LOGIN“....”
แววตาของณิรินมันเต็มไปด้วยความฉงน เมื่อเธอได้ยินเสียงล็อคประตูห้อง.. จริงอยู่ที่ว่านี่เธอเคยเข้ามาในห้องนี้ เพราะอย่างนั้นเธอจึงล่วงรู้เป็นอย่างดีว่าห้องนี้มันมีความพิเศษมากกว่าทุกห้องในบ้านหลังนี้ นั่นก็คือประตูห้องนี้หากจะเข้าจะออกจะต้องใช้นิ้วมือของท่านประธานในการสแกนเพื่อที่จะเปิดประตู และหากว่าไม่มีนิ้วมือของท่านประธานก็จะต้องมีคีย์การ์ดที่อยู่ในกระเป๋าของเธอ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ทั้งโทรศัพท์ คีการ์ด หรือว่ากระเป๋าของเธอนั้นมันดันอยู่ในรถเนี่ยนะสิ เธอคิดว่าตัวเองคงเข้ามาไม่นาน ด้วยเหตุนั้นจึงทิ้งของสำคัญเอาไว้ในรถ.. ณิรินพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ คงไม่ใช่แบบนั้นหรอก ท่านประธานของเธอจะมาทำเรื่องอะไรที่มันล่อแหลมเช่นนั้นได้อย่างไรกัน เราไมได้อยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาวหรือว่าพึ่งรู้จักกันแค่วันสองวันสักหน่อย ไม่มีทางที่ท่านจะทำอะไรแบบนั้นกับเธออยู่แล้ว อย่าหลงตัวเองสิณิริน “ในเมื่อฉันส่งท่านเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะท่าน” ธีรักษ์นอนอยู่บนเตียงในท่วงท่าที่แสนสบาย ที่มุมปากของเขามีรอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏอยู่ “อืม..ขับรถกลับดีๆ นะณิริน” เธอขับรถดีมาตลอดอยู่แล้ว แต่ก่อนที่เธอจะได้ขับรถกลับบ้านดีๆ เธอต้องออกไปจากห้องนี้ให้ได้ก่อน “คะ..คือว่าประตูห้องมันล็อค พอดีว่าการ์ดของณิรินอยู่ในกระเป๋า ท่านช่วยเปิดประตูให้ณิรินหน่อยได้ไหมคะ” ณิรินมั่นใจว่าเธอมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอันแสนหล่อเหลาของเขา เธอมั่นใจว่าเขากำลังยิ้มอยู่แน่ๆ ..แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงพยายามให้กำลังใจตัวเอง ว่ามันจะไม่เป็นไรอย่างแน่นอน ท่านประธานไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้น และเขาคงไม่คิดจะทำอะไรกับเธอเกินเลยมากไปกว่านี้หรอก “ณิริน..ผมคิดว่าคืนนี้ผมไม่อยากอยู่คนเดียว” เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งบนเตียง สายตาที่มองมามันแปลกและแตกต่างไปจากทุกครั้ง เขามองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ราวกับว่าเธอคือสิ่งเดียวที่เขาต้องการในขณะนี้ สายตานั้นกวาดผ่านร่างกายของเธออย่างช้าๆ ทำให้ณิรินรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกกลืนกินด้วยความปรารถนา เธอเดินถอยหลังจนแผ่นหลังแนบชิดลงไปที่ประตู หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะเลยด้วยซ้ำในช่วงเวลาที่เขายกมือขึ้นมาเสยผมที่ถูกเซ็ตจัดทรงเอาไว้เป็นอย่างดี จนมันยุ่งเหยิงไปหมด “ผมรู้สึกเหมือนกับว่าหากคืนนี้อยู่คนเดียว..