LOGINใบหน้าหวานขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อ เธอเบือนหน้าหนีไปในทันทีเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา บอกตามตรงว่าณิรินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอควรจะรับมือกับเสียงหัวใจของตัวเองที่มันกำลังเต้นแรงแทบบ้านี้อย่างไรดี ที่ข้างแก้มรู้สึกร้อนผ่าวไปหมด ในตำแหน่งที่ปลายจมูกของเขามันพึ่งจะสัมผัสลงไปเมื่อครู่ “อา..ให้ตายสิ” และต้นเหตุของการทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเองในตอนนี้กำลังหลับอย่างสบายใจ ราวกับว่าเรื่องเมื่อครู่มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตั้งสติหน่อยสิณิริน..เมื่อครู่มันเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรที่แอบแฝงอยู่ในการกระทำของเขาอย่างแน่นอน เธอไม่ควรคิดมากหรือว่าเก็บเอาไปคิดให้รกสมองหรอกนะ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านประธานไม่มีทางมองเธอในฐานะของผู้หญิงคนหนึ่งอยู่แล้ว เมื่อเรียกสติของตัวเองกลับมาได้สำเร็จ สิ่งที่ณิรินควรกระทำต่อไปคือการขับรถไปส่งท่านประธานที่บ้าน หลังจากนั้นเธอจะได้กลับไปนอนอย่างที่ควรจะเป็นเสียที “....” เขาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เพื่อลอบมองใบหน้าด้านข้างของณิริน..เธอไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือว่าอะไรทั้งนั้น จริงอยู่ที่เราทำงานด้วยกันมาหลายปี จริงอยู่ที่เขาใช้งานเธออย่างหนัก แต่เรื่องนั้นมันคือข้อตกลงที่มีมาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะรับเธอเข้ามาทำงานแล้วนะ ว่าแต่สายตาของณิรินมีปัญหารึเปล่านะ เธอมองไม่เห็นความหล่อของเขาเลยอย่างนั้นหรือ ทั้งๆที่มีผู้หญิงมากมายที่ต้องการเข้าหาเขา.. ทั้งเรื่องหน้าตาและฐานะเขาไม่แพ้ให้ใครทั้งนั้น แต่ณิรินกลับไม่เคยมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหลอะไรแบบนั้นเลย คำพูดติดปากที่แสนน่าเบื่อของเธอคือ “ค่ะท่าน” ไม่ว่าเขาจะสั่งงานเธอมากแค่ไหนหรือว่ายากเท่าใด คำเดียวที่เธอตอบกลับมาคือคำว่า “ค่ะท่าน” มันน่าหงุดหงิดเล็กน้อยที่เขาล้มเหลวต่อการยั่วยวนผู้หญิงคนนี้ เพราะไม่ว่าเขาจะพยายามตีสนิทกับเธอแค่ไหน ณิรินก็มักจะขีดเส้นระหว่างเราเอาไว้เสมอ..ยิ่งเขาพยายามเข้าใกล้ เธอก็จะยิ่งถอยห่างออกไป ไกลขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้ง..จนเขาต้องหยุดอยู่ตรงที่เดิมก่อน เพื่อไม่ให้เธอถอยห่างจากเขาไปไกลขึ้นมากกว่านี้ แต่ในวันนี้ธนัทรู้สึกว่าเขาเหนื่อยมากจริงๆ เขาเหนื่อยล้ากับทุกสิ่งทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามา ทั้งเรื่องของแม่และเรื่องของณิริน เขาไม่อยากจะเหนื่อยกับการวิ่งไล่ตามหรือว่าการเล่นเกมอะไรกับเธออีกแล้ว เขาอยากหยุดทุกอย่างเอาไว้..