#เวลาต่อมา
"อะไรเนี่ย!" แตงกวานั่งหน้าบูดอยู่กับโทรศัพท์ หน้าตาเคร่งเครียดราวกับว่ามีเรื่องให้หนักใจ จนผู้เป็นแม่อดไม่ได้ที่จะถาม
"เป็นอะไรไปแตง"
"แม่เดี๋ยววันนี้แตงขอกลับก่อนนะ"
"เออๆ"
ที่หงุดหงิดอยู่แบบนี้ก็เพราะติดต่อหาไคโรแฟนหนุ่มไม่ได้ ปกติไม่ได้เจอหน้ากันก็จะคุยกันผ่านมือถือตลอด แต่อยู่ๆ เขาก็เงียบไป จากที่เคยตอบกลับข้อความก็หายกริบ ไม่อ่าน ไม่ออน ขาดการติดต่อไปดื้อๆ
ตกเย็นที่บ้านของไคโร
"พี่ไค พี่ไค ได้ยินหรือเปล่าเนี่ย!"
แตงกวายืนเรียกอยู่ที่หน้าบ้านพักใหญ่แล้ว แต่ไม่มีการตอบกลับเลย เธอแวะไปที่ค่ายมา แต่นักมวยคนอื่นๆ บอกว่าไคโรไม่ได้ไปที่นั่น และก็คิดว่าเขาน่าจะอยู่ที่บ้าน แต่พอแตงกวามาหาที่บ้านก็กลับไม่เจอใครเลย
ตกลงเขาไปไหน หรืออยู่ที่ไหนกันแน่ หรือไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่จะไปไหนก็ควรบอกกันสักนิดสิ เธอจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
"พี่ไค พี่ไค โอ้ยอะไรเนี่ย!" เธอเริ่มหัวเสีย ทั้งเป็นห่วงเขา ทั้งรู้สึกใจคอไม่ดี มันเป็นกังวลไปหมดเลย
"แตงกวา" เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง แต่ไม่ใช่คนที่เธอกำลังตามหา
"พี่สอง"
"ตามหาไอ้ไคเหรอ พี่เห็นคนในค่ายบอกว่าเรามาหามัน"
"อือ เขาไปไหนอ่ะพี่รู้มั้ย" แตงกวาถาม
"ไม่รู้หรอก มันหายไปสักพักแล้ว อ่ะนี่กุญแจบ้านมัน ลองเข้าไปดูสิ"
สองยื่นกุญแจบ้านสำรองของไคโรให้กับแตงกวาเพื่อให้เธอเข้าไปดูว่าเขาไปแต่ตัวหรือเอาของไปด้วยหรือมีอะไรเกิดขึ้นนอกเหนือจากหายตัวไป
"ขะ เขาหายไปแบบนี้บ่อยมั้ย?"
"ก็บ่อยนะ พ่อพี่เขาก็ไม่ว่าอะไรมันหรอก มวยเถื่อนไม่ได้จัดบ่อยอยู่แล้ว ถึงมันจะเลิกชกไปก็ยังมีนักมวยฝีมือดีๆ มาแทนมันอยู่ดี"
"มะ มวยเถื่อน?!"
"อื้ม มันเป็นนักมวยเถื่อน มวยใต้ดินน่ะ"
"....." แตงกวาตกใจมาก ที่สภาพของเขาน่วมกลับมาทุกครั้งก็เพราะมวยใต้ดินบ้าๆ นี่น่ะเหรอ เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ที่เห็นเขาเป็นนักมวยก็เข้าใจว่า เป็นการขึ้นชกแบบปกติทั่วไปเท่านั้น
"ไม่ต้องมาเค้นถามพี่หรอก ที่ผ่านมาถ้ารู้พี่ก็บอก แต่ถ้าไม่รู้ก็คือพี่ไม่รู้จริงๆ"
"ฉันติดต่อเขาไม่ได้ พี่โทรหาเขาติดมั้ย?"
"ถ้าแตงโทรหามันไม่ติด คนอื่นก็ติดต่อมันไม่ได้หรอก"
นั่นสินะ เพราะคนที่ติดต่อเขาบ่อยสุดก็คือเธอ และก็รู้มาว่าไคโรเป็นคนไม่ชอบยุ่งกับใครเท่าไหร่ มีงานชกมวยเสี่ยเสมก็จะให้ลูกน้องมาเรียกเพื่อไปคุยรายละเอียดที่บ้าน มันก็เท่านั้นเอง
"ขอบใจนะพี่สอง"
"ถ้ามันหายไป ไม่กลับมาแล้ว เอ็งจะทำไง?"
