แชร์

บทที่ 740

ผู้เขียน: โม่เสียวชี่
หลายวันต่อมา

หลังจากเฉียวเนี่ยนตรวจชีพจรให้ฮองเฮาเสร็จ ก็ไปยังเรือนนอนของฮ่องเต้เพื่อตรวจชีพจรให้ฮ่องเต้

ฮุ่ยเฟยก็อยู่ด้วย

เมื่อเห็นเฉียวเนี่ยน ฮุ่ยเฟยก็ยิ้มแย้มแจ่มใส “ฝ่าบาทเพคะ วิชาแพทย์ของท่านหญิงเฉียวช่างเลิศล้ำ เห็นหรือไม่ว่าในตอนนี้หม่อมฉันงดงามมีชีวิตชีวาเพียงใด?”

น่าจะเพราะไม่ค่อยมีใครชมตนเองเยี่ยงนี้ ฮ่องเต้จึงหัวเราะกับคำพูดของฮุ่ยเฟย แล้วก็พยักหน้า “ใช่ เจ้าก็งดงามดั่งเช่นเคย”

ฮุ่ยเฟยเหมือนจะเขินจนหน้าแดง นั่งคอยปรนนิบัติอยู่อยู่ข้างฮ่องเต้

เฉียวเนี่ยนตรวจชีพจรให้ฮ่องเต้แล้วจึงกล่าว “ชีพจรของฝ่าบาทมั่นคงและแข็งแรง ตำรับยาบำรุงนั้นไม่จำเป็นต้องเสวยทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ไป หม่อมฉันจะเว้นวันมาพบฝ่าบาทวันเว้นวันเพคะ”

ฮ่องเต้พยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็ได้ยินฮุ่ยเฟยพูดว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ฝ่าบาททรงเป็นโอรสสวรรค์ แม้จะมีอายุมากกว่าหม่อมฉัน แต่ร่างกายกลับแข็งแรงกว่าหม่อมฉันเสียอีก จะว่าไป ฝ่าบาทย่อมเป็นผู้มีบุญ ส่วนคนไร้บุญอย่างสวีเหม่ยเหริน อายุแค่ยี่สิบต้นๆ แต่ดูอิดโรยนัก!”

สวีเหม่ยเหริน?

เฉียวเนี่ยนเหลือบมองฮุ่ยเฟยโดยไม่รู้ตัว นางก็กำลังกลุ้มใจว่าจะพูดเรื่องของสวีเหม่ยเหรินกับ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
apinyalive
เรื่องนี้มีกี่ตอนคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1428

    นางหวนนึกถึงสายตาของฉู่จืออี้ที่กวาดมองมาเมื่อครู่ ในใจยังคงรู้สึกหวาดหวั่นไม่หายอิ๋งชีหันหลังให้นาง เดินไปที่โต๊ะแล้วรินชาเย็นชืดมาจอกหนึ่ง ปลายนิ้วของเขาเย็นเฉียบเขาเงียบงันไปครู่ใหญ่จึงค่อยหันกลับมา สีหน้ากลับมาเรียบเฉยดังเดิม พลางย้ำคำพูดเดิมซ้ำอีกครั้ง “ไม่มีอะไร ข้าเพียงแต่คิดว่าในเมื่อเหยาวั่งซูผู้นั้นมาจากสำนักราชาโอสถ ของที่ทิ้งไว้ย่อมต้องไม่ธรรมดา อาจเป็นของวิเศษที่หลงเหลืออยู่ของหุบเขา ข้าก็แค่เกิดความสงสัยใคร่รู้ชั่ววูบเท่านั้น”หนิงซวงมองเขาด้วยสายตาคลางแคลงใจ เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้เชื่อน้ำคำเขาทั้งหมด แต่ยามนี้นางเป็นห่วงความรู้สึกของเฉียวเนี่ยนมากกว่านางลอบถอนหายใจ เอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไม่ว่าจะยังไง ท่านอย่าเพิ่งพูดถึงมันตอนนี้เลย ตอนนี้... ในใจคุณหนูคงทุกข์ตรมจะแย่อยู่แล้ว หญ้าผลึกหยกม่วงที่เฝ้าคะนึงหาก็สูญหายไป ทางฝั่งแม่ทัพเซียวเองก็... เฮ้อ”นางเว้นจังหวะ น้ำเสียงเข้มขึ้นอีกหลายส่วน “ช่วงนี้ท่านก็ทำตัวให้สงบเสงี่ยมหน่อยเถิดอย่าได้ถามเรื่องสัพเพเหระให้คุณหนูต้องกลัดกลุ้มใจอีกเลย เมื่อครู่ดูสายตาของท่านผู้บัญชาการฉู่สิ หากเจ้ายังขืนมากความอีก ข้าล่ะกลั