ไม่มีเลขาหรือว่าเจ้านาย มีแค่เขาและเธอเท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นมาก็ตามที เขาจะเอาแต่ใจของตัวเองให้ถึงที่สุดและเธอมีหน้าที่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือเธอต้องตามใจเขา! ณิรินขับรถเข้ามาจอดในลานจอดรถของบ้านท่านประธาน เธอมาที่นี่บ่อยมากทีเดียว ต้องเรียกว่าณิรินมาที่นี่ทุกวันเลยต่างหาก เพราะท่านประธานรักและหวงแหนความเป็นส่วนตัวของเขามากทีเดียว เขาจึงไม่จ้างคนใช้แต่เลือกที่จะว่าจ้างแม่บ้านชั่วคราวแทน และเธอต้องมาคอยดูแลความเรียบร้อยในบ้านของเขา ในช่วงเวลาที่แม่บ้านมาทำความสะอาด เธอเดินไปเปิดประตูบ้านของเขา ก่อนจะเดินกลับมาที่รถเพื่อเปิดประตูรถออก..ณิรินตั้งใจจะพาท่านประธานเข้าไปในบ้าน แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่เขากำลังหลับนี่แหละ ท่านประธานธนัทเป็นคนที่ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่เมา เขารู้ลิมิตของตัวเองเป็นอย่างดี ว่าควรจะดื่มมากแค่ไหน..แต่วันนี้เธอไม่แน่ใจว่าเขาไปพบเจอเรื่องอะไรมากันแน่ หรือว่าวันนี้ท่านจะไปพบท่านประธานใหญ่มากกันนะ ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก นั่นคงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้วที่ท่านประธานของเธอจะดื่มมากจนเมาเช่นนี้ “..ถึงแล้วค่ะท่าน หากว่าท่านเดินไม่ไหว ให้ณิรินไปตามคนมาช่วยพยุงท่านนะคะ” ขณะที่เธอกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรตามรปภ.ของที่นี่ มือของธีรักษ์ก็จับข้อมือของเธอเอาไว้ ราวกับว่าเขากำลังกล่าวห้ามไม่ให้เธอโทรเรียกใครมา “แค่คุณก็พอ..ผมพอจะเดินไหว ช่วยประคองเข้าไปหน่อยสิ” ณิรินเก็บโทรศัพท์ของเธอลงไปในกระเป๋า เธอไม่ได้คิดอะไรกับคำสั่งนั้นของเขาเลย ก็อย่างที่บอกไป..นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาที่นี่ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่เขาเมาและเธอต้องประคองไปส่ง แต่ใครจะรู้ว่านี่คือครั้งแรกที่แววตาของธีรักษ์..ซึ่งกำลังจ้องมองณิรินอยู่ มันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “ระวังด้วยนะคะ” เพราะน้ำหนักของเขามันมากกว่าน้ำหนักตัวเธอหลายเท่า ด้วยเหตุนั้นหากเขาล้มลงไปแล้วละก็ เธอคงไม่มีปัญญาพาเขาเข้าบ้านอย่างแน่นอน.. “...อืม” สิ่งที่ณิรินปฏิเสธไม่ได้คือกลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่แสนคุ้นเคยกำลังอบอวลอยู่ในอากาศเมื่อเธออยู่ใกล้เขา แต่ทว่าเพราะอยู่ใกล้กันมากขนาดนี้ เธอจึงได้กลิ่นกายที่คล้ายกับกลิ่นต้นสนตัดใหม่ชวนให้นึกถึงเทศกาลคริสต์มาส..เราอยู่ใกล้กันมาเสียงจนเธอได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่กำลังเต้น ทำไมวันนี้ระยะทางจากหน้าบ้านไปจนถึงด้านในบ้านของเขามันถึงได้ไกลมากขนาดนี้กันนะ เพราะมัวแต่กำลังนึกสับสนกับกลิ่นหอมจากร่างกายของอีกฝ่าย นั่นจึงทำให้ณิรินลืมบางอย่างที่สำคัญไปเลย นั่นคือไม่มีกลิ่นสุราฟุ้งกระจายออกมาจากร่างกายของคนที่กำลังทำท่าว่าเมามายในยามนี้เลย “ผมว่าจะนอนเลย..เข้าไปส่งในห้องหน่อยสิ” เธอเผลอเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ ในใจของณิรินมีคำถามเต็มไปหมด เพราะปกติหน้าที่ของเธอคือการส่งเขาเข้าบ้านหรือไม่ก็ส่งเขาบนโซฟา แล้วหลังจากนั้นเขาก็จะจัดการเรื่องราวของตัวเอง..ส่วนเธอก็กลับบ้านได้ในทันที “ในห้องนอนเหรอคะ?” เธอย้อนถามเขาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “อืม..