เมื่อมีเงินก้อนในมือ ตอนขากลับเธอจึงเลือกจองตั๋วรถไฟแบบนอนที่มีราคาสูงถึงสามร้อยบาท
เธอไม่คิดจะนอนบนรถไฟจริง ๆ หรอก เธอจะเข้าไปนอนในพื้นที่ว่างเหมือนเดิม แต่เพื่อพรางสายตาผู้โดยสารคนอื่น เนื่องจากตั๋วนอนจะมีผ้าม่านกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวในแต่ละเตียง แล้วเธอก็เลือกนอนบนเตียงชั้นสองเพื่อป้องกันการสอดรู้สอดเห็นอีกชั้นหนึ่ง
ผู้โดยสารในตอนนี้ยังคงมีอยู่ประปรายเนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเดินทาง เมื่อเธอเดินไปยังเลขที่นั่งที่จับจองไว้ก็พบว่าที่นั่งของตนมีผู้ชายขี้เมาคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว
และที่สำคัญ ชายขี้เมาวัยกลางคนคนนี้กำลังพยายามจับแขนและโอบกอดสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างไม่อายสายตาผู้โดยสารคนอื่น ขณะที่สาวน้อยคนนั้นก็ทำท่าคล้ายกำลังจะร้องไห้ พยายามช่วยเหลือตัวเองโดยการดึงและปัดมือชายคนนี้ออกอยู่ตลอดเวลา แต่เธอกลับไม่กล้าเปล่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือใด ๆ ออกมา
แล้วก็เป็นพิริยาเองที่อดรนทนไม่ได้ นอกจากจะเป็นผู้หญิงด้วยกันแล้ว วัยของหญิงสาวที่กำลังโดนลวนลามก็ใกล้เคียงกับเธอด้วย
“นี่ ตาแก่ ลวนลามผู้หญิงแบบนี้ใช้ได้เหรอ” เธอเอ่ยหาเรื่องเสียงดัง
“แกเรียกใครตาแก่วะ ฉันเพิ่งอายุ 35 ปี ยังหนุ่มเอ๊าะ ๆ โว้ย” ชายขี้เมาคนนั้นพูดด้วยเสียงอ้อแอ้ “แล้วฉันก็ไม่ได้ลวนลามใครด้วย นี่เมียฉัน จะจับจะต้องอะไรมันหนักหัวใครวะ”
หญิงสาวคนที่โดนลวนลามรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
มิน่าล่ะ ถึงไม่มีผู้โดยสารอื่นยอมเข้าช่วยเหลือ คงโดนอ้างเรื่องสามีภรรยาแน่ ๆ
“โกหกหน้าด้าน ๆ นะตาแก่ ถ้าเป็นสามีภรรยากันจริงคงไม่จองที่นั่งแยกกันแบบนี้หรอก”
“อุวะ! แกตาบอดเรอะไงนังเด็กนี่ ฉันก็กำลังนั่งข้างเมียฉันอยู่แล้วไง”
“แต่เผอิญที่นั่งข้างเมียลุงมันเป็นเบอร์ที่นั่งของฉันนี่สิ อย่ามาหน้าด้านทำสันดานเสียแบบนี้ รีบลุกไปไกล ๆ ก่อนที่ฉันจะแจ้งเจ้าหน้าที่มาจับลุง”
เมื่อพิริยาพูดจบ ก็มีเสียงพึมพำของผู้โดยสารที่อยู่ในเหตุการณ์ดังขึ้น
“อ้าว สรุปลวนลามผู้หญิงจริง ๆ”
“ตกลงไม่ใช่สามีภรรยากันตามที่ผู้ชายอ้างตั้งแต่แรกเหรอ”
“พี่ ไปช่วยหน่อย สรุปโดยลวนลามนะ”
ชายคนนี้ดูเหมือนหายเมาเป็นปลิดทิ้งเมื่อเจอเจ้าของที่นั่งตัวจริงและเจอเสียงซุบซิบรอบข้างของผู้โดยสารอื่น
“อ้าว ๆ ขอโทษด้วยว่ะน้อง สงสัยเมียพี่กับพี่ดูเลขที่นั่งผิด เดี๋ยวลุกให้ ไปน้อง เรานั่งผิดที่” ไม่วายหันไปจับกระชากแขนหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ ให้ลุกขึ้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อยากปล่อยสาวน้อยตัวหอมและขี้อายคนนี้ไปง่าย ๆ อีกอย่างการดึงสาวน้อยคนนี้ไปด้วยกันจะช่วยแก้สถานการณ์ย่ำแย่ตรงนี้ได้ด้วย
“ปล่อยนะ ฉันไม่ใช่เมียนาย ฉันไม่รู้จักนาย” ในที่สุดสาวน้อยคนนั้นก็สุดกลั้น ยกมือปิดหน้าร้องไห้โฮออกมา
เมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาว ผู้โดยสารอื่นก็เตรียมลุกฮือขึ้นมาเพื่อรุมประชาทัณฑ์ชายขี้เมาทันที ชายขี้เมาเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนี แต่วิ่งไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็ล้มทั้งยืนอยู่กลางวงผู้โดยสาร ทำเอาผู้โดยสารทั้งหมดต่างก้มมองด้วยแววตาตื่นตกใจ
พิริยายืมยิ้มมองร่างที่สลบเหมือดตรงพื้นรถด้วยแววตาสะใจ ก่อนที่จะวิ่งไปกดปุ่มฉุกเฉินข้างรถเพื่อเรียกเจ้าหน้าที่
ระหว่างนั้น มือข้างขวาของเธอก็ยังคงจับแท่งทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็ก ๆ สีดำไว้แน่น ใช่แล้ว ระหว่างที่นายคนนี้เตรียมวิ่งหนี พิริยาก็รีบฉวยที่ช็อตไฟฟ้าออกจากกระเป๋ากางเกงไปจี้ที่เอวของเขาจนเกิดเหตุการณ์ล้มทั้งยืนอย่างที่เห็น
หลังจากช่วยให้ชายบ้ากามฟื้นจากสลบ เจ้าหน้าที่รถไฟเริ่มทำการสอบสวนจึงพบว่าชายคนนี้จองตั๋วโดยสารด้วยแต่จองแบบตั๋วนั่ง แล้วที่สำคัญชายคนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหญิงสาวที่เขาอ้างว่าเป็นภรรยาแม้แต่น้อย แต่เพราะถูกตาถูกใจสาวน้อยคนนี้กะทันหันระหว่างเดินหาที่นั่งของตนเอง
และด้วยอาการเมาทำให้คุมสติตัวเองไม่ได้ จึงได้ก่อเหตุลวนลามดังกล่าว เมื่อสอบสวนเรียบร้อย เจ้าหน้าที่รถไฟจึงลากเขาไปยังสถานีตำรวจเพื่อฝากขังท่ามกลางความโล่งใจของผู้โดยสารและหญิงสาวที่โดนลวนลาม
หญิงสาวเดินเข้าร้านเพื่อเลือกซื้อขนมอบ ขนมเค้กไม่มีแบ่งขายเป็นชิ้น เธอจึงเลือกปอนด์เล็กสุด และหยิบคุกกี้กระปุกเล็ก เค้กโรล ขนมปังปอนด์มาอีกอย่างละหนึ่งเพื่อทดสอบรสชาติ“แอะ! แค็ก..” คาวไข่ขั้นสุดเมื่อกลับมาถึงหอพัก เธอได้รีบแกะขนมออกมาชิม ทันทีที่ตักขนมเค้กเข้าปาก ผลที่ได้คือเนื้อเค้กที่หวานจัดและคาวไข่เป็นอย่างมาก ไม่เท่านั้น เนื้อครีมที่ปาดหน้าเค้กค่อนข้างหนัก ทั้งหวานและเลี่ยน เมื่อกัดชิมคำแรกถึงกับคายทิ้งแทบไม่ทัน แล้วทำไมถึงยังขายดีได้ขนาดนี้เค้กโรลก็ให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน สำหรับคุกกี้นั้นให้ความรู้สึกหวานเพียงอย่างเดียว ไม่มีความหอมหรือมันของเนยแม้แต่น้อย ส่วนขนมปังปอนด์นั้นสามารถพูดได้เลยว่าขนมปังให้ปลาในยุคที่เธอจากมายังนุ่มมากกว่า แล้วทำไมถึงยังขายดีขนาดนี้ได้อีกแต่ข้อด้อยพวกนี้แหละคือตัวช่วย หากทำขนมออกมาแบบไม่เหลือข้อด้อยพวกนี้ ธุรกิจจะต้องรุ่งโรจน์อย่างไม่ต้องสงสัย ปิ่นแก้วอยู่ในอารมณ์ที่คึกคักถึงขีดสุดเธอรีบหายเข้าไปในพื้นที่และเปิดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับขนมยอดฮิตต่าง ๆ ดู ก่อนจะคัดเมนูที่ทำได้ไม
