Share

19. รอคอยอย่างมีหวัง

last update Last Updated: 2025-06-26 21:41:08

“ตระเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วหรือยัง” ลู่หวังเหล่ยเอ่ยถามบุตรชายคนโตที่จะต้องไปเข้าร่วมกองทัพ

“เตรียมพร้อมแล้วขอรับ ท่านพ่อขอรับ ข้าจะให้สหายมาสอนการต่อสู้ให้กับน้องเล็กต่อนะขอรับ สหายของข้านางเป็นบุตรสาวเศรษฐีสกุลลั่ว” เยว่ชิงยกยิ้มอย่างดีใจ หากพี่ใหญ่เอ่ยปากเช่นนี้ ท่านพ่อมิมีทางคัดค้านเป็นแน่ แม้ว่าเยว่ชิงจะมีทักษะการต่อสู้ที่ติดตัวมาจากชีวิตก่อน แต่สิ่งที่นางได้เรียนรู้จากพี่ชายคือการหลบหลีกแฝงกาย ซึ่งต่างจากชีวิตก่อนของนาง ที่คุณพ่อมักจะให้นางเรียนการต่อสู้ซึ่งหน้ามากกว่า

“อืม เอาตามที่เจ้าว่าเถิด ให้เยว่ชิงฝึกไว้ก็ดีเช่นกัน” ลู่หวังเหล่ยเอ่ยตอบรับบุตรชาย พลางเข้าไปตบบ่าบุตรชายเบาๆ

“ท่านพ่อ ท่านแม่ รักษาตัวด้วย…พวกเจ้าดูแลกันให้ดี พี่ฝากดูแลท่านพ่อกับท่านแม่ด้วย” เฉินกงก้มคำนับบิดามารดาแล้วจึงหันมาเอ่ยกับน้องทั้งสาม

“พี่ใหญ่เองก็รักษาตัวด้วยนะขอรับ”

“มิต้องเป็นห่วงไป พี่ร่ำเรียนกับอาจารย์มาอย่างตั้งใจ พี่จะช่วยให้แคว้นของเราชนะศึกครานี้ แล้วกลับมาหาพวกเจ้าอย่างปลอดภัย”

“เยว่ชิงเชื่อว่าพี่ใหญ่จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยเจ้าค่ะ” เยว่ชิงเอ่ยด้วยท่าทางยิ้มแย้ม แต่ภายในใจกับรู้สึกบีบรัดและกังวลเป็นที่สุด นางมิอาจเข้าไปร่วมต่อสู้กับพี่ชายในสนามรบได้ จากนี้ก็คงต้องเฝ้ารออย่างมีความหวังเท่านั้น เยว่ชิงมองแผ่นหลังของพี่ใหญ่ห่างออกไปเรื่อยๆ

ขอให้สิ่งที่ท่านได้ร่ำเรียนมาช่วยให้ท่านพ้นจากเคราะห์ร้ายทั้งปวง

.

.

“คุณหนูเจ้าคะ มีคนมาขอพบเจ้าค่ะ” แม่นมลี่นำความเข้ามาแจ้งกับคุณหนูของตนถึงในลานกว้างที่เยว่ชิงใช้ฝึกซ้อม

“มูมู่รออยู่ที่นี่ก่อนนะ ประเดี๋ยวจะมาเล่นด้วย” เยว่ชิงเดินเข้าไปกอดมูมู่แล้วจึงเดินเข้าไปในเรือนพร้อมกับเผิงจู เมื่อเดินเข้ามาแล้วก็พบว่าท่านแม่กำลังนั่งพูดคุยอยู่กับหญิงสาวผู้หนึ่ง ใบหน้าหวานหยดแต่ทว่ากลับรับรู้ถึงความแข็งแกร่งจากสายตาคู่งามนั้น

“ท่านแม่…”

“เยว่ชิงมาพอดี นี่คุณหนูลั่วฟางฟาง สหายของพี่ใหญ่เจ้า” เยว่ชิงก้มคำนับสหายของพี่ชายอย่างนอบน้อม พี่ใหญ่ของนางเอ่ยว่าจะให้สหายมาสอนการต่อสู้ต่อจากที่พี่ใหญ่สอน ดังนั้นศิษย์ย่อมต้องเคารพอาจารย์