ก็วันนี้ผมเมามากจนเดินไม่ไหว..หรือว่าคุณต้องการให้ผมคลานเข้าห้องตัวเองงั้นเหรอ” เรื่องนั้น..หากเขาสามารถคลานไปได้ ก็ไม่น่าจะรบกวนเธอเลยนี่ แต่ถึงจะคิดเช่นนั้นณิรินก็ยังคงยิ้ม..พร้อมกับกัดฟันพูดคำว่า “ค่ะท่าน..” คำนี้อีกแล้ว ธีรักษ์เบื่อเต็มทนกับการได้ยินคำตอบที่ดูคล้ายกับว่าณิรินคือหุ่นยนต์ เช่นนั้นวันนี้เขาจะทำให้เธอลืมคำว่า “ค่ะท่าน” ไปซะ เขาสัญญาเลยว่าจะทำให้ณิรินไม่กล้าพูดคำว่า “ค่ะท่าน” ออกมาอีกเลย มาทำให้วันนี้ณิรินผู้ที่ยินยอมทำทุกอย่างตามที่เขาสั่ง ขัดคำสั่งของเขากันเถอะ.. ธีรักษ์แสยะยิ้มที่มุมปากและทันทีที่ณิรินพาเขาเดินเข้ามาในห้องนอน เขาก็เอื้อมมือไปล็อคประตูในทันที และประตูนี้มันพิเศษมากเพราะมันคือประตูห้องนอนของเขา ไม่ว่าใครจะเข้าหรือว่าจะออกจะต้องใช้นิ้วมือของเขาในการสแกนเท่านั้น นี่เขาได้ขังณิรินเอาไว้ที่นี่อย่างสมบูรณ์แล้วสินะ
หากจะนับกันจริงๆ เขาไม่ได้รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะมุมมองที่เขาเห็น นั้นมันเป็นมุมมองของเจ้านายที่มองดูลูกน้อง และเธอที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา แถมยังไม่เคยทำสีหน้าไม่พอใจเลยสักครั้งไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาแบบไหนเธอก็ยังคงยิ้มราวกับว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ทว่าที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะเธอคือเลขาของเขายังไงล่ะ และเขาคือเจ้านายของเธอ..ณิรินไม่สามารถทำตัวเป็นเลขาผู้สมบูรณ์แบบของเขาไปได้ตลอดหรอก หากว่าเราอยู่ด้วยกันขึ้นมาจริงๆ แล้วเธอแสดงนิสัยที่แท้จริงของตัวเองออกไป เขาจะรับได้อย่างงั้นเหรอ?“แบบนั้นก็ลองดูสิ ผมเองก็มั่นใจไม่แพ้กันว่าคุณเองก็ยังไม่รู้จักผมดีพออย่างแน่นอน เราต่างมองกันและทำความรู้จักกันในนิสัยที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา เพราะอย่างนั้นก็มาลองดูสิ มาลองทำความรู้จักกันดู แล้วหากว่าเราไปด้วยกันไม่ได้จริง..เราค่อยมาคุยเรื่องลูกกันอีกทีก็ได้”เขากำลังร้องขอสิ่งที่เรียกว่าโอกาส และณิรินเกลียดตัวเองมากเหลือเกินที่ตัวเธอเป็นพวกคนใจอ่อนน่ะหากจะมองในมุมของเขานั้น ตัวของท่านประธานเองก็ไม่ได้ผิดตรงไหนเลย ตรงกันข้ามเขาแสดงตัวและมีท่าทีที่ชัดเจนในการพยายามอย่างยิ่งที่จะรับผิดชอบเธอ“ได้โปรดนะณิริน คุณจะไม
เป็นเขาที่คิดน้อยมากเกินไป เพราะเราเดินเคียงข้างกันมานานในฐานะของเจ้านายและลูกน้อง เพราะอย่างนั้นสายตาของผู้คนเวลาที่มองมาที่เธอก็จะเกิดภาพจำว่าเธอคือเลขาของเขา..ด้วยเหตุนั้นธีร์จึงเปลี่ยนไปทานมื้อเช้าในร้านอาหารที่เราไม่เคยมาด้วยกัน“ร้านนี้ก็น่ากินเหมือนกันนะ จากนี้ไปเราลองเปลี่ยนบรรยากาศไปร้านใหม่ๆ กันบ้างดีกว่านะณิริน”เธอมองหน้าเขา ก่อนจะมองอาหารมากมายที่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ วันนี้ท่านประธานแตกต่างไปจากทุกวันจริงๆ นั่นแหละ หรือว่าเขามีเรื่องอะไรที่จะพูดคุยกับเธอรึเปล่า“ค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านประธานมีอะไรอยากจะพูดกับณิรินไหมคะ”เธอมีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว มีเรื่องมากมายให้ต้องใช้ความคิดไตร่ตรองให้ดีเพราะอย่างนั้นเธอไม่มีเวลาที่จะมาคาดเดาความคิดของเขาอีกหรอกธีร์วางช้อนเอาไว้ในจาน เขาประสานนิ้วมือเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังเข้าโหมดจริงจัง“แล้วณิรินไม่คิดว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันงั้นเหรอ?”เธอกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา“ไม่นี่คะ หากเป็นเรื่องงานณิรินมั่นใจว่าณิรินทำงานได้อย่างดีและไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน ไม่มีเรื่องอะไรที่ท่านจะต้องมาตำหนิณิรินหรอกค่ะ”ธีร์พ่นลมหายใจอ
ในมือของณิรินยังคงถือที่ตรวจครรภ์เอาไว้ เธอหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเริ่มจัดระเบียบความคิดของตัวเองข้อแรกวันนี้เธอหยุดและณิรินจัดการปิดโหมดการบินเอาไว้แล้ว เธอไม่ต้องการรับข่าวสารใดๆ ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือว่าเรื่องอะไรก็ตามทีและข้อสองเธอน่าจะต้องเตรียมตัวในเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะเกิดมาณิรินล้มตัวนอนลงบนเตียง เธอหลับตาลงช้าๆ แน่นอนว่านี่มันคือเรื่องที่หนักหนาแต่นี่ช่างน่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกกลัวกับการเผชิญหน้ากับความจริงเลยฝ่ามือเล็กๆ ของณิรินกำลังลูบลงไปเบาๆ บนหน้าท้องที่แบนราบของตัวเอง..หากเป็นเรื่องเงินเธอไม่ได้ติดขัดอะไรเลย ที่ผ่านมาเธอทำงานแบบไม่มีเวลาให้ได้ใช้เงิน ด้วยเหตุนั้นเงินเก็บในธนาคารที่ณิรินมีมันเพียงพอที่จะใช้เลี้ยงดูเธอและลูกไปอีกนานหลายปี เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เธอต้องคิดในตอนนี้คือ..เธอควรวางแผนที่จะใช้ชีวิตระยะยาวของตัวเองและเธอคงไม่อาจทำงานในตำแหน่งที่กำลังยืนอยู่ได้อีกต่อไป..มันคงน่าอึดอัดพิลึก หากเขารู้ว่าเธอท้องและเธอจะทำยังไงดีล่ะในช่วงเวลาที่เขาเอ่ยถามออกมาว่าเด็กในท้องคือลูกใครณิรินไม่ได้คาดหวังให้ท่านประธานมารับผิดชอบเพราะในวันนั้นเธอเองก็
เมื่อเหลือเราสองคนที่อยู่ในห้องนี้ ณิรินหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาเพื่อสั่งอาหารให้เขา“..สั่งของคุณมาด้วยสิ วันนี้ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว”อันที่จริงไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเขาก็ชอบให้เธอสั่งอาหารมาเผื่อตัวเธอด้วย ความใส่ใจที่แสนเล็กน้อยนี่แหละที่ณิรินมองว่ามันช่างแสนอันตรายมากเหลือเกิน..ที่ผ่านมาต่อให้เธอจะทำงานหนักมากแค่ไหน นอกจากค่าตอบแทนที่สุดแสนจะคุ้มค่าแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เธอได้รับจากเขามันคือความเอาใจใส่ที่ถึงแม้ว่ามันจะเล็กน้อย แต่เธอกลับได้มันมาอย่างสม่ำเสมอ“ค่ะ..หมอฉลามอนุญาตให้ท่านออกจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ”และนั่นคงเป็นข่าวดีที่สุดในรอบสองเดือนสำหรับธีรักษ์เลยก็ว่าได้ เพราะมันหมายความว่าเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ กลับไปทำงานและได้มองเห็นณิรินในสายตาตลอดเวลาแล้วแผลผ่าตัดที่เคยปริแตกของเขามันหายดีไปจนหมดแล้ว..หากแม่ไม่สั่งให้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ เขาคงจะไปจากที่นี่ตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว“นั่นเป็นข่าวที่ดีมากจริงๆ ในที่สุดผมก็จะได้ออกไปจากที่นี่สักที..”เขาพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาด้วยรอยยิ้ม ส่วนสายตาของธีร์รักนั้นกลับไม่ละไปจากใบหน้าของณิรินเลยแม้แต่น้อยและสิ่งที่มาขั