“แก้วรู้ค่ะว่าป้าเป็นห่วงแก้วและหวังดีกับแก้วที่สุด แก้วขอบคุณป้ามาก ๆ นะคะ”“ถ้าจะให้พูดตามจริง ตอนนี้แก้วมีเงินพอที่จะส่งทั้งตัวเองและชัยเรียนได้อย่างสบาย แต่ใจแก้วยังไม่อยากเรียนเอง เพราะถ้าเรียนต่อ ม.4 แล้วพอจบ ม.6 ก็ต้องอยากเรียนต่อมหาวิทยาลัยอีก ค่าใช้จ่ายเรียนมหาวิทยาลัยค่อนข้างสูงป้าเองก็รู้นี่คะ แล้วแก้วจะเอาเงินที่ไหนไปเรียนต่อ”“สู้ตอนนี้ หยุดเรียนก่อนสักครึ่งปี สร้างฐานะให้มั่นคง เก็บเกี่ยวเงินให้ได้เยอะ ๆ แล้วค่อยไปเรียน กศน. แก้วว่าน่าจะสบายกว่า”วงเดือนถอนหายใจแรง “แต่เรียน กศน. แล้วเหมือนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยยากเต็มทีนะแก้ว ป้าเสียดายอนาคต”“ไม่หรอกค่ะป้า ลองเราตั้งใจจริง ไม่ว่าเรียนจบจากไหนก็สามารถสอบเข้าได้ แต่ที่เห็นกันจนชินตาว่าเรียน กศน.แล้วความรู้ไม่พอจะไปต่อมหาวิทยาลัย นั่นเพราะคนเรียน กศน.มีภาระผูกพันค่อนข้างมาก บางคนก็มีครอบครัวอยู่แล้ว ทำให้คิดไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยกันน้อย แต่แก้วไม่มีภาระตรงนี้นี่คะ ภาระอย่างเดียวของแก้วคือต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองให้ได้เยอะ ๆ ถ้า
วงเดือนใช้มือตบพื้นเรือนเสียงดังด้วยความไม่พอใจ “ยุพินนี่มันเกินไปจริง ๆ รังแกได้แม้กระทั่งเด็ก”“ป้า อย่าโมโหไปเลย เรื่องมันสบช่องให้เขาได้เปรียบก็ต้องปล่อยไป” ปิ่นแก้วพูดปลอบ“ชัย พี่แก้วเค้าไปลงชื่อค้ำประกันเราไว้แบบนี้แล้ว ต่อไปเราต้องระมัดระวังตัว อย่าไปทำเรื่องทำนองนี้จนทำให้พี่เค้าเดือดร้อนอีกนะ ถ้าหิวหรือขาดอะไร ให้มาหาป้ากับลุงก่อน ป้ากับลุงจะช่วยเอง”“ผมขอบคุณพี่แก้วอีกครั้งนะครับที่ช่วย ต่อไปผมไม่กล้าแล้วจริง ๆ” ชิงชัยพูดพร้อมกับมีน้ำตารื้นอยู่เต็ม มันเป็นความรู้สึกทั้งเสียใจบวกกับความอับอายที่โดนประณามในเรื่องนี้“แม่กับพี่แก้วไม่ต้องห่วง ชัยเป็นคนดีจริง ๆ ไม่เคยมีนิสัยชอบขโมย” แดนไทยช่วยรับประกันให้เพื่อนรัก “ต่อไปหลังเลิกเรียนผมจะไปช่วยชัยหาผักป่าไปขายอีกแรง จะได้เอาเงินไปใช้หนี้ที่ติดอยู่ไว ๆ”“นี่แม่ชัยยังสร้างหนี้เพิ่มอีกเหรอ” วงเดือนเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจ “อาทิตย์หน้าจะเปิดเทอมแล้วด้วย จะมีเวลาไปหาของป่าขายได้ที่ไหน เลิกเรียนก็ใกล้ค่ำแล้ว คงไม่พอหาหรอก”“ชัยไม่เรียนต่อแล้วนะแม่ ไม่มีค่าเทอม”“แล้วแม่ชัยรู้ไหมว่าลูกตัวเองจะไม่เรียนต่อแล้ว” วงเดือนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พ
“ที่น้าพูดมันก็ถูก แต่ควรดูเจตนาเด็กก่อนที่จะกล่าวหา ชัยไม่ได้ตั้งใจขโมยแต่แรกนี่ เขาได้ยินว่าน้าไม่กินแล้ว และกำลังจะเทให้หมา ชัยเขาหิว เขาเลยตัดสินใจไปแบบนั้น”“หล่อนไม่ต้องมาทำหัวหมอ ฉันไม่สนใจ ถึงแม้ฉันจะไม่ต้องการกินแกงนี่แล้ว แต่มันก็ยังเป็นของฉัน ฉันจะให้ใครมันก็เป็นเรื่องของฉัน ในเมื่อฉันตั้งใจจะยกให้หมาแล้ว ไอ้เด็กหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แย่งไปได้ ฉันจะเอาเรื่องไอ้เด็กเหลือขอนี่ให้ถึงที่สุด”เมื่อยุพินพูดจบ ผู้คนที่ยืนรายล้อมต่างส่งเสียงออกมาหลายแนว บ้างก็เห็นด้วยกับยุพิน บ้างก็เห็นด้วยกับปิ่นแก้ว บ้างก็มองดูเหตุการณ์ด้วยความสะใจและสนุกกับคราวเคราะห์ของชัยในครั้งนี้ บ้างก็มีสีหน้าแสดงความเห็นใจเด็กชาย แต่ยุพินไม่สนใจ เธอยังคงตั้งมั่นในความคิดของตน“ตกลงมีเรื่องอะไรกัน” คำแปง ผู้ใหญ่บ้านที่โดนเรียกตัวมาอย่างเร่งด่วน สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อได้ฟังทั้งยุพินและปิ่นแก้วชี้แจงเรื่องราวในมุมมองของตน คำแปงก็ทำสีหน้าหนักใจอยู่ไม่น้อย เรื่องเหมือนจะดูเล็กน้อย แต่ถ้าคิดเป็นเรื่องใหญ่ ก็ดูใหญ่พอตัว โดยเฉพาะในหมู่บ้านที่ไม่เคยเกิดเหตุทำนองนี้มาก่อน“ยุพิน ปล่อยเด็กไปสักครั้งเถอะ อย
หลังจากทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้วและเห็นว่ายังเหลืออีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงมื้อเย็น เธอจึงตั้งใจจะเดินสำรวจหมู่บ้านนาแสนแห่งนี้ไปเพลิน ๆ ก่อนหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านกลางหุบเขา มีภูเขาล้อมรอบ อากาศจึงเย็นตลอดปี และมีผู้คนอยู่อาศัยประมาณสามร้อยกว่าชีวิต ส่วนมากมีฐานะยากจน ประกอบอาชีพทำนาทำไร่เป็นหลัก บ้านที่ปลูกส่วนมากเป็นบ้านไม้สีหม่นหลังคามุงจาก มีบ้านฐานะดีที่หลังคามุงกระเบื้องและสังกะสีอยู่ไม่ถึงสิบหลัง ปิ่นแก้วเดินไปตามทางเดินซึ่งเป็นเส้นทางหลักภายในหมู่บ้านถึงจะขึ้นชื่อว่าเส้นทางหลัก แต่จริง ๆ ก็คือทางดินแดงเล็ก ๆ กว้างขนาดสองคนเดินสวนกัน พื้นผิวขรุขระและเป็นหลุมเป็นบ่อเสียเยอะ บางจุดเละเป็นโคลนเนื่องจากฝนที่ตกมาตั้งแต่เช้า ซึ่งผู้คนในหมู่บ้านไม่ได้รู้สึกแปลกหรือลำบากแต่อย่างใดเพราะคุ้นชินกับถนนแบบนี้มาหลายสิบปีแล้วจะมีก็เพียงปิ่นแก้วนี่แหละที่รู้สึกลำบาก เธอผู้เคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมาทั้งชีวิต จึงไม่เคยรู้จักและไม่เคยสัมผัสฝุ่นสีแดงที่เกิดจากถนนดินแดงเลยสักครั้ง วันแรกที่ได้ย้อนเวลากลับมาเธอถึงกับสูดเอาฝุ่นแดงเข้าไปจนสำลักและแสบค
“ป้าคะ ลุง อยู่บ้านกันหรือเปล่า”วงเดือนโผล่หน้าออกมาจากชานเรือน เมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนเรียกอยู่ที่หน้าบ้าน เธอก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างดีใจ “แก้ว กลับมาแล้วเหรอ ขึ้นมาบ้านก่อนเร็วแดดกำลังร้อน”หลังจากตื่นนอนวันนี้ พิริยาได้ตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน อย่างน้อย บ้านน้อยหลังนี้ก็เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของเธอ ถึงแม้จะยังไม่รู้สึกคุ้นชินนักแต่เธอก็อยากจะลองปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตตอนนี้ให้ได้ เผื่อจะมีลู่ทางที่ดีเพิ่มขึ้นในอนาคตเมื่อเห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาและจริงใจของวงเดือน เธอรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาที่อก บางทีชีวิตที่กำลังดำเนินต่อไปของเธออาจไม่ได้แย่เกินไปนักก็ได้ พิริยาส่งยิ้มพร้อมกับหิ้วของพะรุงพะรังเดินขึ้นบ้านไป“หิ้วอะไรมาเยอะแยะ”“ของฝากค่ะป้า ลุงกับไทยไม่อยู่บ้านเหรอคะ”“ลุงเขาไปทำงานในไร่ ส่วนเจ้าไทยไม่รู้ไปซนที่ไหน หายหัวไปตั้งแต่กินมื้อเช้าเสร็จ ดีว่าอาทิตย์หน้าเปิดเทอมแล้ว”“นี่ค่ะของฝาก ถุงเล็กนี่เป็นขนมของไทย ส่วนที่เหลือของลุงกับป้านะคะ&