“เฉินกงเอ่ยถึงน้องเล็กของเขาอยู่บ่อยครั้ง มิคิดว่าจะงดงามถึงเพียงนี้”

“คุณหนูลั่วเองก็งดงามมิแพ้กันเจ้าค่ะ”

“เรียกข้าว่าพี่ฟางเอ๋อร์ก็ได้”

“เช่นนั้นพี่ฟางเอ๋อร์เรียกข้าว่าเยว่ชิงเถิดเจ้าค่ะ” เยว่ชิงยกยิ้มให้กับท่านอาจารย์คนใหม่ของนาง

“พาคุณหนูลั่วไปเที่ยวชมเรือนเถิด แม่จะไปเตรียมขนมมาให้” ได้ยินดังนั้น เยว่ชิงจึงเดินนำลั่วฟางฟางไปยังลานฝึกของตนทันที แต่ยังไม่ทันที่ฟางฟางจะได้ก้าวเข้าไปในลานฝึก สายตาของนางก็สะดุดเข้ากับเสือขาวตัวใหญ่ที่กำลังวิ่งมาทางนาง

“กรี๊ดดดดด เสือ เสือ ฮื่อออออ” ฟางฟางกรีดร้องเสียงดังลั่นเรือน จนบ่าวไพร่ต่างแห่แหนกันมาดู

“พี่ฟางเอ๋อร์ใจเย็นลงก่อนเจ้าค่ะ นี่เป็นเสือของข้าเอง มูมู่เป็นเด็กดีไม่ทำร้ายพี่ฟางเอ๋อร์แน่ หายใจลึกๆ เจ้าค่ะ” เยว่ชิงและเผิงจูรีบเข้าไปประคองฟางฟางเอาไว้ เพราะกลัวว่านางจะเป็นลมล้มพับลงไป

“สะ เสือเจ้าหรอกหรือน้องเยว่ชิง มะ มันจะไม่กัดพี่ใช่หรือไม่”

“ไม่กัดแน่เจ้าค่ะ มิมีสิ่งใดแล้ว พวกเจ้าไปทำงานกันเถิด” เยว่ชิงเอ่ยตอบฟางฟาง แล้วจึงหันไปบอกบ่าวรับใช้ให้กลับไปทำงาน

“อันใดกัน เสียงกรีดร้องของผู้ใด ดังแสบหูเสียจริง อึก!” หมิงยู่ที่ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากลานฝึกซ้อมของน้องสาวก็รีบมาดู จึงได้พบกับหญิงสาวแปลกหน้าผู้หนึ่งยืนอยู่เคียงข้างน้องสาว

“ข้ามิได้กรีดร้องเสียงดังถึงเพียงนั้นนะ” ฟางฟางเอ่ยออกไปแผ่วเบา หวังลบล้างเรื่องอับอายที่พึ่งเกิดขึ้น นางจะมาเป็นอาจารย์สอนการต่อสู้ แต่กลับกรีดร้องเสียงหลงเพราะกลัวเสือเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน ฮื่อออออ

“เหอะ เสียงดังลั่นเรือนขนาดนี้ ยังว่าไม่ดังอีกหรือ…ว่าแต่เจ้าเป็นผู้ใด เข้ามาในเรือนข้าได้อย่างไร” หมิงยู่เอ่ยถามหวังสืบความจากหญิงสาวตรงหน้า

“พี่รองอย่าได้เสียมารยาท นี่คุณหนูลั่วฟางฟางเป็นสหายของพี่ใหญ่ นางจะมาเป็นอาจารย์สอนการต่อสู้ให้กับเยว่ชิง”

“อาจารย์…กรีดร้องจนเสียงหลงเช่นนี้จะไหวหรือ หากถูกมูมู่คำรามใส่นางจะไม่เป็นลมเป็นแล้งไปหรอกหรือ” หมิงยู่ยิ้มเยาะอย่างท้าทายจนคนฟังอย่างฟางฟางถึงกับโมโห

“ข้าเพียงตกใจเพราะพึ่งจะเคยพบกับมูมู่เท่านั้น นานวันเข้าก็คุ้นชิน น้องเยว่ชิงพี่ว่าเรามาเริ่มฝึกกันเลยดีหรือไม่”

