LOGIN"และเรื่องที่พี่โทรชวนไปเยี่ยมริสา... มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก... พี่แค่อยากเจอหน้าเราต่างหากล่ะ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ ถึงจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้ ไม่คิดบ้างเหรอ ว่าทำไมพี่ต้องโทรหาจี๊ด ถ้าพี่อยากจะไปเยี่ยมริสาจริง ๆ ทางไปบ้านธนาเพื่อนรักของพี่ พี่ก็รู้ รถพี่ก็ขับเป็น... ไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม"
"เพราะ... เพราะพี่อยากเห็นหน้าเรานั่นแหละ"
เมฆินทร์ ยิ้มอย่างอบอุ่น เขาโน้มตัวลงจูบริมฝีปากเธออย่างอ่อนโยนแต่หนักแน่น จูบที่เต็มไปด้วยคำมั่นสัญญาและอ้อมกอดที่ปลอบโยน
"ก็พี่อยากเห็นหน้าเราไง... แล้วก็อยากอยู่ใกล้ ๆ เราด้วย... ชอบนะ... ตั้งแต่สามปีก่อน แต่ตอนนี้... รัก... รักคนตรงนี้คนเดียวครับ"
เขาผละจูบออกเล็กน้อย สบตากับเธออีกครั้งด้วยแววตาที่ส่องประกาย "เป็นแฟนกับพี่นะ... จี๊ด"
จารวี เม้มปากอย่างน่ารัก พยายามซ่อนรอยยิ้มกว้างที่ห้ามไม่อยู่ "ไม่ช้าไปหน่อยเหรอคะ... ที่มาขอเป็นแฟนตอนนี้"
เมฆินทร์ทำท่าตกใจนิด ๆ "ทำไม... อย่าบอกนะ... ว่าเป็นเพราะไอ้คุณเบียร์นั่น! พี่ไม่ยอมนะ!" เธอแกล้งแหย่ "ไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้คะ... ก็ยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนี่นา"
"พี่ก็จะขังไว้ที่นี่แหละ... ในอ้อมกอดของพี่นี่ไง"
เธอหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นจริงจัง "ที่จี๊ดบอกว่าไม่ช้าไปหน่อย... ก็เพราะตอนนี้เราข้ามขั้นมาถึงขนาดนี้แล้ว แล้วพี่ทำอะไรกับจี๊ดไปบ้าง... แล้วมาบอกว่า ‘ให้มาเป็นแฟนกับพี่ตอนนี้’ เนี่ยนะ... มันไม่ช้าไปหน่อยเหรอคะ... คุณเมฆินทร์"
"พี่ขอโทษครับ... เพราะพี่รักของพี่ไปแล้วนี่... จะให้ทำยังไง ใครจะไม่หวง...สวยเซ็กซี่น่ารักขนาดนี้"
"อย่ามาขี้ตู่นะคะ... ว่าเป็นแฟน จี๊ดยังไม่ได้ตอบตกลงเลย"
"แต่พี่ก็ยังไม่เข้าใจ... ว่าทำไมถึงไม่มีแฟน เท่าที่เห็นน่าจะมีคนเข้าหามาเยอะนะ บอกพี่หน่อยได้ไหม" เขาก้มมองหน้าเธออย่างออดอ้อน
"ไม่รู้สิคะ... อาจจะเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ความรู้สึกของจี๊ด... มีเจ้าของแล้วเหมือนกัน" เธอตอบ พลางใช้ปลายนิ้ววาดบนแผงอกของเขาอย่างหยอกล้อ
เมฆินทร์ถึงกับยิ้มกว้างอย่างดีใจ "หมายความว่ายังไงครับ..."
"ไม่บอกค่ะ... ปล่อยให้คิดเอง!"
"โธ่... บอกพี่หน่อยสิครับ ขนาดพี่ยังบอกจี๊ดทุกอย่างเลย บอกหน่อยนะ... นะ... นะคนดีของพี่" เมฆินทร์อ้อนเสียงนุ่ม พลางใช้จมูกคลอเคลียข้างแก้มเธออย่างน่ารัก
จารวี หัวใจเต้นแรงกับความขี้อ้อนของเขา แต่ก็ยังเลือกที่จะเก็บคำตอบไว้ในใจ เธอยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะใช้ปลายนิ้วเขี่ยเบา ๆ ที่คางของเขา เป็นการเปลี่ยนเรื่องอย่างจงใจ
"พี่เมฆคะ..."