"ปากเสีย! ยังไงพี่ไคก็ต้องกลับมา"
"พี่แค่พูดเผื่อ ไม่อยากให้เอ็งหวังมาก"
"....."
"มันเป็นใคร มาจากไหน เกิดที่ไหน ญาติพี่น้อง ไม่มีใครรู้เลยนะ พี่เองก็สนิทกับมันยังไม่รู้เลย"
"ไม่รู้ล่ะ ยังไงพี่ไคเขาก็ต้องกลับมาฉันมั่นใจ พี่กลับไปเถอะ"
แตงกวาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเข้าไปเปิดประตูบ้านของไคโรและปิดเงียบไม่ออกมาอีกเลย
แต่ถึงอย่างนั้นสองก็ยังนั่งรออยู่เงียบๆ ที่ด้านนอก จะรอจนกว่าคนในบ้านจะออกมา
แตงกวาเดินเข้าไปด้านในอย่างระมัดระวัง พร้อมกับหันมองรอบๆ อย่างตั้งใจ แต่อีกใจนึงก็กลัวว่าจะได้เห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น ภายในห้องนั้นเป็นระเบียบเรียบร้อย สะอาดสะอ้าน หนำซ้ำยังเงียบเชียบไร้เสียงที่บ่งบอกว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นี่ด้วยนอกจากเธอ
"พะ พี่ไค อยู่หรือเปล่า?"
ขณะที่กำลังเดินตามหาเขา หัวใจของเธอนั้นก็เต้นรัวไม่หยุดเลย จนกระทั่งเดินหาทั่วบ้านก็ยังไม่เจอคนที่กำลังตามหา คราวนี้หัวใจของเธอเต้นแรงกว่าเดิมอีก
ถ้าไม่อยู่ที่นี่แล้วเขาจะไปที่ไหน? ปกติไคโรก็ไม่ได้ไปไหนไกลเลย นอกจากค่ายมวย บ้านของเขาและบ้านของเธอ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้รู้จักใครที่ไหนที่จะไปหาได้เลย
แตงกวาเดินคอตกออกมาจากบ้าน ก่อนจะลงมาเธอก็ไม่ลืมที่จะล็อคประตูคืนเดิมไว้ด้วย
"อ่ะพี่สอง ฉันคืน" ยื่นกุญแจคืนให้
"กุญแจห้องไอ้ไคเราก็เก็บไว้สิ เป็นแฟนมันนี่"
"ฉัน..."
"ไม่เจอมันเหรอ?"
"อือ..." หน้าบูดแถมคอตกมาซะขนาดนี้ยังดูไม่ออกอีกหรือไงว่าไม่เจออะไรเลย นอกจากเสื้อผ้าที่ยังอยู่เหมือนเดิม แต่ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับใครจริงๆ
"แล้วจะไปหามันที่ไหนต่อ?"
"ไม่รู้ พี่พอจะรู้มั้ยล่ะว่าพี่ไคจะไปไหนได้มั่ง"
"....." คนตัวสูงส่ายหัวเป็นคำตอบ
เธอไม่รู้คนที่ค่ายไม่รู้ แล้วจะมีใครที่ไหนรู้เรื่องนี้อีกล่ะ เพราะไคโรไม่ได้สนิทกับใครจนรู้ว่าบ้านเกิดอยู่ที่ไหน พ่อแม่ชื่ออะไร หรือทำอาชีพอะไร เรื่องส่วนตัวของเขาก็ยังเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งแฟนสาวอย่างแตงกวา
"ลุงเสี่ย เค้าจะรู้หรือเปล่า?"
"พี่ก็ไม่รู้สิ ตอนนี้พ่อไม่อยู่ ไว้พ่อกลับมาพี่จะถามให้"
"เด็กในค่ายหายไป พี่ไม่เดือดร้อนบ้างเหรอ?"
"ก็ร้อนใจ แต่แล้วจะให้พี่ทำไง พี่บอกแล้วว่ามันเป็นแบบนี้บ่อยตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ทุกคนชินกับที่มันเป็นแบบนี้แล้ว ไปๆ มาๆ ผลุบโผล่เหมือนผี"
"นานสุด...ขะ เขา หายไปนานสุดกี่วัน"
"หลายเดือน"
"ห๊ะ?"