“ดีเจ้าค่ะ พี่ฟางเอ๋อร์ไปเปลี่ยนชุดก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ ใส่ชุดของข้าไปก่อน หากใส่ชุดนี้ฝึกซ้อมคงจะเปรอะเปื้อนจนอาภรณ์เสียหายเป็นแน่”

“นั้นสินะ รบกวนเจ้าด้วย” เดิมทีฟางฟางเพียงต้องการมาทำความรู้จักกับครอบครัวสกุลลู่ไว้ก่อน จึงได้สวมอาภรณ์สีชมพูสดใสมา แต่กลับมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น นางมิอาจทนให้ตนเองขายหน้ากับคุณชายรองของสกุลลู่ได้ นางจึงอยากแสดงให้เขาเห็นว่านางเป็นอาจารย์ได้ หลังจากที่ฟางฟางเดินตามเผิงจูไปเปลี่ยนอาภรณ์ในเรือน จึงพอมีเวลาให้เยว่ชิงไต่สวนพี่รองของนาง

“เหตุใดจึงไปว่าพี่ฟางเอ๋อร์เช่นนั้นเล่าพี่รอง”

“ก็มันจริงมิใช่หรือ พี่เพียงพูดไปตามที่เห็น” หมิงยู่พยายามหลบสายตาขี้สงสัยของน้องสาว

“หึ ปกติแล้ว แม้พี่รองจะปากเสีย แต่ก็มิเคยต่อว่าผู้ที่เคยพบเจอกันคราแรกเช่นนี้ มิใช่ว่าพี่รองอยากให้พี่ฟางเอ๋อร์จดจำท่านได้หรอกหรือ จึงเอ่ยหยอกนางไปเช่นนั้น” เยว่ชิงกระตุกแขนเสื้อพี่ชายตนเองพลางส่งยิ้มกริ่มไปให้

“อะแฮ่ม! เรื่องของผู้ใหญ่ เจ้าตั้งใจเล่าเรียนก็เพียงพอ…ว่าแต่เจ้าจะเริ่มฝึกซ้อมเลยหรือ ข้าว่าจะมาเล่าเรียนด้วย อย่างไรก็ต้องเสียเงินทองจ้างเขามาสอนเจ้าอยู่แล้ว ให้พี่กับลี่อินมาเรียนด้วยนางคงจะมิมีปัญหากระมัง” หลังจากหมิงยู่พูดจบเยว่ชิงก็หัวเราะร่า เป็นอย่างที่นางคิดไว้จริงด้วย

เพียงพบเจอกันคราแรกก็ถูกตาต้องใจเลยหรือ จิตใจอ่อนไหวเสียจริง

“เจ้าค่ะๆ เช่นนั้นพี่รองก็รีบไปตามพี่สามแล้วรีบไปเปลี่ยนอาภรณ์เสีย ข้าจะพูดเรื่องนี้กับพี่ฟางเอ๋อร์ให้”

“อืม ขอบใจเจ้ามาก น้องรักของพี่” หมิงยู่เดินมากอดรัดเยว่ชิงเสียแน่นจนแทบหายใจไม่ออกแล้วจึงรีบวิ่งไปเรียกลี่อิน ไม่นานทั้งลูกศิษย์และอาจารย์ก็เตรียมพร้อม ฟางฟางเริ่มฝึกซ้อมร่างกายให้ลี่อินและหมิงยู่ก่อน เพราะทั้งคู่ยังไม่มีพื้นฐานและร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แต่สำหรับเยว่ชิงและเผิงจู ฟางฟางให้เริ่มฝึกทักษะการต่อสู้ การยิงธนู และการเร้นกาย เพราะดูเหมือนว่าทั้งคู่จะมีพื้นฐานมาจากการเรียนกับเฉินกงบ้างแล้ว

“ท่านอาจารย์ทำเช่นนี้หรือ” หมิงยู่ที่กำลังตั้งท่าฝึกร่างกายเอ่ยถามฟางฟางที่กำลังฝึกให้เยว่ชิงอยู่ ฟางฟางจึงต้องหันกลับมาดูหมิงยู่

“เหยียดแขนให้ตรงกว่านี้ ขาต้องอ้าให้กว้างกว่านี้ด้วย” ฟางฟางจับแขนของหมิงยู่ให้เหยียดตรง ทั้งยังจัดท่าทางให้หมิงยู่อย่างถูกต้อง โดยมิได้รับรู้เลย ว่านี่เป็นแผนการเรียกร้องความสนใจฉบับคุณชายรองสกุลลู่ และหลังจากนั้นเยว่ชิง ลี่อิน และเผิงจูก็มักจะได้ยินเสียงของหมิงยู่ที่เอาแต่เรียกหา ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ อยู่ร่ำไป…

.