"หืม?" เขามองตาเธอ รอคำตอบ
"จี๊ดเป็นเพื่อนสนิทกับเมย์มาตั้งหลายปี... ทำไมพี่ถึงไม่พยายามที่จะรู้เลยนะ... ว่าผู้หญิงคนนั้น... อยู่ใกล้ตัวพี่แค่นี้เอง"
เมฆินทร์พูดขึ้นมาอย่างทึ่ง ๆ แววตาเต็มไปด้วยความเสียดายที่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไป "นั่นน่ะสิ...ทำไมพี่ถึงพลาดได้นะ"
จารวีหัวเราะเบา ๆ เสียงใส "ก็นั่นสิคะ... ก็ตอนที่จี๊ดเรียนอยู่ที่นี่... พี่...พี่เมฆไม่ได้ทำงานที่นี่ไม่ใช่เหรอเน๊อะ...ว่าไหม แล้วอีกอย่างหัดบำรุงสมองหน่อยก็ดีนะ...เผื่อจะได้จำอะไรขึ้นมาได้บ้าง"
เมฆินทร์ ชะงักไปเล็กน้อย เขาก้มลงมองหน้าเธออย่างใกล้ชิด ดวงตาของเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ
"จำอะไร!... แต่เอ๊ะ!....รู้ได้ยังไง เป็นสตอล์กเกอร์พี่เหรอครับเนี่ย... ทำไมถึงรู้ว่าพี่ไม่ได้ทำงานอยู่ที่นี่?” เขาถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียนปนความสงสัย
หญิงสาวสะดุ้งเหมือนโดนจับได้ มือเล็ก ๆ เผลอกำผ้าปูที่นอนแน่น "เปล่า... เปล่านะคะ! ก็... ก็... จี๊ดเป็นเพื่อนสนิทกับเมย์ เราเป็นเพื่อนกันนี่ ก็ต้องรู้อยู่แล้ว... ว่าพี่ชายเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ไปทำงานที่อื่น..." เธอรีบแก้ตัวเสียงเบา
"งั้นเหรอครับ..." เมฆินทร์ ลากเสียงยาวอย่างไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้คาดคั้นต่อ เขายิ้มอย่างกรุ้มกริ่มเพราะรู้ทัน
"แล้วทำไม... ถึงไม่บอก ตอนเจอหน้าพี่ ว่าจำพี่ได้ ว่าพี่เป็นเจ้าของเสื้อตัวนั้น"
เธอก้มหน้างุดเล็กน้อยอย่างเขินอาย เธอยื่นมือไปหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว
"ไม่รู้สิคะ... ก็คิดว่าพี่จำจี๊ดไม่ได้ ก็เลยไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นอีก..."
"พี่ไม่มีวันลืมเราหรอกครับ... " เมฆินทร์กระซิบข้างหูเธอ "จำได้ตั้งแต่แรกเห็น..."
"แน่ใจนะคะ...ว่าจำได้ตั้งแต่แรกเห็น ให้โอกาสคิดแล้วก็ตอบใหม่อีกทีค่ะ"
เขายิ้มอย่างมีความสุข สายตาจ้องมองเธอจนเกือบจะอดใจไม่ไหวที่จะก้มลงจูบอีกครั้ง แต่ก็ต้องยับยั้งชั่งใจไว้ก่อน
"ลุกขึ้นได้แล้วครับคนสวย" เขายิ้มกว้าง
"จะให้อุ้มไปอาบน้ำ หรือจะเดินไปเองดี ๆ "
"อุ้มทำไมคะ?"