ผมจะผ่านค่ำคืนที่มืดมิดนี้ไปไม่ได้อย่างแน่นอน” แล้วเขามั่นใจได้ยังไงว่าหากเธออยู่ด้วย เขาจะผ่านมันไปได้น่ะ ณิรินไม่ได้มองโลกในแง่ดีแต่ทว่าเธอมองโลกในความเป็นจริง เพียงแต่เพราะเราอยู่ด้วยกันแทบทุกวัน ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของเธอและเขามันจะเป็นความสัมพันธ์ในแบบเจ้านายและลูกน้องเพียงเท่านั้น แต่ณิรินก็รู้สึกว่าท่านประธานไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่นัก เขามีเพื่อนที่เป็นเพื่อนจริงๆ น้อยมาก ส่วนเรื่องแฟนหรือว่าคนรัก..เขาไม่น่าจะเคยมี และเหตุผลที่เขาไม่มีทั้งเพื่อนและแฟนมันคงเป็นเหตุผลเดียวกับเธออย่างแน่นอน นั่นก็คือเขา..บ้างานมากเกินไป เช่นนั้นแล้ว ในช่วงเวลาที่เขาทุกข์ใจหรือว่าพบเจอเรื่องแย่ๆ เขาจะไประบายเรื่องราวเหล่านั้นให้ใครฟังกันล่ะ นั่นคือคำถามที่ผุดขึ้นมาในใจของณิริน ตัวเธอนั้นยังโชคดีที่ยังมีพะพาย แต่กับท่านประธานแล้ว โลกที่เขายืนอยู่นั้น เขาไม่สามารถอ่อนแอได้เลย.. เพราะฉะนั้นเธอก็แค่รับฟังเขาเท่านั้นในวันนี้ แค่ฟังในสิ่งที่กำลังอัดแน่นในใจของเขาก็เท่านั้นเอง ณิรินไม่ชอบตัวเองเท่าไหร่นักที่เธอใจอ่อนมากเกินไป แต่ท่านประธานก็น่าสงสารมากจริงๆ “หากว่าท่านต้องการใครสักคนที่จะรับฟังท่าน ณิรินก็ยินดีค่ะ แต่ในห้องนี้คงแคบไปหน่อยสำหรับการพูดคุยเรื่องของท่าน เช่นนั้นเราออกไปนั่งข้างนอก แล้วดื่มไปคุยไปดีไหมคะ ฉันจำได้ว่าในตู้เก็บไวน์ของท่านมีไวน์ที่ท่านพึ่งได้มาใหม่อยู่..เราลองไปดื่มด้วยกันดีไหมคะ” ธีรักษ์ถึงกับพูดไม่ออก บอกตามตรงเรื่องการต้องการคนรับฟังหรือว่าอะไรนั่นมันเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เขาแค่ต้องการให้ณิรินอยู่ที่นี่กับเขาในคืนนี้ แต่เธอกลับมองเขาด้วยแววตาแสนอ่อนโยน..เป็นแววตาที่ไม่ค่อยมีใครมองเขาด้วยแววตาเช่นนั้นเลย “เอาแบบนั้นก็ได้..ไปนั่งคุยกันเถอะ” . . ในยามนี้นอกจากเราสองคนที่กำลังนั่งอยู่ด้วยกันแล้วก็ยังมีแก้วไวน์อีกสองใบที่ด้านในนั้นมีไวน์ราคาแพงที่เธอก็ไม่ได้มีความรู้นักว่ามันถูกบ่มมาในปีอะไร แต่เพราะคนที่ให้คือเจ้าของบริษัทส่งออกอะไหล่เครื่องยนต์ ด้วยเหตุนั้นไวน์ขวดนี้คงมีราคาที่แพงใช่ย่อยเลยทีเดียว ณิรินเลือกที่จะยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่ม เธอเองก็ต้องการความกล้ามากๆ เหมือนกัน เพื่อที่เธอจะพูดคุยกับท่านประธานอย่างตรงไปตรงมา “ท่านมีเรื่องอะไรจะพูดคุยกับฉันอย่างนั้นเหรอคะ..