อืมมม ทานเข้าไปคำแรกก็รู้สึกถึงความเผ็ดของพริกและกระเทียม แต่ก็ตัดเค็มด้วยน้ำปลามะนาวแถมยังมีรสหวานติดปลายลิ้นเล็กน้อย
ข้าวสวยก็ไม่ได้มองเขาแบบเต็มตาหรอกแค่แอบชำเลืองมอง เห็นว่าเขาเริ่มตักคำที่สอง คำที่สามคิดว่าเขาคงกินได้แหละ
แบบนี้ก็กินได้ด้วยเหรอ กินไปจนข้าวจะหมดจานก็ยังมีคำถามเดิมผุดเข้ามาในหัว แสดงว่าชาวบ้านที่ไม่มีกำลังทรัพย์ที่อยู่ตามหัวไร่ปลายนาเขาหากินกันแบบนี้เองเหรอ
อิ่มแล้วข้าวสวยก็ยกเอาถ้วยข้าวตัวเองเข้าไปล้าง พอออกมาก็เห็นว่าเขาอิ่มแล้วเช่นกัน แต่เขาไม่เก็บถ้วยชามที่เหลือ
"นี่คุณกินทิ้งไว้แบบนั้นไม่คิดจะเก็บเลยหรือไง"
"ก็เก็บเองสิ"
"ที่นี่ไม่มีคนรับใช้ใครกินก็ต้องเก็บ ของที่เหลือคุณกินเสร็จคนสุดท้ายคุณก็ต้องเก็บ"
"เรื่องอะไร" ว่าแล้วภูเบศก็เดินออกไปจากบ้าน เขาเดินดูบรรยากาศรอบๆ ทำไมไอ้วัลลภถึงหาที่แบบนี้ได้เร็วจัง เรื่องนี้เขาก็คิดอยู่หรอก เพราะที่นี่มันบรรยากาศดีมากเลย แถมเครื่องอำนวยความสะดวกก็มีครบถึงแม้บ้านจะเป็นแค่บ้านไม้ชั้นล่างเปิดโล่งแต่ก็มีห้องครัวไว้ทำอาหาร ไม้ผนังห้องครัวยังใหม่ๆ อยู่เลย
เห็นเขาไม่เก็บถ้วยชามข้าวสวยเลยต้องเป็นคนเก็บเอง เก็บเสร็จเธอก็ขึ้นไปดูชั้นบน อยากดูว่ามีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนไหม
พอขึ้นมาก็ลองเปิดลิ้นชักไม้ที่มีอยู่ชั้นบนเปิดดูก็เห็นว่ามีชุด เหมือนจะเป็นของชาวนาแถวนี้ เพราะเป็นผ้าถุงเสื้อคอกระเช้า
"ของใครเนี่ย เรายืมใส่ก่อนได้ไหม" เปิดดูอีกชั้นก็เห็นว่ามีของผู้ชายด้วย
ก่อนที่มันจะค่ำมากกว่านี้ข้าวสวยก็เลยเอาเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวลงมาอาบน้ำ ตอนที่เธออาบน้ำอยู่เขาก็กลับมาพอดี
"ไปเอาเสื้อผ้าใครมาใส่ล่ะ"
"คุณไม่ได้เตรียมไว้ให้เหรอ?"