"จะเดินไปเองเหรอ... ยังเจ็บข้อเท้าอยู่ไม่ใช่เหรอ?" เขาถามพลางขยับตัวจะลุกขึ้น
"ไม่เจ็บแล้วค่ะ เดินเองได้! วางลงสิคะ จี๊ดจะไปเอง" เธอรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันกระโจมอกไว้แน่นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและเดินเขย่งไปอย่างทุลักทุเล
เมฆินทร์ มองตามด้วยความเอ็นดูระคนขำขัน ท่าทางงอน ๆ ที่พยายามทำเป็นเข้มแข็งของเธอน่ารักจนเขาต้องส่ายหน้า เขาปล่อยให้เธอเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าเตรียมไว้ให้เธอ
ในห้วงความคิดของจารวีในห้องน้ำ… นั่นมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอกันค่ะพี่เมฆ... แต่จี๊ดเลือกที่จะจำเหตุการณ์ที่สวยงามนั้นเป็นครั้งแรกของเรา...
เธอก้มลงจับข้อเท้าตัวเองเพื่อดูรอยช้ำที่เกิดจากค่ำคืนที่ผ่านมา...
เมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เธอก็เห็นชุดของเธอวางอยู่บนเตียงอย่างเป็นระเบียบ เธอหยิบมันขึ้นมาดูอย่างแปลกใจ
"พี่เมฆ! นี่มันชุดจี๊ดนี่คะ! ทำไมมาอยู่ที่นี่?"
เมฆินทร์เดินออกมาจากข้างตู้เสื้อผ้าด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันรอบเอว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่น่ามอง เขายิ้มกริ่ม "ก็วันนั้น... แอบหนีพี่ไปไม่ใช่เหรอ"
เขาเดินเข้ามาหาเธอ ก่อนจะเท้าแขนกับประตูห้องน้ำ มองเธอด้วยแววตาที่เจ้าเล่ห์ "ชุดที่เราใส่มาจากเกาะล้านวันนั้นก็อยู่ที่ห้องพี่ไงครับ พี่ซักให้เรียบร้อยแล้วนะ... ครบเลยทั้งเครื่องนอกเครื่องใน"
"ทะลึ่ง! ไม่ต้องมาพูดเลย!" จารวีหน้าแดงจัด เธอรีบกอดชุดไว้แน่น "แล้วเมื่อคืนทำไมไม่บอกจี๊ด ว่ามีเสื้อผ้าของจี๊ดอยู่ที่นี่!"
"ถ้าบอกว่ามี... เราก็ทิ้งพี่ไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วสิ ถ้ามีเสื้อผ้าใส่" เขาหัวเราะเบา ๆ "แล้วอีกอย่างนึง... พี่หวังดีนะ ถ้าเกิดใส่เมื่อคืน วันนี้ก็ไม่มีใส่สิ... แต่... สรุปเมื่อคืนก็ไม่ได้ใส่อยู่ดี"
<ตุบ!>
กำปั้นเล็ก ๆ ของเธอทุบลงไปที่แผงอกเขาหนึ่งที ด้วยความเขินอายที่ปนกับความหมั่นไส้
<ฟอด!>
เมฆินทร์ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี เขารีบจับมือเล็ก ๆ ของเธอไว้แล้วดึงมาจูบ "หอมอีกแล้วอ่ะ... อยากกินต่อเลยได้ไหม"
"อย่านะคะ! ไปอาบน้ำเลย สายแล้ว จี๊ดเริ่มหิวแล้ว!" เธอรีบผละออก
"พี่ก็หิวเหมือนกัน... กินตอนนี้เลยได้ไหมอ่ะ" เขาพูดพลางทำตาอ้อน
"พี่เมฆ! อย่าทะลึ่ง! จี๊ดบอกว่าที่หิวน่ะคือหิวข้าว! ไปอาบน้ำเลยค่ะ ไปเลย! ไปเลย!" เธอพูดพร้อมกับใช้มือดันเขาเข้าไปในห้องน้ำอย่างกระตือรือร้น
เธอพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะที่กำลังแต่งตัว "หื่น... ในหัวมีแต่เรื่องนั้น!"
ไม่วาย เมฆินทร์ ยังโผล่หน้าออกมาจากประตูห้องน้ำที่แง้มอยู่ "กินเราก่อนไม่ได้เหรอครับ... หิวแล้ว..."
