บรรยากาศในงานเลี้ยงยังคงดำเนินไปอย่างคึกคัก แขกผู้มีเกียรติต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างออกรส ไอรีนพยายามรักษาท่าทีและอยู่ใกล้คิรันให้มากขึ้น หลังจากที่ถูกเตือนเมื่อครู่ แต่ก็ยังอดรู้สึกอึดอัดกับท่าทีที่เขาแสดงออกมาไม่ได้
เธอเดินหลบมุมออกมาจากกลุ่มลูกค้าคนสำคัญของบริษัท และบังเอิญได้พบกับกลุ่มนักธุรกิจที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรส พวกเขาเป็นกลุ่มสถาปนิกที่มีชื่อเสียง ซึ่งบังเอิญเป็นสายงานที่ไอรีนหลงใหลมาตลอด เธอเรียนสถาปัตย์ปีสุดท้ายแล้ว และมีความฝันที่จะเป็นสถาปนิกในอนาคต
“คุณสนใจด้านการออกแบบสถาปัตย์เหรอ?” หนึ่งในนักธุรกิจเอ่ยถามหลังจากที่เธอเริ่มสนทนาเกี่ยวกับโครงสร้างอาคารเชิงนิเวศอย่างลืมตัว
“ใช่ค่ะ ฉันกำลังศึกษาอยู่ปีสุดท้าย และหวังว่าจะได้ทำงานในสายนี้จริง ๆ” ไอรีนตอบด้วยดวงตาเป็นประกาย เสียงของเธอเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นและตื่นเต้น
กลุ่มนักธุรกิจหัวเราะอย่างเป็นมิตร “น่าสนใจมาก! เรากำลังมองหาคนรุ่นใหม่ไฟแรงแบบคุณอยู่พอดี”
เธอไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดของเธอและความสนใจของเธอไปกระทบสายตาของใครบางคนที่กำลังจับจ้องอยู่ไม่ไกล
คิรันมองเธออยู่
ดวงตาคมกริบของเขาจับจ้องไอรีนอย่างไม่ลดละ มือที่ถือแก้วไวน์บีบแน่นขึ้นขณะที่เห็นเธอพูดคุยกับกลุ่มนักธุรกิจชายด้วยความกระตือรือร้น ใบหน้าของเขานิ่งสนิท แต่ภายในกลับเดือดดาล
เธอกำลังท้าทายเขางั้นเหรอ?
คิรันก้าวเข้ามาใกล้โดยไม่ส่งเสียง ก่อนที่ไอรีนจะรู้ตัว ข้อมือของเธอก็ถูกคว้าไปอย่างแรง
“อ๊ะ!” เธอสะดุ้ง หันไปพบกับใบหน้าของคิรันที่เต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจน
“คุณคิรัน!” เธอพยายามดึงมือกลับ แต่เขากลับบีบแน่นขึ้น
“เราต้องคุยกัน” เสียงของเขาต่ำและหนักแน่น
“เดี๋ยวก่อนค่ะ—” ไอรีนยังพูดไม่จบ คิรันก็กระชากข้อมือเธอเบา ๆ แต่หนักพอให้เธอต้องเดินตามโดยไม่อาจขัดขืน เขาพาเธอออกจากกลุ่มสถาปนิกตรงไปยังระเบียงด้านนอกที่เงียบสงบและห่างไกลจากสายตาของคนอื่น
“นี่คุณทำบ้าอะไร!” ไอรีนสะบัดมือออกทันทีที่พ้นสายตาผู้คน
“ฉันกำลังคุยเรื่องงานอยู่ คุณไม่มีสิทธิ์มาลากฉันออกมาแบบนี้!”
คิรันไม่ตอบอะไรทันที เขากลับมองเธอด้วยสายตาคมกริบและเต็มไปด้วยอารมณ์บางอย่างที่เธออ่านไม่ออก
“ฉันเตือนเธอแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ให้ไปทำท่าสนิทกับใคร” เสียงของเขาเข้มขึ้นกว่าเดิม
“แล้วทำไมฉันต้องทำตามที่คุณบอกด้วย?” ไอรีนเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาไม่ยอมแพ้
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันแค่คุยกับคนที่มีอาชีพเดียวกับที่ฉันอยากเป็น! แล้วคุณเป็นอะไร? ถึงต้องมาคอยบงการชีวิตฉันแบบนี้!”