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1427

    ฉู่จืออี้หยุดฝีเท้าลง ส่ายหน้าให้แก่ทุกคน น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือแววเหนื่อยล้าและหนักอึ้งราวกับฝุ่นละอองที่ร่วงหล่นสู่พื้นหลังพายุสงบลง “ไม่มีหญ้าผลึกหยกม่วง”ถ้อยคำสั้น ๆ นั้นประดุจคำพิพากษาอันเยือกเย็น ทำให้ใบหน้าของหนิงซวงและเกอซูอวิ๋นซีดเผือดลงในทันที ประกายความหวังสายสุดท้ายในแววตาดับวูบลงไม่มีหญ้าผลึกหยกม่วง นั่นมิเท่ากับยืนยันว่าเซียวเหิงต้องตายแน่แล้วหรือ?ฉู่จืออี้ไม่อยากเอ่ยความใดให้มากความ เขาเพียงต้องการพาเฉียวเนี่ยนกลับห้องไปพักผ่อนโดยเร็วที่สุดร่างสูงเบี่ยงกายเล็กน้อย เตรียมจะเดินเลี่ยงผ่านพวกเขาไป“เช่นนั้น…” เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอิ๋งชีก้าวออกมาข้างหน้า สายตาคมกริบกวาดมองฉู่จืออี้และเฉียวเนี่ยน น้ำเสียงเจือความร้อนรนและคาดคั้นผิดวิสัย “ในแดนต้องห้ามมีสิ่งใดอยู่กันแน่ขอรับ?”ฉู่จืออี้และเฉียวเนี่ยนเงยหน้ามองอิ๋งชีขึ้นพร้อมกันคำถามนี้ช่างดูไม่ถูกกาลเทศะอย่างยิ่งในเวลานี้ มิหนำซ้ำยังดูแปลกประหลาดพิกลนัยน์ตาของฉู่จืออี้ฉายแววพินิจพิเคราะห์พาดผ่านเพียงชั่ววูบฝ่ายเฉียวเนี่ยนแม้จะรู้สึกเหนื่อยล้าเจียนขาดใจ แต่ก็ยังฝืนรวบรวมสติ ตอบกลับด้วยน้ำเสียง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1426