"เงียบไปเลยค่ะ!" จี๊ดตะโกนพร้อมอมยิ้ม พลางเขวี้ยงหมอนใส่เขาไปหนึ่งใบ
ปริศนาชายชุดดำตัดภาพกลับมายังในรถขณะที่เมย์และเมฆินทร์ ภายในรถ เมย์ยังคงคาใจเรื่องเหตุการณ์ที่คอนโดของจารวี"พี่เมฆ... เรื่องชายชุดดำวันนั้น ตกลงพี่ว่ามันเป็นใครกันแน่" เมย์เริ่มถาม น้ำเสียงจริงจังขึ้นทันทีที่ไม่มีจารวีอยู่ด้วยเมฆินทร์ขมวดคิ้ว มือหนากำพวงมาลัยแน่น เขามองกระจกข้างด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ "พี่ก็ยังไม่แน่ใจนัก แต่มันมีบางอย่างที่พี่รู้สึก แปลก""แปลกยังไงคะ?""คำพูดของมันไง ที่พูดกับจี๊ดว่า 'จำฉันไม่ได้เหรอ' ถ้าเป็นสตอล์กเกอร์ที่คลั่งไคล้ผลงานการถ่ายแบบ มันควรจะพูดอะไรที่บ่งบอกถึงการชื่นชม หรือต้องการครอบครอง ไม่ใช่คำถามที่เหมือนเป็นการ ทวงความจำ แบบนั้น"เมย์พยายามคิดตาม "หรือว่าจะเป็นศัตรูของจี๊ดตอนสมัยเรียน? หรือตอนที่เธอเป็นนักกีฬา?""พี่ก็คิดอยู่ แต่นั่นมันเรื่องนานมาแล้ว แถมจี๊ดก็บอกว่าเธอไม่มีปัญหากับใครเลย" เมฆินทร์ถอนหายใจ "แต่ที่สำคัญคือ... ปฏิกิริยาของมันตอนที่เห็นพี่""ปฏิกิริยาอะไรคะ?""มันเหมือน ตกใจ มากกว่าที่จะกลัว หรือโกรธที่ขัดขวางการทำร้ายจี๊ด พอพี่ถีบมันออกไป มันพยายามจะดึงหมวกคลุมหน้ากลับมากกว่าจะคว้ามีด มันอยากจะปิดบังตัวตนมากจริง ๆ"เมย์ชั่งใจ
อากาศบนภูยามค่ำคืนช่างหนาวเหน็บเสียจนต้องขดตัว แต่ความหนาวนี้ก็มิอาจเทียบได้กับความเร่าร้อนที่กำลังปะทุขึ้นในเต็นท์...ในเต็นท์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว แสงไฟดวงน้อยส่องให้เห็นเงาตะคุ่มๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างเร่งเร้า ริสา ถูกรุกเร้าจนเสียงหอบหายใจขาดห้วง มือเล็กจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของธนาอย่างลืมตัวเพื่อยึดเหนี่ยวตัวเองไว้กับความรู้สึกที่พุ่งทะยานธนาจูบเธอหนักหน่วงและดูดดื่มราวกับจะกลืนกินทุกอณูของร่างกาย เสียงกระซิบพร่าๆ คลอไปกับเสียงผ้าปูที่นอนเสียดสี... เป็นภาพที่ใครเห็นก็รู้ว่าคนข้างในกำลังใช้ความหนาวเป็นข้ออ้างในการมอบความอบอุ่นให้กันและกันอย่างไร้ขีดจำกัด!"ไอธนา มึงดับไฟด้วย!" เสียงตะโกนของเมฆินทร์ ดังข้ามมาพรึ่บ! ไฟในเต็นท์ก็ดับลง เหลือเพียงความมืดมิดที่ช่วยปกปิดความเร่าร้อนที่ดำเนินต่อไป...(...!...)เมฆินทร์ดึงจารวีเข้ามากอดไว้แน่นจนร่างบางแทบจะจมหาย ซบใบหน้าลงกับกลุ่มผมหอมๆ ของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้ตื่นขึ้นทันที อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นจนความหนาวที่มีอยู่มลายหายไปสิ้น"หนาวจัง... ขอกอดหน่อยนะ" เสียงทุ้มนุ่มกระซิบที่ข้างหู พร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าว รดริน