คิรันจ้องเธอเขม็ง เสียงหายใจของเขาหนักขึ้น เขาก้าวเข้ามาใกล้จนไอรีนต้องถอยหลังโดยไม่รู้ตัว แผ่นหลังปะทะกับกำแพงระเบียงที่เย็นเฉียบ ทว่าความร้อนจากร่างของเขากลับแผ่ซ่านเข้ามาแทนที่ สายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน แต่กลับไม่อาจดับความร้อนในใจเขาได้ แสงจันทร์สาดส่องอยู่ด้านหลังคิรัน เงาของเขาตกทอดลงมาทับตัวเธอ ราวกับนักล่าที่กำลังขังเหยื่อของตัวเอง
“ฉันไม่ชอบให้เธอไปสนิทกับใคร” เขาพูดช้า ๆ แต่หนักแน่น “โดยเฉพาะพวกผู้ชาย”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณเป็นเจ้านายฉัน ไม่ใช่เจ้าของชีวิตฉัน!”
คิรันยกมือขึ้นวางที่กำแพงข้างใบหน้าของเธอ ขังเธอไว้ในพื้นที่เล็ก ๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายอันตราย
“อยากให้ฉันเป็นเจ้าของไหมล่ะ?”
ไอรีนตัวแข็งทื่อ เมื่อดวงตาคมกริบของคิรันจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ ราวกับต้องการจะฝังบางสิ่งเข้าไปให้ลึกถึงจิตใจ เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความเงียบระหว่างพวกเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันที่แทบทำให้เธอหายใจไม่ออก
“อยากให้ฉันเป็นเจ้าของไหมล่ะ?” เสียงของคิรันต่ำและเข้ม ราวกับคำเตือนที่ไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธ
ไอรีนกำมือแน่น พยายามบังคับตัวเองให้ไม่หลบสายตา “คุณไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้” เธอพยายามคุมเสียงให้มั่นคง
คิรันยกยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก แต่ไม่มีความอ่อนโยนใด ๆ ในรอยยิ้มนั้น “ฉันไม่มีสิทธิ์งั้นเหรอ?” เขาพึมพำ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าใกล้เธอมากขึ้น ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาแตะสัมผัสผิวแก้มเธอ “เธอเป็นของฉัน” เขาพูดชัดถ้อยชัดคำ
ก่อนที่ไอรีนจะทันได้โต้ตอบ ริมฝีปากของเขาก็ประกบลงมาบนริมฝีปากของเธออย่างรุนแรงและเอาแต่ใจ
“อื้อ!” ไอรีนเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิด เธอพยายามผลักเขาออก แต่คิรันกลับรั้งเธอไว้แน่น แขนแข็งแรงของเขาล็อกเธอเข้ากับผนัง ไม่ให้มีทางหนี
จูบของเขาร้อนแรงและดุเดือด ไม่มีความลังเลหรือความนุ่มนวล มีเพียงแรงปรารถนาและความเป็นเจ้าของที่ถูกส่งผ่านทุกสัมผัส
ไอรีนดิ้นขลุกขลัก แต่สัมผัสที่ร้อนแรงของเขากลับทำให้เธอรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับว่าร่างกายของเธอกำลังทรยศต่อหัวใจ เธอพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออก
“คุณ...คิรัน! ปล่อยนะ!” เธอประท้วงทั้งที่เสียงของเธอสั่นระริก และอู้อี้
แต่คิรันไม่สนใจ เขาจูบลึกขึ้น เรียกร้องมากขึ้น ทุกสัมผัสของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์รุนแรงที่ควบคุมไม่ได้
เธอพยายามหันหน้าหนี แต่เขากลับจับปลายคางเธอไว้ บังคับให้รับจูบของเขา “อย่าหนี” เขาสั่งเสียงต่ำ
“ยิ่งเธอท้าทายฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็จะยิ่งทำให้เธอจำ... ว่าเธอเป็นของใคร”
ไอรีนรู้สึกเหมือนกำลังจะจมลงในทะเลเพลิง มือของเธอกำเสื้อเชิ้ตของเขาแน่น พยายามทั้งผลักไสและดึงดูดในเวลาเดียวกัน เธอไม่เคยเจอใครที่มีพลังดึงดูดรุนแรงขนาดนี้มาก่อน
จูบของคิรันค่อย ๆ ช้าลง แต่ไม่ได้ลดความร้อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย เขาผละออกเพียงเล็กน้อย มองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการและความพึงพอใจ
“เข้าใจรึยัง?”