แน่นอนว่าท่านบอกกล่าวออกมาได้ทุกเรื่องเลยนะคะ จะเกี่ยวหรือว่าไม่เกี่ยวกับงานก็ได้ทั้งนั้น ฉันจะรับฟังท่านเองค่ะ” ธีรักษ์ยกมือขึ้นมาเท้าคางพร้อมกับยกยิ้มเล็กน้อย เขากำลังจ้องมองใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อจากฤทธิ์ของไวน์ที่ณิรินพึ่งจะดื่มไป “ผมก็แค่เหนื่อยกับงาน..และเหนื่อยกับทุกสิ่งที่กำลังอดทนอยู่” เรื่องเหนื่อยกับงานณิรินมั่นใจว่าเธอสามารถให้คำปรึกษาเขาได้นะ “แบบนั้นท่านพักหน่อยดีไหมคะ เรื่องงานของบริษัทเรานั้นไม่มีตรงไหนเลยที่มีปัญหา กับโปรเจคใหม่ท่านก็ทำเรียบร้อยแล้ว หากว่าณิรินเดาไม่ผิด ท่านจะมีเวลาว่างประมาณเจ็ดถึงสิบวันก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่ ไปเที่ยวดีไหมคะ..ไปพักผ่อนให้ความเหนื่อยล้ามันจากงานมันหายไป ส่วนเรื่องที่ท่านกำลังอดทนอยู่..มันอาจจะดีขึ้นก็ได้ค่ะ หากว่าท่านได้พักสักหน่อย” เธอไม่รู้เลยอย่างนั้นหรือว่าเขากำลังอดทนเรื่องของเธออยู่น่ะ “แล้วหากว่าผมไม่อยากอดทนแล้วล่ะ” ณิรินยกแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มอีกแก้ว เธอพ่นลมหายใจร้อนๆ ออกมาก่อนจะจ้องมองใบหน้าของเขา “ก็ไม่ต้องทนสิคะ จะไปยากอะไร” ธีรักษ์หลุดเสียงหัวเราะออกมาในทันที เขายื่นมือมาลูบที่แก้มของณิรินเบาๆ “ที่แนะนำให้ผมไปเที่ยวเพราะคุณอยากไปเที่ยวงั้นเหรอ?” เธอเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “เรื่องนั้นก็อยากไปอยู่..แต่สำหรับณิรินแล้วเรื่องเงินมันสำคัญมากกว่า..เอาไว้ณิรินมีเงินเก็บที่มากพอแล้วค่อยไปเที่ยวก็ยังไม่สาย ท่านประธานไปพักผ่อนเถอะนะคะ ส่วนเรื่องงานให้ณิรินจัดการเอง” เธอรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดในสายตาของเขา มันเต็มไปด้วยความเร่าร้อนที่พร้อมจะกลืนกินเธอ “แบบนั้นก็ไปด้วยกันสิ..ไปเที่ยวด้วยกัน ที่ผ่านมาเราสองคนก็ทำงานหนักมากจริงๆ นั่นแหละ เพราะงั้นคงไม่ผิดหรอกหากว่าเราจะไปเที่ยวด้วยกันน่ะ”หากจะนับกันจริงๆ เขาไม่ได้รู้จักเธอเลยด้วยซ้ำ เพราะมุมมองที่เขาเห็น นั้นมันเป็นมุมมองของเจ้านายที่มองดูลูกน้อง และเธอที่ยิ้มแย้มตลอดเวลา แถมยังไม่เคยทำสีหน้าไม่พอใจเลยสักครั้งไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาแบบไหนเธอก็ยังคงยิ้มราวกับว่าตัวเองไม่เป็นไร แต่ทว่าที่มันเป็นเช่นนั้นเพราะเธอคือเลขาของเขายังไงล่ะ และเขาคือเจ้านายของเธอ..