.

“ท่านพี่ได้ข่าวคราวเฉินกงบ้างหรือไม่เจ้าคะ” ซูเมิ่งเอ่ยถามถึงบุตรชายที่ไปร่วมรบกับชนเผ่านอกด่าน ตลอดสามปีที่ผ่านมา แม้ว่าร้านซิ่งฟู่จะเจริญรุ่งเรืองจนสกุลลู่มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ ทั้งเรือนสกุลลู่ยังมีเสียงหัวเราะของบุตรทั้งสามเคล้าคลออยู่ตลอดเวลา แต่ครอบครัวสกุลลู่ก็ยังมีเรื่องเฉินกงให้กังวลใจอยู่เรื่อยมา

“นั่นสิเจ้าคะ พี่ใหญ่ส่งจดหมายมาบ้างหรือไม่เจ้าคะ” หากว่าผู้อื่นกังวลใจอยู่ห้าส่วน เยว่ชิงคงจะกังวลใจอยู่สิบส่วน ด้วยว่าในนิยายเรื่องชะตาร้ายยามที่ลู่เยว่ชิงอายุได้สิบสองหนาว ทัพใหญ่จะต้องเคลื่อนพลเข้าเมืองหลวงแล้ว แต่ตอนนี้นางอายุได้สิบสามหนาว พี่ใหญ่ของนางยังไม่กลับมา ทั้งที่เหตุการณ์ที่พี่สามป่วยก็ตรงกับช่วงอายุที่ในนิยายได้กล่าวไว้

“ทำศึกจะส่งจดหมายมาได้อย่างไรเล่า แต่พ่อได้ข่าวว่าแม่ทัพใหญ่ได้ทำการปราบชนเผ่านอกด่านจนสิ้นแล้ว ทั้งบัดนี้แคว้นหลงก็ได้ถอนกำลังทหารออกจากชายแดนทางใต้ของเราไปแล้ว อีกไม่กี่เดือนทัพใหญ่คงจะเคลื่อนเข้าสู่เมืองหลวง” คำบอกเล่าของบิดามิได้ทำให้เยว่ชิงเบาใจลงได้เลย ให้หัวเฝ้าคิดแต่เพียงว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เหตุใดเหตุการณ์ต่างๆ เริ่มจะไม่ตรงตามเวลาที่นิยายได้กล่าวไว้

หรือว่าจากนี้…เรื่องราวจะเปลี่ยนไปแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   100. บทเรียนจากมารดา (ตอนพิเศษ)