เมย์กลับมาหาจารวีที่คอนโดในเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด เมย์ก็โวยวายด้วยความตกใจ"อะไรนะ! นี่ฉันทิ้งแกไว้คนเดียวแป๊บเดียว เกิดเรื่องเลยเหรอ! แบบนี้ที่แกรู้สึกว่าเหมือนมีคนตามแกมองแกอยู่ มันก็เรื่องจริงสิ! สต๊อกเกอร์ไหม? พวกที่ชื่นชมผลงานแกผ่านที่แกถ่ายแบบกับพี่จีน่าหรือเปล่า? ไม่สิ... ถ้าเป็นพวกคลั่งไคล้ ถึงขนาดต้องเอามีดจี้คอกันเลยเหรอ! แต่แกก็ไม่มีศัตรูที่ไหนนี่" เมย์รัวใส่ด้วยความสงสัย"ฉันคุ้นเสียงนะ เหมือนเคยได้ยินเสียงที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก... มันพูดว่าจำฉันไม่ได้เหรอ ... ใคร? ฉันต้องจำใครได้?" จารวีพึมพำเมย์รีบสรุป "เท่ากับว่ามันตามแกอยู่ตลอด คิดดูสิ ไม่งั้นมันจะรู้ได้ยังไง ว่าแกอยู่คนเดียวได้ถูกจังหวะแบบนี้ เพราะปกติเราจะอยู่ด้วยกันตลอด""อือ... ก็จริงของแกนะเมย์""ดีนะที่ตอนนั้นพี่เมฆอยู่ด้วย" เมย์เผลอหลุดปาก"เดี๋ยวก่อนยัยเมย์! แกหมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของแกเหรอ""แฮ่ ๆ ๆ ... ขอโทษที ฉันอยากให้แกกับพี่เมฆได้เจอกัน ได้คุยกันบ้างอ่ะ""อย่าไปว่าเมย์เลยครับ พี่เป็นคนขอให้เมย์ช่วยเอง ก็พี่เป็นห่วงเรานี่" เมฆินทร์รีบสวนขึ้นจารวีสบตาเมฆินทร์อย่างอ่อนใจ แต่ในใ
บทสนทนาทางโทรศัพย์เมฆินทร์กับเมย์"ฮัลโหลเมย์ พี่มีเรื่องจะถามหน่อย" เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์"พี่โทรมาพอดีเลย เมย์ก็มีเรื่องจะบอก" ปลายสายตอบกลับทันที "คือพี่จีน่ามาชวนจี๊ดไปถ่ายแบบ แต่พี่ไม่ต้องตกใจนะ ยังไม่ได้ออกจากงาน แค่ชวนให้ลองดูเฉยๆ""แล้วจี๊ดว่าไง? ตกลงไหม?" เขารีบถามด้วยความสนใจ"ดูเหมือนจะสนใจนะ" เธอตอบเสียงอ้อมแอ้ม "พี่จีน่าพูดถูก ถ้าจี๊ดยังอยู่กับความกลัวแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับมาเป็นปกติ? ให้ลองดูก็ดีเหมือนกัน""พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรเขาอยู่แล้ว ฝากเมย์ดูแลด้วยนะ" เขาเน้นย้ำ"เมื่อกี้พี่กำลังจะถามอะไรเมย์นะ?" เธอถามย้อนขึ้น"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันพี่ค่อยถามก็ได้ วันหยุดนี้พี่จะกลับกรุงเทพฯ เมย์ช่วยพี่หน่อยได้ไหม?ทำยังไงก็ได้ให้พี่ได้เจอจี๊ดสักครั้ง" เขาขอร้องด้วยน้ำเสียงจริงจัง"จะโอเคเหรอพี่? เดี๋ยวแม่จะว่าไหม?" เมย์กังวล"แค่ครั้งเดียวนะเมย์ ช่วยพี่หน่อยเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยกับจี๊ด และก็อยากเจอหน้า ขอแค่ครั้งเดียวจริงๆ""ก็ได้ค่ะ เมย์จะพยายาม" เธอยอมรับปากบทสนทนาของเมฆินทร์กับเพื่อนหลังวางสายจากเมย์ เมฆินทร์กดโทรศัพท์หาวายุทันที"วายุ ช่วงนี้มึงว่างไหม? ช่วยกูคิ