คงจะเป็นไอ้พวกนั้นเตรียมไว้เขาเลยไม่พูดอะไร เดินขึ้นไปข้างบนเพราะจะเอาโทรศัพท์มาโทรให้ลูกน้องเข้ามารับ ทีแรกว่าจะค้างที่นี่แต่ดูแล้วคงนอนไม่ได้แอร์ก็ไม่มี
"โทรศัพท์ฉันไปไหน?" ขึ้นมาก็ไม่เห็นโทรศัพท์เลยลงมาถามเธอที่นั่งอยู่ข้างล่าง
"ฉันจะไปรู้เหรอ"
"เธอไม่ได้แอบเอาไปแน่นะ"
"ฉันจะเอาของคุณไปทำไม"
ไม่เห็นโทรศัพท์แล้วจะโทรติดต่อไอ้พวกนั้นได้ยังไงเนี่ย กว่าจะเดินออกไปจากที่นี่ก็ตั้งหลายกิโลเมตร แต่เธอไม่รู้หรอกเพราะตอนที่พาเข้ามาเธอถูกยาสลบของเขา
ช่วงเย็นตะวันตกดินเร็วมากแต่โชคดีบ้านหลังนี้มีไฟฟ้าให้ใช้ อยู่ข้างล่างได้ไม่นานเพราะเริ่มมียุง ข้าวสวยเลยขึ้นไปข้างบนก็เห็นว่าเขากำลังหาโทรศัพท์อยู่
"ยังไม่เจอเหรอ"
"ต้องเป็นเธอแน่เลยที่เอาไป"
"แล้วแต่จะคิดเถอะ"
"ถ้าไม่มีโทรศัพท์จะติดต่อกับคนของฉันได้ยังไง"
"สมน้ำหน้า"
"อ้าว.." ชายหนุ่มหยุดมือที่กำลังค้นแล้วมองมาที่เธอ
"อยากเล่นอะไรแผลงๆ ทำไมล่ะ สงสัยผีบ้านผีเรือนคงเอาไปซ่อนมั้ง"
"ดีถ้ามีผีบ้านผีเรือนก็มาหักคอเธอเลย"
"ปากไม่ดี" ข้าวสวยรู้สึกขนลุกที่เขาพูดแบบนั้น
"กลัวผีเหรอ"
"ใครไม่กลัวผีบ้าง"
"ผีเป็นตัวยังไง เคยเห็นเหรอถึงกลัว"
เหนื่อยจะพูดกับไอ้บ้านี่แล้ว เราก็ใช้ชีวิตของเราอยู่ดีๆ ยังจะลากเรามาลำบากอีก แถมยังมาทำโทรศัพท์หาย บ้าหรือเปล่า
ข้าวสวยมองไปดูมุ้งที่มีแขวนไว้ข้างผนัง คงมีไว้กันยุงเธอเลยเดินไปหยิบมุ้งออกมามัดกับเสา
"เธอเคยใช้ชีวิตแบบนี้เหรอ" ที่ถามเพราะเห็นว่าเธออยู่กับสิ่งแวดล้อมแบบนี้ได้
"ไม่เคย"
"แล้วทำไมเธอทำเป็น"
"ฉันมีตา"
"ปากดี เดี๋ยวก็จัดซะเลยนี่"
เธอเลยอยู่เงียบๆ เพราะมันค่ำแล้ว กลัวเสียเปรียบเขา
กางมุ้งเสร็จเธอก็มุดเข้าไปนอน ค่ำแบบนี้ไม่รู้จะทำอะไร เขาจะเป็นบ้าหาโทรศัพท์ต่อไปก็หาไปเถอะ พื้นที่มีอยู่แค่นี้ ถ้ามันไม่มีขาเดินหนีก็คงมีคนแอบขึ้นมาเอาแหละ
มีพัดลมเล็กให้ตัวหนึ่งในมุ้งเธอเลยเปิดพัดลมใส่ตัวเองขณะนอน แต่พอภูเบศมุดเข้ามาด้วยเขาเลยขยับพัดลมไปที่ตัวเขาทั้งหมด
"เอ๊ะนี่คุณไม่เห็นหรือว่าพัดลมฉันใช้ก่อน"
"ก็ฉันร้อนนี่"
"ร้อนก็เปิดส่ายสิ"
"ส่ายมันจะเย็นอะไรล่ะ"
แต่ข้าวสวยไม่ยอมแพ้ขยับพัดลมกลับมาที่เธอเหมือนเดิม พอเธอขยับพัดลมไปเขาเลยขยับตัวตาม จนร่างของทั้งสองแนบชิดกัน
"ขยับออกไปนะ"
"ก็พัดลมมันอยู่ตรงนี้"
"ถ้างั้นคุณก็เอาไปคนเดียวเลย" ยอมร้อนหน่อยดีกว่าเสียเปรียบเขา แต่พอดึกๆ มาลมเริ่มโชยอากาศก็เริ่มเย็น
ภูเบศที่นอนอยู่หน้าพัดลมแถมไม่มีผ้าห่มก็เริ่มหนาว
"อือ?" หลับอยู่ดีๆ เหมือนมีคนมาแย่งผ้าห่มไปเลยสะดุ้งตื่น "เอาผ้าห่มฉันคืนมานะ!"