ณิรินไม่สามารถทำตัวเป็นเลขาผู้สมบูรณ์แบบของเขาไปได้ตลอดหรอก หากว่าเราอยู่ด้วยกันขึ้นมาจริงๆ แล้วเธอแสดงนิสัยที่แท้จริงของตัวเองออกไป เขาจะรับได้อย่างงั้นเหรอ?“แบบนั้นก็ลองดูสิ ผมเองก็มั่นใจไม่แพ้กันว่าคุณเองก็ยังไม่รู้จักผมดีพออย่างแน่นอน เราต่างมองกันและทำความรู้จักกันในนิสัยที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา เพราะอย่างนั้นก็มาลองดูสิ มาลองทำความรู้จักกันดู แล้วหากว่าเราไปด้วยกันไม่ได้จริง..เราค่อยมาคุยเรื่องลูกกันอีกทีก็ได้”เขากำลังร้องขอสิ่งที่เรียกว่าโอกาส และณิรินเกลียดตัวเองมากเหลือเกินที่ตัวเธอเป็นพวกคนใจอ่อนน่ะหากจะมองในมุมของเขานั้น ตัวของท่านประธานเองก็ไม่ได้ผิดตรงไหนเลย ตรงกันข้ามเขาแสดงตัวและมีท่าทีที่ชัดเจนในการพยายามอย่างยิ่งที่จะรับผิดชอบเธอ“ได้โปรดนะณิริน คุณจะไม
เป็นเขาที่คิดน้อยมากเกินไป เพราะเราเดินเคียงข้างกันมานานในฐานะของเจ้านายและลูกน้อง เพราะอย่างนั้นสายตาของผู้คนเวลาที่มองมาที่เธอก็จะเกิดภาพจำว่าเธอคือเลขาของเขา..ด้วยเหตุนั้นธีร์จึงเปลี่ยนไปทานมื้อเช้าในร้านอาหารที่เราไม่เคยมาด้วยกัน“ร้านนี้ก็น่ากินเหมือนกันนะ จากนี้ไปเราลองเปลี่ยนบรรยากาศไปร้านใหม่ๆ กันบ้างดีกว่านะณิริน”เธอมองหน้าเขา ก่อนจะมองอาหารมากมายที่วางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ วันนี้ท่านประธานแตกต่างไปจากทุกวันจริงๆ นั่นแหละ หรือว่าเขามีเรื่องอะไรที่จะพูดคุยกับเธอรึเปล่า“ค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านประธานมีอะไรอยากจะพูดกับณิรินไหมคะ”เธอมีเรื่องให้คิดมากพออยู่แล้ว มีเรื่องมากมายให้ต้องใช้ความคิดไตร่ตรองให้ดีเพราะอย่างนั้นเธอไม่มีเวลาที่จะมาคาดเดาความคิดของเขาอีกหรอกธีร์วางช้อนเอาไว้ในจาน เขาประสานนิ้วมือเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังเข้าโหมดจริงจัง“แล้วณิรินไม่คิดว่าเรามีเรื่องจะต้องคุยกันงั้นเหรอ?”เธอกะพริบตาถี่ๆ ก่อนจะยกยิ้มขึ้นมา“ไม่นี่คะ หากเป็นเรื่องงานณิรินมั่นใจว่าณิรินทำงานได้อย่างดีและไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน ไม่มีเรื่องอะไรที่ท่านจะต้องมาตำหนิณิรินหรอกค่ะ”ธีร์พ่นลมหายใจอ
