป็นนักศึกษาฝึกงาน"
เมฆินทร์ที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ เริ่มรู้สึกอุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นอย่างผิดปกติเมื่อเห็นมือของเบียร์สัมผัสมือของจารวี ความรู้สึกถูกละเลย ที่เขาได้รับจากเธอมาตลอดสามสัปดาห์ กำลังถูกตอกย้ำ ด้วยความสนใจที่เบียร์แสดงต่อเธอ
"นักศึกษาฝึกงานเหรอครับ? เก่งจังนะครับที่ได้มาทำโปรเจ็กต์ใหญ่ขนาดนี้"
เบียร์พูดอย่างจริงใจ
"ผมหวังว่าเราจะได้ทำงานใกล้ชิดกันนะครับ คุณจี๊ด"
เมฆินทร์ตัดสินใจแทรกขึ้นมาทันที
"คุณเบียร์ครับ... คุณจารวี อยู่ในทีมของผม และเธอจะต้องรับผิดชอบเอกสารทั้งหมดผมจะเป็นคนนำน้องเค้าเองมากกว่า"
เบียร์หันไปมองเมฆินทร์ด้วยรอยยิ้มที่ไม่สะทกสะท้าน
"อ้าว! คุณเมฆินทร์มาคุมเองเลยเหรอครับ! ยิ่งดีเลยครับ! แต่เรื่องรีสอร์ท... ผมดูแลเองทั้งหมด และผมคงต้องรบกวนคุณจารวีให้ช่วยแนะนำเรื่องการตลาดให้ผมเยอะหน่อยนะครับ"
เบียร์ยื่นนามบัตรส่วนตัวให้จารวีโดยตรง "ติดต่อผมได้ตลอดเวลานะครับ โดยเฉพาะเรื่องที่พักและการดูแลส่วนตัวที่เกาะล้าน ผมจัดเต็มให้ได้เลยครับ"
เมฆินทร์มองจารวีและเบียร์สลับกัน สีหน้าของเขาเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เขาเห็นเธอเก็บนามบัตรของเบียร์เข้ากระเป๋าอย่างเรียบร้อย... ราวกับกำลังบอกเขาว่าเธอมีทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่เขา!
การจัดห้องพัก
เบียร์นำทีมงานไปยังส่วนต้อนรับของรีสอร์ทที่ตกแต่งอย่างหรูหราทันสมัย และเป็นผู้แจกคีย์การ์ดห้องพักด้วยตัวเอง
"ผมจัดห้องพักให้ทีมงาน MKN อย่างดีที่สุดเลยนะครับ ห้องพักของทุกคนเป็นแบบ Pool Villa ที่มีทางเดินเชื่อมถึงกัน เพื่อให้สะดวกต่อการทำงานร่วมกัน" เบียร์ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
เบียร์ยื่นคีย์การ์ดในมือไปยังจี๊ดเป็นคนแรก โดยไม่สนใจเมฆินทร์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
"นี่ครับ คุณจี๊ด... ห้องพักของคุณเป็นห้องหมายเลข 304 นะครับ วิวสวยที่สุดในโซนนี้เลย" เบียร์พูดพร้อมรอยยิ้มที่เป็นมิตร
หญิงสาวรับคีย์การ์ดมาอย่างสุภาพ "ขอบคุณค่ะคุณเบียร์"
ขณะที่เบียร์กำลังจะแจกคีย์การ์ดห้องต่อไป... เมฆินทร์ก็ก้าวเข้ามาแทรกกลางทันที
"คุณเบียร์ครับ" เมฆินทร์เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
"ครับคุณเมฆินทร์" เบียร์หันมามองอย่างประหลาดใจ
"ห้องพักของคุณจารวี... เปลี่ยนใหม่ครับ" เมฆินทร์กล่าวอย่างเยือกเย็น โดยไม่เปิดโอกาสให้ใครโต้แย้ง
เบียร์เลิกคิ้วสูง "อ้าว... มีปัญหาอะไรกับห้อง 304 เหรอครับ? หรือว่าห้องมันไม่ดีพอ?"
"ห้องดีมากครับ..."