    “เสด็จพ่อ มิอยู่หรือเพคะ อื้ม” เสียงเล็กของเด็กหญิงวัยหกหนาวเอ่ยถามมารดาทั้งที่มือยังคงนำขนมเข้าปากน้อยๆ ไม่หยุด“ฉิเงอ๋อร์ เจ้าเรียบร้อยให้สมกับเป็นสตรีเสียบ้างเถิด” เยว่ชิงนำผ้ามาเช็ดปากให้บุตรสาวตัวน้อย ดูทีเถิดอันเอ๋อร์บุตรสาวของพี่ใหญ่กับเสี่ยวจูอายุเพียงสี่หนาวยังนั่งกินเรียบร้อยมิเลอะเทอะแม้แต่น้อย“มิจำเป็นเพคะ ท่านลุงรองเอ่ยว่ายามเสด็จแม่เด็กก็แก่นเซี้ยวเช่นฉิงเอ๋อร์” แม้จะถูกมารดาดุ แต่เด็กหญิงตัวน้อยกลับมาใส่ใจ เอาแต่กัดกินขนมด้วยท่าทีสบายอารมณ์“เสด็จแม่คงต้องทำใจเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ บุตรของผู้ใดย่อมเหมือนผู้นั้น ฉิงเอ๋อร์ย่อมซุกซนเหมือนเสด็จแม่ อันเอ๋อร์ย่อมเรียบร้อยเหนียมอายดั่งท่านป้าเผิงจู ส่วนอาหรานเองก็ปากเก่งเช่นท่านลุงรอง” อาหรานที่จางหย่งเอ่ยถึงคือ ลู่ห่าวหราน บุตรชายของพี่รองและพี่ฟางเอ๋อร์ที่อายุได้เพียงสี่หนาว แต่กลับช่างพูดช่างเจรจาดั่งพี่รองมิมีผิด“คิกๆ”“เสี่ยวจู เจ้าหัวเราะข้าหรือ”“มิได้เพคะพระชายา เพียงแต่หม่อมฉันนึกถึงยามที่พระชายาเป็นเด็ก ท่านหญิงมิมีสิ่งใดต่างจากพระชายาเลยเพคะ” เผิงจูยกมือปิดปากหัวเราะ ท่านหญิงช่างเหมือนพระชายาเหลือเกิน ส่วนท่านชายใหญ่ก็

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   99. ขอบคุณ

    “ปล่อยอาหย่งกับฉิงเอ๋อร์ไว้กับเหล่าองค์ชายจะดีหรือเพคะ เยว่ชิงกลัวว่าเจ้าก้อนของเราจะไปทำให้เหล่าองค์ชายลำบากเอาได้” บุตรชายและบุตรสาวของนางนั้นแม้จะเลี้ยงไม่ยาก ทว่าเอาแต่ใจตนเองเป็นที่หนึ่ง อยากร้องก็ร้อง อยากหยุดก็หยุด ชอบเล่นสนุกจนบางครั้งทำให้ขันทีฟ่งหรานถึงกับเหนื่อยหอบลมแทบจับ นางเกรงว่าเจ้าก้อนทั้งสองของนางจะทำให้เหล่าองค์ชายปวดหัวเอาได้“ฮ่าๆ มิได้ห่วงเจ้าก้อนหรอกหรือ” หลิวหยางพาเยว่ชิงควบม้าออกมาห่างจากเมืองหลวงพอควร เพื่อพาร่างบางไปยังสถานที่หนึ่ง ที่เขาได้ตระเตรียมเอาไว้นานแล้ว“เจ้าก้อนทั้งสองของเรา หากว่ามีพี่สามอยู่ เยว่ชิงก็มิห่วงอันใดแล้วเพคะ ทั้งเหล่าองค์ชายเองก็เอ็นดูอาหย่งและฉิงเอ๋อร์ของเราถึงเพียงนั้น จะต้องห่วงอันใดอีกเล่า…ว่าแต่ท่านพี่จะพาเยว่ชิงไปที่ใดหรือเพคะ” นัยน์ตาสดใสมองไปรอบข้างอยู่นาน แต่ก็มิคุ้นกับที่ทางเหล่านี้สักเท่าใด“พี่พาเจ้าออกมาเที่ยวเล่นอย่างไรเล่า จะได้มิน้อยใจ หาว่าพี่สนใจแต่บุตรมิสนใจมารดา”“โถ่~ เรื่องเพียงเท่านี้ ผู้ใดจะน้อยใจเล่าเพคะ” แขนเล็กถูกยกขึ้นกอดอก ดวงหน้างดงามเชิดขึ้นดั่งถือดี เพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายที่ถูกสวามีจับได้ว่าแอบน้อย

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   98. พบปะเสด็จอา (3)