6 เดือนผ่านไปอย่างเชื่องช้าทรมาน สำหรับเมฆินทร์ที่ถูกย้ายไปเชียงใหม่ และจารวีที่ทำงานที่กรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาที่พวกเขาเหมือนขาดใจ เพราะเขาไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอ ส่วนจารวี... แม้จะยังรัก... แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงฝังลึกและเจ็บปวดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจารวีทำงานในบริษัทของครอบครัวเมฆินทร์ภายใต้การคุ้มครองอย่างเข้มงวดของ นภา รองประธานบริษัทผู้มีอำนาจล้นเหลือ ครอบครัวของเมฆินทร์ประกาศชัดเจนว่าห้ามใครมายุ่งหรือทำอันตรายเธอโดยเด็ดขาดนภาจัดการไล่พนักงานที่เคยซุบซิบนินทาว่าเธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือพูดในทางไม่ดีออกไปทั้งหมด และกำชับห้ามใครคิดร้ายอีกต่อไปการปฏิบัติของทุกคนในบริษัทต่อจารวีเหมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งตัวเธอเองก็รู้สึกอึดอัดใจกับสถานะที่ได้รับ แต่นภาต้องการชดใช้ความผิดที่ลูก ๆ ของเธอเคยทำพลาด ไม่ว่าจะในอดีตของเมย์ หรือในปัจจุบันของเมฆินทร์ การดูแลเธอในระดับนี้จึงยังน้อยไปด้วยซ้ำในความรู้สึกของผู้เป็นแม่วันเวลาที่ผ่านไปได้ช่วยเยียวยาจิตใจของจารวีให้ดีขึ้น แต่ก็ยังมีเงื่อนปมบางอย่างที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเธอเสมอมา วันนี้ ความคับข้องใจนั้นกำลังจะถูกคลี่คลายลง เมื่อมีหญิงสา
ล็อบบี้และสติของเมย์เมฆินทร์อุ้มร่างที่ไร้สติของจารวีวิ่งออกมาจากลิฟต์ไปยังล็อบบี้อย่างบ้าคลั่ง สภาพเขาตอนนี้มีแต่ร่องรอยการต่อสู้ เหงื่อท่วมกาย ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและตื่นตระหนก เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอย่างไรต่อบนเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ใครก็ได้! เรียกรถ! เรียกรถพยาบาล!พนักงานที่เคาน์เตอร์ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับภาพชายคลั่งที่อุ้มหญิงสาวตัวซีดเซียวเมย์วิ่งตามมาติด ๆ คว้ากระเป๋าจี๊ดไว้แน่น เธอเห็นความตกตะลึงจนสติแตกของพี่ชาย จึงพุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ทันทีเมย์เสียงเฉียบขาดและเร่งรีบ ตอนนี้ต้องการรถไปส่งที่ท่าเรือข้ามเกาะด่วนที่สุด! เร็วเข้า! ตอนนี้!เธอชี้ไปที่หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเมฆินทร์ พยายามใช้ไพ่ตายที่สร้างขึ้นมาผู้หญิงคนนี้... เธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง... ฉันกลัวว่าเธอจะ แท้งลูก! ให้รีบไปส่งที่ท่าเรือข้ามฝั่ง! ตอนนี้! เครื่องมือการแพทย์และสถานพยาบาลบนเกาะนี้มันไม่พอแน่ ๆ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก... รีสอร์ทของคุณจะรับผิดชอบไม่ไหว!พนักงานรีบประสานงานกันอย่างตื่นตระหนกโดยทันที เมื่อได้ยินคำว่า 'แท้งลูก' และ 'รับผิดชอบไม่ไหว'เมฆินทร์หันไปมองน้องสาว ใบ