ในมือของณิรินยังคงถือที่ตรวจครรภ์เอาไว้ เธอหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะเริ่มจัดระเบียบความคิดของตัวเองข้อแรกวันนี้เธอหยุดและณิรินจัดการปิดโหมดการบินเอาไว้แล้ว เธอไม่ต้องการรับข่าวสารใดๆ ในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือว่าเรื่องอะไรก็ตามทีและข้อสองเธอน่าจะต้องเตรียมตัวในเรื่องของเด็กคนหนึ่งที่กำลังจะเกิดมาณิรินล้มตัวนอนลงบนเตียง เธอหลับตาลงช้าๆ แน่นอนว่านี่มันคือเรื่องที่หนักหนาแต่นี่ช่างน่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกกลัวกับการเผชิญหน้ากับความจริงเลยฝ่ามือเล็กๆ ของณิรินกำลังลูบลงไปเบาๆ บนหน้าท้องที่แบนราบของตัวเอง..หากเป็นเรื่องเงินเธอไม่ได้ติดขัดอะไรเลย ที่ผ่านมาเธอทำงานแบบไม่มีเวลาให้ได้ใช้เงิน ด้วยเหตุนั้นเงินเก็บในธนาคารที่ณิรินมีมันเพียงพอที่จะใช้เลี้ยงดูเธอและลูกไปอีกนานหลายปี เพราะอย่างนั้นสิ่งที่เธอต้องคิดในตอนนี้คือ..เธอควรวางแผนที่จะใช้ชีวิตระยะยาวของตัวเองและเธอคงไม่อาจทำงานในตำแหน่งที่กำลังยืนอยู่ได้อีกต่อไป..มันคงน่าอึดอัดพิลึก หากเขารู้ว่าเธอท้องและเธอจะทำยังไงดีล่ะในช่วงเวลาที่เขาเอ่ยถามออกมาว่าเด็กในท้องคือลูกใครณิรินไม่ได้คาดหวังให้ท่านประธานมารับผิดชอบเพราะในวันนั้นเธอเองก็
เมื่อเหลือเราสองคนที่อยู่ในห้องนี้ ณิรินหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาเพื่อสั่งอาหารให้เขา“..สั่งของคุณมาด้วยสิ วันนี้ผมไม่อยากกินข้าวคนเดียว”อันที่จริงไม่ใช่แค่วันนี้เท่านั้น แต่ที่ผ่านมาเขาก็ชอบให้เธอสั่งอาหารมาเผื่อตัวเธอด้วย ความใส่ใจที่แสนเล็กน้อยนี่แหละที่ณิรินมองว่ามันช่างแสนอันตรายมากเหลือเกิน..ที่ผ่านมาต่อให้เธอจะทำงานหนักมากแค่ไหน นอกจากค่าตอบแทนที่สุดแสนจะคุ้มค่าแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่เธอได้รับจากเขามันคือความเอาใจใส่ที่ถึงแม้ว่ามันจะเล็กน้อย แต่เธอกลับได้มันมาอย่างสม่ำเสมอ“ค่ะ..หมอฉลามอนุญาตให้ท่านออกจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ”และนั่นคงเป็นข่าวดีที่สุดในรอบสองเดือนสำหรับธีรักษ์เลยก็ว่าได้ เพราะมันหมายความว่าเขาจะได้ออกไปจากที่นี่ กลับไปทำงานและได้มองเห็นณิรินในสายตาตลอดเวลาแล้วแผลผ่าตัดที่เคยปริแตกของเขามันหายดีไปจนหมดแล้ว..หากแม่ไม่สั่งให้เขาอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ เขาคงจะไปจากที่นี่ตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว“นั่นเป็นข่าวที่ดีมากจริงๆ ในที่สุดผมก็จะได้ออกไปจากที่นี่สักที..”เขาพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกมาด้วยรอยยิ้ม ส่วนสายตาของธีร์รักนั้นกลับไม่ละไปจากใบหน้าของณิรินเลยแม้แต่น้อยและสิ่งที่มาขั