พอได้ยินคำว่าหลายเดือนแตงกวาก็ถึงกับเข่าอ่อนเลย ไม่รู้สิก็รักกันมาดีคบกันมาดีตลอด จู่ๆ เขามาหายไป มันก็ทำให้ผู้หญิงอย่างเธอต้องคิดมาก คิดไปต่างๆ นานา คิดไปว่าเขามีคนอื่นหรือเปล่า หรือเขามีครอบครัวอยู่แล้ว หรืออะไรยังไง หรือเธอแค่คิดฟุ้งซ่านมากไปเอง
"จะกลับแล้วเหรอ เดี๋ยวพี่ไปส่ง"
"มะ ไม่ต้อง ไม่เป็นไร ฉันกลับเอง มันยังไม่ค่ำ"
"แล้วเราจะไปตามหามันที่ไหนต่อ?"
"ไม่รู้สิ"
ตอนนี้ในหัวของเธอไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างว่างเปล่า ไม่รู้ว่าจะต้องไปตามหาเขาที่ไหน ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นจากอะไร หรือว่าจะรออยู่แบบนี้ดี รอจนกว่าเขาจะกลับมา หรือรอจนกว่าจะได้รับการตอบกลับจากเขา
#บ้านแตงกวา
"เป็นอะไร เห็นนั่งเขี่ยข้าวตั้งนานแล้ว" ผู้เป็นแม่เอ่ยถาม
"พี่ไคเขา..หายไปไหนก็ไม่รู้"
"โถ่เอ้ย พี่เค้าโตแล้ว เค้าก็คงมีธุระของเค้าบ้างแหละ เดี๋ยวเค้าก็กลับมา" ผู้เป็นแม่พูดปลอบใจ เพราะไม่อยากให้ลูกสาวต้องคิดมาก
"ถ้ามีธุระ ตอบข้อความหรือโทรกลับแค่นี้ มันก็ไม่น่ายากมั้ยแม่"
"เขาคงไม่ว่างแหละ คิดในแง่ดีเข้าไว้สิ"
"....." จะให้คิดในแง่ดีได้ยังไง เธอไม่ได้กลัวว่าเขาจะมีคนอื่น แต่เธอกลัวว่าเขาจะมีอันตรายมากกว่า ถ้าไปทำธุระอย่างที่แม่เธอบอกจริงๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดตอบกลับข้อความสั้นๆ ว่าไม่เป็นอะไร และกำลังยุ่งอยู่ แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว มันไม่ได้ยากอะไรเลย มันจะเสียเวลาสักเท่าไหร่กันเชียวล่ะ
"เอาๆ อย่ามัวแต่เขี่ยข้าว รีบกินได้แล้วจะได้นอน"
"ค่ะ"
เรื่องนั้นมันพาลเอาแตงกวากลืนข้าวกลืนน้ำแทบไม่ลงเลย พอถึงเวลานอนก็นอนแทบไม่หลับ กว่าจะหลับได้ก็ไม่รู้ว่าดึกแค่ไหนแล้ว ตื่นเช้าก็ไปช่วยแม่จัดร้านเตรียมขายของปกติ ทำเหมือนเดิม แต่สภาพร่างกายหรือจิตใจของเธอตอนนี้ มันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ก็จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ว่าไคโรอ่านข้อความที่เธอส่งไปแล้วบ้างหรือยัง หรือมีการตอบกลับอะไรบ้างไหม มีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง แต่ทุกครั้งที่เปิดดู มันก็ยังเหมือนเดิม แม้เธอจะพยายามส่งข้อความไปเรื่อยๆ ก็ตาม
เขาเป็นรักแรกของเธอนะ เป็นคนที่เธอคบด้วยนานสุดเลย เป็นคนที่เธอพูดได้เต็มปากว่ารักจริงๆ ไม่ใช่แค่คบเล่นๆ เหมือนที่ผ่านมา เพราะแบบนี้ไงเธอถึงให้ความสนใจ กับแค่เขาหายตัวไปแค่นี้ ในสายตาของคนอื่น คนรักของเธอเชียวนะ ใครบ้างจะไม่เป็นห่วง