ไอรีนหายใจหอบหนัก ใบหน้าร้อนฉ่า ดวงตาสั่นไหวระคนสับสนและโกรธจัด
“คุณมัน... บ้าไปแล้ว!” เธอผลักเขาออกสุดแรงจนเขาถอยไปหนึ่งก้าว
คิรันหัวเราะเบา ๆ “งั้นก็จำไว้... ว่าฉันบ้าแค่ไหนกับเรื่องของเธอ” เขายกมือขึ้น ลูบไล้ริมฝีปากตัวเองเบา ๆ ก่อนจะโน้มลงกระซิบที่ข้างหูเธอ
“และฉันจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องสิ่งที่เป็นของฉัน... เข้าใจไหม ไอรีน?”
ไอรีนเม้มปากแน่น ดวงตาของเธอมีทั้งความโกรธ ความสับสน และบางอย่างที่เธอไม่อยากยอมรับว่ากำลังก่อตัวขึ้นในใจ
และเธอรู้ดีว่า... เรื่องระหว่างเธอกับเขา มันจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป
อ้อมแขนแกร่งโอบรัดร่างบอบบางของไอรีนไว้แน่นใต้ผ้าขนหนูที่ชื้นแนบผิว เขาอุ้มเธอกลับมาที่เตียงช้า ๆแผ่นหลังเปลือยเปียกชื้นแนบกับแผ่นอกของเขา ไม่มีคำพูดใด—มีเพียงลมหายใจร้อนระอุแนบซอกคอที่ยังมีรอยแดงจากจูบก่อนหน้าเตียงนุ่มดูดร่างเธอลงทันทีที่เขาวางเธอลงบนผืนผ้าใหม่ ผ้าขนหนูหลุดล่นอย่างง่ายดายราวกับไม่เคยมีอยู่คิรันโน้มตัวลงคร่อม พร้อมทั้งไล้ปลายนิ้วจากปลายคางลงมาถึงกระดูกเชิงกรานเขาไม่เร่งรีบ ไม่มีการเร่งจังหวะแต่ทุกสัมผัสกลับเจตนาชัดเจนเกินกว่าที่เธอจะรับไหวเขาโน้มลงจูบที่แอ่งท้องต่ำ ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วสัมผัสที่กลางเรียวขาไอรีนสะดุ้งวาบ ริมฝีปากเผยอโดยไร้เสียง"อย่าหลบ"เขากระซิบเสียงต่ำตรงหน้าอกแล้วดูดปลายยอดอกแรง ๆ ราวกับลงโทษที่เธอพยายามเบี่ยงตัวหนีมือเธอจิกบ่าเขาแน่นก่อนที่เขาจะตวัดลิ้นลงไปต่ำกว่าเดิม…เสียงหอบถี่ดังขึ้นสลับกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อ หัวใจเธอเต้นแรงราวจะระเบิด มือข้างหนึ่งของเธอเลื่อนไปโอบท้ายทอยเขาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเขาจะหายไปลิ้นร้อนแตะช้า ๆ
แสงแดดยามสายสาดกระทบผิวน้ำทะเลจนระยิบระยับ สายลมอุ่นหอบกลิ่นเกลือจาง ๆ พัดผ่านปลายเส้นผมนุ่มของเธอที่ปลิวไสวตามแรงลม ไอรีนก้าวเท้าเปล่าไปตามแนวหาดทรายละเอียดสีขาวสะอาด รอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับอยู่บนใบหน้าเมื่อเธอหันกลับไปมองคนที่นั่งนิ่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะพร้าว"พี่คิรัน! รีบตามมาสิ!"