    ฉู่จืออี้มิได้เอ่ยวาจาใดตลอดทาง เพียงใช้ท่อนแขนแกร่งประคองร่างที่แทบจะทรุดฮวบของเฉียวเนี่ยนเอาไว้ กึ่งประคองกึ่งโอบอุ้มพานางเดินกลับไปยังเรือนปีกข้างอย่างเงียบงันเหล่าองครักษ์พยัคฆ์ต่างรู้ใจ ทิ้งระยะห่างออกมาช่วงหนึ่ง ติดตามไปอย่างไม่ใกล้ไม่ไกลแสงโคมสลัวทอทาบลงเบื้องล่างเกิดเป็นวงแสงไหววูบตามจังหวะก้าวเดิน หากแต่ไม่อาจขจัดความสิ้นหวังอันหนักอึ้งที่แผ่ซ่านอยู่รอบกายเฉียวเนี่ยนออกไปได้เหล่าองครักษ์พยัคฆ์ที่รั้งท้ายมองเห็นสภาพของเฉียวเนี่ยนที่ดูราวกับคนวิญญาณหลุดลอย ฝีเท้าหนักเบาไม่เท่ากัน ก็พากันปวดใจจนหัวใจบีบเกร็งพี่ห้าขมวดคิ้วจนแทบผูกเป็นปม อดไม่ได้ที่จะกดเสียงต่ำเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดระคนสงสาร “เนี่ยนเนี่ยนเป็นเช่นนี้... เกรงว่าใจคงแตกสลายไปแล้ว การกระทบกระเทือนจิตใจครานี้ช่างหนักหนานัก”พี่รองพยักหน้าอย่างหนักใจ น้ำเสียงแฝงความเวทนา “นางมุ่งมั่นเพียงจะเอาหญ้าผลึกหยกม่วงไปช่วยชีวิตเซียวเหิง มาบัดนี้... เฮ้อ เจ้าเด็กนั่นเกรงว่าคง…”พี่สามแค่นเสียง เจือความขุ่นเคืองแทนเฉียวเนี่ยน “ให้ข้าพูดนะ เนี่ยนเนี่ยนใจอ่อนเกินไป! แต่ก่อนเจ้าเซียวเหิงทำกับนางไว้อย่างไร? มาวันนี้นางยังต้อ

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1425

    อาจเพราะเสียงนั้นแผ่วเบาจนเกินไป มู่ซ่างเสวี่ยจึงเข้าใจว่าตนคงหูฝาด หรือมิเช่นนั้นก็เพราะไม่อยากจะปักใจเชื่อ เขาจึงเผลอไผลเอ่ยถามย้ำกลับไป น้ำเสียงแฝงแววตระหนกที่ยากจะสังเกตเห็น “อะ อะไรนะ?”ในยามนั้นเอง มู่หงเสวี่ยได้เดินโซซัดโซเซมาหยุดอยู่ข้างกายเฉียวเนี่ยนแล้วเขาไม่ได้มองเฉียวเนี่ยน ทว่าค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาดอกท้อที่แดงก่ำด้วยเส้นเลือดคู่นั้นจ้องมองมู่ซ่างเสวี่ยเพียงชั่วครู่ ก่อนจะค่อย ๆ เบนสายตาไปยังกลุ่มผู้อาวุโสตระกูลมู่ที่กำลังชะเง้อรอคอยอยู่ไกลออกไปท่ามกลางความเงียบงัน เสียงหัวเราะอันแหบพร่าและบ้าคลั่งของเขาก็ระเบิดดังขึ้น“ฮ่า ๆ ๆ ๆ! น่าขำ! น่าขำนัก! รากฐานนับร้อยปีของตระกูลมู่เรา สิ่งที่เฝ้ารักษามาทุกยุคทุกสมัย แท้จริงแล้วมัน... ช่างน่าขำสิ้นดี!”เสียงหัวเราะกึกก้องที่อัดแน่นด้วยความคับแค้น ความอัปยศ และความสิ้นหวังอันไร้ที่สิ้นสุด ประหนึ่งคมมีดอาบยาพิษที่กรีดผ่านความเงียบสงัดของราตรี และทิ่มแทงลงกลางดวงใจของคนตระกูลมู่ทุกคน ณ ที่แห่งนั้นอย่างโหดเหี้ยม!สีหน้าของผู้คนแปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เสียงกระซิบกระซาบด้วยความตกใจ ระแวง หวาดหวั่น และโกรธแค้น แผ่ขยายออกไปใน