@หนึ่งปีต่อมา “ยิ้มอะไร หืม ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนตรงหน้า ที่นั่งอมยิ้มอยู่ไม่มีเหตุผล ไม่เข้าใจว่าเธอน่ะกำลังยิ้มเพราะเรื่องอะไรอยู่ แตงกวามองหน้าเจ้าของคำถามก่อนจะยิ้มให้เขาอีกครั้ง “พี่ยังจำเมื่อหลายปีก่อนได้ไหม ตอนที่พี่ไปชกมวยมาแล้วหน้าก็มีแต่แผลช้ำไปหมด ฉันก็ต้องมานั่งทำแผลให้พี่ ฉันคิดถึงตอนนั้นน่ะ” “จะว่าไป เวลามันก็ผ่านไปเร็วมากเลยนะ” “นั่นสิ ผ่านไปเร็วมากจริง ๆ” “ถ้ามันไม่เกิดเรื่องขึ้น พี่ก็คงชกมวยหาเงินอยู่ แล้วตอนนี้ก็คงนั่งให้แตงทายาให้อยู่ ไม่ใช่ทาครีมแบบนี้” “พอมาคิดดูแล้ว ฉันว่ามันก็ดี ( มั้ง ) พี่จะได้ไม่ต้องชกมวย หาเรื่องเจ็บตัวอีก” เธอเองก็ไม่แน่ใจกับประโยคที่ตัวเองพูด มันดีแต่ก็ดีไม่สุด มันแย่แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ดีตรงที่เขาไม่ต้องเจ็บตัว แต่มันก็แย่เพราะเขาหายไปจากชีวิตเธอเป็นปี ๆ เลย “ทำไมต้องมั้งด้วย” “ฉันไม่แน่ใจ พี่ก็รู้ว่าเป็นเพราะอะไร” “พี่ขอโทษนะ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา” “เลิกขอโทษได้แล้ว ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นแล้ว” เธอไม่ได้โกรธ เกลียด หรือรู้สึกแย่กับเขาแล้ว ที่พูดแบบนั้นก็เพราะมันคือเรื่องจริง มันอยู่ตรงกลางของความรู้สึกดีและแย่ และในเวลาเ
@หลายเดือนต่อมา หลังจากที่กลับจากญี่ปุ่นทั้งสองก็กลับมาใช้ชีวิตตามเดิมเหมือนที่เคยเป็น แม้จะเป็นคนมีเงิน แต่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สบาย ๆ เธอก็เป็นแม่บ้านที่ทำหน้าที่ภรรยา ส่วนเขาก็ทำหน้าที่ของสามีที่มีหน้าที่ทำงานนอกบ้าน เหมือนจะดูไม่น่าตื่นเต้นอะไร หรือดูไม่มีสีสันของความสุข แต่ใครจะรู้ว่าชีวิตที่สงบสุขแบบนี้แหละ มันคือความสุขที่สุดแล้ว “กลิ่นหอมมาแต่ไกลเลย วันนี้ภรรยาพี่ทำอะไรให้เหล่ากงกินน้า” ไคโรเอ่ยทักขึ้น เมื่อเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องก็ได้กลิ่นหอม ๆ ของอาหารฝีมือภรรยา เล่นเอาชายหนุ่มที่หิ้วท้องรอกลับมากินข้าวตอนเย็นพร้อมภรรยาถึงกับท้องร้องโครก ๆ เลยทีเดียว“กลับมาละเหรอพี่ไค กับข้าวใกล้เสร็จแล้วค่ะ” แตงกวาหันมองผู้เป็นสามีแว๊บนึงก่อนจะรีบเตรียมอาหารต่อ ฟึ่บ ~ “แตงทำอาหารอยู่นะ เดี๋ยวแขนก็โดนเตาหรอก” “กอดเอวไม่ได้กอดเตานะ จะโดนได้ยังไงครับ” “จะเสร็จแล้วค่ะ พี่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสิคะ ลงมาก็จะได้กินข้าวกัน หิวหรือเปล่า ?” “มาก ๆ ครับ วันนี้ประชุมทั้งวันเลย พี่ไม่ได้กินข้าวกลางวัน รอกลับมากินพร้อมกับภรรยาของพี่” “บอกแล้วไงคะว่าอย่าอด หิวให้กิน ไม่งั้นจะปวดท้อง” “ค้าบ จ