    “อู้ๆ คิก เจี่ยมๆ”“โอ้ ฉิงเอ๋อร์ของลุงวาดภาพได้งดงามยิ่ง หากอาหย่งก็กลับมาแล้ว เราเอาไปอวดเขาดีหรือไม่ หืม” หมิงยู่ว่า พลางนำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบสีที่ติดใบหน้าหลานสาวตัวน้อยออก อีกสองเดือนข้างหน้าก็จะถึงฤกษ์แต่งของเขากับฟางเอ๋อร์แล้ว ถึงครานั้นเขาจะรีบมีบุตรให้ทันใช้ เดิมทีมีการกำหนดฤกษ์แต่งก่อนหน้านี้ แต่ทว่าพี่ชายของฟางเอ๋อร์ออกเรือไปส่งสินค้าต่างแคว้นมิอาจมาร่วมงานได้ พวกเขาจึงเลื่อนออกไป เพราะอยากให้ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าในวันสำคัญ“คารวะองค์ชายทั้งห้าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมพาอาหย่งไปเปลี่ยนอาภรณ์ตัวใหม่มาแล้ว รับรองว่ากลิ่นหอมฉุย” ลี่อินอุ้มจางหย่งเข้ามาในศาลาที่เหล่าองค์ชายนั่งอยู่ รอยยิ้มหวานหยดของคุณชายรองลู่ทำเอาใครบางคนถึงกับหันมองมิวางตา จนเหล่าพี่น้องจับสังเกตได้“เชิญคุณชายรองและคุณชายสามลู่ตามสบาย ถือว่าพวกข้ามาพักผ่อนดั่งครอบครัวทั่วไป ใช่หรือไม่น้องสี่” จ้านฉือที่เห็นว่าน้องชายยังมิละสายตาจากใบหน้างามจึงได้เอ่ยเรียกสติ“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพี่ คุณชายลู่พาอาหย่งมานั่งเถิด” เมื่อองค์ชายสี่เอ่ยเรียกคุณชายลู่ ทำให้ทั้งลี่อินและหมิงยู่ชะงักมองหน้ากัน เพราะมิรู้ว่าองค์ชายเอ่ยเรี

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   97. พบปะเสด็จอา (2)

    “ข้าฝากเจ้าพวกเจ้าด้วย มิถึงสองชั่วยามข้าก็กลับมาแล้ว หากว่ามีสิ่งใดก็เรียกฟ่งหราน หรือไม่ก็ขอคุณชายสามลู่ช่วยได้” ในยามเว่ย (13:00 – 14.59 น.) หลิวหยางตั้งใจจะออกไปที่หนึ่งกับเยว่ชิงตามลำพัง ทั้งบรรดาน้องชายอยากออกมาสังสรรค์กันที่จวนอ๋องของเขา เขาจึงใช้โอกาสนี้ขอให้น้องชายมาช่วยอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับบุตรทั้งสองเดิมทีเฉินกงและเผิงจูคิดจะตามไปด้วย แต่เขาคิดว่าควรจะให้เฉินกงได้พักเสียบ้าง จึงให้คู่บ่าวสาวที่พึ่งจะตบแต่งกันไปเมื่อสามเดือนก่อนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ้าง เฉิงกงจึงพาเผิงจูออกไปอารามเพื่อขอบุตร“เสด็จพี่ใหญ่ไว้ใจข้าได้ ข้าน่ะเลี้ยงเด็กมามาก เพียงแค่หลานสองคนจะยากสักเท่าใดกันเชียว” องค์ชายห้าเฉิงเฟยฟาตบอกตนเองอย่างมั่นอกมั่นใจ“หึ เด็กที่เจ้าเลี้ยงมิใช่เด็กทารกนะเจ้าห้า” องค์ชายสี่ส่ายหัวอย่างเอือมระอา เด็กที่น้องชายเขาว่าคงมิพ้นสาวงามในหอนางโลมเป็นแน่เหล่าองค์ชายต่างหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าองค์ชายสี่หมายถึงเรื่องใด เว้นก็แต่ผู้ที่ถูกว่าอย่างองค์ชายห้า“เอาเถิดๆ บุตรของข้าเลี้ยงง่าย มิทำให้พวกเจ้าหนักใจเป็นแน่ ถือเสียว่าออกมาพักผ่อนนอกวังเสียบ้าง” หลิวหยางว่าพลางก้มลงจุมพิตบุตร

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   96. พบปะเสด็จอา (1)