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1424

    ในชั่วพริบตานั้นเอง นางพลันตระหนักรู้แจ้งแก่ใจอย่างถ่องแท้ขุมทรัพย์สะท้านโลกาที่ตระกูลมู่อ้างถึง ความลับที่แลกมาด้วยการพิทักษ์รักษาและการเสียสละชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนมาหลายชั่วคน แท้จริงแล้วเป็นเพียงหลุมพรางอันสมบูรณ์แบบที่เหยาวั่งซูทุ่มเทแรงกายแรงใจเฮือกสุดท้ายรังสรรค์ขึ้นก่อนสิ้นลมเท่านั้น!มิเคยมีทรัพย์สมบัติมหาศาลเทียมฟ้าอันใด สิ่งที่มี มีเพียงถ้อยคำจารึกบนผนังหินทั้งสี่ด้าน ที่ทุกอักขระล้วนหลั่งโลหิต ทุกประโยคล้วนอาบยาพิษ กรีดร้องฟ้องร้องความอยุติธรรม!เหยาวั่งซูเพียงใช้คำว่า “ขุมทรัพย์” อันเย้ายวนใจเพียงสองคำ ก็สามารถตอกตรึงลูกหลานตระกูลมู่ไว้บนเสาแห่งความอัปยศอดสูได้อย่างแน่นหนา ทำให้พวกเขายอมพลีเลือดเนื้อและชีวิตอย่างเต็มใจ ถมทับลงไปในกับดักนี้รุ่นแล้วรุ่นเล่า!ชั่วขณะนี้ เฉียวเนี่ยนราวกับมองทะลุผ่านฝุ่นธุลีแห่งกาลเวลานับร้อยปี เห็นภาพสตรีผู้นั้นในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต สตรีผู้ถูกคนรักที่ไว้ใจที่สุดหักหลัง ถูกช่วงชิงกิจการ และถูกพิษร้ายกัดกินร่างทีละน้อย นางลากสังขารอันบอบช้ำ ข่มกลั้นความเจ็บปวดแสนสาหัส รวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายจารึกอักษรเหล่านี้ลงบนผนังหินอันเย็นยะเยือก

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1423

    ยังไม่ทันสิ้นเสียง เขาก็ชิงก้าวล่วงเข้าสู่หลังบานประตูหินอันลึกล้ำสุดหยั่ง ร่างสูงใหญ่พลันถูกความมืดมิดภายในกลืนหายไปในชั่วพริบตาทุกย่างก้าวเปี่ยมไปด้วยความระแวดระวัง แสงจากคบเพลิงไหววูบอยู่ภายใน สาดส่องให้เห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างที่เคร่งขรึมตึงเครียดของเขามู่หงเสวี่ยอดมิได้ที่จะชะเง้อมองฝ่าความมืด ด้วยใจที่ร้อนรนใคร่รู้ว่าภายในนั้นมีสิ่งใดซุกซ่อนอยู่กันแน่!เพียงครู่ต่อมา เสียงทุ้มต่ำอันหนักแน่นของฉู่จืออี้ก็ดังลอดออกมาจากด้านใน “เข้ามาเถิด ปลอดภัย”เมื่อได้ยินคำยืนยัน หัวใจที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของเฉียวเนี่ยนจึงคลายลง นางรีบสาวเท้าก้าวผ่านประตูหินเข้าไปด้วยความหวังที่เปี่ยมล้นมู่หงเสวี่ยและเหล่าองครักษ์พยัคฆ์ที่เหลือรีบติดตามเข้าไป คบเพลิงหลายด้ามถูกชูขึ้นสูง เปลวไฟสีส้มแดงที่เต้นระริกสาดแสงรุกล้ำเข้าไป หวังจะขับไล่ความมืดมิดที่ตกตะกอนมานับร้อยปีหลังบานประตูนั้น!ทว่า ยามที่แสงไฟสว่างวาบจนเผยให้เห็นทัศนียภาพภายในห้องลับจนหมดสิ้น ทุกคนกลับดูประหนึ่งถูกแช่แข็งด้วยไอเย็นที่มองไม่เห็น ร่างกายแข็งทื่อตะลึงงันอยู่กับที่!มิได้มีทองคำแท่งหรือภาชนะหยกกองพะเนินเทียมภูเขาที่ส่องประกายยั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status