พะพายตามมาดูอาการของณิรินด้วยความเป็นห่วง“เราว่าแกไปหาหมอก่อนดีไหม หรือไม่ก็ไปที่ห้องพยาบาลก่อน..”เพราะพะพายรู้ว่างานของณิรินมันยุ่งมาก หากให้ณิรินไปหาหมอที่โรงพยาบาลคงเป็นไปไมได้อย่างแน่นอน คนบ้างานอย่างณิรินไม่มีทางจะยอมทิ้งงานเพื่อพาตัวเองไปหาหมอแน่ๆณิรินพยักหน้า เธอยอมเดินตามพะพายไปที่ห้องพยาบาลของบริษัท“ดูเหมือนว่าเพื่อนหนูจะพักผ่อนน้อยค่ะ มันกินข้าวไม่ได้และก็อาเจียนออกมาด้วย..”หมอที่ประจำเป็นที่ห้องพยาบาลส่งยิ้มให้กับพะพาย มันคือรอยยิ้มที่มากเกินคนรู้จักทั่วไปอย่างแน่นอน และนั่นทำให้ณิรินพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้บ้าง“เดี๋ยวเราไปทำงานก่อนนะ หากแกไม่ไหวก็โทรไปหาเราก็ได้ เดี๋ยวเราไปส่งแกกลับบ้านเอง”พะพายกล่าวออกมาพร้อมกับจับมือของณิรินเอาไว้“อืม ขอบใจแกมาก ไปทำงานเถอะ..”หมอประจำห้องพยาบาลยกมือขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อโบกมือลาพะพาย ก่อนที่เขาจะเบนสายตากลับมาหาณิรินที่กำลังนั่งอยู่“มีอาการอาเจียนมากี่วันแล้วครับ แล้วก็มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยอีกไหม..ยกตัวอย่างเช่นการเวียนศีรษะหรือว่ารู้สึกอย่างอื่น”ณิรินเงียบไปพักหนึ่ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนน้อยร่างกายก็เลยรวนไปหมด นั่นจ
“เท่าที่จำได้กูบอกว่าให้ณิรินไปส่ง แล้วมึงเสนอหน้ามาด้วยทำไมวะไอ้ธีร์”บรรยากาศในรถตอนนี้ดูเหมือนว่าจะร้อนระอุมากกว่าบรรยากาศในห้องทำงานเมื่อครู่อีก เธอจำได้ว่าตัวเองกำลังพาคุณสิงหาไปที่รถ และเมื่อเธอกำลังจะเดินถึงรถ ท่านประธานก็ตรงเข้ามาหาเธอพร้อมกับเปิดประตูด้านหลังรถเพื่อยัดคุณสิงหาเข้าไปในนั้นแล้วเขาก็สั่งให้เธอขับรถ ส่วนตัวเองเดินเข้ามาเพื่อนั่งข้างคนขับ นี่มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่จนณิรินไม่รู้ว่าเธอจะรับมือกับความแปลกของท่านประธานอย่างไรดี“กูก็อยากไปหาหมอเหมือนกัน พอดีว่ากูไปต่อยหมามาก็เลยเจ็บมือ ทำไม..มีแต่มึงที่ไปหาหมอได้คนเดียวงั้นเหรอ”ตลอดทางทั้งสองคนก็จิกกัดกันไม่ยอมปล่อย จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงแม้ว่าทั้งสองคน ทั้งท่านประธานและคุณสิงหาจะไม่ถูกกันแต่ทว่าในช่วงเวลาที่เขากำลังเถียงกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังมองเพื่อนกำลังทะเลาะกันมากกว่าแต่ณิรินไม่อยากจะพูดออกไปแบบนั้นหรอก เธอกลัวว่าท่านประธานจะไม่ชอบใจ ว่าแต่การที่เธอพยายามจะหนีท่านประธานออกมานั้นมันไม่ได้ผลอย่างนั้นสินะ เพราะต่อให้เธอพยายามหลบหนีเขามากแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามตามติดเธอมากแค่นั้น..แต่ช่าง