@เวลาต่อมา เกือบสามเดือนที่แตงกวาและไคโรได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ได้เที่ยวหลายที่ ได้พักผ่อน มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ สำหรับเธอ และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนลืมไปเลยว่ามันผ่านไปกี่วันหรือเท่าไหร่แล้ว “ที่นี่หรือคะ ?” “ที่นี่แหละ” “สุสานที่นี่มัน..” “เป็นสุสานของตระกูลพี่เองแหละ ตามพี่มาสิ” ไคโรพาภรรยาสาวมาที่สุสานที่แม่ของเขาอยู่ ตามที่เคยบอกไว้ว่าจะมาเธอมา ระหว่างทางที่เดินเข้าไปก็เจอกับป้ายชื่อของคนมากมายเรียงรายกันอยู่เป็นแถว จนกระทั่งถึงป้ายชื่อที่เขียนไว้เป็นภาษาญี่ปุ่นว่า あいみい ( ไอมิเอะ ) และมีรูปของแม่เขาแปะอยู่ด้วย เธอจำได้เพราะไคโรเคยเอาให้ดูก่อนหน้าแล้ว แตงกวาเอาดอกไม้วางลงซ้อนกับดอกไม้สีขาวที่ถูกใครบางคนนำมาวางไว้ก่อนหน้านี้ เหมือนว่าวันนี้จะเป็นวันครบรอบที่แม่ของไคโรจากไป “แม่พี่สวยมากเลยนะ” ท่านยังดูสาว ๆ อยู่เลย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะตอนที่ท่านจากไปยังอายุไม่มากเลย “ทั้งสวย แล้วก็ใจดีมากเลย” ไคโรตอบ เพราะผู้เป็นแม่จากไปตั้งแต่ที่เขายังเด็ก ๆ นั่นก็แปลว่าแม่ของเขายังสาวอยู่เลย แต่ต้องมาจากไปเพราะความรุนแรงที่เรียกว่า วงการมาเฟีย วงการนี้มันดำมืด มีแต่ความโหดร้าย รุนแร
@วันถัดมา - บ้านพักที่ญี่ปุ่น “ที่นี่บรรยากาศดีจังเลยนะคะ” “ชอบหรือเปล่า” “ชอบสิ พี่ก็รู้ว่าฉันชอบบรรยากาศแบบนี้จะตายไป” “เข้าไปดูข้างในกันเถอะ” “อื้อ” คนตัวเล็กพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับสามี ที่นี่เป็นบ้านพักทั่ว ๆ ไปที่เธอคิดว่ามันก็คล้าย ๆ กันแทบทุกที่ แต่ก็แตกต่างกันไปตามจังหวัด ภูมิประเทศ บลา ๆ“ชอบหรือเปล่า” “ชอบสิ พี่ถามจัง บอกชอบก็คือชอบ” “หืม !! ” ถูกเขาหันกลับมาหยิกแก้มแบบแรงมาก ๆ เนื้อหลุดติดนิ้วไปแล้วมั้งนั่น “โอ๊ยเจ็บ” “พูดมากดีนัก” “เดี๋ยวเหอะ พี่ไค ! ” เธอและเขาเดินสำรวจห้องต่าง ๆ จนกระทั่งได้ถอดเสื้อผ้ามานอนแช่น้ำที่อ่างออนเซ็นด้วยกัน ด้านหน้าเป็นคล้ายกับภูเขาที่มีต้นไม้เขียวขจีเต็มไปหมด ไหนจะฝนที่กำลังตกพรำ ๆ อีกต่างหาก มันเป็นบรรยากาศที่ดีมาก ๆ เลย “บรรยากาศดีจัง เฮ้อ สบายมาก อากาศเย็น ๆ ได้นอนแช่น้ำอุ่นดูภูเขาสวย ๆ มีความสุขที่สุด” นี่มันชีวิตที่เธอฝันถึงมาตลอดเลย ฝันว่าได้มีโอกาสมาเที่ยวต่างประเทศ ได้สัมผัสกับรสชาติของอากาศแบบนี้ ได้เข้าถึงอะไรแบบนี้ “พี่ว่าเราจะมีความสุขกันมากกว่านี้อีกนะ” “หือ..” เธอหันมองสามีที่พูดประโยคคลุมเครื