    กว่าเจ็ดเดือนที่หลิวหยางและเยว่ชิงแทบจะมิอยู่ห่างบุตรทั้งสอง โดยเฉพาะหลิวหยางที่ถึงขั้นหอบงานมาทำด้วยยามที่บุตรหลับ“บู้ๆ เอิ้ก แอ๊!” เสียงทารกน้อยวัยเจ็ดเดือนกำลังนอนสนทนากันอยู่บนเตียงสองคนเบาๆ ทั้งจางหย่งและอ้ายฉิงเป็นเด็กเลี้ยงง่าย มีร้องไห้งอแงตามประสาเด็กบ้าง แต่เมื่อได้ดื่มนมจากอกมารดาก็หยุดงอแงทันใด เพราะเหตุนี้ทารกน้อยทั้งสองจึงได้อ้วนท้วมสมบูรณ์ ประกอบกับผิวที่ขาวราวหิมะ ทำให้ผู้เป็นบิดามารดาและข้ารับใช้ในจวนอ๋องต่างเอ็นดูท่านชาย ท่านหญิงเป็นที่สุด“หึๆ ฉิงเอ๋อร์กับอาหย่งพูดคุยเรื่องใดกันอยู่หรือ ให้พ่อพูดคุยด้วยได้หรือไม่ หืม” หลิวหยางยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตแก้มกลมของบุตรทั้งสองคนละทีให้หายคิดถึง เขาพึ่งจะกลับมาจากการประชุมในท้องพระโรงจึงได้ตรงกลับจวนทันที แต่ก็มิทันได้ทานมื้อเช้ากับชายาและบุตรอยู่ดี ร่างสูงจึงรีบทานอาหารและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนเข้ามาหาเยว่ชิงและบุตรทั้งสอง“ท่านพี่” เยว่ชิงเมื่อเห็นว่าสวามีหอมแก้มบุตร จึงได้ยื่นแก้มของตนเองให้สวามีได้หอมบ้าง ตั้งแต่มีบุตร ดูเหมือนว่าท่านอ๋องจะมิสนใจเยว่ชิงแล้ว เมื่อก่อนกลับมาจากการทำงานจะต้องมาหานางเป็นคนแรก แต่บัดนี้กลับมุ่ง

  • พอกันทีกับบทนางเอกแสนอาภัพ   95. เจ้าก้อนตัวน้อย

    “โอ๊ยยย ฮื่อ! เหตุใดจึงเจ็บเช่นนี้ ฮึก ท่านแม่ช่วยเยว่ชิงที” เสียงกรีดร้องของเยว่ชิงทำให้ผู้เป็นสวามีนั่งไม่ติด ร่างสูงเดินไปมาอยู่หน้าห้องอย่างร้อนรน เยว่ชิงมิใช่สตรีที่อ่อนแอ แต่บัดนี้นางกลับกรีดร้องออกมา ย่อมตีความได้ว่านางกำลังลำบากอยู่เป็นแน่“ท่านอ๋องนั่งลงก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ มารดาของพระชายาเข้าไปอยู่ด้วยเช่นนี้ พระชายาย่อมอุ่นใจแล้ว” ลู่หวังเหล่ยและครอบครัวสกุลลู่กำลังเตรียมตัวเข้านอน แต่กลับมีทหารองครักษ์ของฮ่องเต้มาแจ้งข่าวถึงหน้าเรือน พวกเขาจึงได้รีบกลับมาที่จวนอ๋องอีกครั้ง“ท่านพ่อตา เยว่ชิงจะไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” ใบหน้าคมของชินอ๋องแคว้นเฉิงซีดเผือด ยิ่งได้ยินเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังลอดออกมาเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาขลาดกลัวมากขึ้น“พระชายาจะปลอดภัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าอย่าได้วิตกไปหลิวหยาง สตรีคลอดลูกก็เป็นเช่นนี้ รอไม่นานบุตรของเจ้าก็จะคลอดแล้ว” ฮ่องเต้เจี้ยนกั๋วเข้ามาโอบบ่าของโอรส บีบเคล้นบ่าแกร่งเบาๆ ให้หลิวหยางได้คลายกังวลลงบ้าง“อื้ออออ กรี๊ดดดดดด”อุแว้! อุแว้! อุแว้!“นั่นอย่างไร ได้ยินหรือไม่ ฮ่าๆ ข้าได้หลานชายหรือหลานสาว!” ฮ่องเต้เจี้ยนกั๋วหัวเราะออกมาเสียงดัง เสียงทร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status