เสียงใสเรียกพร้อมกับโบกมือให้เขาอย่างตื่นเต้น ก่อนจะวิ่งเหยาะ ๆ ลงไปในน้ำตื้นที่ใสจนมองเห็นพื้นทรายเบื้องล่าง ฝูงปลาตัวเล็ก ๆ ว่ายอยู่รอบข้อเท้าของเธอ เธอหัวเราะออกมาอย่างร่าเริงเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่คิรันยืนขึ้นช้า ๆ สะพายกล้องไว้บนคอ ปรายตามองคนตัวเล็กที่เล่นน้ำอย่างไร้พิษภัยด้วยสายตาที่ซ่อนรอยยิ้มไม่มิด…เขาไม่เคยคิดเลยว่าแค่ผู้หญิงคนเดียวจะทำให้โลกของเขาเงียบสงบได้ถึงเพียงนี้แม้ภายนอกจะยังเป็นชายหนุ่มที่สุขุม เย็นชา พูดน้อยอย่างเคยแต่ตั้งแต่วันนั้น…วันที่ไอรีนกลายเป็น ‘เมีย’ อย่างถูกต้องตามกฎหมายและหัวใจความเย็นชากลายเป็นความอ่อนโยนที่มีให้เธอเพียงคนเดียว“ขอบคุณที่เธอเข้ามาเปลี่ยนชีวิตฉันไปตลอดกาล…&rdquo
เสียงคลื่นซัดกระทบหาดทรายเบา ๆ พร้อมกับลมทะเลอ่อน ๆ พัดโชยผ่านใบหน้า ไอรีนหลับตารับแสงแดดอุ่นยามเช้า ปล่อยให้ตัวเองซึมซับบรรยากาศของมัลดีฟส์ในยามเช้าอย่างเต็มที่ รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนริมฝีปากเมื่อหันไปมองคนข้างตัว—สามีหมาด ๆ ที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ริมระเบียงเมื่อคืน...คือคืนเข้าหอที่เธอไม่มีวันลืมเขาทำให้เธอแทบขาดใจ แต่หัวใจก็พองโตด้วยความสุข"เหนื่อยไหม?" เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นโดยไม่ละสายตาจากเอกสาร"เหนื่อยจะตาย..." ไอรีนตอบตามตรงก่อนจะหันมายิ้มหวาน ยกมือขึ้นลูบท้องเบา ๆ"แต่ก็ยังไม่ตาย ยังเดินไหวค่ะพี่คิรัน"เขาเหลือบตามองเธอ ริมฝีปากกระตุกขึ้นนิด ๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับไปสนใจเอกสารตรงหน้าเหมือนเดิม ไอรีนแอบเบะปาก ก่อนจะเดินไปซุกแขนเขาอย่างออดอ้อน"พี่ขา...เรามาฮันนีมูนนะ ไม่ใช่มาประชุม""สามีคุณมีงานที่ยังต้องเคลียร์""งั้นขอแค่ชั่วโมงเดียว ให้ฉันไปเล่นน้ำทะเลหน่อยนะคะ..."เธอเขย่าแขนเขาเบา ๆ ทำเสียงออดอ้อนจนคนที่พยายามไม่สบตาต้องถอนหายใจแล้วหันมาเผชิญหน้า"ใส่เสื้อผ้าดี ๆ""รับทราบค่ะ!" ไอรีน
เสียงคลาสสิกจากเปียโนไหลลื่นไปทั่วห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ แชนเดอเลียร์ระยิบระยับเหนือศีรษะ แสงไฟนวลอบอุ่นตัดกับผ้าคลุมสีขาวนวลของเจ้าสาวที่ยืนเด่นอยู่กลางเวที ราวกับเทพธิดาเดินทางลงมาจากสวรรค์เพื่อเขาเพียงคนเดียวคิรันยืนแน่วแน่อยู่ตรงหน้าเธอในชุดทักซิโด้สีดำเข้ม ทรงผมถูกจัดเรียบไร้ที่ติ ท่าทางสุขุม เย็นชา... แต่แววตา—กลับร้อนแรงจนน่าหวาดหวั่น"พี่คิรัน…" ไอรีนกระซิบเสียงเบา คำเรียกถูกเปลี่ยนไปจากเจ้านายกลายเป็นสามี เมื่อเห็นดวงตาคมดุดันของเขาไม่ละไปจากเธอแม้แต่วินาทีเดียวไม่มีคำตอบใดจากเขา มีเพียงมุมปากที่ยกขึ้นน้อย ๆ ขณะเจ้าหน้าที่ประจำพิธียื่นกล่องแหวนมาให้ทันทีที่เขาหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมา...เขาก็โน้มตัวลงกระซิบข้างหูเจ้าสาวคนสวย“คืนนี้เธอไม่รอดแน่… เจอศึกหนักชัวร์” น้ำเสียงของเขาแหบต่ำ แฝงแววข่มขู่แสนเจ้าเล่ห์“คนบ้า…” ไอรีนหน้าแดงแปร๊ด สะบัดเสียงดุเบา ๆ แต่มือกลับสั่นน้อย ๆ ตอนที่คิรันสวมแหวนให้เธอท่ามกลางเสียงปรบมือจากแขกนับร้อย รอยยิ้มของผู้เป็นแม่และน้องชายของไอรีนที่น