@ประเทศญี่ปุ่น "แต่ก่อนพี่อยู่ที่นี่เหรอ" แตงกวามองไปรอบ ๆ ตัวเอง บรรยากาศบ้านของไคโรที่ญี่ปุ่นมันดีมาก ๆ เลย ต้นไม้ บ้านเรือน ต่างจากบ้านของเธอลิบลับ แต่กลับเงียบสงบลมพัดเย็นสบาย ฝนตกพรำ ๆ ตลอดทั้งวันเลย "ใช่" คนที่ยืนกอดอกพิงกับขอบประตูอยู่ทางด้านหลังตอบ "อากาศดีจังเลย" เอามือยื่นออกไปรองน้ำฝนที่กำลังรินลงมาจากหลังคา "ระวังไม่สบายนะ อย่าออกไปตากฝน" "รู้แล้ว ๆ ฉันมันเด็กบ้านนอกเข้าเมืองนะ แค่นี้ไม่ทำให้ฉันเจ็บป่วยง่าย ๆ หรอก" "วันนี้อยากไปเที่ยวไหน ?" "อยากอยู่บ้าน..มากกว่าค่ะ" พูดจบก็มองไปข้างหน้าของตัวเอง ชมวิวทิวทัศน์ที่อยู่เบื้องหน้า มองกี่ครั้งก็ไม่เบื่อเลยจริง ๆ ต่างประเทศมันดีอย่างนี้เองสินะ ใครต่อใครถึงอยากมาเที่ยวกัน "คุณคิเรย์ คุณเอมิโกะ อาหารเช้าเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ" แม่บ้านของที่นี่เอ่ยขึ้น พ่อของไคโรเคยบอกเอาไว้ว่าคนที่นี่เขาจะเรียกชื่อของเธอในภาษาญี่ปุ่น เลยต้องมีชื่อนี้อีกเหมือนกัน ตั้งแต่มาถึงจนตอนนี้เธอได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ในฐานะสะใภ้ของนายท่านเคย์จิ อนาคตนายหญิงของที่นี่ “หิวหรือยัง” ไคโรถาม “ไปกันเถอะค่ะ” เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขา ได้แต่ยิ้มพ
เวลาผ่านไปจนกระทั่งแตงกวากับไคโรนั้นแต่งงานกันมาได้ครึ่งปีแล้ว ทั้งสองยังอยู่ด้วยกันดี และแตงกวาก็ยังไม่ได้ปล่อยท้อง ใช้ชีวิตดั่งสามีภรรยาทั่ว ๆ ไป มีทะเลาะกันบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ตามประสาไคโรที่ชอบพูดจายียวนกวนโอ๊ยให้ต้องถูกด่า วันนี้ที่บ้านของแตงกวามีงานสำคัญ ที่ลูกสาวอย่างเธอนั้นจะไม่มาไม่ได้เลย นั่นก็คืองานกินดองผูกข้อไม้ข้อมือระหว่างแม่ของเธอและเสี่ยเสมบดีเจ้าของค่ายมวยที่ตามจีบกันมาตั้งนานนมเนแล้ว นี่ถ้าแม่ของเธอยอมตั้งแต่คราวนั้นนะ ป่านนี้คงได้มีน้องคลานตามกันออกมาคนสองคนแล้ว ชาวบ้านที่เป็นญาติกันก็ดี คนบ้านใกล้กันก็ดี ต่างก็มาร่วมงานตามประสาคนรู้จักกัน และก็ไม่ได้มีใครพูดไม่ดีถึงเรื่องงานผูกข้อไม้ข้อมือนี้ เพราะทั้งสองต่างก็เป็นหม้ายผัวตายเมียทิ้งด้วยกันทั้งนั้น รักกันชอบกันจะแต่งงานกันก็ไม่แปลก "เฮ้อ ในที่สุดเราสองคน ก็ได้เป็นพี่น้องกันจริง ๆ แล้วสินะ" สองพูดอยู่ข้าง ๆ ขณะที่กำลังยืนมองญาติผู้ใหญ่ที่พากันต่อแถวเข้ามาผูกข้อมือให้กับบ่าวสาวอยู่ "เหลือพี่แล้วนะ" "อะไร ?" "เมื่อไหร่จะได้เมียกับเขา หรือว่าคิดจะครองโสดไม่ยอมถูกเปิดซิงไปตลอดชีวิต" "อะ อะ ไอ้แตง ห่านี่ ! มีอยู่แ