"มันหนาวไม่เห็นหรือไง"
"หนาวคุณก็ปิดพัดลมสิ"
"ปิดก็หายใจไม่ออก"
เป็นผู้ชายจริงหรือเปล่าเนี่ย ข้าวสวยเลยต้องนอนขดตัวดีกว่าใช้ผ้าห่มผืนเดียวกับเขา
จนถึงเช้าวันต่อมา..
"ไปไหนแล้ว?" ภูเบศดันตัวลุกขึ้นเมื่อไม่เห็นเธอนอนอยู่ข้างๆ คิดว่าเธอจะหนีออกไปแล้ว เขาเลยรีบวิ่งลงมาข้างล่าง
แต่พอลงมาได้กลิ่นหอมเลยเดินเข้าไปดูในครัว "ทำอะไร"
"ผัดผักบุ้ง"
"มีเนื้อใส่เหรอ"
"ไม่มีหรอกเมื่อวานลวกผักบุ้งจิ้มน้ำพริกแล้ววันนี้เลยผัดผักบุ้งแทน"
ถ้าพวกมันยังไม่เข้ามากูจะไม่เป็นเต่าก่อนเหรอเนี่ย กินแต่ผักบุ้งอยู่นั่นแหละ
"มายกกับข้าวออกไปช่วยกันสิ"
"เป็นแม่ฉันหรือไงทำไมสั่งจัง"
"จะกินไหม"
"กิน!"
ภูเบศช่วยเธอยกอาหารที่เธอเพิ่งทำเสร็จออกมาตั้งโต๊ะข้างนอก แล้วข้าวสวยก็ตักข้าวให้เขาด้วย
หน้าตาอาหารที่เธอทำมันก็ไม่พิเศษอะไรหรอก แต่พอตักมาใส่ปากดูแล้วรสชาติมันพอใช้ได้เลย ถ้ามีเนื้อหมูสักนิดก็คงจะดี
"อร่อยใช่ไหมล่ะ"
"ก็พอกินได้" ว่าแล้วชายหนุ่มก็ตักข้าวใส่ปากอีก
"ตอนที่ฉันไปเก็บผักบุ้งเห็นหอยขมตัวใหญ่มาก"
"แล้วไง"
"ก็ตอนเที่ยงเราจะทำหอยขมกันไง"
"เธอจะไปเก็บเหรอ"
"คุณนั่นแหละต้องลงไปเก็บ"
"เรื่องอะไร.."
ในเวลาต่อมาริมคลองส่งน้ำ
"คุณก็มุดลงไปสิ น้ำมันลึกยื่นมือลงไปแบบนั้นมันจะถึงหรือไง"
"ถ้าเก่งนักก็ลงมางมเองเลยสิ!"
"คุณงมไปเลยนะเดี๋ยวฉันจะไปดูมะละกอต้นนั้นว่ามีลูกไหม" เธอมองไปเห็นต้นมะละกอแต่ก็อยู่ไกลเลยไม่รู้ว่ามันมีลูกไหม พอเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เห็นว่ามะละกอออกลูกด้วย
ข้าวสวยเก็บมะละกอมาหนึ่งลูกแล้วก็เดินกลับมาที่เดิม แต่พอกลับมาคราวนี้ไม่เห็นเขาอยู่ในน้ำแล้ว เลยมองไปรอบๆ
"คุณภูเบศ คุณอยู่ไหน!" หญิงสาวตะโกนแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมาเลย ถ้าว่าเขาขึ้นบ้านแล้วก็คงไม่ใช่ "คุณภูเบศคุณจมน้ำหรือเปล่า" ข้าวสวยวางมะละกอไว้ริมคลอง แล้วก็ค่อยๆ ไต่ตลิ่งลงไปตรงที่เขางมหอยอยู่
ตุ้ม!
ด้วยความที่เมื่อคืนดื่มหนักพอขึ้นเครื่องเขาก็หลับ เพราะแบบนี้แหละบนเครื่องบินส่วนตัวของเขาเลยต้องมีเตียงนอนไว้ให้ด้วย และเดินทางไม่นานก็มาถึงที่หมาย"นี่คุณภูเบศตื่นได้แล้วค่ะ""อืมม!" ชายหนุ่มพลิกตัวแล้วเอาหมอนขึ้นมาปิดหูตัวเองไว้"จะนอนอยู่นี่ใช่ไหม ถ้างั้นฉันไปคนเดียวก็ได้""อะไรของเธอวะ!" เขาเลยจำเป็นต้องลุก เดินลงมาจากเครื่องก็มีรถมาจอดรอรับอยู่แล้ว"สวัสดีครับนายหัว""โผล่หัวมาได้แล้วหรือพวกมึง""ขอโทษครับนายหัวพวกเราถูกคุมกำเนิดครับ""เดี๋ยวกูไล่ออกให้หมดเลยนี่ พวกมึงเป็นลูกน้องใครกันแน่วะระหว่างกูกับพ่อกู""เป็นลูกน้องนายหัวครับ แต่ไม่กล้างัดข้อกับเสี่ยครับ"เธอก็อยากรู้อยู่หรอกว่าอีตาบ้าเนี่ยไปมีเรื่องมีราวอะไรกับพ่อตัวเอง เพราะเธอก็เห็นอยู่ว่าพ่อของเขารักเขามากขนาดไหนใช้เวลานั่งรถมาร่วมชั่วโมงก็มาถึงปางไม้ตอนรถวิ่งเข้ามาเธอก็รู้สึกใจคอไม่ดี เพราะเหตุการณ์ครั้งแรกที่ถูกเขาพาตัวมาอยู่ที่นี่มันยังคงฝังใจ แต่ครั้งนี้เธอมาในฐานะภรรยาของเขา คงไม่เป็นแบบครั้งนั้นหรอกมั้ง"นายหัวคะ" เห็นรถที่ออกไปรับนายหัววิ่งเข้ามามะนาวก็รีบมารับหน้า "?" แต่พอประตูเปิดออกก็เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นติ
"ขอโทษครับนาย" มาถึงวัลลภก็โค้งลำตัวขอโทษยกใหญ่เลย"มึงได้รับโทษแน่" ตอนนี้อยู่ที่สาธารณะถ้าทำอะไรลงไปเดี๋ยวคนก็มองเลยต้องทดไว้ในใจก่อน"แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างครับ""มึงติดต่อรถพยาบาลมาหรือยัง""ติดต่อมาแล้วครับเดี๋ยวก็คงมาถึง""ให้รถพยาบาลรับตัวเธอเข้าไปรักษา""ดูนายจะเป็นห่วงเธอจังเลยนะครับ""เรื่องของมึงยังไม่เคลียร์ไม่ต้องมาเสือกเรื่องคนอื่น""ขอโทษครับนายหัว" จะพูดก็พูดไม่ได้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะฝีมือของเสี่ยพ่อของนายหัวนั่นแหละ เพราะภูริสั่งไว้ห้ามพูดให้ลูกชายฟัง รวมไปถึงเรื่องสถานที่ที่ถูกจัดไว้ให้ก็เป็นฝีมือของเสี่ยภูริเช่นกันข้าวสวยถูกพาตัวมารักษาที่โรงพยาบาลในตัวกรุงเทพฯ ส่วนภูริก็แยกจากเธอตั้งแต่ตอนที่รถพยาบาลมารับตัวแล้ว"เป็นไงบ้างวะชีวิตมีความสุขดีอยู่หรือเปล่า""ก็เรื่อยๆ""วันนี้ต้องการเด็กกี่คนบอกมาได้เลยเดี๋ยวจัดให้""กูแค่อยากมาดื่ม มึงมาดื่มเป็นเพื่อนกูหน่อยสิวะ""มีเรื่องกับพ่ออีกแล้วใช่ไหมเนี่ย""เปล่าหรอก""ถ้างั้นเดี๋ยวกูไปเคลียร์งานก่อนจะมานั่งดื่มเป็นเพื่อน อย่าเพิ่งเมาก่อนแล้วกัน" ว่าแล้วอัศวินก็ออกจากห้อง VIP ไป ที่ห้องทำงานส่วนทางด
"โอ๊ย กัดลงมาได้ยังไงวะ!" ขณะที่กำลังเร่งความเร็ว ข้าวสวยก็กัดลงที่ต้นแขนของเขา จนภูเบศต้องถอดมันออกก่อนเพราะหมดอารมณ์"ออกไปนะ!" เธอรีบขยับตัวให้ออกห่างเขามากที่สุด"ไม่ไปโว้ย" "ฉันบอกให้ออกไปไง!" หญิงสาวควานหาของทุ่นแรงที่จะใช้ไล่เขาออกไป แต่ในมุ้งนี้นอกจากหมอนกับพัดลมแล้วก็ไม่มีอะไร ถ้าจะเอาพัดลมปาเดี๋ยวก็ไม่มีพัดลมใช้เธอเลยต้องใช้หมอน"ไปก็ได้วะ" ภูเบศเก็บของสงวนเข้าที่ไว้ก่อน จะให้เอาอีกก็คงไม่มีอารมณ์แล้ว เจ็บก็เจ็บกัดลงมาได้ยังไง ดีนะเนื้อไม่ขาดติดปากไปด้วย"ไอ้บ้าไอ้เลว" ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่เสร็จสมอารมณ์หมายแต่มันก็ทำให้เธอเจ็บจุกได้ กระแทกขนาดนั้น เราจะท้องไหมเนี่ย แต่มันยังไม่ปล่อยน้ำคงไม่ท้องหรอกมั้งภูเบศลงมาข้างล่างก็เลยต้องใช้โต๊ะไม้ที่อยู่ข้างล่างเป็นที่นอน แต่โต๊ะไม้ทำขึ้นมาเพื่อนั่งพอใช้เป็นที่นอนก็อึดอัด เพราะความยาวของมันไม่เท่าความยาวของร่างกายเขาเลย ไอ้วัลลภมึงอย่าให้กูเจอตัวมึงนะ กูจะเอาให้มึงหยอดน้ำข้าวต้มเลยคอยดูสิ วันที่สามแล้วยังไม่เข้ามาดูเลยว่าเจ้านายเป็นยังไง แต่ขณะที่กำลังคิดโมโหให้ลูกน้องเขาก็คิดไปถึงเรื่องเมื่อสักครู่ ทำไมจะดูไม่ออกว่าเธอยังไม่มีอะไ
"แอะๆ กรี๊ดดดด" หญิงสาวพยายามจะขึ้นจากน้ำแต่เหมือนมีคนดึงตัวเธอไว้เลยถีบเข้าให้ พอเป็นอิสระเธอก็โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ"โอ๊ยย ถีบมาได้ยังไงวะ!""คุณ?!""ก็กูน่ะสิ!!""คุณเล่นบ้าอะไรล่ะ""ถ้าไม่ทำแบบนี้เธอจะลงมางมหอยช่วยฉันเหรอ""ใครจะลงมางมหอยช่วยคุณ" ที่จริงเธอไม่ได้กระโดดลงมาดูเขาด้วยซ้ำแต่ลื่นตกลงมาเอง ข้าวสวยกำลังจะปีนขึ้นไปแต่ถูกเขาดึงตัวกลับลงมาจนผ้าถุงที่เธอใส่อยู่หลุดออก"กรี๊ดดด" หญิงสาวรีบคว้าดึงผ้าถุงไว้ แต่เขาก็ยังแกล้งดึงปลายผ้าถุงไม่ให้เธอใส่กลับคืนไปได้"คุณภูเบศอย่าเล่นแบบนี้สิ!""จะช่วยฉันเก็บหอยไหมล่ะ""ช่วยก็ได้ปล่อยผ้าถุงฉันก่อน" เขาเลยยอมปล่อยผ้าถุงให้เธอใส่มันให้เรียบร้อยทั้งสองช่วยกันงมหอย ภูเบศงมน้ำลึกหน่อยส่วนเธองมช่วงริมตลิ่ง"กรี๊ดดด" ขณะที่ใจจดใจจ่อกับการงมหอยอยู่ดีๆ ขาของเธอก็เหมือนมีอะไรมาจับ"อ้าว ฉันนึกว่าได้ปลา ที่ไหนได้ขาคนหรือนี่""คนบ้าฉันตกใจหมดเลย!""ฮ่าาๆ" ที่จริงเขามองเห็นแล้วล่ะ ตั้งใจอยากจะแกล้งมากกว่า "อ้าวแล้วนั่นจะไปไหน""จะขึ้นน่ะสิ""พอแล้วเหรอ""คุณงมต่อไปเลยนะ!" ข้าวสวยเอาที่เขางมได้ขึ้นมาด้วย พอเดินมาถึงบ้านเธอก็หุงข้าวทิ้งไว้ก่อนเลยระห
อืมมม ทานเข้าไปคำแรกก็รู้สึกถึงความเผ็ดของพริกและกระเทียม แต่ก็ตัดเค็มด้วยน้ำปลามะนาวแถมยังมีรสหวานติดปลายลิ้นเล็กน้อยข้าวสวยก็ไม่ได้มองเขาแบบเต็มตาหรอกแค่แอบชำเลืองมอง เห็นว่าเขาเริ่มตักคำที่สอง คำที่สามคิดว่าเขาคงกินได้แหละแบบนี้ก็กินได้ด้วยเหรอ กินไปจนข้าวจะหมดจานก็ยังมีคำถามเดิมผุดเข้ามาในหัว แสดงว่าชาวบ้านที่ไม่มีกำลังทรัพย์ที่อยู่ตามหัวไร่ปลายนาเขาหากินกันแบบนี้เองเหรออิ่มแล้วข้าวสวยก็ยกเอาถ้วยข้าวตัวเองเข้าไปล้าง พอออกมาก็เห็นว่าเขาอิ่มแล้วเช่นกัน แต่เขาไม่เก็บถ้วยชามที่เหลือ "นี่คุณกินทิ้งไว้แบบนั้นไม่คิดจะเก็บเลยหรือไง" "ก็เก็บเองสิ""ที่นี่ไม่มีคนรับใช้ใครกินก็ต้องเก็บ ของที่เหลือคุณกินเสร็จคนสุดท้ายคุณก็ต้องเก็บ""เรื่องอะไร" ว่าแล้วภูเบศก็เดินออกไปจากบ้าน เขาเดินดูบรรยากาศรอบๆ ทำไมไอ้วัลลภถึงหาที่แบบนี้ได้เร็วจัง เรื่องนี้เขาก็คิดอยู่หรอก เพราะที่นี่มันบรรยากาศดีมากเลย แถมเครื่องอำนวยความสะดวกก็มีครบถึงแม้บ้านจะเป็นแค่บ้านไม้ชั้นล่างเปิดโล่งแต่ก็มีห้องครัวไว้ทำอาหาร ไม้ผนังห้องครัวยังใหม่ๆ อยู่เลยเห็นเขาไม่เก็บถ้วยชามข้าวสวยเลยต้องเป็นคนเก็บเอง เก็บเสร็จเธอก็ขึ้นไป
"ตามไปใช่ไหมครับ" เห็นนายหัวเดินมาขึ้นรถก็รู้แล้วว่าต้องตามรถคันนั้นไป "รู้แล้วมึงจะถามทำไมรีบตามไปสิ""แต่คนของเสี่ยคุ้มกันแน่นหนาเลยนะครับ""ตามไปก่อน ค่อยหาโอกาสอีกที""ครั้งนี้ถ้าเสี่ยรู้ว่านายหัวทำแบบเดิมผมกลัวว่า..""มึงไม่ต้องพูดมากได้ไหมกูบอกให้ตามไง!"รถคนของพ่อเขาขับพาเธอมาที่บริษัทแห่งหนึ่ง และภูเบศก็ตามมาจนถึงที่นี่"มาทำไมที่นี่วะ""ผมก็ยังไม่แน่ใจครับ""สวัสดีค่ะคุณหนู" พนักงานต้อนรับรีบออกมาต้อนรับเหมือนเช่นเคย"สวัสดีค่ะ"ทุกครั้งคนของเสี่ยมาส่งที่นี่ก็จะรออยู่แถวนี้ แต่ครั้งนี้รถทั้งสองคันขับออกไป เลยเป็นโอกาสให้วัลลภได้เข้ามาสอบถามด้วยความกะล่อนของวัลลภถึงแม้พนักงานจะบ่ายเบี่ยงแต่ก็ยังชวนคุยจนรู้ว่าผู้หญิงที่เข้าไปเมื่อสักครู่เป็นลูกสาวของท่านประธาน และรู้ไปอีกว่า ท่านประธานคนนี้คือคนใหม่ที่เพิ่งมารับตำแหน่ง"หึ! คงจะเข้ามาเสพสุขกันทั้งครอบครัวเลยสิ ถึงกับยกบริษัทให้เลย""แล้วนายหัวจะเอายังไงต่อดีครับ""ครั้งนี้กูว่าลากลงใต้เลยดีกว่าไหม""จะใต้หรือเหนือตอนนี้เสี่ยก็รู้ที่กบดานของเราแล้วครับ""มึงมีหัวไว้กั้นหูเฉยๆ หรือวะช่วยกูคิดหน่อยสิ"หลังจากคุยกับพ่ออยู่ไม่นานข