เสียงดนตรีหวานคลอเบา ๆ ประกอบกับแสงแฟลชที่สาดส่องเข้ามาทั่วทั้งงาน…งานหมั้นของ ‘คิรัน’ และ ‘ไอรีน’ กลายเป็นข่าวใหญ่ในวงสังคมและโลกออนไลน์ทันทีหลังภาพแรกหลุดออกไปชายหนุ่มในชุดสูทตัดเข้ารูปสีดำสนิท ที่แม้ใบหน้านิ่งเรียบแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความหวงแหนยืนเคียงข้างหญิงสาวในชุดหมั้นลูกไม้สีขาวสะอาดที่งดงามราวนางฟ้ามือของเขากระชับมือเธอไว้แน่น เหมือนจะประกาศให้โลกรู้ว่า—เธอเป็นของเขา และจะไม่มีใครแย่งไปได้อีก“คุณคิรันวางแผนไว้หมดแล้วสินะคะ...” ไอรีนกระซิบขณะยิ้มรับกล้องจากนักข่าวชายหนุ่มเหลือบมองต่ำ ไม่ตอบคำ แต่กระชับมือเธอแน่นขึ้นอีกนิด ราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยินเสียงหัวใจของเขา—ที่เต้นแรงเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว—ในขณะที่ความรักเบ่งบานสำหรับใครบางคน โลกของใครอีกคนก็กำลังพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดีเสียงโทรทัศน์ดังสนั่นอยู่กลางห้องคอนโดฯ หรูมายด์เหวี่ยงรีโมตออกไปสุดแรงเมื่อเห็นภาพคู่หมั้นในจอเธอกรีดร้องลั่น กัดฟันกรอดจนกรามสั่น&l
กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อในห้องพักผู้ป่วยยังคงอบอวลในอากาศ ทว่าไม่ได้กลบกลิ่นหอมอ่อนๆ จากปลายผมนุ่มของหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างเตียงชายหนุ่มได้เลย"คุณยังไม่กินข้าว"เสียงใสเอ่ยเตือนเบาๆ ขณะยื่นกล่องอาหารที่เพิ่งซื้อมาให้ชายหนุ่มบนเตียงคิรันหรี่ตาลงนิด มองใบหน้าที่เริ่มซูบลงของหญิงสาวที่เฝ้าไข้เขามาเกือบอาทิตย์ "แล้วเธอล่ะ?""ฉันกินแล้วค่ะ" ไอรีนตอบเรียบๆ แต่คนฟังก็ไม่ได้เชื่อเสียทีเดียวเขาไม่พูดอะไรต่อ ยื่นมือไปหยิบเอกสารที่ธันวาเพิ่งเอามาให้เซ็น พอไอรีนจะช่วย เขากลับส่ายหน้า"แค่นี้ฉันทำเองได้ เธอไปพักเถอะ"“แต่คุณยังมีไข้ต่ำอยู่เลยนะ”“ฉันไม่ใช่คนป่วยกระจอก จะให้ใครมาตามดูแลตลอดเวลาแบบนี้” เขาว่าด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงแววดุ หากสายตากลับทอดมองเธออย่างลึกซึ้ง“แต่ก็ขอบใจที่อยู่ตรงนี้”แค่ประโยคสั้นๆ นั้น ทำเอาหัวใจไอรีนเต้นถี่ เธอไม่ได้ตอบอะไร แค่ส่งยิ้มบางให้ แล้วเดินไปเทน้ำใส่แก้วให้เขาแทนคิรันออกจากโรงพยาบาลในอีกสองวันถัดมา และในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีแค่