แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: ซือซิง SiXing
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-06 01:39:22

บทที่หนึ่ง ไร้เดียงสา (1/2)

“เฉินเกอ[1]เด็กดี”

คนถูกเรียกว่าเด็กดีขมวดคิ้ว ฝืนใจยอมยืนนิ่งให้สาวใช้อีกสองคนช่วยกันเปลี่ยนชุดฤดูหนาวให้ตนเป็นชุดที่หก ทุกชุดล้วนมีขนสัตว์นุ่มนิ่มเย็บติดอยู่ตรงคอเสื้อ เพราะอยู่ในวัยกำลังโตจึงต้องลองสวมเครื่องนุ่งห่มที่ตัดใหม่อยู่บ่อยครั้ง ตรงไหนหลวมหรือคับแน่นจะได้แก้ไข

“ดูสิเจ้าคะ ตั้งแต่ล้มป่วยคราวก่อนคุณชายรองซูบลงไม่น้อย”

ท่านอาของโม่ซือเฉินมีนามว่าโม่กุ้ยหลัน นางฟังคนสนิทกล่าวก่อนพยักหน้า “อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ เจ้าสั่งห้องครัวให้ทำน้ำแกงบำรุงทุกมื้อ ต้องเร่งบำรุงเฉินเกอให้ดี”

ท่านอาเคยหมั้นหมายตอนอายุน้อยสองครั้ง ครั้งแรกกับคนที่รักใคร่ชอบพอทว่าไร้วาสนา คู่หมั้นจากไปก่อนวัยอันควร ครั้งที่สองเป็นสกุลโม่ขอถอนหมั้นเนื่องจากอีกฝ่ายประพฤติตัวลุ่มหลงในกาม เข้าออกหอนางโลมเสเพลเจ้าสำราญตั้งแต่อายุน้อย มองดูไร้อนาคต จากนั้นมาท่านอาก็ไม่สนใจผู้ใดอีก นางมุ่งมั่นทุ่มเทช่วยเลี้ยงดูอบรมบุตรชายสองคนของพี่ชายซึ่งกำพร้ามารดา สกุลโม่ขาดสะใภ้ โม่กุ้ยหลันต้องรับหน้าที่จัดการเรื่องจิปาถะในเรือนแทนมารดาที่แก่ตัวลงและไม่ค่อยแข็งแรง ดังนั้นเรื่องออกเรือนจึงถูกปัดตกในท้ายที่สุด

“เมื่อวานพี่ใหญ่ของเจ้าส่งคนมาแจ้งว่าจะกลับวันนี้” นางเอ่ยขณะจัดแขนเสื้อให้หลานชาย “คิดว่าคงกลับมาทันมื้อกลางวัน”

อาหญิงจับข้อมืออวบขาวกับแก้มยุ้ยๆ ของเด็กชายวัยแปดขวบ ถึงเนื้อหนังบนกายซูบลงแต่แก้มกลับไม่ลดตาม เจ้าตัวมีสีหน้าเฉยเมยไม่ยินดียินร้ายเมื่อถูกให้ลองสวมผ้าคลุมขนสัตว์อีกผืน ตอนนั้นเองมีเสียงเอะอะว่าคุณชายใหญ่กลับมาแล้ว ดวงตาเรียวยาวของโม่ซือเฉินพลันเปล่งประกาย รีบหมุนกายวิ่งปรูดไปยังประตู

โม่หรงอี้พี่ชายแท้ ๆ อายุห่างกันห้าปีของโม่ซือเฉินยืนฉีกยิ้มอยู่ตรงนั้น ดวงตาของคนแก่กว่าค่อย ๆ เบิกกว้างเมื่อเห็นน้องชาย ภาพจำครั้งสุดท้ายของอีกฝ่ายหาได้ชวนตกใจเหมือนยามนี้

“ข้าไม่อยู่แค่สามเดือน ไฉนเจ้าถึงผ่ายผอมเยี่ยงนี้”

คุณชายรองแห่งสกุลโม่เคยเป็นเด็กชายตัวอวบขาวจ้ำม่ำ ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ราวสองเดือนก่อนเขากลับล้มป่วยกะทันหัน ขณะมีไข้สูงอยู่สามคืนเต็มยังเอาแต่พึมพำถ้อยคำซึ่งไม่สามารถปะติดปะต่อเป็นเรื่องราวได้ ล่วงเข้าสู่เช้าวันที่สี่ คุณชายรองทำคนแตกตื่นตกใจ ลุกจากเตียงตั้งแต่เช้าตรู่ ตรงไปเคาะประตูเรือนผู้เป็นย่า คารวะหญิงชราเต็มพิธีจนทำเอาคนในเรือนแตกตื่นกันยกใหญ่ ต่อมายังคารวะอาหญิง กอดนางแนบแน่นหนหนึ่ง จากนั้นจึงกินโจ๊กธัญพืชและดื่มน้ำแกงบำรุงกำลังเป็นมื้อเช้าแล้วเก็บตัวอยู่ในหอบรรพชนเพื่อสวดมนต์ อ้างว่าเป็นเพราะวิญญาณเหล่าบรรพชนสกุลโม่คุ้มครองจึงหายป่วย

โม่เทียนฉินผู้เป็นบิดาต้องไปเคาะประตูเรียกด้วยตนเองตอนยามไฮ่[2]ถึงยอมกลับไปพักผ่อนที่เรือน

เวลานั้นไม่มีใครเข้าใจสายตาอาวรณ์ลึกล้ำที่เด็กชายใช้มองผู้เป็นย่า

และอา บ่าวไพร่เห็นคุณชายรองขอบตาแดงก่ำ ใบหน้าซีดเซียว ล้วนเข้าใจว่า

ร่างเล็กเพิ่งฟื้นไข้หลังนอนซมจึงมีสภาพเช่นนั้น

“พี่ใหญ่” โม่ซือเฉินควบคุมเสียงตนเองให้เป็นปกติ “ท่านกลับมาแล้ว”

คนฟังพยักหน้าพลางลูบศีรษะน้องชาย เขาคลี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรียงตัวสวย ขับให้รูปโฉมของหนุ่มน้อยสดใส ชวนมองเป็นพิเศษ

“พี่ใหญ่มีของเล่นมาฝากเจ้าด้วย”

กระบอกตาโม่ซือเฉินร้อนผ่าว จำต้องสะกดคลื่นอารมณ์อ่อนไหว เขาทราบว่าของเล่นที่อีกฝ่ายนำมาฝากนั้นเป็นอะไร เด็กน้อยยื่นมือสองข้างออกไปรอรับดาบไม้

“เป็นอย่างไร ชอบหรือไม่?” โม่หรงอี้หาได้เอะใจกับท่าทางเตรียมพร้อมของน้องชายสักนิด เร่งอธิบายคุณสมบัติเพราะเกรงคนรับจะปฏิเสธ “เจ้าอย่าได้คิดดูแคลนว่าเป็นเพียงของเล่นเชียว ดาบไม้เล่มนี้มีน้ำหนักค่อนข้างมาก ใช้ฝึกกำลังแขนก่อนใช้ของจริงได้ดี”

“ขอบคุณพี่ใหญ่” ปลายนิ้วโม่ซือเฉินลูบไล้ด้ามดาบไปมา สีหน้าแววตามีความจริงใจเต็มเปี่ยม “ข้าชอบมันมาก”

โม่กุ้ยหลันกับสาวใช้ที่เดินออกมารับหลานชายคนโตชะงัก แน่นอนว่าผู้ให้อย่างโม่หรงอี้เองนิ่งงันเช่นกัน

ใครในสกุลโม่ไม่รู้บ้างว่าคุณชายรองเอาแต่ใจและเรื่องมากเป็นที่หนึ่ง มักทำตัวไม่สมอายุ จุกจิก เอาใจยาก เผด็จการราวขุนนางเฒ่า หากของเล่นของฝากที่ได้รับไม่ถูกใจมักทิ้งขว้างหรือยกให้ผู้อื่นอย่างไม่รักษาน้ำใจผู้ให้

“เจ้าชอบมันจริง ๆ หรือ…” นี่เป็นครั้งแรกที่คุณชายใหญ่มอบของขวัญถูกใจน้องชาย เด็กชายหาได้ใส่ใจคำถาม กระตุกชายแขนเสื้อคนตรงหน้า

“พี่ใหญ่พาข้าไปลองดาบนี่เร็วเข้า” โม่หรงอี้ไม่ได้รับปากทันที เขาคารวะผู้เป็นอาทั้งยังไปคารวะท่านย่าตามธรรมเนียม อยู่ร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันเสียก่อนถึงพาโม่ซือเฉินไปเล่นสนุกตามคำขอ

ช่วงบ่ายวันนั้นหากผู้เป็นอาไม่มาตามหลานชายทั้งสองในสวนด้วยตนเอง เกรงว่าจะพากันเล่นเพลินจนมืดค่ำ คนเป็นพี่ชายตามอกตามใจไม่ห้ามปรามตามประสาคนใจดี

อายุที่ห่างกันห้าปีทำให้ประสบการณ์ของคุณชายใหญ่มีมากกว่า อีกทั้งปัจจุบันไปพักอยู่จวนแม่ทัพของท่านลุงเพื่อฝึกซ้อมร่วมกับเครือญาติฝั่งมารดา เรื่องราวความสนุกสนานประสาเด็กผู้ชายถึงถูกถ่ายทอดไม่รู้จบ

“ช่วงข้าไม่อยู่เจ้าต้องฝึกออกกำลังแขนให้มาก หาไม่ตอนไปฝึกที่จวนท่านลุงจะยกคันธนูไม่ขึ้น”

โม่ซือเฉินเคยบุกตะลุยสนามรบ เข่นฆ่าศัตรูด้วยอาวุธหลายชนิด ข้อนี้เขาย่อมทราบดี กระนั้นยังตอบรับคำสอนอย่างว่าง่าย

“ขอรับ ข้าจะฝึกซ้อมให้มาก”

“เมื่อเย็นข้าเห็นน้องสามป้วนเปี้ยนอยู่แถวศาลาริมสระบัว คงอยากมาเล่นกับเจ้าแต่ไม่กล้าเข้ามาเพราะข้าอยู่”

รอยยิ้มเย็นเยียบปรากฏบนริมฝีปากบางเพียงครู่เดียวก่อนเลือนหาย โม่หรงอี้ไม่ทันสังเกตสีหน้าน้องชาย ยังคงพูดถึงโม่เหวินหรือน้องสาม บุตรชายที่เกิดจากอนุของบิดาพวกเขาอีกสองสามคำ

“ช่างน้องสามเถิด พรุ่งนี้พี่ใหญ่พาข้าไปขี่ม้าได้หรือไม่”

“เอาสิ”

สองพี่น้องนอนกลิ้งไปบนฟูก สนทนาจนดึกดื่นกระทั่งโม่หรงอี้หลับไปพร้อมรอยยิ้มประดับใบหน้า

เด็กน้อยค่อย ๆ ลืมตา คลานลงจากเตียงทางฝั่งปลายเท้า ช่วยขยับและเหน็บผ้าห่มไม่ให้ความเย็นกล้ำกรายคนกำลังฝันดี นัยน์ตาดำขลับทอดสายตา จ้องมองร่างของโม่หรงอี้อยู่เนิ่นนานหลายอึดใจ อีกไม่กี่ปีข้างหน้าพี่ชายซึ่งเกิดจากมารดาเดียวกันต้องประสบพบเจอเรื่องร้ายจนไม่อาจเดินเหินด้วยขาสองข้าง จากเด็กหนุ่มรูปงาม อนาคตยาวไกล ถูกวางตัวสืบทอดตำแหน่งโหวซื่อจื่อ[3]กลายเป็นผู้พิการ ท้ายสุดโม่หรงอี้จะจากไปด้วยอาการตรอมใจ

“ข้าจะปกป้องท่านให้ดี”

เทียนไขบนเชิงเทียนถูกดับ เด็กชายเปิดและปิดบานประตูห้องด้วยความระมัดระวัง

ตั้งแต่ฟื้นจากอาการป่วยโม่ซือเฉินกลายเป็นคนชอบนอนลำพัง จากเคยมีสาวใช้นอนเฝ้าหน้าเตียงเขาได้ขออาหญิงนอนคนเดียว คืนนี้เองไม่มีข้อยกเว้น เขาเลือกไม่นอนค้างเรือนพี่ชายเพราะเกรงว่าตนอาจเผลอละเมอกล่าวบางสิ่งซึ่งไม่สมควรออกมายามอยู่ในห้วงนิทรา

“หวังหย่ง กลับเรือน”

คนสนิทผงกศีรษะ เตรียมยกโคมเดินนำ ทว่ามีบางอย่างยื่นมาตรงหน้าเสียก่อน

“พี่ใหญ่ซื้อมาฝาก นี่แบ่งให้เจ้า”

น้ำตาลกวนหลายชิ้นในห่อกระดาษไขดูสวยงาม ต่อให้อายุมากกว่าหนึ่งปีทั้งยังถูกอบรมให้สำรวมต่อหน้าเจ้านายก็ยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง เมื่อได้ขนมย่อมดีใจเป็นธรรมดา

โม่ซือเฉินแหงนมองท้องฟ้ายามขณะหวังหย่งเก็บน้ำตาลกวนใส่สาบเสื้อพลางเอ่ยขอบคุณซ้ำหลายหน

ดวงดาวพร่างพราวตระการตา ไร้หมู่เมฆบดบัง

ใบหน้า น้ำเสียง เหตุการณ์นับไม่ถ้วนไหลทวนสู่ความทรงจำ เด่นชัดราวกับไม่ใช่เพียงภาพมายาสะเปะสะปะอันเกิดจากพิษไข้ เวลาสองเดือนก่อนโม่หรงอี้กลับมาเขาได้พิสูจน์แล้วว่าทั้งหมดหาใช่ความฝัน หลายสิ่งเป็นไปตามนั้นไม่ผิดเพี้ยน เพียงแค่เขาไม่สามารถระบุได้ว่าตนฝันเห็นอนาคตข้างหน้าหรือเป็นวิญญาณซึ่งย้อนเวลากลับมากันแน่

หวังหย่งกระชับโคมในมือ เห็นผู้เป็นนายเอามือไพล่หลังเหม่อมองฟ้า กิริยาละม้ายคล้ายผู้ใหญ่คนหนึ่งจึงไม่กล้าขัด รอกระทั่งเด็กชายละสายตาแล้วถอนใจถึงเรียกเบาๆ “คุณชาย…”

“อืม ไปกันเถอะ”

สองร่างพากันเดินกลับเรือน เงาบนทางเดินค่อยๆ ห่างออกไป

ผู้ที่ดีกับตน…

ผู้ที่คิดหักหลัง…

ไม่ว่าดีหรือเลวโม่ซือเฉินจะตอบแทนและเอาคืนอย่างสาสม

- - - - - - - - - - -

เชิงอรรถ

[1] เกอ คำลงท้าย ใช้สำหรับเรียกเด็กผู้ชาย

[2] ยามไฮ่ ช่วงเวลาประมาณ 21.00-22.59 น.

[3] โหว หนึ่งในบรรดาศักดิ์ของขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์จีนสมัยโบราณ จากบรรดาศักดิ์ทั้งหมด 5 ขั้น ได้แก่ กง โหว ป๋อ จือ หนาน ทั้งหมดมีศักดิ์ต่ำกว่าบรรดาศักดิ์ หวัง หรือ อ๋อง ซึ่งมอบให้เชื้อพระวงศ์เท่านั้น ส่วนซื่อจื่อคือคำเรียกผู้สืบทอดตำแหน่ง

รายชื่อลูกหลานสกุลโม่

โม่หรงอี้/ คุณชายใหญ่ เกิดจากภรรยาเอก

โม่ซือเฉิน/ คุณชายรอง เกิดจากภรรยาเอก (พระเอก)

โม่เหวิน/ คุณชายสาม เกิดจากอนุ

โม่หลิงจู/ คุณหนูโม่ เกิดจากอนุ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   บทที่ 34