พะพายตามมาดูอาการของณิรินด้วยความเป็นห่วง“เราว่าแกไปหาหมอก่อนดีไหม หรือไม่ก็ไปที่ห้องพยาบาลก่อน..”เพราะพะพายรู้ว่างานของณิรินมันยุ่งมาก หากให้ณิรินไปหาหมอที่โรงพยาบาลคงเป็นไปไมได้อย่างแน่นอน คนบ้างานอย่างณิรินไม่มีทางจะยอมทิ้งงานเพื่อพาตัวเองไปหาหมอแน่ๆณิรินพยักหน้า เธอยอมเดินตามพะพายไปที่ห้องพยาบาลของบริษัท“ดูเหมือนว่าเพื่อนหนูจะพักผ่อนน้อยค่ะ มันกินข้าวไม่ได้และก็อาเจียนออกมาด้วย..”หมอที่ประจำเป็นที่ห้องพยาบาลส่งยิ้มให้กับพะพาย มันคือรอยยิ้มที่มากเกินคนรู้จักทั่วไปอย่างแน่นอน และนั่นทำให้ณิรินพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ได้บ้าง“เดี๋ยวเราไปทำงานก่อนนะ หากแกไม่ไหวก็โทรไปหาเราก็ได้ เดี๋ยวเราไปส่งแกกลับบ้านเอง”พะพายกล่าวออกมาพร้อมกับจับมือของณิรินเอาไว้“อืม ขอบใจแกมาก ไปทำงานเถอะ..”หมอประจำห้องพยาบาลยกมือขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อโบกมือลาพะพาย ก่อนที่เขาจะเบนสายตากลับมาหาณิรินที่กำลังนั่งอยู่“มีอาการอาเจียนมากี่วันแล้วครับ แล้วก็มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยอีกไหม..ยกตัวอย่างเช่นการเวียนศีรษะหรือว่ารู้สึกอย่างอื่น”ณิรินเงียบไปพักหนึ่ง ช่วงนี้เธอพักผ่อนน้อยร่างกายก็เลยรวนไปหมด นั่นจ
“เท่าที่จำได้กูบอกว่าให้ณิรินไปส่ง แล้วมึงเสนอหน้ามาด้วยทำไมวะไอ้ธีร์”บรรยากาศในรถตอนนี้ดูเหมือนว่าจะร้อนระอุมากกว่าบรรยากาศในห้องทำงานเมื่อครู่อีก เธอจำได้ว่าตัวเองกำลังพาคุณสิงหาไปที่รถ และเมื่อเธอกำลังจะเดินถึงรถ ท่านประธานก็ตรงเข้ามาหาเธอพร้อมกับเปิดประตูด้านหลังรถเพื่อยัดคุณสิงหาเข้าไปในนั้นแล้วเขาก็สั่งให้เธอขับรถ ส่วนตัวเองเดินเข้ามาเพื่อนั่งข้างคนขับ นี่มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่จนณิรินไม่รู้ว่าเธอจะรับมือกับความแปลกของท่านประธานอย่างไรดี“กูก็อยากไปหาหมอเหมือนกัน พอดีว่ากูไปต่อยหมามาก็เลยเจ็บมือ ทำไม..มีแต่มึงที่ไปหาหมอได้คนเดียวงั้นเหรอ”ตลอดทางทั้งสองคนก็จิกกัดกันไม่ยอมปล่อย จะว่ายังไงดีล่ะ ถึงแม้ว่าทั้งสองคน ทั้งท่านประธานและคุณสิงหาจะไม่ถูกกันแต่ทว่าในช่วงเวลาที่เขากำลังเถียงกัน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังมองเพื่อนกำลังทะเลาะกันมากกว่าแต่ณิรินไม่อยากจะพูดออกไปแบบนั้นหรอก เธอกลัวว่าท่านประธานจะไม่ชอบใจ ว่าแต่การที่เธอพยายามจะหนีท่านประธานออกมานั้นมันไม่ได้ผลอย่างนั้นสินะ เพราะต่อให้เธอพยายามหลบหนีเขามากแค่ไหน แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามตามติดเธอมากแค่นั้น..แต่ช่าง