เมฆินทร์หยุดพูดแล้วหยิบ คีย์การ์ดห้องชุดพิเศษ ที่ถูกแยกไว้ต่างหากในถาดของเบียร์มาถือไว้เอง
"แต่ตามหลักการทำงานแล้ว... นักศึกษาฝึกงานจะต้องอยู่ใกล้ชิดกับเจ้านาย เพื่อให้สะดวกต่อการเรียกใช้และกำกับงานตลอด 24 ชั่วโมง"
เมฆินทร์หันไปมองจารวีที่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ "คุณจารวี... ห้องพักของคุณคือห้อง 301 ครับ... ห้องติดกับห้องพักส่วนตัวของผม"
คำประกาศนั้นทำให้ทีมงานทุกคนถึงกับ เงียบกริบ เมฆินทร์ทำอย่างกับว่านี่เป็นเรื่องปกติของการทำงาน แต่ทุกคนรู้ดีว่าห้อง 301 คือห้องที่เชื่อมต่อกับห้อง Executive Suite ของเมฆินทร์โดยตรง และนี่ไม่ใช่ระเบียบการทำงานของบริษัททั่วไป
เบียร์ทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
"เอ่อ... แต่ 301 มันติดกับห้องพักวีไอพีนะครับคุณเมฆินทร์... มันอาจจะไม่เหมาะกับนักศึกษาฝึกงานนะครับ"
เมฆินทร์ยิ้มเย็นชา
"ไม่เป็นไรครับ... ผมรับผิดชอบเองทั้งหมด และผมมั่นใจว่าคุณจารวีเป็นคนที่มีความเป็นมืออาชีพพอที่จะแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้"
เมฆินทร์หันไปยื่นคีย์การ์ดห้อง 301 ให้หญิงสาวด้วยท่าทางที่เปี่ยมอำนาจ
จารวีไม่มีทางเลือก เธอทำได้เพียงรับคีย์การ์ดมาอย่างจำใจ
"เอาล่ะครับ... ทุกคนแยกย้ายไปพักผ่อนได้ครับ" เมฆินทร์ประกาศตัดบททันที พลางจงใจเดินนำจี๊ดไปยังบันไดทางขึ้นห้องพัก
จารวีเดินตามเมฆินทร์ขึ้นมาอย่างเงียบๆ เมื่อถึงชั้นที่ 3 เมฆินทร์ก็หยุดอยู่หน้าประตูห้อง Executive Suite 302 แล้วหันไปยืนพิงประตู มองเธอด้วยสายตาที่ท้าทาย
"ห้อง 301 ของน้องจี๊ดอยู่ตรงนี้ครับ" เมฆินทร์ชี้ไปที่ประตูบานถัดไป "สะดวกมาก... พี่สามารถเรียกเธอมาช่วยงานได้ตลอดเวลา ไม่ต้องกังวลเรื่องการรบกวน"
เธอพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ
"จี๊ดทราบแล้วค่ะ... ถ้าไม่มีอะไรแล้ว... จี๊ดขอตัวไปเก็บของก่อนนะคะ"
เมฆินทร์ไม่ยอมขยับ เขายังคงยืนพิงประตูห้องของตัวเองไว้
"มีสิ... มีเรื่องที่เธอต้องเคลียร์กับพี่ก่อน" เมฆินทร์ก้าวเข้ามาใกล้เธอหนึ่งก้าว
"เรื่องอะไรคะ... ถ้าเป็นเรื่องงาน... จี๊ดขอเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมคะ"
เมฆินทร์โน้มตัวลงจนใบหน้าอยู่ใกล้เธอ
"เรื่องที่เธอยิ้มให้คุณลูกชายเจ้าของรีสอร์ท!"
จารวีอึ้งไปกับท่าทีในน้ำเสียงเขา
"เขาเป็นคู่ค้า... จี๊ดแค่ยิ้มเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน"
"ไม่ต้องสร้างความสัมพันธ์ใด ๆ ทั้งสิ้น" เมฆินทร์พูดเสียงเข้ม "ที่นี่...เธอต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพี่คนเดียว... และคืนนี้... พี่ต้องการให้เธอใส่ใจโปรเจ็กต์ของเรา... อย่าให้พี่ต้องเห็นเธอกำลังยุ่งอยู่กับนามบัตรของคนอื่น... เข้าใจไหม จี๊ด"
เขาเปิดประตูห้องของตัวเอง แล้ว จ้องมองเธอ จนกระทั่งจารวีเปิดประตูห้อง 301 เข้าไป... ความใกล้ชิดที่อันตราย นี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว...บนเกาะล้าน!
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