    เสิ่นจื่อเหลยนิ่งไปคล้ายกำลังตรึกตรองบางสิ่ง“มีสิ่งใดอยากพูดหรือ”คนโดนถามส่ายหน้าในท้ายที่สุด เห็นเช่นนั้นหลี่หงหมิงเลยไม่เซ้าซี้ เพียงเอ่ยสั้น ๆ “วันนี้เจ้าผ่อนคลายสักหน่อยเถอะ หากเห็นว่าอะไรไม่ชอบมาพากลพรุ่งนี้บอกข้าก็ยังไม่สาย”“พ่ะย่ะค่ะ”ดวงตาของเสิ่นจื่อเหลยชำเลืองมองไปยังทิศที่คนสกุลโม่นั่ง

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   บทที่ 33

    บทที่เก้า คุณหนูสามสกุลโจว (2/2)ดวงหน้าระบายรอยยิ้มอ่อนหวาน แม้อยู่ท่ามกลางสหายหลายคนยังโดดเด่น ไม่ว่ามองจากมุมใดโจวเจินอวี่นับว่าดูเป็นมิตรไร้พิษภัย ไป๋อวี้เสวียนแปลกใจว่าไฉนเด็กหนุ่มซึ่งชะลอการเดินลงจนตีคู่กับตนคล้ายนิ่งอึ้งอยู่หลายอึดใจ ถ้าบอกว่าเป็นอาการตกตะลึงในรูปลักษณ์ของคุณหนูโจวก็ดูไม่เป็น

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   บทที่ 32

    ลูกศรดอกต่อมาถูกโยนลงอย่างแม่นยำราวจับวางในแถวห้า หนนี้ผู้ที่คิดดูถูกเริ่มพากันยิ้มไม่ออก ต่างจากโม่หลิงจูซึ่งตบมือเสียงดังพลางยิ้มกว้างจนตาหยีเคร้ง!ศรดอกสุดท้ายลงเป้าง่ายดายในแถวที่ห้าอีกครั้งพร้อมกับเสียงโห่ร้องแสดงความยินดี“ยอดเยี่ยม!” ผู้ครองอันดับหนึ่งปรบมือเสียงดังพลางเดินเข้ามาหาเขา น้ำเสี

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   บทที่ 31

    ไป๋อวี้เสวียนเคยเป็นคนไม่มั่นใจและค่อนข้างขี้อายเก็บตัว ทว่าการได้กลับมาเมืองหลวงและพำนักข้างกายท่านย่าช่วยปลอบประโลม ขจัดความคิดแง่ลบทีละนิด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลุดพ้นจากอนุชั่วร้ายกับแม่นมที่ทรยศนางอย่างเลือดเย็น การเติบโตของนางเลยราบรื่น ได้ร่ำเรียนสิ่งที่สตรีพึงรู้ ศิลปะ ดนตรี กิริยามารยาท การเข้

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   บทที่ 30

    บทที่เก้า คุณหนูสามสกุลโจว (1/2)“คุณหนูไป๋” โม่หลิงจูกล่าวทักด้วยความยินดีที่ได้พบคนคุ้นเคย เสิ่นจื่อเหลยได้ยินเช่นนั้นพลันหันไปสบตาไป๋อวี้เสวียนคล้ายขอคำอธิบาย“ข้ารู้จักกับนาง พวกเราเคยพบกัน” คุณหนูสกุลไป๋เอ่ยคล้ายมีแววตาพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าผู้ฟังชั่วอึดใจ เพียงแต่นอกจากโม่ซือเฉินก็ไม่มีผู้ใดสัง

  • ภรรยาที่ดีคือภรรยาใหม่   บทที่ 29

    พี่ชายยกมือป้องแดดให้น้องสาว ไม่ทันเรียกพี่เลี้ยงของโม่หลิงจูให้ส่งร่มมาพลันได้ยินเสียงพรึบพร้อมเงาทาบลงมาเหนือศีรษะร่างเล็กข้างตัว เป็นเสิ่นจื่อเหลยมือไว ฉวยร่มจากบ่าวกางให้เด็กหญิง โม่ซือเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อยยามพบว่าร่มเงาหาได้เผื่อแผ่มาถึงตนหรือโม่เหวิน“ขออภัย ข้ามัวสนทนาจนลืมว่าเจ้าอาจจะร้อน”“ไ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status